ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตาบทที่ 105 เสิ่นหุนลงมือในฐานะผู้รักษาการแทน (ต้น)

Now you are reading ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา Chapter บทที่ 105 เสิ่นหุนลงมือในฐานะผู้รักษาการแทน (ต้น) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 105 เสิ่นหุนลงมือในฐานะผู้รักษาการแทน (ต้น)

บทที่ 105 เสิ่นหุนลงมือในฐานะผู้รักษาการแทน (ต้น)

ทันทีที่เหิงอีเจี้ยนกล่าวจบ ยันต์ใบหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าพร้อมส่องแสงสว่างสีทอง แต่เต็มไปด้วยวิญญาณชั่วร้าย

“ติดตั้งมันซะ ทำแบบนั้นข้าจึงจะวางใจ”

ปรมาจารย์กระบี่ยักษ์ไม่ลังเล ก่อนติดตั้งยันต์ใบนี้ทันที

ไม่ใช่ว่าเขาเชื่อในตัวลู่หยวน แต่จะมีสถานการณ์อะไรแย่ยิ่งกว่าตอนนี้อีกหรือ

สุดท้ายก็ต้องตายอยู่แล้ว เช่นนั้นลองดูก่อนก็ไม่เสียหาย!

ยิ่งกว่านั้น ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตใกล้ถึงตัวแล้ว ไม่มีเหตุผลที่ลู่หยวนจะมาโกหกเขา

ยันต์ที่เพิ่งหลอมรวมเข้ากับจิตเทวะของเหิงอีเจี้ยน ทำให้เขารู้สึกถึงค่ายกลอีกอันที่ตนไม่สามารถแตะต้องมันได้ แต่กลับชวนให้รู้สึกหวาดกลัว

เมื่อคิดถึงลู่หยวน เขาก็คิดอะไรไม่ออกนอกจากความจงรักภักดี

ตอนนี้เหิงอีเจี้ยนรู้ทันทีว่ายันต์นี้จะต้องเป็นบางสิ่งที่เหมือนกับตราประทับทาสในอนาคต

แต่ในตอนนี้ บุตรศักดิ์สิทธิ์คลี่ยิ้มออกมา… อีกฝ่ายจัดการได้ง่ายกว่าที่คิดไว้เสียอีก!

[ระบบแจ้งเตือน ขอแสดงความยินดีกับท่านที่รับเหิงอีเจี้ยน หนึ่งในสิบสุดยอดปรมาจารย์กระบี่มาเป็นผู้ติดตาม!]

[ขอแสดงความยินดีกับท่านที่กุมโชคชะตาของเซียวเทียนผู้เป็นบุตรแห่งโชคชะตาได้! ค่าชะตาของเซียวเทียนลดลง 4,000 แต้ม! ค่าชะตาที่เหลืออยู่ในตอนนี้คือ 3,000 แต้ม!]

[ค่าชะตาวายร้ายของท่านเพิ่มขึ้น 8,000 แต้ม! ค่าชะตาของท่านในปัจจุบันคือ 42,000 แต้ม! เพราะการใช้ยันต์จองจำวิญญาณเก้าโคจร ทำให้ถูกหักค่าชะตาวายร้ายไป 6,000 แต้ม!]

ลู่หยวนส่ายหน้าเปื้อนยิ้ม โดนหักหนี้จากยันต์ที่เคยติดตั้งกับเหิงอีเจี้ยนเหมือนกับของฉินอี่หานเสียแล้วสิ

ถึงแม้โดยรวมแล้วเหิงอีเจี้ยนจะไร้ประโยชน์ แต่เขายังคงเป็นคนที่สนิทกับบุตรแห่งโชคชะตา จึงนับว่ายังพอมีความสามารถ

ตัดสินจากโครงเรื่องในนิยายทั่วไป พวกตำนานที่เคยสูญเสียพลังไปแล้ว หากฝืนคืนพลังขึ้นมาใหม่ มันย่อมแข็งแกร่งขึ้นมาก!

ยิ่งกว่านั้น ในเมื่อเหิงอีเจี้ยนสามารถดำรงตำแหน่งในฐานะอดีตสิบสุดยอดปรมาจารย์กระบี่ได้ แสดงว่าพรสวรรค์ของเขาต้องร้ายกาจมากเป็นแน่!

แต่เอาเถอะ…

หากต้องการฟื้นฟูสิ่งที่ถูกทิ้งร้างขึ้นมา ย่อมจำเป็นต้องใช้ค่าชะตาวายร้ายมหาศาล

ตอนนี้ยังไม่ต้องคิดเรื่องฝึกฝน หรือส่งเขาให้ออกเดินทางไปยังหุบเขาบูรพา

“ระบบ ปรับค่ายกลเพื่อให้เหิงอีเจี้ยนกับเซียวเทียนออกไปได้”

[ระบบขอแจ้งเตือนว่าทำการปรับเสร็จสิ้นแล้ว!]

[ยันต์จตุรทิศสามารถเดินทางได้หนึ่งพันลี้ ไม่มีข้อจำกัด!]

[ค่าชะตาวายร้ายที่ต้องการคือ 9,000 แต้ม!]

“แลกเปลี่ยน!”

[แลกเปลี่ยนเสร็จสิ้น เชิญท่านทำการตรวจสอบ!]

[ค่าชะตาวายร้ายที่เหลืออยู่ในปัจจุบันคือ 33,000 แต้ม!]

ลู่หยวนขอให้ระบบมอบยันต์จตุรทิศให้กับเหิงอีเจี้ยน จากนั้นกล่าวว่า “จงใช้ยันต์นี้ แล้วเจ้ากับเซียวเทียนจะสามารถออกไปได้อย่างปลอดภัย”

“ข้าจะให้เวลาเจ้าจัดการเรื่องเซียวเทียนสามวัน จากนั้นจงมารับใช้ข้า!”

เหิงอีเจี้ยนรับยันต์จตุรทิศมา น้อมรับสิ่งที่ลู่หยวนกล่าวอย่างซาบซึ้ง

เดิมเขาคิดว่าหลังจากบุตรศักดิ์สิทธิ์ติดตั้งตราประทับทาสลงไปแล้ว จะให้ละทิ้งทุกสิ่งที่อยู่ข้างกาย ต่อให้บอกว่าจะเป็นการช่วย มันก็คือการช่วยเขาเพียงคนเดียว แต่คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะช่วยเซียวเทียนด้วย แถมยังให้เวลาสามวันเพื่อจัดการเรื่องลูกศิษย์อีก

หากคนเช่นนั้นต้องการให้เขาติดตาม เหิงอีเจี้ยนย่อมเต็มใจ

“ขอบคุณนายท่าน!”

ปรมาจารย์กระบี่ยักษ์ชูมือขึ้นฟ้า ในตอนนี้ ภายใต้การโจมตีกระหน่ำอย่างต่อเนื่องของเสิ่นฉง ทำให้อาวุธของคู่ต่อสู้แตกสลายทันที

ปราณกระบี่ของบรรพชนแห่งตระกูลเสิ่นปกคลุมท้องนภาพร้อมกับเสียงอันน่าเกรงขามของเขา “ตายซะ เหิงอีเจี้ยน!”

เหิงอีเจี้ยนมองลู่หยวน โดยเมินเสิ่นฉงไปอย่างไม่ใส่ใจ พลางกล่าวทิ้งท้ายเพียงไม่กี่คำว่า “เสิ่นฉง เรื่องในวันนี้ยังไม่จบหรอกนะ!”

เมื่อกล่าวจบ ค่ายกลพลันวูบไหวขึ้นมาที่ใต้เท้าของปรมาจารย์กระบี่ยักษ์ ก่อนพวกเขาทั้งสองจะหายไปในบัดดล

ตูม!

ปราณกระบี่นับหมื่นฟาดฟันลงไป กระหน่ำใส่ปฐพีจนเกิดการสั่นสะเทือน! เสิ่นฉงส่งเจตจำนงกระบี่ออกไปไกลนับพันลี้ทันที แต่กลับไม่พบร่องรอยของเหิงอีเจี้ยนและเซียวเทียน

สองคนนั้นหายไปในอากาศอย่างนั้นหรือ?!

ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนพลันถูกดึงกลับมา ร่องรอยของจิตสังหารปรากฏขึ้นในดวงตาของเสิ่นฉง ใครกันที่ช่วยสองคนนั้นเอาไว้?!

เขาไม่เคยเห็นยันต์ที่ปรากฏขึ้นจากเท้าของเหิงอีเจี้ยนมาก่อน อักขระบนยันต์ซับซ้อนมาก เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สิ่งที่กองกำลังธรรมดาจะสามารถครอบครองได้

เขาเงียบสักพัก จากนั้นยืนเอามือไพล่หลัง สายตาชำเลืองมองพ่อลูกเสิ่นโตวและเสิ่นซูเหยียนผู้หมดสติไกลออกไป จากนั้นสะบัดมือ ทำให้เหรียญตราลอยออกจากร่างของผู้นำตระกูลเสิ่น ก่อนตกลงในมือของเสิ่นฉง

“เสิ่นหุน”

เสิ่นฉงกล่าวอย่างแผ่วเบา

ด้านหลังของเขา ภาพมายาวูบไหว ผู้ชายที่มีใบหน้าดุร้ายปรากฏขึ้นพร้อมรอยยิ้มชั่วร้าย

เขาคำนับ ยกมือขึ้นเพื่อคารวะ “เสิ่นหุนคารวะท่านบรรพชน!”

เสิ่นฉงโยนเหรียญตราในมือออกไป “เจ้าจงรับหน้าที่ตำแหน่งผู้นำตระกูลไว้ชั่วคราว! ข้ายังต้องเก็บตัวอีกสักพัก ในระหว่างนี้ เจ้าไปสอบถามเกี่ยวกับคนที่ช่วยเหิงอีเจี้ยนและเซียวเทียนในวันนี้ หากมีความคืบหน้าอะไรให้มารายงานทันที!”

ทันทีที่สิ้นเสียง ร่างของบรรพชนตระกูลเสิ่นก็หายไป

เสิ่นหุนลุกขึ้นช้า ๆ กุมเหรียญตราในมือไว้มั่น แววตาเผยรอยยิ้มไร้กังวลออกมา

สายตาชำเลืองมองเสิ่นโตวผู้นอนอยู่บนพื้น ก่อนจะถ่ายทอดคำสั่งอย่างราบเรียบว่า “ออกมา”

ร่างจำนวนมากปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า

“พวกเจ้าส่งพี่ชายและหลานสาวของข้าไปคุกใต้ดินเพื่อความปลอดภัย จำไว้ อย่าให้พวกเขาตายเด็ดขาด!”

“ขอรับ!”

ทันทีที่ร่างจำนวนมากขยับ พวกเขาก็พาตัวอีกฝ่ายไป

ปราณกระบี่ในท้องนภาค่อย ๆ หายไป จัตุรัสปรากฏต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง หุบเขาในวันนี้ไม่ได้ดูโอ่อ่าเหมือนดั่งที่เป็นมาช้านาน ตอนนี้พวกมันเหมือนกับซากปรักหักพัง

ร่างหนึ่งกำลังเดินมาทางฝูงชน

เสิ่นหุนยกมือขึ้นเพื่อคารวะทุกคน ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ขอโทษทุกท่านด้วย เรื่องแบบนี้ดันมาเกิดกับตระกูลเสิ่น ทำให้ทุกท่านต้องขบขันเสียแล้ว ตอนนี้การต่อสู้ระหว่างหลานสาวซูเหยียนและหลานชายเซียวเทียนสิ้นสุดลงแล้ว ความคับแค้นระหว่างสองตระกูลหมดสิ้นเรียบร้อย”

สายตาของลู่หยวนจับจ้อง ก่อนจะเดาะลิ้นทีหนึ่ง “คนผู้นี้เป็นใคร?”

ไป๋ชิวเอ๋อร์ยืนอยู่ด้านข้างตอบว่า “นี่คือน้องชายของเสิ่นโตว เสิ่นหุน!”

“ว่ากันว่าพรสวรรค์ของเขายอดเยี่ยมนัก มีชีพจรกระบี่โดยกำเนิดเช่นกัน รากฐานการบ่มเพาะแข็งแกร่งกว่าเสิ่นโตว เป็นผู้สืบทอดที่ตระกูลเสิ่นยอมรับ”

“แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง มีบางสิ่งเกิดขึ้นกับชีพจรกระบี่นี้ ทำให้ตำแหน่งผู้นำตระกูลตกอยู่กับเสิ่นโตว”

ลู่หยวนเข้าใจ เรื่องแบบนั้น… จะต้องเป็นเรื่องสกปรกภายในตระกูลอย่างแน่นอน

ผู้คนส่วนใหญ่นอกลานประลองได้รับผลจากปราณกระบี่ของเสิ่นฉง ถึงแม้ตอนนี้จะยังสามารถลุกขึ้นยืนหยัดได้ แต่พวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน

เสิ่นหุนสังเกตเห็น จึงกล่าวทันทีว่า “ตระกูลเสิ่นให้การดูแลไม่ดี ปล่อยให้พวกท่านประสบกับหายนะอย่างไร้เหตุผล โปรดอภัยให้ข้าด้วย”

หลังจากกล่าวจบ ผู้รักษาการแทนตำแหน่งผู้นำตระกูลก็สะบัดมือ ก่อนโอสถสองเม็ดจะปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน

เม็ดแรกสำหรับการรักษา อีกเม็ดคือโอสถวิญญาณระดับสี่ที่สามารถเสริมสร้างและพัฒนาการบ่มเพาะได้

ถึงแม้โอสถวิญญาณระดับสี่จะไม่ใช่ของดีมากในสายตาของทุกคน แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะพบเห็นได้บ่อยครั้ง แถมมันยังเป็นการแสดงความจริงใจของตระกูลเสิ่นอีกด้วย

เสิ่นหุนกล่าวต่อว่า “ตระกูลเสิ่นสร้างอาวุธระดับราชันเพื่อพวกท่านโดยเฉพาะ และจะทำการส่งมอบพวกมันในวันพรุ่งนี้”

เมื่อได้ยินดังนี้ หัวใจของผู้คนส่วนใหญ่ที่เดิมไม่พึงพอใจเพราะบาดเจ็บก็สงบลงทันที

อาวุธระดับราชัน คือระดับของอาวุธที่ผู้คนส่วนใหญ่อยากครอบครอง

การได้มาเพิ่มอีกหนึ่งชิ้น ย่อมเป็นการเก็บเกี่ยวที่ยอดเยี่ยมนัก!

มีคนหนึ่งก้าวมาข้างหน้าท่ามกลางฝูงชน คารวะตอบด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวว่า “ตระกูลเสิ่นช่างสุภาพยิ่งนัก สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นอุบัติเหตุจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องกล่าวโทษตัวเองนักหรอก”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด