เซียนหมากข้ามมิติ 396 อารามเขามังกรชอบต้อนรับแขก

Now you are reading เซียนหมากข้ามมิติ Chapter 396 อารามเขามังกรชอบต้อนรับแขก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 396 อารามเขามังกรชอบต้อนรับแขก

เห็นท่าทางกระหายสุราของจี้หยวนแล้ว มังกรเฒ่ายิ้มอย่างอดไม่ได้

“ท่านจี้ติดสุรามากขึ้นทุกวันแล้ว”

อย่างไรสุราอำพันมังกรก็เป็นของล้ำค่า จี้หยวนตัดใจดื่มเยอะเกินไปในคราวเดียวไม่ได้ ยิ่งกลัวว่าดื่มเยอะเกินไปแล้วจะกระทบถึงการใช้ฤทธิ์สุรา ได้ยินมังกรเฒ่าเอ่ยเช่นนี้แล้วจี้หยวนยกมือซ้ายขึ้น

“ติดสุรานั่นถูกต้องแล้ว ทว่าไม่ได้ถึงขั้นรุนแรง ก่อนหน้านี้บนมือข้าได้รับบาดเจ็บ อยากลองดูว่าสุราอำพันมังกรจะได้ผลหรือไม่ และสมแล้วที่เป็นอำพันมังกร ได้ผลอยู่บ้างจริงๆ!”

“บาดเจ็บ? ท่านได้รับบาดเจ็บ! ท่านบาดเจ็บได้ด้วยหรือ ใครลงมือ นานแล้วหรือยัง”

มังกรเฒ่าตกใจกึ่งหนึ่ง เป็นห่วงกึ่งหนึ่ง เพราะเขาเห็นว่าเขาและจี้หยวนมีมรรควิถีถึงระดับนี้แล้ว หากได้รับบาดเจ็บแล้วฟื้นฟูไม่ได้ภายในเวลาอันสั้น เช่นนั้นต้องเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน เหมือนกับมารแท้ในตอนนั้น ถูกกรงเล็บมังกรของตนเองและกระบี่เซียนของจี้หยวน เกรงว่าจะทุกข์ทรมานมากไปอีกร้อยปี

จี้หยวนยื่นซ้ายแล้วกำมือ เผยให้เห็นกลิ่นอายที่ยังหลงเหลืออยู่จากเคราะห์สวรรค์ เขายิ้มขื่นพร้อมกล่าว

“หากจะบอกว่าใครลงมือ เช่นนั้นก็น่าจะเป็นตัวข้าเองกระมัง!”

กลิ่นอายของเคราะห์อสนีจนถึงตอนนี้ยังคงให้ความรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน ยิ่งมีกระแสไฟฟ้าสีม่วงทองสองสีกะพริบบนแขนจี้หยวนเล็กน้อย แต่ถูกพลังของจี้หยวนกดกลั้นไว้อย่างพิถีพิถัน เพื่อป้องกันไม่ให้มันมีอำนาจเหนือปราณวิญญาณในตัวจี้หยวน

มังกรเฒ่าเพียงเห็นปราณอสนี บนใบหน้าปรากฏความเคร่งเครียดไม่น้อยเลย

ความจริงเคราะห์สวรรค์ไม่ได้หมายถึงเคราะห์อสนี ยิ่งไม่ได้หมายถึงเคราะห์ที่มาจากสวรรค์ ยังมีเคราะห์ที่แตกต่างกันอีกหลายชนิด อย่างเช่นวายุทอง น้ำทมิฬ ไฟบรรลัย เคาะใจและการแก้แค้นอื่นๆ ทว่าเคราะห์อสนีเป็นหนึ่งในเคราะห์ที่มีอานุภาพรุนแรงเป็นอย่างยิ่งจริงๆ

การเคาะใจจนถึงจิตใจมังกรในปีนั้นของอิงรั่วหลี ความจริงแล้วนับเป็นเคราะห์ใหญ่ที่จี้หยวนช่วยให้นางพ้นผ่านไปได้ ต่อมาเคราะห์กลายร่างเป็นมังกรจึงเบาขึ้นมาก

หากพูดถึงการผ่านเคราะห์ มังกรเฒ่าถือเป็นผู้ที่มีวาจาสิทธิ์ที่สุดในบรรดาคนที่จี้หยวนรู้จัก แม้ว่าเผ่ามังกรจะพัฒนาวิธีการต่างๆ มานานแล้วในการจัดการกับเคราะห์ในการฝึกปราณ แต่การกลายร่างเป็นมังกรก็เป็นประสบการณ์เคราะห์ที่หนักหนา ทนถึงครั้งสุดท้ายได้ถือว่ารอดตายอย่างหวุดหวิด

ทว่าเคราะห์สายฟ้าบนมือจี้หยวนนั้น แม้ถูกเขากดกลั้นไว้อย่างดี แต่ถึงจะเผยให้เห็นเพียงเล็กน้อย คลื่นอานุภาพเล็กน้อยในนั้นกลับยังคงเตะตาเป็นอย่างยิ่ง

กระนั้น คิดดูแล้วก็ไม่แปลก อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเคราะห์อสนีที่คุกคามจี้หยวนและทำให้เขาได้รับบาดเจ็บอย่างแท้จริง

“เคราะห์อสนีในบรรดาเคราะห์สวรรค์? สายฟ้าสีม่วงทอง นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ…ท่านจี้ทำอะไรกันแน่ ตัวท่านบริสุทธิ์ไร้มลทิน ฝึกปราณจนถึงระดับสูงลิ่ว ไม่น่าดึงเคราะห์อสนีมาสู่ตัวได้กระมัง!”

จี้หยวนไม่ปิดบังมังกรเฒ่าเช่นกัน เขายกมือขวาเพื่อหยิบม้วนกระดาษสีเหลืองออกมาจากในเขนเสื้อ จากนั้นวางลงบนฝ่ามือเขาอย่างเบามือ

ม้วนกระดาษนี้ไม่ได้แสดงกลิ่นอายพิเศษอะไร ดูเหมือนปกติธรรมดาและเก่าแก่อยู่บ้าง หากก่อนหน้านี้ไม่เห็นบาดแผลของจี้หยวน มังกรเฒ่าอาจยังไม่ค่อยแน่ใจ แต่ตอนนี้กลับได้กลิ่นอายที่คล้ายคลึงกันแล้ว

ถูกต้อง ได้กลิ่น ไม่ได้รับรู้ถึงความพิเศษอัศจรรย์อะไร ทว่าเป็นความรู้สึกร้อนอกร้อนใจเล็กๆ

“ข้าคนแซ่จี้ไปที่วัดต้าเหลียงแห่งอาณาจักรถิงเหลียงเพื่อเยี่ยมเยียนไต้ซือฮุ่ยถงที่ท่านแพ้พนันข้าในครั้งนั้น และได้พบกับร่างแปลงพระวิทยาราชของวัดต้าเหลียงโดยบังเอิญ…”

มังกรเฒ่าเบิกตากว้างเล็กน้อย คิดว่าร่างแปลงพระวิทยาราชอาจเป็นเพียงตำนาน เขาไม่รีบร้อนถามเรื่องเคราะห์สวรรค์ต่อ เพียงพูดว่า

“ด้วยนิสัยของท่าน จะต้องอยู่ต่อเพื่อดูความคึกคักกระมัง เป็นอย่างไร มีพระวิทยาราชมาหรือไม่”

ตำนานนี้แม้มีอยู่ในประวัติศาสตร์ แม้ว่าจะหาวัดพุทธที่ติดอยู่ในขณะที่อวตารของพระวิทยาราชกำลังจะเกิดขึ้นได้ยากก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าจะมีคนรอคอยโดยเฉพาะ

ทว่าไม่มีข่าวลือเกี่ยวกับพระวิทยาราชมากนักในตอนนั้น มังกรเฒ่าจึงไม่แน่ใจว่ามีพระวิทยาราชมาเยือนเองจริงๆ หรือไม่

“ฮ่าๆ ถูกต้อง ข้าคนแซ่จี้ถือโอกาสอยู่ต่อรอดู ปรากฏว่าพระวิทยาราชมาถึงจริงๆ!”

“อืม เช่นนั้นมีความเกี่ยวข้องกับของในมือท่าน รวมถึงเคราะห์สวรรค์อย่างนั้นหรือ”

รอยยิ้มของจี้หยวนจางหายไป ทว่าใบหน้ายังคงสบายๆ ดังเดิม

“มีวาสนาได้พบไต้ซือฝออิ้น จึงนั่งเสวนามรรคอยู่ใต้ต้นไม้ภายในวัดต้าเหลียง เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปเดือนกว่าแล้ว พวกข้าสองคนพึงใจนัก ข้าคนแซ่จี้ได้รับประโยชน์มากมายอย่างแท้จริง คำถามบางอย่างในอดีตได้รับการแถลงไข เมื่อไต้ซือฝออิ้นไปแล้ว ข้าตั้งโต๊ะเขียนหนังสืออยู่ไกลๆ เพื่ออนุมานสิ่งที่อยู่ในใจออกมาอย่างละเอียด กลายเป็นวิวัฒน์ฟ้าดินฉบับนี้ และเป็นท่อนบนของวิชาอัศจรรย์ฟ้าดินของข้าด้วย!”

วิชาอัศจรรย์ถือเป็นสิ่งที่จี้หยวนภูมิใจที่สุดในปัจจุบันนี้ ตอนพูดออกมาสบายอกสบายใจ ยิ่งมีความลำพองใจเล็กๆ อย่างหาได้ยาก

คำพูดนี้ของจี้หยวนและการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าย่อมไม่รอดพ้นสายตาของมังกรเฒ่า ทำให้จี้หยวนที่แต่ไหนแต่ไรไม่ยี่หระอะไรแสดงสีหน้าภูมิใจได้ ชัดเจนเป็นอย่างยิ่งกว่าเขาภูมิใจในวิชาอัศจรรย์ของตนเองมากเพียงใด

ตอนนี้มังกรเฒ่ายิ่งสนอกสนใจวิชาอัศจรรย์ฟ้าดินและวิวัฒน์ฟ้าดินส่วนนี้มากยิ่งขึ้น ได้ยินดังนั้นแล้วจึงพูดโพล่งออกมาทันที

“เมื่อเขียนเสร็จแล้ว สายฟ้าถึงปรากฏหรือ”

จี้หยวนมีสีหน้าเคร่งเครียดแล้ว พยักหน้าก่อนจะเอ่ยซ้ำอีกรอบหนึ่ง ทว่าเปลี่ยนใช้น้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ

“เมื่อเขียนเสร็จแล้ว สายฟ้าถึงปรากฏ!”

หวนรำลึกถึงสายฟ้าสามสายที่อานุภาพเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีจนเกินจริงนั้น ตอนนี้คิดดูแล้วหากไม่ใช่เพราะบัญชาเวทอสนีในมือเขาที่พิเศษเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้เป้าหมายของสายฟ้าสายนั้นไม่ใช่เขาคนแซ่จี้ แต่เกรงว่าผลของการได้รับมันตรงๆ จะอันตรายมาก

“และอานุภาพของเคราะห์สายฟ้าน่ากลัวมาก เป็นอานุภาพที่ต้องการทำลายตำราเล่มนี้ โชคดีที่ข้าพอมีวิชาอยู่บ้าง ถึงฝืนทนรอดชีวิตมาได้ ไม่ถึงขนาดทำให้ความพยายามของข้าสูญเปล่า!”

ด้วยคำพูดของจี้หยวนและกลิ่นอายสายฟ้าจากบาดแผลเขา มังกรเฒ่าแทบจินตนาการถึงอันตรายในตอนนั้นได้ทันที

เห็นรอยไหม้บนม้วนกระดาษนี้แล้ว ชัดเจนว่าตอนนั้นจี้หยวนไม่ได้หลบเคราะห์อสนีพ้นทั้งหมด แน่นอนว่าอาจจงใจให้ม้วนกระดาษรับสายฟ้าเสียบ้างเพื่อประสบเคราะห์อย่างแท้จริง แต่อย่างน้อยตอนนั้นจี้หยวนไม่อาจทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ อย่างไรเสียตนเองก็ได้รับบาดเจ็บและบนม้วนกระดาษก็มีร่องรอยหลงเหลืออยู่

หากเปลี่ยนเป็นผู้ที่มีระดับการฝึกปราณต่ำ อย่าว่าแต่ไม่หลงเหลือขี้เถ้าอยู่เลย เกรงว่าแค่เศษเสี้ยวก็จะไม่เหลือ

จี้หยวนมองมังกรเฒ่าครุ่นคิด สั่นม้วนตำราในมือพลางยิ้ม

“อยากอ่านสักหน่อยหรือไม่”

มังกรเฒ่าประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด

“ข้าอ่านได้หรือ”

“ฮ่าๆ…ระหว่างท่านกับข้ายังมีอะไรต้องเกรงใจกันอีก ก็แค่อ่านสักครั้งเท่านั้น!”

จี้หยวนหัวเราะแล้วโยนม้วนตำราในมือไป มังกรเฒ่ารีบยื่นมือรับไว้ เห็นสหายตนเองเหมือนไม่ได้กำลังล้อเล่น สองมือกางม้วนตำราออกทีละน้อยด้วยความตื่นเต้นที่หาได้ยาก

ตัวอักษรเป็นลายมือของจี้หยวน ทีแรกตัวอักษรราบเรียบเป็นธรรมดา แต่ยิ่งเห็นตัวอักษรมากขึ้น ยิ่งอ่านต่อไปเรื่อยๆ ในใจของมังกรเฒ่ากลับปรากฏภาพมายามากมาย ต้องรู้ว่าเขาเป็นถึงมังกรแท้ แม้ว่าไม่ได้ตั้งใจต้านทานเป็นพิเศษ ทว่าก็น่าทึ่งมากแล้ว

จากนั้นตัวอักษรจำนวนหนึ่งในนั้นพลันกะพริบสีม่วงทอง ยิ่งมีกลิ่นอายลึกลับยากคาดเดาแผ่ขยายออกมาอย่างต่อเนื่อง มังกรเฒ่าแทบจะเข้าใจในทันทีว่าหากเป็นผู้ที่จิตใจไม่มั่นคงหรือมีความคิดชั่วร้าย จะต้องถูกกำจัดทิ้งอย่างแน่นอน

ยิ่งกางม้วนกระดาออกจนสุด ตัวอักษรละเอียดยิบมากกว่าสามพันตัวของวิวัฒน์ฟ้าดินปรากฏสู่สายตามังกรเฒ่าทั้งหมด แค่กวาดสายตาอ่านดู ภาพอัศจรรย์ต่างๆ ปรากฏทีละภาพพร้อมกับถ้อยคำ กำจัดความคิดฟุ้งซ่านที่อยู่ในใจ ชี้ทางธรรมให้กับเขาโดยตรง

“วิวัฒน์ฟ้าดิน วิวัฒน์ฟ้าดิน ภูผาธารากว้างใหญ่พร้อมด้วยหมู่ดาว อัศจรรย์กลายเป็นฟ้าดิน อัศจรรย์ซุกซ่อนฟ้าดิน ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง!”

มังกรเฒ่าทอดถอนใจอย่างต่อเนื่อง จากนั้นม้วนกระดาษเหมือนเดิมก่อนส่งคืนให้จี้หยวน

“มิน่าเล่าถึงเรียกว่าวิวัฒน์ฟ้าดิน วิชานี้แสดงภาพอัศจรรย์ของฟ้าดิน ฟ้าดินไม่อาจรับไว้ อัศจรรย์หาใดเปรียบจริงๆ!”

คำชมของมังกรเฒ่าแม้เรียบง่าย แต่หนักหนาเป็นอย่างยิ่ง เพียงอ่านรอบเดียวก็มองสิ่งเหล่านี้ออกแล้ว แต่สิ่งพิเศษที่แท้จริงเกรงว่าผู้ทำการฝึกฝนต้องรับรู้อย่างตั้งใจด้วยตนเอง

จี้หยวนหันมองท้องฟ้าสูงเหนือศีรษะ คิดถึงพายุฝนที่เหมือนกับร้องไห้และหัวเราะ ในใจพลันคิดว่า

‘ก็ไม่ใช่ว่าไม่รับไว้จริงๆ…’

สองคนไม่ได้รีบร้อน ตอนถึงท้องฟ้าเหนือเขาเมฆาแห่งรัฐปิงก็เป็นช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ แล้ว พระอาทิตย์เริ่มคล้อยไปทางทิศตะวันตก

เมื่อเข้าใกล้อารามเขาเมฆา ยังไม่ทันร่อนลงไป มังกรเฒ่าก็รู้สึกว่าอารามแห่งนี้แตกต่างจากในอดีต หรือเรียกได้ว่าคนที่อยู่ข้างในแตกต่างจากในอดีต

“ท่านจี้ ตัดสินใจแล้วหรือ”

ปีนั้นมังกรเฒ่าส่งฉินจื่อโจวถึงอารามเขาเมฆาพร้อมกับจี้หยวน นอกจากทำให้ฉินจื่อโจวพักผ่อนและยอมรับฐานะของตนเองแล้ว ยังช่วยมอบตำราด้านดวงดาวทางเต๋าและอนุมานมรรคเทพท่องโลก ย่อมเข้าใจเป็นอย่างยิ่งว่าจี้หยวนเคยมีความคิดชักนำทางเต๋า อย่างน้อยก็ชักนำคนที่อยู่ในอารามเขาเมฆา

วันนี้เห็นทีจี้หยวนไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ว

“ถูกต้อง ข้าคนแซ่จี้ตัดสินใจแล้ว และวิชาอัศจรรย์ฟ้าดินนี้จะเป็นพื้นฐานในการฝึกปราณของอารามเขาเมฆา”

มังกรเฒ่าหันศีรษะ ใช้ดวงตาคมกริบมองอารามเต๋าที่อยู่บนยอดเขาหมอกอำพรางบนเขาเมฆา ได้รับวิชาอัศจรรย์ฟ้าดินแล้ว ขอเพียงศิษย์อารามเล็กๆ แห่งนี้ไม่หมดลง อนาคตย่อม…

เหมือนกับรู้ว่ามังกรเฒ่าคิดอะไรอยู่ เสียงของจี้หยวนดังขึ้นอย่างสบายๆ

“ข้าคนแซ่จี้ขอเพียงอารามเขาเมฆาฝึกปราณช้าๆ ไม่ข้ามขั้น ฝีเท้ามั่นคงบนเส้นทางฝึกปราณได้จะยิ่งเดินไปข้างหน้าได้ไกลยิ่งขึ้น อนาคตย่อมได้รับความนับหน้าถือตาเป็นสำนักพุทธฝึกปราณอย่างแน่นอน!”

“สำนักพุทธ…”

มังกรเฒ่าหรี่ตามองจี้หยวน

“ข้าสงสัยอะไรบางอย่าง ตอนนี้รู้สึกมากขึ้นแล้ว ท่านจี้กำลังลงหมากครั้งใหญ่กระมัง”

จี้หยวนไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ย

“เป็นไปได้!”

ตอนนี้ฉินจื่อโจมเห็นมังกรเฒ่าและจี้หยวนแล้ว จึงขึ้นไปบนยอดเขาหมอกอำพรางด้วยการก้าวเท้าครั้งเดียว จากนั้นยืนอยู่บนก้อนหินขนาดยักษ์แล้วประสานมือคาระวะไปยังทั้งสองคนที่เหาะมาใกล้

จี้หยวนและมังกรเฒ่ากล่าวทักทายเป็นเสียงเดียวกัน

“สวัสดีท่านฉิน!”

ขีดจำกัดทั้งบนและล่างของฉินจื่อโจววางอยู่ข้างๆ กอปรกับบุคลิกอันสง่างามของเขา แม้แต่มังกรเฒ่าที่หยิ่งทะนงก็แสดงความเคารพที่ควรมีออกมาด้วย

หลังจากนั้นครู่เดียว ทั้งสามลงจากเขาพร้อมกับพูดจาเคล้าเสียงหัวเราะ เมื่อเข้าใกล้อารามเขาเมฆาที่ตีนเขาแล้ว ฉีเซวียนและฉีเหวินก็รีบวิ่งมาต้อนรับข้างนอกอารามด้วยความตื่นเต้น

“ท่านจี้ ท่านอิง! พวกท่านมาแล้ว!”

“คารวะท่านจี้ ท่านอิง!”

สองคนทักทายไปพลาง คารวะไปพลาง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดี แม้ช่วงนี้จะฝึกปราณไม่คืบหน้าเท่าไหร่ แต่ความรู้สึกที่รับรู้ได้ถึงกฎเกณฑ์ของฟ้าดินและปราณวิญญาณก็ยอดเยี่ยมจนอธิบายไม่ได้

“ฮ่าๆๆๆ นักพรตชิงซง ถึงเวลาที่เจ้าต้องแสดงฝีมือทำอาหารอีกแล้ว เอ้า!”

จี้หยวนสะบัดแขนเสื้อ ในฟองอากาศที่ห่อคลื่นน้ำเอาไว้นั้น ปลาโพรงตัวใหญ่จากแม่น้ำเทียมฟ้าสามตัวยังคงพ่นฟองอากาศออกมา ฝ่ายฉีเซวียนและฉีเหวินรับไว้ด้วยสองมือตามสัญชาตญาณ

สองคนถอยหลังพร้อมกัน บนใบหน้ามีความระมัดระวังและตื่นตกใจ ซวดเซอยู่สองสามครั้งถึงจะยืนอย่างมั่นคงได้ พบว่าฟองอากาศสัมผัสกับสี่มือแล้วกลับไม่แตกออก ถึงจะหนักก็ยังไม่ถึงขั้นยกไม่ไหว

“เร็ว รีบเอาไปใส่ในถังน้ำ!”

“ได้ๆ ไปเดี๋ยวนี้!”

พวกเขาทั้งสองแบกปลาตัวใหญ่เข้าไปด้วยความดีใจ ก่อนจะโยนฟองอากาศลงในถังน้ำในห้องครัว

โพละ…โครม…

ฟองอากาศแตกแล้ว ทำให้ถังน้ำที่แต่เดิมมีน้ำอยู่เพียงครึ่งเดียวเกือบเต็มแน่น ปลาสามตัวว่ายน้ำอยู่ในน้ำอย่างเป็นสุข

“ว่ายไปเถอะ อีกไม่นานหรอก!”

ฉีเหวินกล่าวกับปลาพร้อมยิ้มร่า

ตอนนี้ทางตำหนักหลักของอารามเต๋ามีเงาสองสายผ่านมา เข้ามาที่ห้องครัวโดยตรง จากนั้นขึ้นไปอยู่บนถังน้ำ เป็นเตียวน้อยสองตัวนั้น พวกมันหมอบอยู่ที่ขอบถังน้ำมองไปในน้ำ ด้วยทั้งชีวิตนี้ไม่เคยเห็นปลาที่ตัวใหญ่ขนาดนี้มาก่อน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด