ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐีบทที่172 กลับมาได้อย่างปลอดภัยก็เลยเลี้ยงข้าว

Now you are reading ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี Chapter บทที่172 กลับมาได้อย่างปลอดภัยก็เลยเลี้ยงข้าว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ห้ะ? เสื้อตัวนี้ฉันเป็นคนซื้อให้เฉินเกอไม่ใช่หรอ?”

หานเฟยเอ๋อพึมพำอย่างสงสัย

นี่มันเสื้อสูทที่เพิ่งซื้อมาจากห้างเมื่อตอนบ่ายชัดๆ

“เฟยเอ๋อ เธอแน่ใจนะว่าไม่ได้จำผิด?”

เมิ่งไฉ่หรูตื่นตระหนกไปทั้งตัว

คว้าเสื้อตัวนั้นเอามาดูชัดๆ เป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด นี่มันสูทของเฉินเกอ

เป็นไปได้ยังไงกัน?

ทำไมเสื้อของเฉินเกอถึงมาโผล่อยู่บนรถไมบัคนี่ได้?

สาวๆในรถต่างก็เกิดคำถามขึ้นมาพร้อมกัน พวกเธอเบิกตาโตมองไปยังไป๋หลางที่กำลังขับรถ

แต่ไป๋หลางในตอนนี้ก็กำลังทึ่งอยู่ไม่น้อย

คุณชายเฉินสั่งไว้ว่าจะให้สถานะของเขาถูกเปิดเผยไม่ได้

แต่ตอนนี้สถานการณ์ตึงเครียดไปหมด

“นี่เป็นสูทของผมเอง ผมวางไว้บนรถเป็นปกติ!”

ไป๋หลางโกหกออกไป

หานเฟยเอ๋อกับเมิ่งไฉ่หรูมองหน้ากัน แน่นอนว่าพวกเธอไม่เชื่อ สูทตัวนี้ราคาก็แค่ห้าหกร้อย ตั้งแต่หัวจรดเท้าเฉินเกออย่างมากก็แค่พันสองพัน

แต่สูทที่ไป๋หลางใส่แค่ดูก็รู้ว่าสองสามหมื่นอัพ!

แม่เจ้า!

คงไม่ใช่ว่าเฉินเกอเคยนั่งรถคันนี้หรอกนะ?

นี่มันเรื่องอัศจรรย์ใจชัด พวกเธอตกใจอย่างขีดสุด!

“ของผมจริงๆ! เวลาปกติผมไม่พิถีพิถันเรื่องเสื้อผ้า”

ไป๋หลางเห็นพวกเธอไม่เชื่อ จึงรีบเอ่ยต่อ

คำถ่อมตัวที่เขาพูดยิ่งบอกอะไรได้ชัดเจน คนเหลี่ยมจัดอย่างพวกเมิ่งหรูไฉ่มีหรือจะดูไม่ออก

จากนั้นหานเฟยเอ๋อที่ไม่เชื่อคำของไป๋หลางแต่อย่างใดจึงล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์เจ้ากรรมที่ทิ่มก้นเธอออกมา

แว็บแรกที่เห็นก็ยิ่งตกใจหนักกว่าเดิม

“นี่มันโทรศัพท์ของเฉินเกอไม่ใช่หรอ?”

เฉินเฟยเอ๋อเริ่มมือสั่น

“ไหนดูหน่อย!”

ตู้เยว่แย่งไปดู ก่อนจะพบว่าใช่เลยไม่ผิดเพี้ยน!

ไป๋หลางคิด อาจจะเป็นเพราะเมื่อกี้คุณชายเฉินกำลังรีบๆเลยลืมเสื้อกับโทรศัพท์ไว้บนรถแน่ๆ

แต่ด้วยไหวพริบของไป๋หลาง จากนี้ไม่ว่าสาวๆพวกนี้จะถามอะไรเขาก็จะปิดปากเงียบอย่างเดียว

แค่พาพวกเธอไปส่งให้ถึงโรงเรียนก็เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจ จากนั้นเขาก็จะเหยียบคันเร่งเผ่นแน่บ

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะที่ปรึกษา? เสื้อกับโทรศัพท์ของเฉินเกอวางอยู่บนรถคันนี้ ก็หมายความว่าเฉินเกอเคยนั่งมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็เป็นคนแรกที่รู้ว่าพวกเรากำลังเกิดเรื่อง หรือว่าจริงๆแล้วคนที่ช่วยเราก็คือเฉินเกอ?”

ตู้เยว่ตระหนกจนอยากร้องไห้

ใช่สิ คนที่เธอเหยียบย่ำมาตลอด วันหนึ่งเขาคนนั้นเทพจนตัวเองเทียบไม่ไม้แม้แต่เงา ก็คงเจ็บใจเหมือนโดนตะปูทิ่มอยู่ในอก

ใบหน้าของหานเฟยเอ๋อก็เริ่มซีดเช่นเดียวกัน

ถ้านี่เป็นเรื่องจริง งั้นเฉินเกอเป็นใครกัน? หรือเขาคือคุณชายเฉิน? พี่ผิงฝาน?

“พอ พอ! ไม่ต้องเดาแล้ว ทุกคนอยู่ในความสงบ! เสื้อกับโทรศัพท์นี่อาจจะเป็นของเฉินเกอ หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้ หรือมีอีกหนึ่งความเป็นไปได้ก็คือ ไม่แน่ว่าเฉินเกออาจจะนั่งรถตำรวจมาช่วยพวกเรา แต่เพราะพวกตำรวจต้องเก็บข้อมูลของผู้แจ้งความเป็นความลับ ดังนั้นจะมาเผยตัวโต้งๆเหมือนพวกเราไม่ได้ เลยพาเฉินเกอส่งกลับไปแล้ว? อะไรแบบนี้หรือเปล่า?”

เมิ่งไฉ่หรูค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ แต่ตอนนี้เธอก็พยายามจะหาเหตุผลถูๆไถๆไป

พูดกันตามตรงเหตุการณ์นี้เหมือนครั้งที่แล้วที่เธอเกิดเรื่องไม่มีผิด

ถ้าจะมีใครที่ต้องตื่นตระหนก คนๆนั้นควรเป็นเม่งไฉ่หรูถึงจะถูก

เพราะครั้งที่แล้วพาวเวอร์แบงค์ที่เฉินเกอยืมไปก็ถูกทิ้งไว้บนรถลอยด์รอยซ์ ตอนนี้เสื้อกับโทรศัพท์ก็มาวางอยู่บนไมบัคอีก อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น?

แถมทั้งสองครั้งที่เกิดเรื่อง ก็เป็นเฉินเกอที่รู้เป็นคนแรก

ตอนนี้เมิ่งไฉ่หรูไม่กล้าจะเอาสองเรื่องนี้มาคิดรวมกัน

“เอาล่ะ ไม่งั้นเอาแบบนี้ พวกเราไปหาเฉินเกอที่หอพักแล้วถามให้รู้เรื่องกันไปเลยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้มันยังไงกันแน่?” เมิ่งไฉ่หรูพูด

“อืม หรือไม่ก็โทรถามเฉินเกอก็ได้นี่!” จู่ๆตู้เยว่ก็นึกขึ้นได้

หานเฟยเอ๋อยักไหล่อย่างหมดปัญญา “ไม่ได้ผล เมื่อกี้ฉันลองโทรแล้ว แต่โทรศัพท์เครื่องนี้แบตหมด! แค่พวกเราถือเสื้อกับโทรศัพท์นี่ไปหาเฉินเกอก็จะรู้ความจริงกันเอง!”

หอพักชาย

เฉินเกอถอดเสื้อผ้าออก สวมเพียงแค่กางเกงขาสั้นนอนแผ่หราอยู่ในห้อง

เสียงปังดังขึ้น จากนั้นประตูก็ถูกเปิดออก

“เฮ้ย!”

ก่อนจะมีเสี่ยงร้องโหยหวนของหยางฮุยตามมาติดๆ เมื่อมองตามไปก็เห็นว่าหยางฮุยกำลังถือกะละมังบังภาพด้านนอกจนมิด

“ที่ปรึกษา หายเฟยเอ๋อ พวกคุณจะทำอะไร?”

หยางฮุยพูดด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ

“หึ เฉินเกอลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”

เพียงพริบตาเดียวตู้เยว่ก็กระชากผ้าห่มที่คลุมร่างชายหนุ่มออก เธอไม่สนอีกต่อไปว่าเฉินเกอกำลังสวมใส่อะไรอยู่ แต่จู่โจมเข้ามาดึงร่างของเขาให้ลุกขึ้น

“พวกเธอจะทำอะไร?”

เฉินเกอเอามือกุมจุดยุทธศาสตร์ของตัวเองแน่น เขาแทบจะพูดอะไรไม่ออกแล้ว

พวกหญิงพวกนี้น่ากลัวชะมัด

จากนั้นพวกเธอก็ไม่ได้พูดอะไร ตู้เยว่ตรงเข้ามารื้อค้นเตียงของเฉินเกอ

ในขณะที่เมิ่งไฉ่หรูกับหานเฟยเอ๋อยืนกอดอกดูสถานการณ์

“อ้ะ! ที่ปรึกษาเฟยเอ๋อดูนี่สิ เสื้อกับโทรศัพท์ของเฉินเกออยู่นี่หมดเลย!”

ไม่นานตู้เยว่ก็รีบหยิบสูทกับโทรศัพท์ของเฉินเกอออกมา

ทุกคนต่างยืนอึ้ง

ดูท่าทางพวกเขาคงคิดมากไป?

ไม่ใช่เฉินเกอสักหน่อย!

แต่นี่มันก็ทำให้ทุกคนโล่งใจออกมา ประหนึ่งนักโทษที่ได้รับการปล่อยตัว

โดยเฉพาะเมิ่งไฉ่หรูที่เริ่มดีใจขึ้นมา ดีแล้วที่ไม่ใช่เขา

แต่เมื่อทุกอย่างสงบลง จึงรู้ว่าตอนนี้พวกผู้ชายในหอพักกำลังมองมาที่พวกเธอด้วยสายตาแปลกประหลาด

เมิ่งไฉ่หรูกระแอมทีหนึ่งแล้วพูด

“เฉินเกอ ฉันถามนายหน่อย หลังจากได้รับสายขอความช่วยเหลือจากเสี่ยวหนาน นายไปทำอะไรอยู่ที่ไหน?”

“ตอนนั้นผมก็รีบร้อนไปแจ้งตำรวจสิ จากนั้นพี่เซียวหยุนก็วีแชทมาถามผมว่าเสี่ยวหนานไปไหน ผมถึงได้เล่าให้เธอฟัง จากนั้นพี่เซียวหยุนก็รับส่งคนไปช่วย! ดีจังที่พวกเธอไม่เป็นไร!”

เฉินเกอยิ้มๆ

“แม่เจ้า ที่ปรึกษาพูดถูกจริงๆ เมื่อกี้พวกเราใจร้อนไปหน่อย ถึงได้คิดอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อย ดูท่าทางคงเป็นพี่ของเสี่ยวหนานนั่นแหละที่ช่วยพวกเรา!”

ตู้เยว่พูดออกมาอย่างสบายใจ

“อี๋ เฉินเกอนายนอนแก้ผ้าเนี่ยนะ เรารีบไปกันเถอะ ตาจะบอด!”

ก่อนจะเดินออกไปก็ไม่วายพูดแซะเฉินเกอหนึ่งประโยค

มีเพียงหม่าเสี่ยวหนานที่ทักทายเฉินเกอ เธอบอกเขาว่าวันนี้ตัวเองก็นับว่าปลอดภัยดีอาจจะแค่ตกใจนิดหน่อย ส่วนอีกสองคนเดินจากไปอย่างไม่แคร์

เฉินเกออดหัวเราะขืนออกมาไม่ได้ นี่มันเรื่องอะไรกัน

ดีที่เขารู้ตัวทัน

พูดจริงๆว่าตลอดการปฏิบัติการที่ช่วยเหลือหม่าเสี่ยวหนาน เฉินเกอตึงเครียดมากจนถอดเสื้อคลุมออกตอนที่อยู่ในรถ

บวกกับพอดูกล้องวงจรปิดเห็นพวกเธอกำลังรีบวิ่งลงมา

เฉินเกอคว้าโน้ตบุ๊คได้ก็รีบวิ่งไปที่รถบ้านทันที

ทั้งเสื้อกับโทรศัพท์จึงไม่ได้หยิบติดมาด้วย

ตอนนั้นเขาคิดว่าจะทำยังไง?

ตัวตนของเขาต้องถูกเปิดเผยแน่แล้ว

ดีที่กึ๋นของเขาทำงานขึ้นมาได้ทัน ถึงได้รีบซื้อของที่ต้องใช้กลับมา เฉินเกอจึงมีหน้าที่แค่ลุ้นว่าโทรศัพท์ของตัวเองแบตหมดสักที ไม่งั้นถ้ามีใครโทรเข้าไปก็เป็นอันจบ

แต่เห็นอย่างนั้น แสดงว่าโทรศัพท์ของเขาคงแบตหมดจริงๆ

อีกอย่างเมื่อกี้เฉินเกอก็โทรไปยกเลิกเบอร์นั้นแล้วด้วย ยังไงพวกเธอก็ไม่มีทางโทรติด

มันก็แค่นั้น

ในบรรดาผู้หญิงพวกนี้ นอกจากหม่าเสี่ยวหนานแล้ว ต่อจากนี้เฉินเกอไม่อยากจะเสวนาด้วยมาก

จะบอกสถานะให้พวกนั้นไปเพื่ออะไร?

เหตุการณ์ระทึกขวัญในคืนนี้ก็ถือว่าผ่านพ้นไปแล้ว

เช้าวันที่มาก็เป็นวันเสาร์แล้ว

ประมาณสิบโมง เฉินเกอนั่งทบทวนหนังสือเรียนอยู่ที่หอ

จู่ๆหม่าเสี่ยวหนานก็โทรเข้ามา

ส่วนเรื่องซิมโทรศัพท์ หยุดระงับไปก่อนแล้วค่อยให้หลี่เจิ้นกั๋วไปจัดการ แค่ใช้บัตรประชาชนของตัวเองไปทำซิมใหม่เบอร์เดิมย่อมไม่ใช่เรื่องยาก

เฉินเกอไปรับซิมโทรศัพท์ที่ศูนย์ตั้งแต่เช้าแล้วเรียบร้อย

“เฉินเกอ วันนี้พี่ฉันมาล่ะ พอได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน พี่ก็มาที่ร้านอาหารแถวโรงเรียนเราแถมสั่งมาเต็มโต๊ะเลย นายเป็นผู้มีบุญคุณกับฉัน รีบมาเถอะ! ฮิๆ แล้วก็ใช้โอกาสนี้ถามพี่ว่าพอจะหางานให้นายได้ไหม! แล้วก็ชวนพวกหยางฮุยมาด้วยล่ะ!”

“ฉันไม่ไปดีกว่า อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเธอสักหน่อย?”

เฉินเกอยิ้มขืนๆ

“รีบมาเถอะหน่า! ไม่งั้นฉันจะไปตามนายถึงหอพักเลยนะ! อีกอย่างพี่ก็พูดอยู่ว่ายังไงก็ต้องขอบคุณนายให้ได้!”

“งั้น…ก็ได้ พวกเราจะไปเดี๋ยวล่ะ!”

เฉินไม่ได้เกี่ยงงอนแต่อย่างใด เพราะในความเป็นจริงก็เขานั่นแหละที่ช่วยเธอไว้ ไปกินข้าวสักมื้อก็ถือว่าสมควรแหละ

ประเด็นมันอยู่ตรงที่ไม่อยากเจอยัยพี่สาวคนนั้นของหม่าเสี่ยวหนาน…

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด