ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิตเล่มที่ 14 บทที่ 411 ยังไม่อาจแก้นิสัยชอบซื้อได้

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต Chapter เล่มที่ 14 บทที่ 411 ยังไม่อาจแก้นิสัยชอบซื้อได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

       เช้าวันต่อมา ยามพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า

        เซียวจื่อเซวียนก็ขยี้ตาตื่น ลุกขึ้นมาเช่นกัน

        เขามองตำแหน่งที่ตัวเองนอนด้วยอาการงัวเงีย ก่อนหันมองตำแหน่งของเตียง ข้างหมอนของเขามีหมอนอีกหนึ่งใบ บนหมอนไม่มีคนหนุนนอน หรือว่าเขาไม่ทันระวังจึงกลิ้งมาทางนี้โดยไม่รู้ตัว?

        ปกติเขาไม่ใช่คนนอนดิ้นมิใช่หรือ!

        ระหว่างที่กำลังงัวเงีย เซียวยวี่ก็เดินเข้ามา “อาเซวียน เรียกอาเมิ่งลุกขึ้นมากินอาหารเช้าได้แล้ว อาหารอยู่บนโต๊ะ ข้ากับพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้ามีธุระ ต้องออกไปข้างนอก”

        สีหน้าของเขาดูผิดปกติมาก

        เซียวจื่อเซวียนรีบขานตอบ “พี่ใหญ่ ท่านกับพี่สะใภ้ใหญ่ออกไปทำอะไรหรือขอรับ? ข้ากับอาเมิ่งก็อยากไปขอรับ! “

        เซียวยวี่มองเซียวจื่อเซวียนแวบหนึ่ง ก่อนกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เป็นธุระของพี่สะใภ้ใหญ่ บอกว่าสำคัญมาก ไม่สะดวกพาพวกเจ้าไปด้วย”

        เมื่อได้ยินว่าเป็นธุระสำคัญของพี่สะใภ้ใหญ่ เซียวจื่อเซวียนจึงรีบกล่าวทันที “ได้ขอรับ เช่นนั้นข้ากับจื่อเมิ่งจะอยู่บ้าน รับรองว่าจะเป็นเด็กดีขอรับ! “

        เซียวยวี่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ดี ข้ากับพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าทำธุระเสร็จแล้วจะรีบกลับมา”

        หลังจากที่เซี่ยยวี่หลัวตรวจสอบสบู่เสร็จก็เดินเข้ามา เห็นเซียวยวี่รอนางอยู่ในลานบ้าน จึงเอ่ยถาม “เป็นอย่างไร? เด็กสองคนเตรียมตัวเสร็จหรือยัง? “

        เซียวยวี่ส่ายหน้า “เปล่า ยังไม่ตื่นเลย เห็นว่าเมื่อคืนนอนดึกเกินไป จึงอยากนอนต่อ”

        เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “พาออกไปเที่ยวก็ไม่อยากไปหรือ? วันนี้มีตลาด ตามท้องถนนต้องคึกคักแน่นอน ข้าจะไปปลุกพวกเขาให้ตื่นเอง! “

        นางคิดจะไปปลุกเด็กสองคนจริงๆ เซียวยวี่รีบขวางนางไว้ กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เมื่อคืนนอนดึกเกินไป ตื่นไม่ไหว! พวกเราไปกันเถิด หากไปช้า อากาศจะยิ่งร้อน ในเมื่อพวกเขาไม่ไป หากพวกเราเห็นอะไรที่ดูดีค่อยนำกลับมาให้พวกเขาก็ได้เช่นกัน! ยิ่งไปกว่านั้น อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นบ้าน พวกเขายังมีโอกาสได้มาอีก! “

        เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกเสียดายยิ่งนัก “อืม เช่นนั้นพวกเราไปกันเถอะ! กลับมาค่อยนำของอร่อยมาให้พวกเขา! “

        เซียวยวี่ลูบศีรษะเซี่ยยวี่หลัวด้วยความเอ็นดู ก่อนหันมองประตูห้องที่ปิดสนิท จิตใจที่วิตกจึงผ่อนคลายลง เกือบไปแล้ว!

        เพราะฤดูร้อนอากาศร้อนอบอ้าว ทั้งสองคนจึงออกบ้านแต่เช้าตรู่ เวลานี้พระอาทิตย์เพิ่งขึ้น เป็นช่วงเวลาที่เย็นสบาย ร้านค้าล้วนเปิดแล้ว สองข้างทางเต็มไปด้วยแผงขายของนานาชนิด ผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ คึกคักเป็นพิเศษ

        นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยยวี่หลัวได้เดินเที่ยวอย่างอิสระในตัวเมือง ดูทางนี้ทีจับทางนั้นที เห็นอะไรก็อยากดูไปเสียหมด เมื่อเห็นอะไรที่เหมาะกับเด็กสองคน เซี่ยยวี่หลัวก็ซื้อไว้ทันที หลังจากเดินมาได้ครึ่งทาง ในมือเซียวยวี่ก็หิ้วของไว้ไม่น้อยแล้ว ทว่า ล้วนแต่เป็นของเด็กสองคนทั้งสิ้น

        เมื่อเห็นอาหลัวยังเอาแต่ซื้อของให้เด็กทั้งสอง จู่ๆ เซียวยวี่ก็คิดถึงเรื่องคืนก่อนตอนอยู่ที่ฮวาหม่านยี นางสั่งทำเสื้อให้เขาถึงสองตัวในคราเดียว

        อุปนิสัยที่ชอบซื้อของนางยังไม่เปลี่ยน เพียงแต่การซื้อนี้ เปลี่ยนเป็นการซื้อให้ผู้อื่นก็เท่านั้น

        เซียวยวี่เห็นนางวิ่งไปวิ่งมา ดูทางนี้ที มองทางนั้นที ส่วนใหญ่จะวนอยู่กับแผงขายอุปกรณ์เครื่องเขียนและข้าวของของเด็กๆ ไม่ง่ายเลยกว่าจะมาหยุดอยู่หน้าแผงขายปิ่นปักผม นางไม่มองปิ่นปักผมเหล่านั้นด้วยซ้ำ เพียงเลือกดอกไม้ประดับผมให้อาเมิ่งสองคู่

        “อายวี่ เจ้าดูสิ ดูดีหรือไม่? อาเมิ่งประดับผมด้วยดอกไม้นี่ต้องดูดีเป็นแน่” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว

        เซียวยวี่มองแวบหนึ่ง ดูดีจริงๆ ภรรยาของเขาช่างมีสายตาเฉียบคมนัก “ดูดี” สายตาของเขามองทอดไปยังมุมหนึ่งของแผงขายปิ่นปักผมอย่างรวดเร็ว

        ในนั้นมีปิ่นปักผมที่ทำจากไม้แกะสลัก หยกแกะสลัก และยังมีปิ่นเงิน ถึงแม้จะเรียบง่าย แต่ก็ดูสง่า

        เซี่ยยวี่หลัวชำระเงินเสร็จ ไม่ทันสังเกตว่าเซียวยวี่กำลังมองไปทางอื่น เพียงกล่าวว่าไปกัน ก่อนวิ่งไปยังแผงถัดไป

        เซียวยวี่เห็นนางไป ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี หยิบปิ่นหยกที่แกะสลักเป็นรูปทรงดอกไห่ถังที่เขามองแวบเดียวก็รู้สึกชอบขึ้นมา หยกนั้นหาใช่หยกชั้นดี แต่ก็ขาวบริสุทธิ์ไม่มีสีอื่นเจือปนแม้แต่น้อย นอกจากนั้น ดอกไห่ถังก็ถูกแกะสลักอย่างประณีตสมจริง ราวกับดอกไม้กำลังเบ่งบานอยู่จริงก็มิปาน

        “เถ้าแก่ ช่วยห่อปิ่นปักผมอันนี้ให้ข้าด้วย! “

        เซี่ยยวี่หลัวเดินไปข้างหน้าต่อ ซื้อของมาหลายอย่าง คราวนี้ ในที่สุดก็มีของเซียวยวี่แล้ว

        นางซื้อจานฝนหมึกอันหนึ่งมาจากแผงขายม้วนอักษรและภาพวาดโบราณ

        คนขายม้วนอักษรและภาพวาดเห็นเซี่ยยวี่หลัวจะซื้อของ จึงรีบนำเสนอของทั้งหมดในแผงของเขา สุดท้ายก็ขายตำราโบราณได้สองเล่ม รวมถึงม้วนอักษรอีกสองแผ่น สิ่งของเหล่านั้นล้วนแต่เป็นของที่ไม่มีชื่อเสียง ขายได้ราคาไม่ดีนัก คนขายจึงนำเสนอม้วนอักษรที่เป็นผลงานของนักเขียนชื่อดังให้เซี่ยยวี่หลัว พอเซี่ยยวี่หลัวถามราคาก็ได้แต่ถอยออกมาอย่างเงียบเชียบ แพงเกินไป ซื้อไม่ไหว รอให้ในอนาคตมีเงินเก็บสักหมื่นตำลึง ไม่แน่ว่าอาจสามารถซื้อม้วนอักษรมาเก็บสะสมได้

        ตอนนี้ยังไม่มีเงิน มิสู้ซื้อม้วนอักษรที่ดูสบายตา แขวนไว้ในบ้านให้ดูดีมีสง่าจะดีกว่า

        ม้วนอักษรทั้งสองแผ่นที่เซี่ยยวี่หลัวซื้อล้วนเป็นผลงานของอาจารย์กู๋อวี่ คนผู้นี้ เห็นว่าไม่มีชื่อเสียงใดๆ ถนัดการวาดขุนเขาลำธาร ภาพทิวทัศน์ขุนเขาลำธารของเขาดูมีพลังกล้าแกร่ง กว้างใหญ่ไพศาล ถึงแม้จะไม่มีชื่อเสียง แต่ฝีมือกลับไม่ด้อยไปกว่าคนมีชื่อเสียงเลย

        ถึงอย่างไรเซี่ยยวี่หลัวก็รู้สึกชอบมาก เห็นว่าในร้านยังมีอีกสองภาพที่เป็นผลงานอาจารย์กู๋อวี่ท่านนี้ จึงซื้อไว้ทั้งหมด ในตอนท้ายก็พบจานฝนหมึกอันหนึ่งระหว่างที่กำลังรับม้วนอักษร

        จานฝนหมึกนั่นอยู่ในกองม้วนอักษรและม้วนภาพวาดโบราณ บนนั้นเต็มไปด้วยฝุ่นผง เซี่ยยวี่หลัวดูจานฝนหมึกเป็น นางติดตามอยู่ข้างกายท่านปู่ จานฝนหมึกนั้นต่อให้ไม่เคยเห็นถึงพันอัน ก็ต้องเคยเห็นมาอย่างน้อยแปดร้อยอัน เซี่ยยวี่หลัวมั่นใจเต็มเปี่ยม ว่านี่ต้องเป็นจานฝนหมึกอย่างดีแน่

        “อายวี่ ให้จานฝนหมึกเจ้าหนึ่งอัน” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว เถ้าแก่แผงขายม้วนอักษรและภาพวาดเห็นว่าเซี่ยยวี่หลัวเลือกไปเลือกมา สุดท้ายกลับเลือกจานฝนหมึกราคาถูกที่สุดและคุณภาพแย่ที่สุด จึงได้แต่ลอบถอนหายใจอยู่ในใจ

        เห็นข้าวของห่อเล็กห่อใหญ่ นึกว่าเป็นลูกค้าที่มีเงินเยอะเสียอีก เดิมทีคิดอยากขายสินค้าดีสักสองชิ้นจะได้หาเงินจากพวกเขาให้มากหน่อย ที่ไหนได้ พอเข้ามาแล้วกลับเอาแต่เลือกซื้อของราคาถูก

        ม้วนอักษรและภาพวาดเป็นอันถูกที่สุด จานฝนหมึกก็เป็นอันถูกที่สุด

        เฮ้อ ประเดิมไม่ดีเลยจริงๆ

        สุดท้าย ม้วนอักษรภาพวาดสี่แผ่นรวมกับจานฝนหมึกหนึ่งอัน ใช้เงินไปทั้งหมดสองร้อยอีแปะ เซี่ยยวี่หลัวจูงมือเซียวยวี่เดินจากไปอย่างมีความสุข

        เดินเที่ยวไม่ไหวแล้ว ไม่ใช่แค่ขาเดินไม่ไหว แต่เมื่อพระอาทิตย์ลอยขึ้นสูง ก็ทำให้ร้อนจนเหงื่อท่วมหัว

        เซี่ยยวี่หลัวมองดูพระอาทิตย์เหนือศีรษะที่ฉายแสงร้อนระอุ ก่อนหันมองข้าวของที่เซียวยวี่หิ้วอยู่ เขาบอกว่าประเดี๋ยวจะไปซื้อผักที่ตลาดเพื่อกลับบ้านไปทำอาหาร เซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยท่าทางออดอ้อน “อายวี่ ตอนเที่ยงพวกเราไม่ทำอาหารดีหรือไม่ ไปกินในภัตตาคารกันเถิด! ”

        มาต่างภพได้หลายเดือนแล้ว ถึงแม้จะไปภัตตาคารเป็นประจำ แต่ยังไม่เคยกินอาหารในภัตตาคารเลย!

        เซียวยวี่ยิ้มขณะหันมองสตรีตัวน้อย “อยากกินอาหารข้างนอกหรือกลัวข้าเหนื่อย? ”

        เซี่ยยวี่หลัวถูกเขาอ่านความคิดออก จึงหัวเราะพลางกล่าว “ทั้งสองอย่าง”

        เซี่ยยวี่ “ได้ พวกเราไปกินในภัตตาคารกัน”

        “ไปกันเถิด จื่อเซวียนกับจื่อเมิ่งต้องตื่นแล้วแน่ แม้ไม่ได้ออกมาเที่ยวตลาด แต่พวกเราก็จะพาพวกเขาไปกินข้าว! ” เซี่ยยวี่หลัวตื่นเต้นดีใจเสียยิ่งกว่าอะไร

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด