ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 1662 การตรวจตราร้านหล่านเยว่
บทที่ 1662 การตรวจตราร้านหล่านเยว่
……….
บทที่ 1662 การตรวจตราร้านหล่านเยว่
ยังดีที่นายท่านกลับมา ไม่งั้นเกรงว่าคุณหนูคงได้นอนฟุบอยู่ที่โต๊ะหนังสือทั้งคืนเป็นแน่
กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่าฉินเย่จือทำโทษอาจั่วโดยให้นางคุกเข่าอยู่สองชั่วยาม ในใจรู้สึกดีใจมากไม่ว่าจะเขียนหนังสือหรือวาดรูปก็เต็มไปด้วยท่วงท่าที่ผ่อนคลาย
นางวาดภาพตุ๊กตาอยู่หลายภาพ แล้วจึงให้อาจั่วนำไปให้กู้เสี่ยวอี้ในบ้าน
ในสวนเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจ เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามวันมานี้ ในที่สุดก็จบสักที
ไม่นานนัก กู้เสี่ยวอี้ก็เข้ามาพร้อมถือรูปที่กู้เสี่ยวหวานเป็นคนวาดด้วยความดีใจ
“ท่านพี่ อันนี้น่ารักมาก ถ้าทำออกมามันต้องน่ารักมากแน่ ๆ”
กู้เสี่ยวอี้ชี้ไปที่รูปตุ๊กตาที่อยู่ตรงกลาง พลางกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ท่านพี่ ท่านเก่งมากจริง ๆ ท่านคิดของน่ารัก ๆ เช่นนี้ออกมาได้อย่างไร”
แน่นอนว่ากู้เสี่ยวหวานไม่สามารถบอกได้ว่านางเคยเห็นของพวกนี้อยู่ทุกที่ในยุคปัจจุบัน เพียงเปลี่ยนองค์ประกอบให้กลายเป็นตุ๊กตาที่ดูแปลกใหม่นิดหน่อย ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในต้าชิงนี้
นางยิ้มพร้อมบีบจมูกกู้เสี่ยวอี้ “เจ้าต่างหากที่เก่ง รู้จักการพูดชมข้า งั้นข้าก็ต้องขอบอกว่าของเหล่านี้ไม่ใช่ภาพวาดบนกระดาษที่มีชีวิต รอถึงตอนที่เจ้าทำออกมามันจึงจะดูมีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ เจ้าเพียงทำตามรูปที่ข้าวาด เมื่อถึงเวลาพวกเราก็จะเอาไปขายที่ร้านหล่านเยว่ นานแล้วที่ร้านหล่านเยว่ไม่มีอะไรใหม่ออกมา ถึงเวลาที่ควรต้องทำมันแล้ว”
กู้เสี่ยวอี้พยักหน้า “ข้ารู้แล้วท่านพี่ ข้าจะตั้งใจทำแน่นอน ข้าจะทำออกมาให้ท่านพี่และคนซื้อพอใจแน่นอน”
“เจ้าไม่ต้องหักโหมจนเกินไป ของในร้านเราเดิมที พวกเขาก็ยินดีรอ งั้นก็ให้พวกเขารอเถอะ ของในร้านหล่านเยว่ ในเมืองหลวงนี้มีเพียงที่เดียว ถึงราคาจะแพงจนทำให้คนตกใจ แต่ก็ยังมีหลายคนแห่กันไปซื้อ”
เพราะมาจากร้านหล่านเยว่ จึงกลายเป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่แสดงถึงฐานะอย่างหนึ่ง ไม่ว่าราคาจะสูงแค่ไหน ก็จะมีคนซื้อและร้านหล่านเยว่นั้นมีแค่เพียงร้านเดียว สินค้าราคาสูงมากจึงมีคนซื้อได้น้อย
หลังจากร้านหล่านเยว่ทำสินค้าออกมา ร้านน้อยใหญ่ของซิ่วฝางต่างพากันลอกเลียนแบบของจากร้านหล่านเยว่เพื่อนำออกมาขาย แต่ราคาเทียบกับร้านหล่านเยว่ไม่ได้เลยสักนิดเดียว
เดิมทีแล้วกู้เสี่ยวหวานก็ไม่ได้ต้องการให้ของมีจำนวนมากแต่ได้กำไรน้อย
เมืองหลวงนี่มันเมืองอะไรกัน
อยากได้เงินก็มีเงิน อยากได้อำนาจก็มีอำนาจ อยากขายของ ก็ขายแบบสิ้นเปลือง
ร้านหล่านเยว่ต้องทำให้เป็นเหมือนร้านแบรนด์เนมในยุคสมัยใหม่ ราคาย่อมไม่ใช่ปัญหา
และเพื่อพิสูจน์ว่า กลยุทธ์ของกู้เสี่ยวหวานนั้นไม่ผิด
ตุ๊กตาชั้นเยี่ยมคุณภาพสูง ทั่วทั้งเมืองหลวงไปจนถึงต้าชิงนี้ ล้วนมาจากร้านหล่านเยว่เพียงร้านเดียว ถึงแม้ร้านซิวฝางอื่น ๆ จะทำออกมา แต่ไม่ใช่ของจากร้านหล่านเยว่ ก็เท่ากับเป็นของปลอม
ร้านหล่านเยว่ในเมืองหลวงตอนนี้เป็นเหมือนภูมิทัศน์ที่โดดเด่นของเมือง ไม่ว่าจะแพงแค่ไหนคนก็ต้องการซื้อมัน
สาวน้อยใหญ่ในเมืองหลวงต่างพอใจที่ได้เป็นเจ้าของตุ๊กตาที่มาจากร้านหล่านเยว่ เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดบทสนทนาขึ้นของเหล่าคุณหนูผู้สูงศักดิ์ การพูดถึงเรื่องร้านหล่านเยว่ก็เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ในบทสนทนา
ตุ๊กตาตัวหนึ่งใช้เวลาในการทำไม่น้อย ยิ่งมีขนาดเล็กยิ่งต้องใช้เวลากว่าครึ่งเดือน
แต่ก็มีคนยอมซื้อ
กู้เสี่ยวอี้มองสมุดวาดภาพที่อยู่ในมือ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านพี่ วัสดุที่จำเป็นกับตุ๊กตาพวกนี้ ตอนบ่ายข้าจะทำรายการออกมาให้ท่านพี่ตรวจดู แล้วให้โค่วไห่ไปเลือกซื้อ”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “เจ้าต้องมีความชำนาญในการเลือกซื้อ ผ้า ผ้าฝ้าย และของที่ใช้ในการเย็บปักถักร้อยเหล่านี้ ล้วนต้องเป็นของชั้นดี ถ้าหากร้านขายผ้าร้านไหนมีของคุณภาพดี ก็ให้ทำความรู้จักกับเถ้าแก่ร้านไว้ให้ดี เมื่อเป็นเช่นนั้นเราก็จะสามารถรับประกันเรื่องการจัดหาและคุณภาพของวัสดุได้”
“ท่านพี่ ข้าจะจำไว้” กู้เสี่ยวอี้พูดด้วยรอยยิ้ม ครั้งก่อนที่ซื้อของจากร้านผ้าหลานชิงก็ดีทีเดียว วัสดุที่จำเป็นในช่วงนี้แน่นอนว่าต้องไปซื้อที่ร้านผ้าหลานชิง โค่วไห่กับเถ้าแก่ร้านก็รู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า นี่คือแนวทางในการสร้างกิจการ การผูกมิตรกับคนย่อมดีกว่าการขุนเคืองใจกัน
หากกู้เสี่ยวอี้กับเถ้าแก่ร้านนี้รู้จักคุ้นเคยกัน ถึงแม้ราคาจะไม่สมเหตุสมผลไปบ้าง แต่จริง ๆ แล้วของที่เขาซื้อมาล้วนไม่ใช่ของที่คนทั่วไปจะซื้อได้ เป็นของที่มีคุณภาพสูงและได้คุณภาพตามความต้องการ
ตอนบ่าย หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานตรวจดูรายการของกู้เสี่ยวอี้แล้ว นางจึงพยักหน้าและพูดว่าดีมาก โค่วไห่จึงนำรายการทั้งหมดออกไปซื้อ
ยังดีที่ผ่านร้านผ้าหลานชิงกับร้านหล่านเยว่พอดี กู้เสี่ยวหวานจึงคิดว่าจะเข้าไปตรวจดูที่ร้านหล่านเยว่เสียหน่อย
หญิงสาวจึงขึ้นรถม้าไปพร้อมกับกู้เสี่ยวอี้และอีกสองสามคน เพื่อมุ่งหน้าไปยังร้านหล่านเยว่ เมื่อมาถึงร้านหล่านเยว่ กู้เสี่ยวหวานและกู้เสี่ยวอี้ก็เดินเข้าไปในหล่านเยว่ กู๋ไห่เอามือไพล่หลัง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นกู้เสี่ยวหวานที่กำลังจะเข้ามา จึงรีบเข้าไปต้อนรับข้างหน้า พลางคุกเข่าลงกับพื้น และพูดด้วยความปลาบปลื้มว่า “เถ้าแก่”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า คิดว่าลุงหลี่คงจะมอบหมายงานให้เขาแล้ว
หากเป็นมารยาททั่ว ๆ ไป ก็ไม่จำเป็นต้องมีพิธีใหญ่โตอะไร คิดว่าคนคนนี้คงใช้มารยาทที่ใช้ทักทายองค์หญิงมาทักทายนาง
เพียงแต่คนที่แวะเวียนเข้ามาที่ร้านเห็นคนผู้นี้คุกเข่าลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว ต่างสะกิดให้คนที่อยู่ข้าง ๆ รวมไปถึงคนที่กำลังเลือกดูของหันมามอง
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้คิดว่าคนผู้นี้จะแสดงความเคารพต่อเธอมากขนาดนี้ คิ้วของนางจึงขมวดขึ้น “ตอนนี้เราอยู่ข้างนอก ไม่ต้องแสดงความเคารพใหญ่โต”
กู๋ไห่รีบพูดขอบคุณอีกครั้ง แล้วจึงลุกขึ้นและยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าและท่าทางประจบสอพลอ
กู้เสี้ยวหวานรู้สึกไม่ชอบใจนัก “เข้าไปกันเถอะ”
กู๋ไห่ผู้นั้นไม่ได้สังเกตเห็นความต่างของกู้เสี่ยวหวานเลยสักนิด เขารีบโค้งศีรษะลงนำกู้เสี้ยวหวานและคนอื่นก่อนเข้าไปในห้อง
เห็นเขามีท่าทางประสบสอพลอเช่นนี้ คิ้วของกู้เสี่ยวหวานก็ขมวดแน่นขึ้น
กู๋ไห่ผู้นี้ดูแล้วเหมือนคนอายุยี่สิบห้ายี่สิบหก แต่ได้ยินว่าคนผู้นี้อายุสามสิบแล้ว
ดูเด็กกว่าอายุจริง ๆ ของเขามาก
กู๋ไห่สวมเสื้อผ้าที่สั่งทำพิเศษจากร้านหล่านเยว่ สะอาดเรียบร้อย ใบหน้าสะอาดสะอ้าน ร่างกายนั้นสวมเสื้อคลุมพอดีตัว ดูราวกับหนุ่มน้อยแต่ดวงตาที่ฉายแววความไม่พอใจคู่นั้น กลับไม่ได้ถูกปกปิดไว้อย่างดี ทำให้ใครต่อใครมองออกได้ถึงความโลภที่อยู่ภายในใจเขา
เมื่อเข้าไปด้านใน ก็มีเด็กผู้ชายที่ดูแลร้านอีกคนเข้ามา เด็กชายผู้นั้นก้มหน้าก้มตารินชา แล้วพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “เถ้าแก่ ชาขอรับ”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า เมื่อเห็นใบหน้าของเด็กชายคนนี้จึงอดไม่ได้ที่จะลอบมอง
Comments