บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] 1028: เหมือนดั่งการจุติของเทพเซียน
ตอนที่ 1028: เหมือนดั่งการจุติของเทพเซียน
……….
ตอนที่ 1028: เหมือนดั่งการจุติของเทพเซียน
ค่ายกลพังทลาย อำนาจทำลายล้างกวาดผ่าน
แสงสว่างจ้าวูบไหวสะท้อนบนใบหน้าของเหวินหลิงเสวี่ย ฉาจิ่นและคนอื่น ๆ ซึ่งต่างแสดงความสิ้นหวังขมขื่น
ส่วนอาคังนั้นเป็นคนที่สงบเงียบที่สุด
นางเช็ดหยาดโลหิตสีทองที่ย้อยลงจากมุมปาก ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองออกไปเหนือถ้ำอุกกาบาต
ร่างผอมของเยี่ยอวิ๋นเจี่ยยืนบนอากาศ แววตาเย็นชามองลงมา
เมื่อสบตาเข้ากับอาคัง มุมปากของเยี่ยอวิ๋นเจี่ยก็ยกยิ้มหยอก “ข้ารู้ว่าเจ้าต้องพยายามดิ้นรนสิ้นหวังจนตายเป็นแน่ แต่… ข้าจะไม่ให้โอกาสเจ้า!”
ตู้ม!
เขาสะบัดแขนเสื้อ และม้วนภาพม้วนหนึ่งก็กางออกเหนือถ้ำอุกกาบาต
ในม้วนภาพนั้นมีขุนเขาเรียงราย สวยงามตระการตา หมู่เมฆหมอกพลิ้วเคลื่อนไปยังขอบฟ้าไพศาลไร้จุดจบ เปรียบดั่งโลกอันเก่าแก่โบราณที่สุด
อำนาจพันธนาการเข้าปกคลุมเหนือถ้ำอุกกาบาต
“นามของสมบัตินี้คือ ‘ภาพแผนที่คังเสวียน’ เป็นสมบัติลับที่สืบทอดจากบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยของข้า ซึ่งหล่อหลอมขึ้นจากที่มาแห่งภูมิคังเสวียน เมื่อได้ใช้ มันจะสามารถกดข่มขอบเขตฝึกฝนของเป้าหมายได้”
เยี่ยอวิ๋นเจี่ยกล่าวอย่างสบาย ๆ “แม้ว่าในมหาทวีปคังชิงนี้ จะใช้อำนาจเต็มกำลังของสมบัตินี้ได้ยากก็ตามที แต่มันก็ใช้หยุดทุกการโจมตีโต้ตอบทั้งหลายได้”
เขากล่าวพลางใช้พลังของม้วนภาพนี้อย่างเงียบงัน
ตู้ม!
ม้วนภาพทอแสงเรืองรอง บรรพตลำธารเคลื่อนกระเพื่อมราวเป็นโลกขนาดเล็กจริง ๆ
ใบหน้างามของอาคังแปรเปลี่ยนกะทันหัน หัวใจร่วงลงสู่ก้นเหว
วิธีการของเยี่ยอวิ๋นเจี่ยได้เตรียมการสำหรับรับมือการต่อสู้แลกชีวิตของพวกนางไว้แล้ว เขาจึงใช้สมบัติลับนี้แก้ปัญหาแต่ต้น
ยิ่งกว่านั้น พลังของภาพแผนที่คังเสวียนนี้ร้ายกาจยิ่งจริงแท้ เมื่อมันกดทับลงมาก็เหมือนดั่งหมู่ม่านแห่งท้องนภาเคลื่อนต่ำ ทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวังไร้หนทางหลบเลี่ยง
ทว่าอาคังก็ไม่ได้ยอมแพ้
นางสูดหายใจลึก ๆ ร่างบอบบางอรชรดูราวลุกไหม้ด้วยเพลิงสีทองเจิดจ้า คลื่นอำนาจทำลายล้างกวาดไปทั่วบริเวณ
“แม่นางอาคัง ให้ข้าลงมือก่อนเถอะ!”
อิงเชวียพลันกล่าวขึ้น
จากนั้นร่างของเขาก็กลายเป็นมังกรเกล็ดดำยาวสิบกว่าจั้ง ศีรษะและหางเชิดสูง ทะยานเข้าใส่ภาพแผนที่คังเสวียนด้วยหมายมั่นแลกชีวิต
“ฆ่า!”
อิงเชวียคำราม ร่างของเขาโอบล้อมด้วยสายฟ้ากระหวัดพัน วาตะเมฆากระเพื่อมไหว โลหิตเดือดปุดไร้ขอบเขต
ตู้ม!
เมื่อถูกเขาโจมตี ภาพแผนที่คังเสวียนก็สั่นกระเพื่อมรุนแรง สถานการณ์การกดดันถูกขวางไว้
“เหอะ! เจ้าจิ้งเหลนน้อย ไม่ประมาณพลังตนเองเสียเลย!”
เยี่ยอวิ๋นเจี่ยแค่นเสียงอย่างเย็นชาและกดฝ่ามือลง
ภาพแผนที่คังเสวียนพลันทอแสง อำนาจพลุ่งพล่านพรั่งพรู
ตู้ม!
ร่างยาวกว่าสิบจั้งของอิงเชวียถูกโจมตีหนักหน่วง เกล็ดมังกรที่ปกคลุมร่างของเขาแตกสลาย เลือดเนื้อเปิดเปิง
การโจมตีอย่างสิ้นหวังของเขาไม่ต่างจากการปาไข่ใส่หินเมื่ออยู่ต่อหน้าภาพแผนที่คังเสวียน และในหนึ่งการโจมตี เขาก็ถูกสวนกลับมาอย่างสาหัส
ก่อนที่เขาจะทันตั้งสติได้ ร่างของอิงเชวียก็ถูกภาพแผนที่คังเสวียนดูดเข้าไปในม้วนภาพท่ามกลางเปลวเพลิงหมุนวน!
เขาดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งในม้วนภาพ แต่กลับไร้ผลใด ๆ
เหตุการณ์นี้ทำให้พวกอาคังหน้าซีด หัวใจจุกอยู่ในลำคอ
เยี่ยอวิ๋นเจี่ยหัวเราะลั่น “เจ้าตัวดี หลังจัดการคนอื่น ๆ เสร็จ ข้าจะขอดเกล็ดถลกหนังเจ้า ใช้เลือดและกระดูกบ่มสุรา กลืนกินวิญญาณเจ้าแน่แท้!”
เปรี้ยง!
เสียงยังไม่ทันสร่าง เยี่ยอวิ๋นเจี่ยก็สั่งภาพแผนที่คังเสวียนให้พุ่งลงไปในถ้ำอุกกาบาตต่อไป
ภาพนี้ทำให้หัวใจของเหวินหลิงเสวี่ยร่วงลงสู่ก้นเหว
อาคังเมินสิ่งที่เกิดขึ้นและใช้นิ้ววาดลวดลายประหลาดสีทองในอากาศ เพลิงศักดิ์สิทธิ์ไร้สิ้นสุดร่ายรำอยู่ภายใน
ใบหน้างามของนางซีดลง วิถีเต๋าทั่วร่างดูจะถดถอยลงอย่างรวดเร็ว…
ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าอาคังต้องการทำสิ่งใด เยี่ยอวิ๋นเจี่ยจึงแค่นเสียงอย่างเย็นชา “จนมุมที่สุดทาง เจ้ายังอยากสู้ให้ถึงที่สุดอยู่อีกหรือ? เพ้อเจ้อ!”
ตู้ม!
ภาพแผนที่คังเสวียนพลันสาดแสงเจิดจ้าราวโลกใบหนึ่งคลี่ตัวออกในส่วนลึกของถ้ำอุกกาบาต ขุนเขาเรียงรายซ้อนทับเคลื่อนตัวลง
ตู้ม!!
ภายใต้การกดดันของอำนาจร้ายกาจเพียงนี้ ก่อนที่อาคังจะทันสร้างลวดลายประหลาดสีทองนั้นเสร็จ นางก็ถูกกดทับไว้เสียก่อน
ลวดลายสีทองซึ่งใกล้เสร็จรอมร่อระริกไหวรุนแรง ดูคลับคล้ายจะพังทลาย
ร่างบางของอาคังสะท้านสั่น ใบหน้าของนางซีดลงยิ่งกว่าเดิม โลหิตสีทองย้อยลงที่มุมปาก
เหวินหลิงเสวี่ย หนิงซือฮวาและคนอื่น ๆ ต่างโศกเศร้าจนปัญญามากขึ้นทุกขณะ
เพราะพวกนางไม่อาจช่วยอันใดได้เลย
“ใช้มือขวางเกวียน ช่างน่าขำ!”
เสียงเย็นชาของเยี่ยอวิ๋นเจี่ยดังขึ้น “หากปล่อยจิตวิญญาณต้นกำเนิดเช่นเจ้าตายไปคงน่าเสียดาย ต่อให้เจ้าวอนขอความตาย ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้า!”
เขากล่าวพลางเสริมแรง หมายส่งอาคังเข้าไปอยู่ในภาพแผนที่คังเสวียนเช่นกัน
ชิ้งงงง!
ทันใดนั้นก็บังเกิดหนึ่งเสียงดาบครวญก้องกังวาน ดูจะมาจากเก้าชั้นฟ้าแสนห่างไกล
มันเป็นเพียงเสียงแว่วเท่านั้น ทว่าร่างของเยี่ยอวิ๋นเจี่ยพลันชะงัก เมื่อเขาสัมผัสอันตรายถึงตายได้ทั้งหัวใจและวิญญาณ
สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนอย่างมหันต์ ไม่มีเวลาให้ครุ่นคิด เขาเอื้อมมือไปคว้าภาพแผนที่คังเสวียนเก็บแล้วหลบไปห่าง ๆ ทันที
ร่างของอาคังชะงัก อำนาจร้ายกาจของเสียงครวญดาบนั้นทำให้จิตใจของนางสั่นสะท้าน ร่างแข็งทื่อไม่อาจขยับ รู้สึกอึดอัดจนไม่อาจหายใจ
ทว่า เมื่อภาพแผนที่คังเสวียนถูกเก็บไป แรงกดดันต่อร่างของนางก็สลายไปกะทันหันราวกับปลดบรรพตโบราณที่ทับร่างของนางไว้ ทำให้นางโล่งใจสบายตัวขึ้น
ในใจของเหวินหลิงเสวี่ย ฉาจิ่นและคนอื่น ๆ เองก็ตะลึงเช่นกัน อำนาจดาบร้ายกาจเพียงนี้ ไม่มีผู้ใดจินตนาการได้เลยว่ามาจากเสียงครวญดาบสายเดียวเท่านั้น!
ทว่า เมื่อพวกนางได้เห็นว่าเยี่ยอวิ๋นเจี่ยเก็บภาพแผนที่คังเสวียนไป พวกนางต่างประจักษ์ว่ามีผู้มาช่วย!!
พูดไปเหมือนช้า ทว่าเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นว่องไวเพียงพริบตา
เสียงครวญดาบยังไม่ทันจางหาย
ตู้ม!
เหนือถ้ำอุกกาบาต ปราณดาบสายหนึ่งกวาดผ่าน ภาวะดาบดุดันเกินใดเทียบผ่าสุญญะราวชิ้นผ้า สร้างรอยร้าวยาวพันจั้ง
และจุดที่เยี่ยอวิ๋นเจี่ยเคยยืนอยู่ก็ถูกกลบโดยปราณดาบเจิดจ้าเยี่ยงน้ำตก
เมื่อเขาเห็นภาพนี้จากไกล ๆ เยี่ยอวิ๋นเจี่ยก็ตะลึงสูดหายใจเฮือก ในมหาทวีปคังชิงนี้ ผู้ใดกันที่มีภาวะดาบไร้ขอบเขตเช่นนี้!?
เขาเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว
และพบว่าระหว่างท้องนภาและผืนหล้าที่อยู่ไกลออกไป มวลเมฆถูกแหวกออกด้วยลำแสงเจิดจ้าทะยานหาว
“ดาบนั้นมาจากที่ไกลเพียงนั้นเลยหรือ?”
หัวใจของเยี่ยอวิ๋นเจี่ยร่วงสู่ก้นเหว คิ้วขมวดเข้าหากัน
ในฐานะจักรพรรดิผู้หนึ่ง เขารู้ดีที่สุดว่าการออกดาบเช่นนั้นจากระยะไกลเพียงนี้ได้ ความแข็งแกร่งของผู้มาต้องห่างไกลเกินเทียบได้กับผู้ฝึกตนในวิถีวิญญาณในมหาทวัปคังชิงแน่แท้!
ขณะที่กำลังครุ่นคิด เส้นแสงได้ทะยานข้ามนภามาอยู่เหนือถ้ำอุกกาบาตแล้ว และพลันแปรเปลี่ยนเป็นร่างสูงในอาภรณ์เขียวดุจหยกปลิวไสวหวีดหวิว
เขาคือซูอี้!
เบื้องหลังเขาแบกร่างของจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยไว้ ท้องนภามืดหม่นวังเวง ชายหนุ่มยืนบนอากาศรายล้อมด้วยแสงวิถีดุจดาบ เหมือนดั่งการจุติมาของเทพเซียน เป็นแสงสว่างเจิดจ้าสูงสุดระหว่างฟ้าดิน
“มารหัวขนน้อย ที่แท้ก็เป็นเจ้า!!”
เยี่ยอวิ๋นเจี่ยมองปราดเดียวก็จำซูอี้ได้ ทั้งยังตะลึงระคนแปลกใจ
เมื่อเขามายังมหาทวีปคังชิง เขาก็ได้รับรู้ถึงความสำเร็จในอดีตของซูอี้มาเช่นกัน และเขาก็ต้องยอมรับว่าเขาคือผู้เก่งกาจสูงสุดไร้ผู้เปรียบ ความสำเร็จในวิถีวิญญาณของเขาเหนือล้ำกว่าเยี่ยเซียว ผู้นำชนรุ่นเยาว์ของตระกูลเยี่ยไกลโข
แต่ถึงอย่างนั้น เยี่ยอวิ๋นเจี่ยก็ไม่คาดเลยว่าดาบเมื่อครู่จะเป็นฝีมือซูอี้!
นี่ช่างน่าอัศจรรย์
เพราะก่อนหน้านี้เขาคาดว่ามีเพียงจักรพรรดิเช่นเขาเท่านั้นที่ออกดาบได้เช่นนี้
ในชั่วขณะนั้น เยี่ยอวิ๋นเจี่ยค่อนข้างประหลาดใจ
ขณะเดียวกัน…
เมื่อพวกอาคังซึ่งอยู่ในถ้ำอุกกาบาตได้เห็นร่างผู้มาใหม่ปรากฏจากอากาศธาตุเหนือถ้ำ พวกนางก็แสดงสีหน้าเหลือจะเชื่อ
“ซู… พี่ซูอี้? ข้าไม่ได้ฝัน…”
ดวงตาของเหวินหลิงเสวี่ยเบิกกว้าง สีหน้าเลื่อนลอย
“เจ้าไม่ได้ฝันหรอก เป็นใต้เท้าซูจริง ๆ! ใต้เท้าซูกลับมาแล้ว!”
ไป๋เวิ่นฉิงพึมพำอย่างแปลกใจ
“ใช่ นั่นสหายเต๋าซู!”
หนิงซือฮวากล่าวอย่างตื่นเต้น
“ไม่น่าเล่า วจีดาบนั้นจึงแข็งแกร่งได้เพียงนี้…”
ใบหน้าซีดขาวของอาคังแย้มยิ้มจริงใจ นางบาดเจ็บสาหัสและเสียพลังชีวิตมหาศาล ทว่าเมื่อเห็นซูอี้ปรากฏกาย นางก็ผ่อนคลายจากทั้งภายนอกและภายใน
ยามอยู่ในสภาวะคับขัน เมื่อเห็นร่างคุ้นเคยปรากฏขึ้นอย่างไม่คาดฝัน ความสิ้นหวัง โศกเศร้าและความลังเลในใจของทุกผู้ก็ถูกลบทิ้งไป เหลือเพียงความตะลึงอย่างมหาศาล!
“โชคดีที่ไม่ได้สายไป”
ซูอี้เหลือบมองเหล่าคนในห้วงลึกของถ้ำอุกกาบาตและลอบโล่งอก
เยี่ยอวิ๋นเจี่ยอดหัวเราะไม่ได้ “มารหัวขนน้อย เจ้ายังอยากประชันกับข้าอีกหรือ? ควรรู้ไว้นะว่าแม้ข้าจะไม่อยากยอมรับ แต่ตามลำดับอาวุโส เจ้าก็ยังต้องเคารพข้าเป็นลุง”
ดวงตาของเขาวาวโรจน์ ทว่าก็ไม่ได้รีบร้อนโจมตี
เพราะเขาประหลาดใจกับดาบเมื่อครู่ของซูอี้อย่างจริงแท้ และคิดสืบรายละเอียดของซูอี้ก่อนวางแผนเคลื่อนไหวต่อไป
“คนเช่นเจ้าควรค่าจะจัดลำดับอาวุโสต่อหน้าข้าหรือ? คุกเข่าลง!”
ซูอี้สะบัดนิ้ว เหวี่ยงฝ่ามือใส่อากาศ
ตู้ม!
ฝ่ามือใหญ่สีทองขนาดราว ๆ สิบจั้งปรากฏขึ้นบนฟ้า จากนั้นมันก็ฟาดเข้าใส่เยี่ยอวิ๋นเจี่ยอย่างแรง
มันเรียบง่ายไร้สิ่งใดหวือหวา ทว่าอำนาจร้ายกาจจากฝ่ามือนั้นทำให้รอยยิ้มของเยี่ยอวิ๋นเจี่ยค้างบนใบหน้า หัวใจสั่นสะท้าน
แข็งแกร่งยิ่ง!!
เจ้าเด็กนี่ผิดปกติจริง ๆ!
เยี่ยอวิ๋นเจี่ยใช้ภาพแผนที่คังเสวียนอย่างไม่รีรอ
พรึ่บ~
ม้วนภาพทิวทัศน์คลี่ออกในอากาศ เพลิงทะยานสู่นภา
ทว่าทันทีที่มันปะทะเข้ากับฝ่ามือสีทอง สมบัติลับตกทอดแห่งตระกูลเยี่ยแห่งคุนอู๋ชิ้นนี้พลันถูกตบกระเด็นไป
สมบัติชิ้นนี้ส่งเสียงครวญหวีดหวิวก่อนปลิวไปบนฟ้า เปลวเพลิงดับมอด ร่วงลงสู่พื้นทันที
ภาพการทำลายล้างนี้ทำให้จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยตะลึงจนกรามแทบหลุด
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้มีปฏิกิริยา ฝ่ามือสีทองขนาดสิบจั้งก็ฟาดเข้าใส่เยี่ยอวิ๋นเจี่ยอย่างรุนแรง
ตู้ม!!!
เยี่ยอวิ๋นเจี่ยฝืนต้าน ทว่ากลับมิอาจต้านแรงตบนั้นได้เลย
เมื่อเข่าของเขากระทบพื้น พสุธาก็แยกร้าวจมลง ฝุ่นควันกระจายพลิ้ว
หากกล่าวอย่างนุ่มนวลก็คือ หนึ่งฟาดฝ่ามือนั้นสยบจักรพรรดิได้!
……….
Comments