อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร 565 หมอมีจิตใจดุจพ่อแม่

Now you are reading อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร Chapter 565 หมอมีจิตใจดุจพ่อแม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 565 หมอมีจิตใจดุจพ่อแม่

มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนกลับถึงบ้านครอบครัวกู่ตอนห้าโมงกว่า

เวลานี้ที่บ้านครอบครัวกู่ครึกครื้นมาก ไม่ได้มีแค่จางผิงผิงกับสามี ครอบครัวลู่ ครอบครัวกู่อ้าวเพื่อนบ้าน ยังมีคู่ผู้อาวุโสและชายหนุ่มรูปหล่ออายุราวสามสิบอีกคน

กู่ถิงยิ้มพลางแนะนำให้ทุกคนรู้จัก “คุณปู่คุณย่าคะ นี่คือหมอเสี่ยวมู่กับพี่ชายค่ะ”

“หมอเสี่ยวมู่ ขอบคุณที่ช่วยรักษานะ” สองผู้อาวุโสดีใจมาก

หลานสาวบอกว่าป้าสะใภ้กับพี่ใหญ่ของเธอรอดแล้ว พวกเขาแทบอยากกลับจากเมืองเจียงตูชนิดที่แทบทนรอไม่ไหว

มู่เถาเยายิ้มพูด “คุณย่ากับคุณพ่อเสี่ยวที่มีวาสนาได้รักษาค่ะ” ชีวิตของพวกเขายังไม่ถึงฆาต

หากไม่บังเอิญเจอเธอ บางทีอีกไม่กี่ปีก็อาจเสียชีวิตจริงๆ

“ครอบครัวพี่ใหญ่ของฉันชอบทำความดีสะสมมาตั้งแต่เด็ก ก็เลยได้รับการตอบแทนในตอนนี้…” บลาๆๆ

ปู่ของกู่ถิงจับมือมู่เถาเยาแล้วเริ่มเล่าเรื่องในอดีต

มู่เถาเยาไม่มีรำคาญเลยสักนิด ฟังไปยิ้มไป

กู่ถิงยิ่งฟังยิ่งจนปัญญา อดขัดจังหวะไม่ได้ “ปู่คะ หมอเสี่ยวมู่กับพี่ชายเพิ่งขี่ม้ากลับมา ให้พวกเขาดื่มน้ำนั่งพักก่อนนะคะ เดี๋ยวก็กินข้าวแล้ว”

ชายชราถึงได้หยุดพูด

ย่ากู่ถิงก็ยิ้มอย่างจนปัญญาแล้วพูดกับมู่เถาเยา “คุณหมอเทวดา ขอโทษด้วยนะ ปู่พูดมากไปหน่อย”

“ไม่เป็นไรค่ะ อาจารย์ของหนูก็เป็นแบบนี้ อันที่จริงคนอายุมากชอบพูดชอบคุยกันทั้งนั้นค่ะ”

ชายชราอยู่มาทั้งชีวิตย่อมมองออกว่ามู่เถาเยาพูดจากใจหรือว่าพูดตามมารยาท จึงยิ่งดีใจอย่างอดไม่ได้

กู่ถิงจูงชายหนุ่มที่อยู่ข้างปู่ย่าของเธอแล้วพูดกับมู่เถาเยาและตี้อู๋เปียน “หมอเสี่ยวมู่ พี่ชายเสี่ยวมู่ นี่เพื่อนร่วมงานของพี่เอง และก็เป็นแฟนพี่ด้วย ชื่อหยางเกอ ตัวเกอที่มาจากสำนวนเปลี่ยนสงครามให้เป็นความสงบจ้ะ”

แนะนำชื่อนี้ต้องอธิบายหน่อย เดี๋ยวจะเข้าใจผิดว่าเป็นเกอที่แปลว่าพี่ชาย

ตี้อู๋เปียนยื่นมือออกไป “พี่รองหยาง”

หยางเกออึ้งไปชั่วขณะแล้วถึงยื่นมือออกไปจับ “คุณมู่รู้จักผมด้วยเหรอครับ”

ต่อให้เรียกพี่ แต่คนปกติก็ควรเรียกพี่ใหญ่หยางไม่ใช่พี่รองหยางสิ

เมื่อครู่แฟนเขาแนะนำว่าเป็นพี่ชายของหมอเสี่ยวมู่ แต่ในความทรงจำของเขาดูเหมือนไม่เคยรู้จักคนแซ่มู่นะ

“ผมไม่ได้แซ่มู่ ตอนนี้ชื่อลู่อู๋เปียนครับ”

“ตอนนี้ชื่อลู่อู๋เปียน…ลู่อู๋เปียน…อู๋เปียน!” หยางเกอดวงตาเบิกโพลงขึ้นมาทันที

ตี้อู๋เปียนพยักหน้า “ผมเอง”

หยางเกอตาโตสังเกตตี้อู๋เปียนอย่างละเอียด หวังจะหาจุดคล้ายกับคนครอบครัวนั้น

“พี่สามรู้จักกันเหรอคะ” มู่เถาเยาถามคำถามที่อยู่ในใจของทุกคน

“ซาลาเปาน้อย นี่คือพี่รองหยางเกอหนึ่งในลูกชายฝาแฝดของหยางชิงจวิ้นพี่ชายที่เป็นญาติกับป้าสะใภ้ใหญ่”

มู่เถาเยาถึงบางอ้อทันที

เธอรู้ว่าตระกูลหยางมีฝาแฝดอยู่คู่หนึ่ง แต่ไม่เคยเจอหน้า

ตระกูลหยางเป็นคนเจียงตู แถมเธอก็ไม่ค่อยไปเจียงตู รู้จักญาติของตระกูลหยางก็แค่พ่อแม่ของหยางชิงเฉวียนและครอบครัวของหยางชิงเถียน

“แขกที่มาจากแดนไกลยังมีความสัมพันธ์แบบอ้อมๆ กันได้ จะบังเอิญเกินไปหน่อยแล้ว!” กู่ถิงดีใจมาก

หยางเกอพยักหน้า ยิ้มถาม “คุณชายเล็กกับหมอเสี่ยวมู่ทำไมมาที่นี่ล่ะครับ”

อันที่จริงเขาไม่ได้สนิทกับตระกูลตี้มาก โดยเฉพาะตี้อู๋เปียนที่ป่วยแต่เด็กไม่ค่อยได้ออกไปเจอคนข้างนอก นี่เป็นครั้งแรกที่เจอกัน

แต่ตระกูลหยางสนิทกับตระกูลอวิ๋น ก็เลยรู้ว่าตระกูลตี้ยังมีคุณชายเล็กที่ชื่อตี้อู๋เปียน

แต่เหนือความคาดหมายของเขามาก ทั้งๆ ที่คนตระกูลตี้แต่ละคนหน้าตาดีทั้งนั้น รวมถึงลูกพี่ลูกน้องอย่างตี้อู๋โยว ก็เป็นชายหนุ่มรูปงามที่หาได้ยาก ทำไมถึงมีตี้อู๋เปียนที่หน้าโหลไปที่ไหนก็หาได้ง่ายโผล่มาแบบนี้ล่ะ

แต่เขาไม่สงสัยตัวตนของตี้อู๋เปียน เพราะไม่มีใครกล้าสวมรอยเป็นคนตระกูลตี้หรอก

ตี้อู๋เปียนยิ้มพูด “เป็นญาติกันทั้งนั้น พี่รองหยางเรียกชื่อผมก็พอ ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้ ผมกับซาลาเปาน้อยออกมาท่องเที่ยว ขับมาตั้งแต่ทะเลทรายสี่สีผ่านเขตไร้ผู้คนมาครับ”

“ได้ อู๋เปียน แล้วกะจะพักที่นี่กันกี่วันเหรอ”

“แล้วแต่ซาลาเปาน้อยครับ”

มู่เถาเยา “รอพรุ่งนี้ยามาส่งให้คุณย่ากับคุณพ่อเสี่ยวที่กินดู สังเกตอาการสองสามวัน ถ้าไม่พบความผิดปกติก็จะไปเที่ยวต่อค่ะ”

แม่เสี่ยวที่ซาบซึ้งใจมาก “พวกเราไม่รู้จะตอบแทนหมอเสี่ยวมู่ยังไงดี…”

“หมอมีจิตใจดุจบิดามารดาค่ะ ในเมื่อเป็นพ่อแม่ แล้วจะตอบแทนทำไมกันคะ”

เธออยากหาเงินเพื่อไปทำวิจัยก็จริง แต่ไม่ใช่จากคนป่วย

ถ้าคนป่วยจ่ายไหว เธอก็ไม่มีทางบอกปัดค่ารักษาที่สมเหตุสมผล

แต่ถ้าคนป่วยต้องเที่ยวไปร้องขอหยิบยืมคนอื่นมาเป็นค่ารักษา เธอไม่เก็บได้ก็ไม่เก็บ จะได้ไม่เป็นการซ้ำเติมครอบครัวที่เดือดร้อนอยู่แล้ว

หมอต้องมีจิตใจเมตตา

กู่ที่น้อยที่กลับจากโรงเรียนอนุบาลเข้ามาจับมือมู่เถาเยาแกว่งไปมา ดวงตาเปล่งประกาย “พี่สาวฮะ เสี่ยวที่มีของล้ำค่าจะให้พี่สาวด้วย”

มู่เถาเยาแกล้งหยอกเขา “เสี่ยวที่ยอมเอาของล้ำค่าให้พี่สาวเลยเหรอจ๊ะ”

“ยอมฮะ พี่สาวรักษาย่ากับพ่อ เสี่ยวที่ต้องตอบแทนพี่สาว”

มู่เถาเยาลูบศีรษะน้อยๆ ของเขา ยิ้มดวงตาโค้งมน “จ้ะ งั้นขอพี่สาวดูหน่อยว่าของล้ำค่าของเสี่ยวที่คืออะไร”

แม่เสี่ยวที่ออกจากห้องครัวมาได้ยินเสี่ยวที่พูดถึงของล้ำค่าจึงยิ้มอธิบาย “ของล้ำค่าอะไรน่ะเหรอ ก็คือหญ้าที่ไม่รู้เด็ดมาจากไหน ให้พี่ช่วยหากระถางเก่าๆ มาปลูก รดน้ำเช้าเย็น แถมยังชอบคุยกับมัน เลี้ยงเหมือนสัตว์เลี้ยง”

“แม่ฮะ ไม่ใช่หญ้า เป็นดอกไม้”

“ปีนึงแล้วไม่เห็นจะออกดอกเลย”

กู่ที่น้อยพูดอย่างจริงจัง “มันเหมือนผม ยังไม่โตดี รอมันโตเดี๋ยวก็ออกดอกเอง”

แม่เสี่ยวที่หมดคำจะพูด ไม่อยากพูดเรื่อง ‘ของล้ำค่า’ ของลูกชายแล้ว จึงพูดกับทุกคน “พวกเรากินข้าวกันก่อนดีกว่าค่ะ กินเสร็จค่อยคุยกัน”

ครั้นแล้วทุกคนจึงตามเจ้าของบ้านไปกินข้าวที่ห้องอาหารก่อน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด