สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) 25

Now you are reading สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) Chapter 25 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พันธมิตรสี่ดินแดนยังคงเดินหน้าต่อไป เนื่องจากความต่างของกำลังอย่างท้วมท้น เริ่มแสดงให้เห็นถึงโมเมนตำที่ลดลงของพวกเรา 

กองพันทหารม้าของกองทัพไฮเซิร์คกำลังปะทะกับกองกำลังหลักของอาณาจักรไครซิท โจมตีที่ด้านข้าง ด้านหลัง และส่วนทียื่นออกมาอย่างไม่ลดละ แม้ว่าไครซิทจะมีกองกำลังมากกว่าแต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่ลำบากเนื่องจากทหารม้านั้นเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจับพวกเขา

การไล่ล่าโดยภาคีอัศวินเรฮาเซนนั้นได้ผลบางประการ แต่บางครั้งเหล่าอัศวินก็ถูกเชิญให้ออกล่า และบางครั้งพวกเขาก็ได้รับความเสียหายอย่างเจ็บปวดเนื่องจากกลยุทธ์ล่อเหยื่อ หากเหล่าทหารไครซิทเคลื่อนไปข้างหน้าโดยไม่ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำจากเหล่าทหารเฟอร์เรียสและไมยาร์ดที่ซึ่งคุ้นเคยกับภูมิศาสตร์ท้องถิ่น พวกเขาก็จะไม่สามารถรักษาความเร็วในการเดินขบวนได้

นอกจากนี้ยังมีการทำลายทางหลวงและสะพาน  และการถล่มของดินโดยเจตนาจากเวทมนตรดินบนทางผ่านภูเขาและถนน เป็นกลยุทธ์เพื่อชะลอการเคลื่อนพลที่กำลังดำเนินอยู่

ความคืบหน้าของเหล่าทหารสหพันธ์การค้าลิเบอริโต้ก็หยุดลงอย่างสมบูรณ์ที่เหมืองรีเฟนท์ สหพันธ์การค้าลิเบอริโต้ได้ส่งทหาร 7,000 นายเพื่อผลักดันกองพันศัตรูและได้รับความเสียหายมากกว่าที่คาดการไว้มาก

มีผู้เสียชีวิต 1200 คนและบาดเจ็บอีก 2,000 คน ศัตรูยังคงยึดเหมืองและยังคงมีชีวิตอยู่ ไฟจากคนจำนวนหนึ่งในตอนกลางคืนก็สาหัสเช่นกัน และเหล่าทหารลิเบอริโต้ก็เริ่มพัฒนาความกลัวจากไฟ

เอมริดที่ซึ่งอยู่ในกองทหารราบของสหพันธิลิเบอริโต้ก็มีริมฝีปากและลำคอที่แห่งเนื่องจากความตึงเครียด เอมริดเป็นผู้บัญชาการกองร้อยที่มีทหาร 250 นายจากบ้านเกิดของเขา และข้อมูลที่เขามีก็มากมายเมื่อเปรียบเทียบกับแค่ทหารราบ

เขาไม่ได้ให้จำนวนสาเหตุที่ถูกต้องแก่ผู้อื่นเพื่อป้องกันการเสียขวัญกำลังใจ แต่ทั้งกองร้อยก็ได้เสียสละทั้งหมดกับการป้องกันของกำแพงและหอคอยที่กองร้อยของเอมริดพยายมจะยึด และผู้บัญชาการกองร้อยคนก่อนของเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกแบกไปที่แนวหลัง

นอกจากกองทัพไฮเซิร์คแล้ว ภูมิประเทศที่เป็นภูเขายังเป็นงานที่ยากอย่างแน่นอน แต่สื่งที่เอมริดกังวลมากที่สุดคือศัตรูที่สามารถจัดการกับไฟที่เรียกว่า《เพลิงแห่งประตูนรก》

ไม่มีใครรู้จีกชื่อของเขา แต่แน่นอนว่าเขานั้นเป็นผู้ใช้ทักษะ《เพลิงปีศาจ》ที่กล่าวกันว่ามีพลังอันน่ากลัวและเป็นเหตุผลของความเสียหายอย่างแพร่หลาย เขาจัดการกับไฟสีฟ้าและลมแรง ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อรอบๆกองกำลังที่แน่นหนา

ในความเป็นจริง หมวดที่อยู่แนวหน้ามีผู้เสียชีวิต 21 ราย และ 14 คนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเล็กน้อยในการต่อสู้ครั้งเดียว  และตอนนี้กำลังคิดที่จะจัดกองใหม่ ในบรรดาศพเหล่านั้นมีหัวหน้าหมวด ในฐานะของหัวหน้าหมวดเขาควรจะจัดการกับมานาได้ดีและควรจะสามารถทนต่ออุณหภูมิที่สูงได้เล็กน้อยได้มากกว่าทหารทั่วไป แต่ความจริงคือเขาได้กลายเป็นกองเพลิงที่ส่องสว่างและตายในสนามรบ

ตั้งแต่นั้นมาเมื่อพิจารณาว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็ละทิ้งการโจมตีที่เร่งเร้าและเปลี่ยนวิธีเป็นการโจมตีบีบคออย่างช้าๆและฆ่า เอมริดได้เป็นผู้นำที่จะขุดสนามเพลาะที่คดเขี้ยว

ด้วยวิธีนี้พวกเขาเข้าใกล้กำแพงอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดกองร้อยของเอมริดก็ได้ถึงเวลาสำหรับการโจมตีครั้งใหญ่

ที่แนวหน้าของการโจมตีทั้งหมด เหล่าทหารพรมน้ำบนร่างกายของพวกเขาเป็นมาตรการต่อต้าน《เพลิงปีศาจ》 บางคนถึงกับทาโคลนทั่วร่างกาย

ไม่มีใครหัวเราะเหล่าทหารที่เต็มไปด้วยโคลนที่เริ่มดูเหมือนคนบ้าเพราะเนื่องจากพวกเขาได้เห็นเหล่าเพื่อนร่วมงานถูกเผาจนตาย แทนที่ร่างกายพวกโคลนมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน ความจริงแล้ว เอมริดก็อย่างขจัดโคลนออก แต่ในฐานะของผู้บัญชาการมันเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเป็นแบบอย่างให้กับคนอื่นๆ

“เริ่มการโจมตี!!”

คำสั่งสั้นๆ แพร่กระจายออกมาในชั่วพริบตา ทั้งกองร้อยก็โถมไปที่กำแพง

การขว้างปาเริ่มตอนที่เหล่าทหารล้นออกมาจากสนามเพลาะ หลังจากนั้นไม่นานหอกน้ำแข็งและก้อนหินก็ได้ล้มทหารลง

ถึงอย่างนั้นก็มีทหารเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ล้มลง เหล่าทหารได้มาถึงด้านล่างของกำแพงแล้วและได้พาดบันได การต่อต้านรุนแรงของไฮเซิร์คที่จนถึงตอนนี้เหมือนเป็นเรื่องโกหก

เอมริดคิดว่าเขาอาจสามารถโจมตีและยึดเหมืองได้ในวันนี้ แต่เขารู้สึกขนลุกเสียวซ่าและรีบหันไปที่มุมหนึ่งของเชิงเทิน

ในสถานที่ที่เหล่าทหารพยายามจะเข้าไป ลมร้อนก็ได้กระจายออกมารอบๆ เช่นเดียวกับที่เปลวเพลิงสีฟ้าพัดออกมา

“ล่า-ล่าถอย!!”

เหล่าคนที่ปีนบันไดอยู่ก็ได้รีบกลิ้งลงมาและหลบหลังโล่หรือในสนามเพลาะ

“หยุดการโจมตี!! กลับไปที่สนามเพลาะ!!”

บางคนที่กำลังปีนกำแพงอยู่ก็เลือกที่จะกระโดนลงมาและหนีตายทันที แต่ทหารสี่หรือห้านายยังคงตกเป็นเหยื่อของเปลวเพลิง

“อย่าขยับ!! เขวี้ยงดินออกไปเร็ว!!”

“ไอ้ผู้ใช้เพลิงปีศาจสารเลวเอ๊ย แม่ง”

คำก่นด่าของทหารที่ถูกไฟเผาที่ก้นออกมาไม่หยุด ถึงอย่างนั้นการตอบสนองก็เร็วกว่าครั้งแรกและความเสียหายก็ยังคงอยู่ในขั้นต่ำ

เอมริดกระโจนลงจากบันได จับขอบของเกราะของทหารที่ขาหักและลากเขาด้วยแรงทั้งหมด และเลื่อนลงไปที่สนามเพลาะ

“มันไม่สนใจรอบๆเลยหรือไง!!?”

จนถึงตอนนี้ 《เพลิงปีศาจ》ถูกเล็งไปที่ทหารใต้กำแพง แต่ตอนนี้ชายคนนั้นถึงกับเผากำแพงที่เขาต้องปกป้องด้วย

การโจมตีทั้งหมดถูกหยุดลงชั่วคราวเนื่องจากไฟที่กำลังปะทุอย่างต่อเนื่องจากเชิงเทิน

ขณะนั้นเอมริดรู้สึกกังวลใจ หลังจากทั้งหมด มันนั้นอาจหาญเกินไป เอมริดที่คลานไปรอบๆได้สังเกตเห็นถึงสิ่งที่แท้จริงของความรู้สึกกงวลใจ

“…ไอ้สารเลว เราจะต้องกลับไปที่กำแพงเดี๋ยวนี้ๆ เคลื่อนย้ายๆ!!”

ในน้ำ เอมริดจับไปที่บันไดที่ถูกเผาและวิ่งเข้าไปที่กำแพงเพียงลำพัง

“ผู้บัญชาเอมริด!?”

เสียงของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ต้องการยืนยันความตั้งใจของเขาดังออกมา แต่พวกเขาก็ทำตามผู้บังคับบัญชาทันที

เอมริดนั้นพร้อมแล้วและปีนบันไดด้วยความเร็วสูง ยังคงมีไอควันบนเชิงเทิน แต่กลับไม่พบร่างใด

“ไอ้สารเลวนั่นมันกำลังล่าถอยทหารของมันช้าๆ พวกมันจงใจเผาทุกที่ในขณะที่พวกมันล่าถอย”

เอมริดเตะหมวกที่ถูกทิ้งไว้บนพื้น ถึงอย่างนั้นก็มีเพียงผู้บัญชาการกองร้อยที่อายุยังน้อย และเขาก็ได้ออกคำสั่งให้ลูกน้องของเขาทีละคน

“หมวด 1 ให้ดับไฟ หมวด 2 และหมวด 3 ให้คอยเฝ้าระวัง อย่ายกคนบาดเจ็บไปที่ทางเดินกำแพง มีความเสี่ยงที่จะโดนโจมตีสวนกลับ หมวด 4 และส่วนที่เหลือให้ส่งพลสอดแนมออกไปลาดตระเวนรอบๆ ฉันต้องการจะรู้ว่ามีอะไรที่อยู่ข้างหน้า”

คำสั่งได้ถูงส่งจากบนลงล่างแล้วเหล่าทหารก็จดจ่ออยู่กับงานของพวกเขา แม้ว่าจะมีความล่าช้า แต่จุดสำคัญหนึ่งอย่างก็ได้ล้มลงแล้ว ถึงอย่างนั้นเอมริดก็ยังรู้สึกไม่ดี

พลสอดแนมกลับมาในเวลาประมาณ 30 นาทีแล้วใบหน้าของเอมริดที่ได้รับรายงานก็ขมขื่นราวกับเขาได้กินไส้เดือน

“ศัตรูได้สร้างค่ายทหารอยู่ไม่ไกล เป็นสนามเพลาะที่ซับซ้อนเป็นคูน้ำและคูน้ำว่างๆที่ค่อนข้างลึกครับท่าน”

เอมริดเงยหน้าขึ้นมองฟ้านึกถึงสิ่งที่กลัว หลังจากที่ศัตรูใช้งานกำแพงให้ได้มากที่สุดแล้วพวกมันก็ละทิ้งและสร้างค่ายที่ด้านหลัง ในขณะทีเขากำลังเน้นไปที่วิธีรับมือกับ《เพลิงปีศาจ》และการโจมตีด้วยเวทมนตร์อื่นๆ ทหารของพวกมันก็ล่าถอยไปทีละนิด

ติดอยู่ในกลลวง เอมริดก่นด่าความโง่เขลาของเขาและการถูกครอบงำด้วยความชำนาญของกองทัพไฮเซิร์ค เขาไม่สามารถแม้แต่จะพูดหรือแสดงออกได้

เขาคิดได้เพียงว่านี่คือสาเหตุที่การทำสงครามกับจักรวรรดิไฮเซิร์คนั้นไม่คุ้มค่า

แตกต่างจากพื้นที่ในไครซิทและเฟอร์เรียส มันเป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถอ้อมได้ดังนั้นพวกเขาจึงต้องข้ามเหมืองไป เมื่อพิจารณาถึงความเสียหายและความเหนื่อยในอนาคตเอมริดก็ยิ่งเวียนหัว

เอมริดหมุนคำพูดเพื่อบอกลูกน้องและตัวเขาเอง

“อย่าได้อารมณ์เสียไป ท้ายที่สุดมันเป็นค่ายชั่วคราว เวลามันมีจำกัด ไม่มีทั้งความสูงและความทนทานของกำแพงปราสาท”

《เพลิงปีศาจ》ถูกใช้อย่างกว้างรอบๆกำแพง เมื่อพิจารณาถึงปริมาณมานาที่ใช้ มันสามารถใช้งานได้เป็นเวลาจำกัดเท่านั้น อาจกล่าวได้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการโจมตี

กองร้อยอื่่นกำลังรออยู่ที่ข้างหลัง แต่เนื่องจากการจัดการที่เหมือง แทนที่กองร้อยของเอมริดที่ซึ่งทิ้งเชิงเทินมาอย่างอุตสาหะ กองร้อยอื่นๆจะเป็นผู้นำการโจมตี และพวกเขาควรที่จะทำให้ค่ายล้มลงได้

ปัญหาคือแม้จะมีความต่างในคุณภาพของการป้องกัน แต่อาจมีค่ายชั่วคราวอยู่อีกหลายแห่ง เอมริดเห็นใจกองร้อยที่จะรับผิดชอบการโจมตีครั้งนี้ บางทีอาจมีคนจำนวนมากขึ้นที่จะไม่สามารถเอาเนื้อย่างผ่านคอได้อีกสักพัก

―――――――――――――――――――――――――――――――――――――――――
จบ – 
ขอขอบคุณ ENG จากKinokura Translation  
เพจผู้แปล (1) เหนื่อยน้อ การแปล | Facebook

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) 25

Now you are reading สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) Chapter 25 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พันธมิตรสี่ดินแดนยังคงเดินหน้าต่อไป เนื่องจากความต่างของกำลังอย่างท้วมท้น เริ่มแสดงให้เห็นถึงโมเมนตำที่ลดลงของพวกเรา 

กองพันทหารม้าของกองทัพไฮเซิร์คกำลังปะทะกับกองกำลังหลักของอาณาจักรไครซิท โจมตีที่ด้านข้าง ด้านหลัง และส่วนทียื่นออกมาอย่างไม่ลดละ แม้ว่าไครซิทจะมีกองกำลังมากกว่าแต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่ลำบากเนื่องจากทหารม้านั้นเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจับพวกเขา

การไล่ล่าโดยภาคีอัศวินเรฮาเซนนั้นได้ผลบางประการ แต่บางครั้งเหล่าอัศวินก็ถูกเชิญให้ออกล่า และบางครั้งพวกเขาก็ได้รับความเสียหายอย่างเจ็บปวดเนื่องจากกลยุทธ์ล่อเหยื่อ หากเหล่าทหารไครซิทเคลื่อนไปข้างหน้าโดยไม่ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำจากเหล่าทหารเฟอร์เรียสและไมยาร์ดที่ซึ่งคุ้นเคยกับภูมิศาสตร์ท้องถิ่น พวกเขาก็จะไม่สามารถรักษาความเร็วในการเดินขบวนได้

นอกจากนี้ยังมีการทำลายทางหลวงและสะพาน  และการถล่มของดินโดยเจตนาจากเวทมนตรดินบนทางผ่านภูเขาและถนน เป็นกลยุทธ์เพื่อชะลอการเคลื่อนพลที่กำลังดำเนินอยู่

ความคืบหน้าของเหล่าทหารสหพันธ์การค้าลิเบอริโต้ก็หยุดลงอย่างสมบูรณ์ที่เหมืองรีเฟนท์ สหพันธ์การค้าลิเบอริโต้ได้ส่งทหาร 7,000 นายเพื่อผลักดันกองพันศัตรูและได้รับความเสียหายมากกว่าที่คาดการไว้มาก

มีผู้เสียชีวิต 1200 คนและบาดเจ็บอีก 2,000 คน ศัตรูยังคงยึดเหมืองและยังคงมีชีวิตอยู่ ไฟจากคนจำนวนหนึ่งในตอนกลางคืนก็สาหัสเช่นกัน และเหล่าทหารลิเบอริโต้ก็เริ่มพัฒนาความกลัวจากไฟ

เอมริดที่ซึ่งอยู่ในกองทหารราบของสหพันธิลิเบอริโต้ก็มีริมฝีปากและลำคอที่แห่งเนื่องจากความตึงเครียด เอมริดเป็นผู้บัญชาการกองร้อยที่มีทหาร 250 นายจากบ้านเกิดของเขา และข้อมูลที่เขามีก็มากมายเมื่อเปรียบเทียบกับแค่ทหารราบ

เขาไม่ได้ให้จำนวนสาเหตุที่ถูกต้องแก่ผู้อื่นเพื่อป้องกันการเสียขวัญกำลังใจ แต่ทั้งกองร้อยก็ได้เสียสละทั้งหมดกับการป้องกันของกำแพงและหอคอยที่กองร้อยของเอมริดพยายมจะยึด และผู้บัญชาการกองร้อยคนก่อนของเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกแบกไปที่แนวหลัง

นอกจากกองทัพไฮเซิร์คแล้ว ภูมิประเทศที่เป็นภูเขายังเป็นงานที่ยากอย่างแน่นอน แต่สื่งที่เอมริดกังวลมากที่สุดคือศัตรูที่สามารถจัดการกับไฟที่เรียกว่า《เพลิงแห่งประตูนรก》

ไม่มีใครรู้จีกชื่อของเขา แต่แน่นอนว่าเขานั้นเป็นผู้ใช้ทักษะ《เพลิงปีศาจ》ที่กล่าวกันว่ามีพลังอันน่ากลัวและเป็นเหตุผลของความเสียหายอย่างแพร่หลาย เขาจัดการกับไฟสีฟ้าและลมแรง ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อรอบๆกองกำลังที่แน่นหนา

ในความเป็นจริง หมวดที่อยู่แนวหน้ามีผู้เสียชีวิต 21 ราย และ 14 คนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเล็กน้อยในการต่อสู้ครั้งเดียว  และตอนนี้กำลังคิดที่จะจัดกองใหม่ ในบรรดาศพเหล่านั้นมีหัวหน้าหมวด ในฐานะของหัวหน้าหมวดเขาควรจะจัดการกับมานาได้ดีและควรจะสามารถทนต่ออุณหภูมิที่สูงได้เล็กน้อยได้มากกว่าทหารทั่วไป แต่ความจริงคือเขาได้กลายเป็นกองเพลิงที่ส่องสว่างและตายในสนามรบ

ตั้งแต่นั้นมาเมื่อพิจารณาว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็ละทิ้งการโจมตีที่เร่งเร้าและเปลี่ยนวิธีเป็นการโจมตีบีบคออย่างช้าๆและฆ่า เอมริดได้เป็นผู้นำที่จะขุดสนามเพลาะที่คดเขี้ยว

ด้วยวิธีนี้พวกเขาเข้าใกล้กำแพงอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดกองร้อยของเอมริดก็ได้ถึงเวลาสำหรับการโจมตีครั้งใหญ่

ที่แนวหน้าของการโจมตีทั้งหมด เหล่าทหารพรมน้ำบนร่างกายของพวกเขาเป็นมาตรการต่อต้าน《เพลิงปีศาจ》 บางคนถึงกับทาโคลนทั่วร่างกาย

ไม่มีใครหัวเราะเหล่าทหารที่เต็มไปด้วยโคลนที่เริ่มดูเหมือนคนบ้าเพราะเนื่องจากพวกเขาได้เห็นเหล่าเพื่อนร่วมงานถูกเผาจนตาย แทนที่ร่างกายพวกโคลนมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน ความจริงแล้ว เอมริดก็อย่างขจัดโคลนออก แต่ในฐานะของผู้บัญชาการมันเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเป็นแบบอย่างให้กับคนอื่นๆ

“เริ่มการโจมตี!!”

คำสั่งสั้นๆ แพร่กระจายออกมาในชั่วพริบตา ทั้งกองร้อยก็โถมไปที่กำแพง

การขว้างปาเริ่มตอนที่เหล่าทหารล้นออกมาจากสนามเพลาะ หลังจากนั้นไม่นานหอกน้ำแข็งและก้อนหินก็ได้ล้มทหารลง

ถึงอย่างนั้นก็มีทหารเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ล้มลง เหล่าทหารได้มาถึงด้านล่างของกำแพงแล้วและได้พาดบันได การต่อต้านรุนแรงของไฮเซิร์คที่จนถึงตอนนี้เหมือนเป็นเรื่องโกหก

เอมริดคิดว่าเขาอาจสามารถโจมตีและยึดเหมืองได้ในวันนี้ แต่เขารู้สึกขนลุกเสียวซ่าและรีบหันไปที่มุมหนึ่งของเชิงเทิน

ในสถานที่ที่เหล่าทหารพยายามจะเข้าไป ลมร้อนก็ได้กระจายออกมารอบๆ เช่นเดียวกับที่เปลวเพลิงสีฟ้าพัดออกมา

“ล่า-ล่าถอย!!”

เหล่าคนที่ปีนบันไดอยู่ก็ได้รีบกลิ้งลงมาและหลบหลังโล่หรือในสนามเพลาะ

“หยุดการโจมตี!! กลับไปที่สนามเพลาะ!!”

บางคนที่กำลังปีนกำแพงอยู่ก็เลือกที่จะกระโดนลงมาและหนีตายทันที แต่ทหารสี่หรือห้านายยังคงตกเป็นเหยื่อของเปลวเพลิง

“อย่าขยับ!! เขวี้ยงดินออกไปเร็ว!!”

“ไอ้ผู้ใช้เพลิงปีศาจสารเลวเอ๊ย แม่ง”

คำก่นด่าของทหารที่ถูกไฟเผาที่ก้นออกมาไม่หยุด ถึงอย่างนั้นการตอบสนองก็เร็วกว่าครั้งแรกและความเสียหายก็ยังคงอยู่ในขั้นต่ำ

เอมริดกระโจนลงจากบันได จับขอบของเกราะของทหารที่ขาหักและลากเขาด้วยแรงทั้งหมด และเลื่อนลงไปที่สนามเพลาะ

“มันไม่สนใจรอบๆเลยหรือไง!!?”

จนถึงตอนนี้ 《เพลิงปีศาจ》ถูกเล็งไปที่ทหารใต้กำแพง แต่ตอนนี้ชายคนนั้นถึงกับเผากำแพงที่เขาต้องปกป้องด้วย

การโจมตีทั้งหมดถูกหยุดลงชั่วคราวเนื่องจากไฟที่กำลังปะทุอย่างต่อเนื่องจากเชิงเทิน

ขณะนั้นเอมริดรู้สึกกังวลใจ หลังจากทั้งหมด มันนั้นอาจหาญเกินไป เอมริดที่คลานไปรอบๆได้สังเกตเห็นถึงสิ่งที่แท้จริงของความรู้สึกกงวลใจ

“…ไอ้สารเลว เราจะต้องกลับไปที่กำแพงเดี๋ยวนี้ๆ เคลื่อนย้ายๆ!!”

ในน้ำ เอมริดจับไปที่บันไดที่ถูกเผาและวิ่งเข้าไปที่กำแพงเพียงลำพัง

“ผู้บัญชาเอมริด!?”

เสียงของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ต้องการยืนยันความตั้งใจของเขาดังออกมา แต่พวกเขาก็ทำตามผู้บังคับบัญชาทันที

เอมริดนั้นพร้อมแล้วและปีนบันไดด้วยความเร็วสูง ยังคงมีไอควันบนเชิงเทิน แต่กลับไม่พบร่างใด

“ไอ้สารเลวนั่นมันกำลังล่าถอยทหารของมันช้าๆ พวกมันจงใจเผาทุกที่ในขณะที่พวกมันล่าถอย”

เอมริดเตะหมวกที่ถูกทิ้งไว้บนพื้น ถึงอย่างนั้นก็มีเพียงผู้บัญชาการกองร้อยที่อายุยังน้อย และเขาก็ได้ออกคำสั่งให้ลูกน้องของเขาทีละคน

“หมวด 1 ให้ดับไฟ หมวด 2 และหมวด 3 ให้คอยเฝ้าระวัง อย่ายกคนบาดเจ็บไปที่ทางเดินกำแพง มีความเสี่ยงที่จะโดนโจมตีสวนกลับ หมวด 4 และส่วนที่เหลือให้ส่งพลสอดแนมออกไปลาดตระเวนรอบๆ ฉันต้องการจะรู้ว่ามีอะไรที่อยู่ข้างหน้า”

คำสั่งได้ถูงส่งจากบนลงล่างแล้วเหล่าทหารก็จดจ่ออยู่กับงานของพวกเขา แม้ว่าจะมีความล่าช้า แต่จุดสำคัญหนึ่งอย่างก็ได้ล้มลงแล้ว ถึงอย่างนั้นเอมริดก็ยังรู้สึกไม่ดี

พลสอดแนมกลับมาในเวลาประมาณ 30 นาทีแล้วใบหน้าของเอมริดที่ได้รับรายงานก็ขมขื่นราวกับเขาได้กินไส้เดือน

“ศัตรูได้สร้างค่ายทหารอยู่ไม่ไกล เป็นสนามเพลาะที่ซับซ้อนเป็นคูน้ำและคูน้ำว่างๆที่ค่อนข้างลึกครับท่าน”

เอมริดเงยหน้าขึ้นมองฟ้านึกถึงสิ่งที่กลัว หลังจากที่ศัตรูใช้งานกำแพงให้ได้มากที่สุดแล้วพวกมันก็ละทิ้งและสร้างค่ายที่ด้านหลัง ในขณะทีเขากำลังเน้นไปที่วิธีรับมือกับ《เพลิงปีศาจ》และการโจมตีด้วยเวทมนตร์อื่นๆ ทหารของพวกมันก็ล่าถอยไปทีละนิด

ติดอยู่ในกลลวง เอมริดก่นด่าความโง่เขลาของเขาและการถูกครอบงำด้วยความชำนาญของกองทัพไฮเซิร์ค เขาไม่สามารถแม้แต่จะพูดหรือแสดงออกได้

เขาคิดได้เพียงว่านี่คือสาเหตุที่การทำสงครามกับจักรวรรดิไฮเซิร์คนั้นไม่คุ้มค่า

แตกต่างจากพื้นที่ในไครซิทและเฟอร์เรียส มันเป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถอ้อมได้ดังนั้นพวกเขาจึงต้องข้ามเหมืองไป เมื่อพิจารณาถึงความเสียหายและความเหนื่อยในอนาคตเอมริดก็ยิ่งเวียนหัว

เอมริดหมุนคำพูดเพื่อบอกลูกน้องและตัวเขาเอง

“อย่าได้อารมณ์เสียไป ท้ายที่สุดมันเป็นค่ายชั่วคราว เวลามันมีจำกัด ไม่มีทั้งความสูงและความทนทานของกำแพงปราสาท”

《เพลิงปีศาจ》ถูกใช้อย่างกว้างรอบๆกำแพง เมื่อพิจารณาถึงปริมาณมานาที่ใช้ มันสามารถใช้งานได้เป็นเวลาจำกัดเท่านั้น อาจกล่าวได้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการโจมตี

กองร้อยอื่่นกำลังรออยู่ที่ข้างหลัง แต่เนื่องจากการจัดการที่เหมือง แทนที่กองร้อยของเอมริดที่ซึ่งทิ้งเชิงเทินมาอย่างอุตสาหะ กองร้อยอื่นๆจะเป็นผู้นำการโจมตี และพวกเขาควรที่จะทำให้ค่ายล้มลงได้

ปัญหาคือแม้จะมีความต่างในคุณภาพของการป้องกัน แต่อาจมีค่ายชั่วคราวอยู่อีกหลายแห่ง เอมริดเห็นใจกองร้อยที่จะรับผิดชอบการโจมตีครั้งนี้ บางทีอาจมีคนจำนวนมากขึ้นที่จะไม่สามารถเอาเนื้อย่างผ่านคอได้อีกสักพัก

―――――――――――――――――――――――――――――――――――――――――
จบ – 
ขอขอบคุณ ENG จากKinokura Translation  
เพจผู้แปล (1) เหนื่อยน้อ การแปล | Facebook

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+