เซียนหมากข้ามมิติ 393 เคราะห์อสนีที่เกินหว่าเหตุ

Now you are reading เซียนหมากข้ามมิติ Chapter 393 เคราะห์อสนีที่เกินหว่าเหตุ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พลัน​มีสายฟ้า​เสียง​ดังสนั่น​ปลุก​จี้หยวน​ที่​จมอยู่​ใน​เขตแดน​ท่วงทำนอง​วิญญาณ​ เขา​เงยหน้า​มอง​ท้องฟ้า​ใน​ทันใด​ ไม่จำเป็นต้อง​นับ​นิ้ว​คำนวณ​ก็​รู้​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​

“เคราะห์​อสนี​? เป็นไปได้​อย่างไร​…”

จี้หยวน​เพิ่ง​พูด​ได้​ครู่เดียว​ก็​ตระหนัก​ได้​ถึงอะไร​บางอย่าง​ ก้มหน้า​มอง​วิวัฒน์​ฟ้าดิน​บน​โต๊ะ​ม้วน​นั้น​ที่​น้ำหมึก​ยัง​ไม่แห้ง​ดี​

“ตำรา​เล่ม​นี้​ชักนำ​เคราะห์​อสนี​มาหรือ​”

ลม​หวีดหวิว​รอบข้าง​และ​เสียง​ฟ้าร้อง​ลั่น​ เมฆดำ​ยิ่ง​มายิ่ง​รวมตัวกัน​มากขึ้น​ ทำให้​วัน​ฟ้าใสกลายเป็น​วัน​ฟ้าครึ้ม​ที่​มีเมฆดำ​กระจาย​ตัว​อยู่​ภายใน​เวลา​อัน​สั้น​

‘แย่​แล้ว​ อยู่​ที่วัด​ต้าเหลียง​ไม่ได้​!’

ตั้งแต่​ถูก​เสียง​ฟ้าผ่า​ปลุก​ก็​ตระหนัก​ได้​ถึงความ​เลวร้าย​ของ​เรื่องราว​ ความจริง​ยัง​ผ่าน​ไป​ไม่ถึงสอง​ลมหายใจ​เลย​

แม้ภายใน​วัด​ต้าเหลียง​มีภิกษุ​ระดับสูง​อยู่​ไม่น้อย​ แต่​ส่วนใหญ่​ล้วน​เป็น​คนธรรมดา​ที่​มีกาย​เนื้อ​อวัยวะ​ทั่วไป​ นอกจากนี้​ถึงเป็น​ภิกษุ​ระดับสูง​ส่วน​นั้น​ หาก​พูดถึง​มรรค​วิถี​และ​การ​ฝึก​ปราณ​ก็​ไม่ได้​สูงมาก​ จี้หยวน​รู้​ว่า​ตอนนี้​ไม่ใช่เวลา​ลังเล​ จึงตัดสินใจ​คุม​วาโย​เหยียบ​เมฆขึ้นไป​ ยิ่ง​ใช้พลัง​มาก​พอ​จน​กลายเป็น​แสงจากไป​

ภิกษุ​ทั้งหลาย​ที่วัด​ต้าเหลียง​ตอนนี้​อยู่​ใน​อาราม​ตกใจ​ ภิกษุ​ไม่น้อย​รีบร้อน​วิ่ง​ออกจาก​กุฏิ​มามองดู​ท้องฟ้า​ เห็น​ท้องฟ้า​มีเมฆและ​มีสาย​ฟ้าแลบ​แปลบปลาบ​

“อย่า​กังวลใจ​ อย่า​กังวลใจ​! ภิกษุ​วัด​ต้าเหลียง​อย่า​แตกตื่น​!”

“ภิกษุ​ กลับ​กุฏิ​และ​อุโบสถ​เพื่อ​หลบ​ฝน​ สวดมนต์​ต่อ​พระ​วิทยา​ราช​! พวกเรา​ฝึก​พุทธธรรม​อย่าง​สงบ​ เคราะห์​อสนี​ไม่มีทาง​มาถึงตัว​!”

ห้ามปราม​และ​ปลอบโยน​ภิกษุ​ทั้งหมด​แล้ว​ คราวนี้​ภิกษุ​ที่​ใจไม่แข็ง​เท่าไหร่​ถึงสงบใจ​ลง​ได้​บ้าง​

เปรี้ยง​…ครืน​…

“กรี๊ด​…”

สายฟ้า​มากะทันหัน​เกินไป​ องค์​หญิง​ใหญ่​ฉู่หรู​เยียน​ตื่นกลัว​จน​กรีดร้อง​ออกมา​เสียงดัง​ กอด​นางกำนัล​ข้าง​กาย​ไว้​ตาม​สัญชาตญาณ​ ฝ่าย​นางกำนัล​และ​ภิกษุ​ฮุ่ย​ถงตัวสั่น​เพราะ​ตกใจกลัว​สายฟ้า​เช่นกัน​ จากนั้น​มอง​ท้องฟ้า​โดย​จิตใต้สำนึก​

เห็น​เพียง​เมฆดำ​กลิ้ง​ไปมา​เหมือน​น้ำวน​ รวมกลุ่ม​หมุน​วน​กลาง​ท้องฟ้า​ ยิ่ง​มีสายฟ้า​แดดิ้น​อยู่​ใน​นั้น​

หวิว​…หวิว​…หวิว​…

ลม​คลั่ง​พัด​ขึ้น​ ดอก​ไม้ใบ​หญ้า​ใน​ลานวัด​แทบจะ​แนบสนิท​กับ​พื้นดิน​ หลาย​คน​ยืน​ไม่มั่นคง​แล้ว​

“เคราะห์​อสนี​! มีเคราะห์​อสนี​ได้​อย่างไร​!?”

ภิกษุ​ฮุ่ย​ถงกล่าว​ด้วย​อาราม​ตกใจ​ ตอนนี้​องค์​หญิง​ใหญ่​อาศัย​แรง​ประคอง​จาก​นางกำนัล​ถึงยืน​มั่นคง​ได้​

“ไต้​ซือ​ฮุ่ย​ถง นี่​มัน​เกิด​อะไร​ขึ้น​กัน​แน่​”

คำพูด​นี้​ไม่ได้​ถูก​เสียง​ลม​คลั่ง​กลบ​ไป​ ฮุ่ย​ถงได้ยิน​แล้ว​ ทว่า​ไม่ได้​ตอบสนอง​แต่อย่างใด​ เห็น​แสงสีขาว​สาย​หึ่ง​เกิดขึ้น​ภายใน​บริเวณ​ต้องห้าม​ของวัด​ และ​เห็น​เงาร่าง​คน​เหยียบ​เมฆลอย​ขึ้นไป​อยู่​เลือนราง​

ภิกษุ​วัด​ต้าเหลียง​ไป​จนถึง​ฉู่หรู​เยียน​และ​นางกำนัล​มองเห็น​แสงสีขาว​ลอย​ขึ้น​ ตอนที่​แสงสีขาว​ลอย​ขึ้น​สู่ท้องฟ้า​ น้ำเสียง​ที่​จี้หยวน​พยายาม​รักษา​ความราบเรียบ​เอาไว้​ดัง​มาถึงใน​วัด​

“ภิกษุ​วัด​ต้าเหลียง​ไม่ต้อง​กลัว​ เคราะห์​อสนี​นี้​เป็น​ของ​ข้า​จี้หยวน​ เมื่อ​ข้า​ไป​แล้​วจะ​ไม่ส่งผลกระทบ​ถึงวัด​ต้าเหลียง…”​

เสียง​นี้​ราบเรียบ​ทว่า​ก้องกังวาน​ กลบ​เสียง​สายฟ้า​หลาย​ระลอก​ได้​ ดัง​สะท้อน​ไป​ทั่ว​ทั้ง​วัด​ต้าเหลียง​

“คน​ผู้​นั้น​กำลัง​บิน​! นั่น​คือ​ท่าน​จี้หรือ​ ท่าน​จี้กำลัง​บิน​!?”

นางกำนัล​มอง​คน​เหยียบ​เมฆกลายเป็น​แสงสีขาว​จากไป​ด้วย​อาราม​ตกใจ​ ความจริง​เพียงแค่​พริบตาเดียว​เท่านั้น​ แสงสีขาว​วาบ​ผ่าน​ท้องฟ้า​เหนือ​ลานวัด​ แค่​กะพริบตา​ครั้ง​เดียว​ก็​เหลือ​แค่​กลุ่ม​แสงแล้ว​ ไม่นาน​นัก​ก็​หาย​ไป​ไม่เห็น​

แม้เมฆดำ​เหนือ​วัด​ต้าเหลียง​ยัง​ไม่หาย​ไป​ ทว่า​ความรู้สึก​เหมือน​น้ำวน​ก่อตัว​กลับ​ไม่เหลือ​แล้ว​ มีเพียง​เมฆดำ​ทั่วไป​ปกคลุม​อยู่​ด้านบน​ ตามมา​ด้วย​เสียง​ฟ้าร้อง​เป็นครั้งคราว​ ลม​คลั่ง​ยิ่ง​ลด​กำลัง​ลง​ไป​มาก​ เป็น​เพียง​พายุฝน​ฟ้าคะนอง​เท่านั้นเอง​

จนกระทั่ง​ถึงวินาที​นี้​ บรรยากาศ​ตื่นกลัว​ภายใน​วัด​ต้าเหลียง​ค่อย​สงบ​ลง​

ครืน​…

เสียง​ฟ้าร้อง​ยังคง​ดัง​ขึ้น​เหมือนเดิม​ ทว่า​ไม่ได้​มีอำนาจ​คุกคาม​จิตใจ​เหมือน​ก่อนหน้านี้​อีกแล้ว​

“องค์​หญิง​ใหญ่​ รีบ​ตาม​อาตมา​ไป​ที่​กุฏิ​เถอะ​ อีก​เดี๋ยว​ฝน​จะตก​แล้ว​!”

“เอ่อ​ ตกลง​ ดี​!”

“ไต้​ซือ​ฮุ่ย​ถง เสียง​เมื่อครู่นี้​เป็น​เสียง​ท่าน​จี้หรือ​ แล้ว​เขา​กลายร่าง​เป็น​แสงบิน​ไป​หรือ​”

นางกำนัล​ถามอีกครั้ง​ด้วย​น้ำเสียง​ตื่นเต้น​เล็กน้อย​ ก่อนหน้านี้​ภิกษุ​ฮุ่ย​ถงเคย​กล่าว​ไว้​อย่าง​ชัดเจน​ถึงว่า​สิ่งที่​เรียก​ว่า​เทพเจ้า​ พระพุทธเจ้า​ ผู้​อมตะ​ และ​นักบุญ​ แต่​ในแง่​ของ​ผลกระทบ​ด้าน​จิตใจ​ มัน​ไม่ใหญ่​เท่ากับ​ที่​จี้หยวน​บิน​ให้​นาง​เห็น​

“เป็น​ท่าน​จี้จริงๆ​ เขา​เหยียบ​เมฆขี่​แสงธรรม​บิน​ไป​ ชัดเจน​ว่า​ไม่อยาก​ทำให้​วัด​ต้าเหลียง​ลำบาก​ ทว่า​เคราะห์​อสนี​นี้​…สาธุพระ​วิทยา​ราช​ ขอ​พระพุทธ​คุ้มครอง​ด้วย​ เอ่อ​…”

ทันใดนั้น​ภิกษุ​ฮุ่ย​ถงพูด​ต่อ​ไม่ออก​แล้ว​ เดิมที​ท่าน​จี้เป็น​เซียน​ที่นั่ง​เสวนา​มรรค​กับ​พระ​วิทยา​ราช​ศาสนาพุทธ​ได้​ พุทธธรรม​ต้อง​ปกป้อง​เขา​…

‘ด้วย​มรรค​วิถี​ของ​ท่าน​จี้ เคราะห์​อสนี​น่าจะ​ไม่เหนือ​บ่า​กว่า​แรง​ ทว่า​เหตุใด​ถึงชักนำ​เคราะห์​อสนี​มาได้​ ท่าน​จี้ไร้​มลทิน​ถึงปาน​นั้น​…’

ภิกษุ​ฮุ่ย​ถงพลัน​มอง​ต้นไม้​ใหญ่​ที่อยู่​ใน​บริเวณ​ต้องห้าม​ไกล​ออก​ไป​ หรือ​พูด​อีกนัยหนึ่ง​ท่าน​จี้ไม่ได้​เป็น​คน​ชักนำ​เคราะห์​อสนี​มาด้วย​ตนเอง​!

“ไต้​ซือ​ เคราะห์​อสนี​คือ​อะไร​หรือ​”

“ไต้​ซือ​ฮุ่ย​ถง ท่าน​จี้จะไม่เป็นไร​ใช่หรือไม่​”

“ไต้​ซือ​ ข้า​เรียน​วิชา​เหาะ​เหิน​ดำดิน​หนี​ได้​หรือไม่​ ท่าน​แนะนำ​ข้า​ให้​กับ​ท่าน​จี้ได้​หรือไม่​”

สตรี​ทั้งสอง​ถามคำถาม​อยู่​ข้างๆ​ ฮุ่ย​ถงไม่ยอม​หยุด​

“สาธุพระ​วิทยา​ราช​ ท่าน​ทั้งสอง​ พวกเรา​รีบ​ไป​หลบ​ฝน​ที่​กุฏิ​เถอะ​ คำถาม​เหล่านี้​อาตมา​จะค่อยๆ​ ตอบ​!”

ตอนนี้​จี้หยวน​เหาะ​หนี​ด้วย​ความเร็ว​สูงสุด​ เขา​เหาะ​ผ่าน​ตรงไหน​ เหนือศีรษะ​ตรงนั้น​จะมีเมฆดำ​รวมกลุ่ม​ เหมือนกับ​ไล่ตาม​เขา​อย่างไร​อย่างนั้น​ หรือ​เรียก​ว่า​ตาม​ม้วน​ตำรา​ใน​มือ​เขา​ก็ได้​

จี้หยวน​เปิด​ตาทิพย์​เต็มที่​ สายตา​กวาด​มอง​พื้นที่​กว้าง​ ตรงไหน​คน​อยู่​น้อย​ก็​หลบ​ไป​ตรงนั้น​ ทว่า​เคราะห์​อสนี​ตามมา​กระชั้น​นัก​ ไม่มีเวลา​เหลือ​มาก​เท่าไหร่​ เขา​ทำได้​เพียง​เหาะ​หนี​อย่าง​เต็มกำลัง​ อยู่​ห่างไกล​ได้​มาก​เท่าไหร่​ยิ่ง​ดี​

ท้ายที่สุด​แล้ว​จี้หยวน​หยุด​ตรง​สันเขา​ที่​รกร้าง​เป็น​อย่างยิ่ง​ แทบจะ​ทันทีที่​เขา​หยุด​ลง​ เมฆดำ​บน​ท้องฟ้า​พลัน​ขยายอาณาเขต​กว้างใหญ่​ สายฟ้า​นับไม่ถ้วน​แหวกว่าย​อยู่​ใน​นั้น​ อีก​ทั้ง​เมฆดำ​ขยาย​ใหญ่​อย่าง​ต่อเนื่อง​ ทำให้​ท้องฟ้า​มืด​ลง​อย่าง​ต่อเนื่อง​เช่นกัน​

หลังจากนั้น​สิบ​กว่า​อึดใจ​ โดยรอบ​มืด​สลัว​ราวกับ​ม่าน​ราตรี​โรยตัว​ลงมา​ก็​ไม่ปาน​

โครม​…

สายฟ้า​ผ่า​ลง​บน​ยอดเขา​ ทำเอา​ต้น​ไม้ต้น​หนึ่ง​บน​นั้น​แตก​ออก​เป็น​เสี่ยง​ๆ แสงสายฟ้า​ขนาดใหญ่​กะพริบ​แสงส่องสว่าง​ภูเขา​ลูก​ใหญ่​ท่ามกลาง​ความมืด​

จี้หยวน​ร่อน​ลง​บน​สันเขา​ก่อน​เงยหน้า​มอง​ท้องฟ้า​ เมฆดำ​มหึมา​หมุน​วน​แสงสายฟ้า​ก่อตัว​ เหมือนกับ​ยังคง​กดดัน​ลงมา​อย่าง​ต่อเนื่อง​

พูด​ตามตรง​ว่า​แม้จะเป็น​จี้หยวน​ใน​ตอนนี้​ เห็นภาพ​นี้​แล้วก็​ยังคง​กระวนกระวายใจ​อยู่ดี​ แต่​หา​กวาง​วิวัฒน์​ฟ้าดิน​ลง​แล้ว​หนี​ไป​ยิ่ง​เป็นไปไม่ได้​อย่าง​แน่นอน​

หลังจาก​อนุมาน​ออกมา​แล้ว​ แม้แต่​ตัว​จี้หยวน​เอง​ยัง​ไม่ได้​อ่าน​เลย​สัก​รอบ​ ตอนนี้​หาก​เสีย​มัน​ไป​ จิตใจ​เขา​ต้อง​ได้รับ​ความกระทบกระเทือน​อย่าง​หนัก​ หลังจากนี้​จะอนุมาน​ออกมา​ได้​อีก​ตอน​ไหน​ก็​ไม่รู้​

‘ก็​แค่​เคราะห์​อสนี​เอง​ไม่ใช่หรือ​ มาเถอะ​!’

ทว่า​ตอนนี้​ไม่อาจ​และ​ไม่กล้า​เก็บ​ม้วน​ตำรา​เข้า​ใน​แขน​เสื้อ​ ไม่เช่นนี้​เขา​คน​แซ่จี้ต้อง​ตาย​เป็นแน่แท้​

เปรี๊ยะ​…เปรี้ยง​…

จี้หยวน​ยัง​คิด​ไม่ทัน​จบ​ สายฟ้า​สาย​แรก​บน​ท้องฟ้า​ก็​ผ่า​ลงมา​อย่าง​เร่งร้อน​ ส่องสว่าง​ทั่ว​ทั้ง​ภูเขา​รกร้าง​จน​ขาวโพลน​ทั้ง​ผืน​

ครืน​

ฮึ่ม…เปรี้ยง​…

จี้หยวน​ใช้นิ้วชี้​ชี้ขึ้น​บน​ท้องฟ้า​ แสงสายฟ้า​กระจาย​ไป​ทั่ว​ทุกทิศทาง​ ส่วน​เหนือศีรษะ​มีมือ​สีแดง​ขนาดใหญ่​สอง​ข้าง​แบก​ท้องฟ้า​เอาไว้​ ขวาง​อยู่​เหนือศีรษะ​จี้หยวน​ เป็น​จอม​พลัง​เกราะ​ทอง​ที่​เรียก​ออกมา​ใน​พริบตาเดียว​

แปะ​ๆ…แปะ​ ปัง​…ครืน​…

แสงสายฟ้า​ที่​กระจาย​ออก​ไป​กวาด​ผ่าน​โดยรอบ​สันเขา​รกร้าง​ ไม่ว่า​จะเป็น​หิน​ใหญ่​หรือ​ต้นไม้​แห้ง​ล้วน​แตก​กระจาย​กระเด็น​กระดอน​ไป​ บน​พื้นดิน​ยิ่ง​เป็น​รอยไหม้​หลาย​รอย​

สายฟ้า​ทั้งหมด​รอบข้าง​จี้หยวน​ถูก​แหวก​ออก​ราวกับ​เจอ​เยื่อ​บาง​ๆ ชั้นหนึ่ง​ ส่วน​บน​กาย​จอม​พลัง​เกราะ​ทอง​พัวพัน​ไว้​ด้วย​แสงสายฟ้า​เต็มไปหมด​ วิญญาณ​ดิน​สีเหลือง​รวมกลุ่ม​จาก​ใต้เท้า​ของ​จอม​พลัง​เกราะ​ทอง​ตลอดเวลา​เพื่อ​ต้านทาน​สายฟ้า​ พลัง​ของ​จี้หยวน​เพิ่มขึ้น​อย่าง​ต่อเนื่อง​ ทำให้​จอม​พลัง​เกราะ​ทอง​ไม่ถึงกับ​เหนื่อยล้า​ไร้​เรี่ยวแรง​

สายฟ้า​นี้​ไม่ได้​หายวับ​ไป​ อานุภาพ​ฟ้าเท​ลงมา​เหมือนกับ​แม่น้ำ​สาย​ยาว​ไหลริน​ จี้หยวน​กัดฟัน​อดทน​ พูด​ไม่ได้​ว่า​กินแรง​เป็น​อย่างยิ่ง​ ทว่า​เครียด​เกร็ง​นัก​

ในที่สุด​สายฟ้า​สาย​นี้​ก็​ผ่าน​พ้นไป​ เวลา​สี่ห้า​ลมหายใจ​ยาวนาน​เหมือนกับ​สี่ห้า​ชั่ว​ยาม​ ด้าน​ข้าง​นอกจาก​ใต้เท้า​ของ​จี้หยวน​และ​จอม​พลัง​เกราะ​ทอง​ที่​ยืน​อยู่แล้ว​ บริเวณ​อื่น​ดำ​เป็น​ตอ​ตะโก​ไป​หมด​

“ฮู่…”

จี้หยวน​ผ่อน​ลมหายใจ​ก่อน​มอง​จอม​พลัง​เกราะ​ทอง​ สายฟ้า​บน​ตัว​มัน​ยัง​คงอยู่​ บน​ร่าง​ของ​จอม​พลัง​เริ่ม​เกิด​ควัน​ดำ​เป็น​หย่อม​ๆ ชัดเจน​ว่า​ใกล้​ต้าน​ไม่ไหว​แล้ว​

ไม่ได้การ​แล้ว​ จี้หยวน​ทำได้​เพียง​กวักมือ​ เก็บ​จอม​พลัง​เกราะ​ทอง​กลับคืน​ แม้กลับเป็น​กระคน​กระดาษ​ยันต์​แผ่น​สีเหลือง​อีกครั้ง​ บน​นั้น​ยังคง​มีแสงสายฟ้า​เวียนวน​อยู่ดี​ และ​จี้หยวน​รู้สึก​ได้​ถึงความเจ็บ​และ​ชาบน​ฝ่ามือ​

จี้หยวน​รู้จัก​ร่าง​วิญญาณ​ของ​จอม​พลัง​เกราะ​ทอง​เป็น​อย่าง​ดี​ แม้แต่​จอม​พลัง​ยัง​ต้าน​ไม่ไหว​ ถึงไม่แน่ใจ​ว่า​ร่างกาย​ตนเอง​แข็งแกร่ง​เท่าไหร่​ แต่​เขา​ไม่คิด​ไป​ลอง​อยู่แล้ว​

กระนั้น​จี้หยวน​ยัง​ไม่ทัน​ได้​คิดมาก​

เปรี้ยง​…ครืน​…

แสงสายฟ้า​มาอีก​สาย​ ตอนนี้​ท่ามกลาง​แสงสายฟ้า​ปรากฏ​สีม่วง​อ่อน​ อานุภาพ​ที่​กด​อัด​ลงมา​เหมือนกัน​หอก​สายฟ้า​เข้า​จู่โจม ส่องสว่าง​โดยรอบ​จน​สว่างจ้า​ใน​พริบตาเดียว​

ชั่วเวลา​สี่ห้า​อึดใจ​ สายฟ้า​สาย​นี้​ถึงค่อย​จบ​ลง​ ครั้งนี้​จี้หยวน​เรียก​จอม​พลัง​เกราะ​ทอง​ออกมา​สอง​ตัว​ ทว่า​ถูก​สายฟ้า​ผ่าแหลก​ทั้งหมด​ ตัว​เขา​เอง​ยัง​ประสบ​กับ​ความรู้สึก​ของ​ไฟฟ้าสถิต​หลังจาก​สายฟ้า​สาย​สุดท้าย​ แม้แต่​ดวงตา​ก็​เจ็บ​และ​ชาอยู่​เล็ก​ๆ

“ฮู่…ฮู่…”

จี้หยวน​หอบ​หายใจ​เล็กน้อย​เพื่อ​คลาย​ความกดดัน​ แม้เสีย​พลัง​ไป​ก็​ยังคง​รับ​ไหว​ ทว่า​ความจริง​แล้ว​ความกดดัน​ใน​จิตใจ​หนักหนา​เกินไป​แล้ว​

สายตา​เขา​จ้องมอง​ท้องฟ้า​ทันที​ สายฟ้า​บน​นั้น​รวมกลุ่ม​กัน​รวดเร็ว​จน​น่าประหลาด​ ครั้งนี้​ปรากฏ​แสงสีทอง​ท่ามกลาง​สีม่วง​ สายฟ้า​ยังคง​มาบรรจบ​กันที่​แกนกลาง​ของ​กลุ่ม​เมฆ…

“บัญชา​ ขับไล่​ปีศาจ​ผูกมัด​วิญญาณ​!”

จี้หยวน​ตะโกน​เสียง​หนึ่ง​ ในที่สุด​ก็​ใช้ท่า​ไม้ตาย​จัดการ​กับ​สายฟ้า​ เมื่อ​สิ้น​เสียง​บัญชา​และ​ปราณ​โลกา​สวรรค์​ยัง​คงอยู่​ พริบตา​นั้น​เวท​อสนี​พุ่ง​ออกจาก​แขน​เสื้อ​จี้หยวน​แล้ว​ตรง​ขึ้น​สู่ท้องฟ้า​

ซ่า…

เวท​อสนี​ขนาด​มหึมา​แผ่​กระจาย​อยู่​บน​ท้องฟ้า​ พร้อมกัน​นั้น​สาย​ฟ้าผ่า​ลงมา​อีกครั้ง​

เปรี้ยง​…

แสงสายฟ้า​เหมือนกับ​น้ำตา​ที่​ตกลง​จาก​ท้องฟ้า​เป็นเวลา​นาน​ เท​ลง​บน​เวท​อสนี​อย่าง​ต่อเนื่อง​ แสงจาก​เวท​อสนี​พลัน​กลายเป็น​สีม่วง​ทอง​ ความ​สดใส​และ​ความตาย​ของ​เวท​แต่ละครั้ง​ยิ่ง​จ้าตา​และ​ขยาย​ออก​ไป​เรื่อยๆ​

ไม่เลว​ เวท​อสนี​ต้าน​ไว้​ได้​!

ต้าน​ไว้​ได้​กี่​ลมหายใจ​ สอง​? สาม?

จี้หยวน​ลำบากใจ​มาก​ เวท​อสนี​เป็น​อัญมณี​หนึ่งเดียว​ใน​มือ​ตอนนี้​ หาก​เสีย​ไป​แล้ว​คงจะ​ต้อง​ปวดใจ​ตาย​อย่าง​แท้จริง​ ทว่า​ต่อให้​ปวดใจ​แค่​ไหน​ก็​ต้อง​ทน​ไว้​ ไม่เช่นนั้น​เขา​ต้าน​เคราะห์​อสนี​ครั้งนี้​ไม่ไหว​แน่​!

จี้หยวน​แน่ใจ​ว่า​เคราะห์​อสนี​ครั้งนี้​ไม่อาจ​มีมากเกินไป​ อย่าง​มาก​เหลือ​อีก​สามสาย​ ทว่า​เป็น​สามสาย​ที่​มีอานุภาพ​น่า​หวาดหวั่น​อย่าง​แน่นอน​ ไม่เช่นนั้น​ใช้อานุภาพ​ที่​เกิน​กว่า​เหตุ​มากกว่า​นี้​ หาก​มีหก​สาย​เจ็ด​สาย​ เขา​ก็​ทำได้​เพียง​วิ่งหนี​แล้ว​

ในที่สุด​แม้มีปราณ​โลกา​สวรรค์​ร่วม​ต้าน​ แสงจาก​เวท​อสนี​เอง​ถึงช่วง​ที่​บาดตา​แล้ว​ นี่​หมายความว่า​เวท​อสนี​กำลังจะ​แตกสลาย​ กระนั้น​ตอนนี้​ผ่าน​ไป​สามลมหายใจ​ครึ่ง​พอดิบพอดี​

เก็บ​!

จี้หยวน​คิดในใจ​ ทันใดนั้น​สะบัด​แขน​เสื้อ​เพื่อ​ดึง​เวท​อสนี​ที่​รวดร้าว​กลับมา​ จากนั้น​ใน​วินาที​เดียวกัน​มือขวา​คว้า​ด้าม​กระบี่​เครือ​เขียว​ กลาง​ตัวอักษร​ ‘ท่วงทำนอง​วิญญาณ​เครือ​เขียว​ซ่อนคม​หมื่น​จั้ง’ บน​ฝัก​กระบี่​นั้น​ แสงของ​ตัวอักษร​ ‘ซ่อน​’ หลอม​เข้าสู่​ตัวอักษร​ ‘คม’​ แทบ​ทั้งหมด​แล้ว​

“ประเมิน​ข้า​ต่ำ​ไป​หน่อย​แล้ว​!”

จี้หยวน​ตะโกน​ใส่ท้องฟ้า​ด้วย​ความโมโห​ ชัก​กระบี่​ออกจาก​ฝัก​

ชิ้ง…

ฉ่า…

กระบี่​เซียน​แสดงอำนาจ​อย่าง​เต็มที่​ ประกาย​กระบี่​เจิดจ้า​เช่นเดียวกับ​แสงสายฟ้า​ รอบข้าง​ถูก​ส่องแสง​จน​มีแต่​สีขาว​มองไม่เห็น​อย่าง​อื่น​ ยื่นมือ​ออก​ไป​ไม่เห็น​นิ้ว​ทั้ง​ห้า​เช่นกัน​

ตอนนี้​ปราณ​กระบี่​ประกาย​กระบี่​นำ​อานุภาพ​ที่​ไม่อาจ​คาดเดา​ได้​วาด​ผ่าน​พระจันทร์​ครึ่ง​เสี้ยว​ ผ่า​สายฟ้า​ที่​เหมือนกับ​งูสายฟ้า​ออก​เป็น​สอง​ท่อน​ อีก​ทั้ง​ผ่า​ไป​ถึงสวรรค์​เก้า​ชั้น​ฟ้า ผ่า​เมฆสายฟ้า​ขมุกขมัว​ข้างบน​ด้วย​เช่นกัน​

แซก​ๆๆ…แซก​…

แม้สายฟ้า​ถูก​ผ่า​ไป​ แต่​ยังคง​มีสายฟ้า​ตก​ลงมา​ตาม​ด้าม​กระบี่​นับไม่ถ้วน​

“ฮึ่ม…”

จี้หยวน​คราง​เสียงทุ้ม​ พยายาม​ข่ม​ความเจ็บปวด​เอาไว้​ คว้า​วิชา​อัศจรรย์​วิวัฒน์​ฟ้าดิน​ไว้​แน่นขนัด​ โคจร​วิชา​คุ้มครอง​มัน​ต่อเนื่อง​ พลัง​ของ​สายฟ้า​ไร้ขีดจำกัด​พลัน​พุ่ง​เข้าใส่​มือซ้าย​ของ​จี้หยวน​อย่าง​มีเป้าหมาย​ พร้อมกัน​นั้น​แสงธรรม​พัน​ม้วน​ตำรา​เอาไว้​แล้ว​

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด