เซียนหมากข้ามมิติ 225 ปราณแม่น้ำรั่วไหลอย่างบ้าคลั่ง

Now you are reading เซียนหมากข้ามมิติ Chapter 225 ปราณแม่น้ำรั่วไหลอย่างบ้าคลั่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 225 ปราณแม่น้ำรั่วไหลอย่างบ้าคลั่ง

ชาวบ้านในเมืองได้ยินเสียงคำรามสะเทือนขอบฟ้าแสนไกลเมื่อครู่ จากนั้นเห็นเมฆดำก่อตัว ฟ้าแลบส่งเสียงร้องโดยพลัน ทุกคนต่างกระวนกระวายใจ คนมากมายหน้าศาลหลักเมืองพากันวิพากษ์วิจารณ์

“เกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ท้องฟ้ายังแจ่มใสอยู่เลย…”

“นี่ พวกเจ้าได้ยินเสียงท้องฟ้าเมื่อครู่หรือไม่ เสียงที่นอกเหนือจากเสียงฟ้าร้องน่ะ!”

“ได้ยินๆ น่ากลัวอยู่บ้าง!”

“ใช่ เหมือนเสียงวัวร้องเลย แปลกจนน่ากลัว!”

“เห็นด้วย ข้าขนลุกไปหมดแล้ว!”

“แล้วพวกเจ้าเห็นก้อนเมฆเมื่อครู่นี้หรือไม่”

“อืม ดูแล้วเหมือนมีอะไรบางอย่างตกลงมาจากท้องฟ้าเลย”

“พวกเจ้าคิดว่าใช่มังกรหรือไม่”

“นี่พูดเล่นได้ที่ไหน”

ครืน…

ท่ามกลางเสียงสนทนาพลันมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นเหนือศีรษะ ทำเอากลุ่มคนตกใจจนสะดุ้งโหย่ง

“ฝนจะตกแล้ว รีบกลับไปเถอะ”

“ใช่ๆๆ!”

“ไปๆๆ พวกเรากลับบ้านกัน”

คนในเมืองเร่งฝีเท้าขึ้นอย่างชัดเจน บ้างหลบเข้าไปในโรงน้ำชาและร้านอาหาร เพราะสีท้องฟ้าเปลี่ยนแปลงเร็วเหลือเกิน

หวิว…หวิว…

จี้หยวนและเทพหลักเมืองจังหวัดลี่ซุ่นเพียงมองไปไกลเพียงไม่นาน โดยรอบเกิดเสียงลมหวีดหวิว คนเดินเล่นที่เดิมทีสนุกสนานอยู่ริมแม่น้ำนอกศาลหนีหายไปหมดแล้ว

จี้หยวนก้มหน้ามองริมแม่น้ำสายเล็กที่อยู่ไม่ไกล ข้างต้นหลิวมีว่าวกระดาษตัวหนึ่ง ชัดเจนว่าเป็นคนที่รีบร้อนจากไปทิ้งไว้ที่นี่ ตอนนี้ลมเหนือพัดรุนแรงขึ้นแล้ว

เทพหลักเมืองจังหวัดลี่ซุ่นมองสีท้องฟ้าตลอด จ้องมองทางทะเลสาบไพศาลที่อยู่ทางเหนือ ผ่านไปครู่ใหญ่ไม่ได้ยินเสียงมังกรร้องอีก

“มีปราณวารีบริสุทธิ์กระจายมา ทำให้ท้องฟ้าเกิดเมฆดำและฟ้าร้อง ท่านจี้ พวกเราไปตรวจสอบที่ทะเลสาบไพศาลสักครั้งดีหรือไม่”

เทพหลักเมืองหลี่ที่กระวนกระวายใจเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยปากเสนอจี้หยวน

“ข้าคิดเช่นนั้นอยู่พอดี!”

ขณะนี้จี้หยวนถอนสายตาสังเกตการณ์กลับมาแล้ว ด้วยตาทิพย์เบิกกว้าง เขามองเห็นปราณวารีจากที่ไกลทะลักทลายราวกับเปิดประตูระบายน้ำ

เหตุที่เงามังกรตกลงมาเป็นรูปร่างเมฆก่อนหน้านี้ เป็นเพราะปราณวารีรั่วไหลอย่างบ้าคลั่ง ทำให้นอกร่างมังกรที่ตกลงมาพัวพันไปด้วยชั้นเมฆ เช่นเดียวกัน ตอนนี้เมฆดำกระจายตัวรวดเร็ว ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง

แม้จี้หยวนจะสนอกสนใจเรื่องที่เทพหลักเมืองลี่ซุ่นพูดเมื่อครู่นี้อย่างมาก แต่ทุกอย่างล้วนมีลำดับความสำคัญ เรื่องเร่งด่วนในตอนนี้ย่อมเป็นการไปทะเลสาบไพศาล

“ไป!”

จี้หยวนโน้มกายกระโจนตัวขึ้นท้องฟ้า ขี่เมฆท่ามกลางลมแรงรอบตัว เทพหลักเมืองหลี่ในชุดผ้าไหมแปลงกายเป็นสายรุ้ง บินตามอยู่ข้างกายจี้หยวน

แม้จะเป็นเวลาแบบนี้ไม่ใช่ว่ายิ่งเร็วยิ่งดี หนึ่งคนหนึ่งผีบินบนท้องฟ้าไปพลาง โคจรพลังสังเกตการณ์ไปพลาง ยิ่งมองท้องฟ้าที่เงามังกรตกลงมาอยู่ตลอดเวลา

ตอนแรกเริ่มเหมือนกับตกลงจากขอบฟ้าที่สูงเป็นอย่างยิ่ง ต่อมาอดกลั้นไม่ไหวในที่สุด มังกรร้องคำรามแล้วตกลงจากท้องฟ้า

ครืน…

เมฆดำบนท้องฟ้ายิ่งมายิ่งคล้อยต่ำลง สายฟ้าวับวาบกลางหมู่เมฆ จี้หยวนและเทพหลักเมืองเหมือนเมฆดำบินอยู่เหนือศีรษะ ราวกับถูกสายฟ้าผ่าลงมาตลอดเวลา

ทะเลสาบไพศาลได้รับการกล่าวถึงในประวัติศาสตร์ร้อยจังหวัดที่จี้หยวนเคยอ่าน อีกทั้งเป็นหนึ่งในทะเลสาบทั้งสี่ของต้าเจิน ทะเลสาบไพศาลที่กว้างใหญ่นี้เชื่อมกับแม่น้ำใหญ่หลายสาย น้ำลึกแค่ไหนไม่อาจบันทึกได้อย่างแม่นยำ จึงได้ชื่อว่าทะเลสาบไพศาลร้อยลี้

ความจริงแล้วทะเลสาบไพศาลไม่เพียงอยู่ในอาณาเขตจังหวัดลี่ซุ่น ทว่ามีพรมแดนติดกับสามจังหวัด พื้นที่ฝั่งจังหวัดลี่ซุ่นมีมากกว่าหน่อย ดังนั้นแม้ประชาชนบริเวณชายแดนยังอยู่ภายใต้เขตอำนาจของแต่ละจังหวัดทั้งสาม แต่ด้วยชื่อของทะเลสาบไพศาลนั้นอยู่ที่จังหวัดลี่ซุ่น

ริมทะเลสาบไม่มีอำเภอใหญ่ เมื่อได้รับการยืนยันว่าเป็นเรื่องของภูตหรือปีศาจ เทพหลักเมืองจังหวัดลี่ซุ่นรับผิดชอบจัดการ จำต้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริง สถานการณ์นี้ไม่เหมาะส่งผู้ลาดตระเวนทิวาไป มีเซียนเร้นกายในต้าเจินอย่างท่านจี้อยู่ด้วย ในใจเขาโล่งอกอยู่ไม่น้อย

ตอนจี้หยวนคุมลม เขามุ่นคิ้วอยู่ตลอดเวลา มังกรเจียวส่วนใหญ่ไม่อาจนับได้ว่าเป็นปีศาจขนาดเล็ก โดยเฉพาะในต้าเจินแห่งนี้ มังกรถือว่าเป็นสิ่งที่มีเกียรติท่ามกลางเผ่าวารี ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากการดำรงอยู่และการยับยั้งชั่งใจของมังกรแท้อิงหง มังกรเจียวในต้าเจิ้นจึงปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างแน่นอน เรื่องในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก มีเทพหลักเมืองไปตรวจสอบด้วย ไม่ว่าด้วยประสบการณ์การณ์หรือความสามารถ ฝ่ายจี้หยวนเองก็โล่งอกไม่น้อยเช่นกัน

จวนหลังศาลาว่าการจังหวัดลี่ซุ่น อิ๋นจ้าวเซียนเดินผ่านทางเดินรอบสวน รีบร้อนวิ่งไปยังเรือนพักแขก ข้างหลังติดตามมาด้วยผู้ติดตามและข้ารับใช้ในจวน

คนยังไม่ทันถึงเรือนพักแขก เสียงก็ดังมาก่อนแล้ว

“ท่านจี้…ท่านจี้…ข้าคนแซ่อิ๋นมีเรื่องอยากให้ชี้แนะ! ท่านจี้…”

สามคนถึงด้านนอกเรือนพักแขกแล้ว พบว่าประตูปิดอยู่

ก๊อกๆๆ…

“ท่านจี้…ข้าคนแซ่อิ๋นมีเรื่องอยากให้ชี้แนะ!”

ก๊อกๆๆ…

“ท่านจี้พักผ่อนอยู่หรือ อิ๋นจ้าวเซียนมีเรื่องมารบกวน!”

เอี๊ยด…

อิ๋นจ้าวเซียนเคาะประตูแรงเกินไปหน่อย ประตูถูกเปิดออกในทันที เดิมทีข้างในก็ไม่ได้ลงกลอนไว้อยู่แล้ว

เขามองดูภายในเรือน บนโต๊ะเก้าอี้ล้วนเรียบร้อยดี บนเตียงก็ราบเรียบสมบูรณ์แบบ ไหนเลยจะมีเงาร่างของจี้หยวน

อิ๋นจ้าวเซียนกลับหลังหัน มองข้ารับใช้ที่รับผิดชอบเรือนพักแขกพร้อมขมวดคิ้ว

“เจ้าบอกว่าท่านจี้อยู่ที่เรือนพักแขกไม่ใช่หรือ ไยคนไม่อยู่เล่า ออกไปตั้งแต่เมื่อใด”

ข้ารับใช้ผู้นั้นกำลังมองข้างใน ได้ยินอิ๋นจ้าวเซียนพูดแล้วกลุ้มใจเป็นอย่างยิ่ง เกาศีรษะด้วยความสงสัย

“เอ่อ…นายท่าน ก่อนหน้านี้ท่านจี้อยู่ที่นี่จริงๆ ข้าน้อยอยู่ที่สวนข้างนอกตลอด ไม่เห็นท่านจี้ออกมาเลย…”

ผู้ติดตามสวมชุดเจ้าหน้าที่ข้างกายอิ๋นจ้าวเซียนมองข้ารับใช้ผู้นี้ด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง

“เจ้าหลับไปกระมัง หรือไม่ก็ละเลยหน้าที่ กล้าพูดโกหกกับใต้เท้าหรือ”

“ไอ้หยา นายท่านอนุญาตให้คนพักที่เรือนพักแขกของจวนเป็นครั้งแรก ทุกคนล้วนพูดกันว่าท่านจี้พิเศษมาก ข้าน้อยไหนเลยจะกล้าละเลย อีกอย่างคนที่เก็บกวาดเรือนกับข้าก็ไม่เห็นท่านจี้ออกมาเช่นกัน!”

อิ๋นจ้าวเซียนมองเมฆฝนที่กำลังไล่มาพลางครุ่นคิด จากนั้นโบกมือ

“เอาล่ะ เรื่องนี้ไว้เท่านี้ก่อน รอท่านจี้กลับมาค่อยมาบอกข้าแล้วกัน”

อิ๋นจ้าวเซียนมาครั้งนี้ความจริงเพราะอยากถามจี้หยวนถึงเรื่องที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ปราณต้านทานยิ่งใหญ่บนตัวเขารับรู้ถึงเสียงมังกรที่ขอบฟ้าและเงามังกรได้ว่องไวกว่าคนทั่วไปมาก อีกทั้งไม่ใช่ว่าไม่เคยเจอกับเรื่องเหนือธรรมชาติมาก่อน เขาจึงคิดมาถามไถ่สหายของตนเองเป็นอันดับแรก

ทว่าตอนนี้ท่านจี้น่าจะออกไปตรวจสอบตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้ยินเสียงแล้ว

ส่วนเพราะเหตุใดข้ารับใช้ไม่เห็น เทพเซียนคิดไปไหนเจ้าต้องมองเห็นด้วยหรือ

ครืน…ครืน…

สายฟ้าสว่างวาบผืนแผ่นดิน

ซ่า…

ฝนห่าใหญ่เทลงมาแล้ว ภายในไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น พื้นดินเปลี่ยนจากแห้งฝุ่นตลบเป็นเหมือนไข่มุกสีขาวกระเด็นกระดอน ม่านฝนขนาดใหญ่นับว่าหาได้ยากยิ่งในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ

ประมาณครึ่งเค่อก่อนหน้านี้ หมู่บ้านสะพานโค้งคู่ทางใต้ของทะเลสาบไพศาลประสาณสามสิบลี้ ชาวบ้านเดิมกำลังยุ่งอยู่กับงานในมือ

ครืน…

ทันใดนั้นเสียงฟ้าร้องระเบิดขึ้นที่ขอบฟ้า

“ไอ้หยามารดาสิ!”

“ตกใจหมดเลย…”

“ฟ้าใสอยู่ดีๆ มีฟ้าร้องเสียอย่างนั้น”

“นี่ๆ ฟ้ามืดแล้ว!”

“พวกเจ้าดูสิ เมฆบนท้องฟ้า…”

ฮึ่ม…

เสียงนี้ทำให้ทั้งเด็กและคนชราในหมู่บ้านแทบตกใจตาย มาอย่างกะทันหันจริงๆ ทว่าตอนเงยหน้าขึ้นมองพบว่าเมฆบนท้องฟ้าเหมือนกับยาวเหยียดอย่างไรไม่รู้…

“โฮก…”

ครืน…

เสียงมังกรร้องดังจากไกลเข้ามาใกล้ แม้แทรกอยู่ในเสียงฟ้าร้อง ทว่าแปลกหูเป็นเอลักษณ์ ยิ่งทำให้คนไม่น้อยต้องมองหน้ากัน

“อึก…อึก…โฮก…”

เสียงมังกรร้องและเสียงคำรามเพราะความเจ็บปวดดังอยู่บนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง คนในหมู่บ้านค่อยๆ ตกใจกลัวจนขนลุกขนพองไปหมด

“อึ้งอะไรอยู่ เก็บข้าวของสิ!”

“ใช่ๆๆ…”

เห็นเมฆฝนใหญ่ขึ้นและลอยต่ำลงเรื่อยๆ ชาวบ้านทุกครัวเรือนล้วนรีบเก็บข้าวของที่ตากเอาไว้ ลานนวดข้าวขนาดใหญ่ที่หน้าหมู่บ้านยิ่งวุ่นวายไปหมด ตะแกรงไม้ไผ่ขนาดใหญ่ หนอนไหม พืชผลและเสื้อผ้าบางชนิดจำเป็นต้องเก็บกวาดทั้งสิ้น

“ท้องฟ้า ดูบนท้องฟ้าเร็ว!”

มีคนในหมู่บ้านใช้เสียงแหลมเปี๊ยบตะโกนขึ้น จากนั้นมีคนอื่นตะโกนว่าดูบนท้องฟ้าอย่างเกินจริงตามๆ กัน พาให้คนในหมู่บ้านไม่น้อยเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง

ตอนนี้กลางชั้นเมฆบนท้องฟ้ามีเมฆยาวเส้นหนึ่ง เหมือนกับแหวกชั้นเมฆตกลงมาไปพลาง มีเมฆเหมือนควันไร้ที่สิ้นสุดไปพลาง ยาวยืดจากตรงนั้น ส่งผลให้ ‘เงาเมฆ’ ยาวตกลงมาจากท้องฟ้าจนกลายเป็นกำแพงเมฆที่แขวนอยู่ตามทางเริ่มเข้าใกล้พื้นมากขึ้นเรื่อยๆ

“นี่ๆๆ เมฆนั่นดูอย่างไรก็เหมือนรูปร่างของมังกร”

“คล้ายอยู่บ้าง…”

“เฮ้ยๆๆ ตกลงมาเรื่อยๆ แล้ว!”

“จะตกลงมาแล้ว จะตกลงมาแล้ว!”

“หนีเร็ว…มีอะไรบางอย่างจะตกลงมา”

“ไม่ต้องสนข้าวของบนราวแล้ว หนีเถอะ”

“หนีเร็ว!”

“อ๊า…”

ชาวบ้านที่ลานนวดข้าวตรงหน้าหมู่บ้านหนีกันจ้าละหวั่น วิ่งไปที่บ้านของตนเองด้วยความเร็วอย่างบ้าคลั่ง

“มอ…มอ…มอ…”

เมื่อเงาเมฆตกลงมา ลมคลั่งฉีกกระแสอากาศก่อให้เกิดลมหมุนบนพื้นดิน และได้ยินเสียงวัวร้องรางๆ ด้วย

ชาวบ้านหลายคนวิ่งพลางมองท้องฟ้าตามสัญชาตญาณ จากนั้น…เงาเมฆรูปมังกรก็สัมผัสพื้น

โครม…

ราวกับมังกรดินพลิกตัว พื้นดินสะเทือนเลือนลั่น ชาวบ้านมากมายที่หนีไปได้ไม่ไกลล้มลงกับพื้นเพราะแรงสั่นไหว มีหลายคนที่รู้สึกว่าใต้เท้าส่สยไปมาทำให้ยืนไม่มั่นคง

จากนั้นกระแสอากาศที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิมก็พัดมา

หวิว…หวิว…หวิว…หวิว…

คนไม่น้อยเดิมทียังยืนได้มั่นคง ทว่าถูกกระแสอากาศระลอกนี้จู่โจมจนล้มคว่ำ บ้านเรือนที่ลานนวดข้าวขนาดใหญ่ยิ่งถูกลมพัดจนสั่นกึกๆ อย่างต่อเนื่อง ราวกับจะถูกพัดปลิวไปได้

ท่ามกลางกระแสอากาศที่บ้าคลั่งนี้ คนมากมายทำได้เพียงกุมศีรษะนั่งยองลง โชคดีที่มันมาเร็วไปเร็ว

จากนั้นตรงลานนวดข้าวที่หน้าหมู่บ้านสะพานโค้งคู่เหมือนกับเกิดไฟไหม้ที่ไร้แสง ไอเมฆพุ่งพล่านระเบิดออกมาราวกับควันจากไฟ พุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้าจนกระทั่งตลบอบอวลไปทั่วหมู่บ้าน

ชาวบ้านหมู่บ้านสะพานโค้งคู่ในตอนนี้เหมือนกับมีความรู้สึกว่าคิดอยู่ในหมอกหนา ยื่นมือออกไปไม่เห็นนิ้วทั้งห้าโดยสิ้นเชิง หลังจากลุกขึ้นยืนด้วยอารามตกใจทำอะไรไม่ถูก ทำได้เพียงก้าวขาเดินเข้าใกล้บ้านตัวเองพร้อมกับจ้องมองพื้นดินอย่างระมัดระวัง เมื่อหลบเข้าไปข้างในแล้วถึงถอนใจโล่งอก

ครืน…ครืน…เปรี้ยง…ครืน…

เสียงฟ้าร้องและบรรยากาศน่ากลัวในตอนนี้ทำให้คนในหมู่บ้านอกสั่นขวัญแขวน

ซ่า…

ท่ามกลางความหดหู่ ในที่สุดฝนก็ตกลงมาหนักมาก ทำให้คนในหมู่บ้านโล่งอกขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด