เซียนหมากข้ามมิติ 365 ช่วยเหลือเล็กน้อย

Now you are reading เซียนหมากข้ามมิติ Chapter 365 ช่วยเหลือเล็กน้อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 365 ช่วยเหลือเล็กน้อย

ในฐานะสินค้าทดลอง จี้หยวนแทบลองโดยไม่สนการผลาญพลัง ถึงอย่างไรจำนวนกระดาษเงินกองนี้ก็มีนับร้อยแผ่น ทั้งการผลาญพลังเล็กน้อยเช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่เขาไม่หวั่นเกรง

จวบจนพลบค่ำโดยไม่รู้ตัว กระดาษเงินซึ่งกลายเป็นเถ้าถ่านในมือจี้หยวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สิ้นเปลืองพลังไปไม่น้อย สุดท้ายก็ทดลองจนถึงขีดจำกัดซึ่งทำได้ในปัจจุบัน

ตอนนี้สิ่งที่เหลือในมือคือเหรียญซึ่งความหนาคล้ายเหรียญห้าอีแปะทั่วไปมากมาย ขนาดหดเล็กลงกว่ากระดาษเงินก่อนหน้านี้ไม่น้อย แต่ยังใหญ่กว่าเหรียญทองแดงทั่วไปส่วนหนึ่ง เป็นเหรียญทิพย์เส้นผ่านศูนย์กลางเท่าไข่ไก่

เนื้อสัมผัสเหรียญทิพย์หนาหนักทั้งงามหรูหราเหมือนทองคำ น้ำหนักเหรียญเดียวประมาณสามถึงสี่ตำลึง

จี้หยวนหยิบมาจับเล่นในมือเหรียญหนึ่ง อักษรเหรียญเงินหยินหยางบนนั้นเหมือนแกะสลักจริงๆ สัมผัสยิ่งเป็นเลิศ เรื่องสำคัญคือนอกจากแก่นแท้เป็นเหรียญกระดาษแล้ว ล้วนคงสภาพด้วยพลังและปราณวิญญาณ ดูหนักแน่นล้ำลึก

เขายื่นมือดีดเหรียญทิพย์เบาๆ

กริ๊ง…

เหรียญทิพย์ไม่สั่นสะเทือน แต่เสียงดังกังวานวนรอบเหรียญทิพย์เนิ่นนานไม่ซ่านสลาย

งดงาม มีน้ำหนัก ซ่อนพลังแฝงปราณวิญญาณ นี่ก็คือคำวิจารณ์จากความรู้สึกของจี้หยวน

ตอนนี้บนมือรวมทั้งหมดเหลือเพียงห้าสิบกว่าเหรียญ แต่ด้วยมีน้ำหนักจึงรู้สึกว่ามีมากกว่าก่อนหน้านี้นับร้อยเท่า

“ไม่เลว งามนัก ถ้าอยากยกระดับคงต้องเปลี่ยนวัตถุดิบกับการอนุมานวิชา”

มีพู่กันขนหมาป่าอยู่กับมือ กอปรกับตอนนี้จี้หยวนคุ้นเคยกับการเขียนอักษรเฉพาะตัว คิดว่าผลสรุปจากข้อคิดวันนี้ น่าจะยกระดับเพิ่มได้อีกหน่อย แต่ผลสำเร็จวันนี้ถือว่าน่าพอใจมากแล้ว

ตอนนี้จี้หยวนลูบเหรียญทิพย์เหมือนจับของเล่นใหม่ คล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาหยิบเหรียญหนึ่งมาวางกลางฝ่ามือ สายตากวาดมองโดยรอบครู่หนึ่ง ก่อนหมายตากองหญ้ากับท่อนไม้ผุสองท่อนบนนั้น

“ลอย…”

ปากพึมพำเบาๆ จากนั้นค่อยสะบัดมือ

สายลมคลั่งก่อตัวชั่วพริบตา

วู้ม… วู้ม…

สายลมนี้พัดจนเสื้อผ้าจี้หยวนโบกไหว ม้วนหอบกองหญ้ากับท่อนไม้ผุลอยขึ้นฟ้า หมุนวนกลางอากาศสองสามรอบ จากนั้นค่อยพัดไปตรงขอบฟ้า ไม่นานก็หายลับไป

เห็นว่าบนฟ้ายังมีแรงลมหลงเหลืออยู่ จี้หยวนทำหน้าครุ่นคิด

คราวนี้ใช้พลังมากเกินไม่ได้ออมแรง เหรียญทิพย์ในมือกลายเป็นฝุ่นผงซ่านสลาย แต่ผลลัพธ์ถือว่าไม่เลวนัก

จี้หยวนไม่ได้ใช้อภินิหารของตนแม้แต่น้อย คราวนี้ไม่ใช่วิชาควบคุมลม แต่เป็นผลกระทบจากพลังและปราณวิญญาณ ทำให้สายลมโดยรอบม้วนพัดสิ่งของจากไป แม้ว่าไม่ใช่การควบคุมลม แต่มีผลลัพธ์เท่ากับการควบคุมลม นี่คือสิ่งที่จี้หยวนคิดในใจเมื่อครู่ เท่ากับเหรียญทิพย์ทำให้ความคิดเช่นนี้เกิดขึ้นจริง

พลังเหรียญทิพย์มาจากจี้หยวน แน่นอนว่าบริสุทธิ์มาก ปราณวิญญาณคือสิ่งที่จี้หยวนควบรวม เปลี่ยนจากปราณห้าธาตุภายในกาย ไร้รูปลักษณ์บริสุทธิ์หาใดเปรียบ

ขอเพียงสำเร็จวิชา ไม่ว่าใครก็ใช้เหรียญทิพย์มาเชื่อมโยงได้ ทำอะไรล้วนเกื้อหนุน ถึงขั้นว่าหากมีวิชาอภินิหารอะไร ย่อมนำเหรียญทิพย์มาสำแดงได้ เท่ากับมีจี้หยวนอีกครึ่งคนมาช่วยเขาสำแดงวิชา

ทั้งหากมีเหรียญทิพย์และยันต์อัศจรรย์ ผลลัพธ์จะยิ่งโดดเด่น ด้วยพลังปราณวิญญาณซึ่งซ่อนแฝงในเหรียญทิพย์ สภาพปราณวิญญาณโดยรอบ รวมถึงความอัศจรรย์ของยันต์ ภายใต้สถานการณ์ซึ่งดีที่สุดไม่แน่ว่าอาจเหมือนจี้หยวนมาสำแดงอภินิหารนั้นด้วยตัวเอง

จี้หยวนครุ่นคิดเล็กน้อย กล่าวได้ว่านี่เป็นเรื่องน่ากลัวระดับหนึ่ง ใช่ว่าเขาดูถูกคนอื่น แต่รู้จักตัวเองในปัจจุบันดี

ถ้าถอยออกมาก้าวหนึ่ง ต่อให้ใช้วิชาอภินิหารอะไรไม่เป็น เป็นแค่ผีหรือคนธรรมดา เมื่อรู้วิธีใช้ก็สร้างผลอัศจรรย์ได้ อย่างเช่นเมื่อครู่จี้หยวนแค่ลองใช้ลวกๆ ความคิดในใจยังเปลี่ยนรูปเป็นสายลมระลอกหนึ่ง

ถ้าตรงหน้ามีเทียนเล่มหนึ่ง เมื่อครู่อาจกลายเป็นเพลิงลุกโชน แน่นอนว่าไม่ใช่การคุมเพลิง แต่คล้ายแรงลมโหมไฟจนลุกโชนหลายเท่าตัว หลังจากใช้เหรียญทิพย์แล้วย่อมควบคุมเพลิงไม่ได้ ถ้าตนยืนอยู่กลางไฟก็อาจถูกเผาตาย

“ถ้าเป็นเช่นนี้ หากมอบเหรียญทิพย์แก่ต่งปี้เฉิงคงต้องไตร่ตรองให้ดี…”

จี้หยวนพึมพำกับตัวเอง ใช่ว่าเขาขี้งก แต่มีของแบบนี้ในมือ ต่อให้ไม่ถือว่าสมบูรณ์แบบนัก เมื่อใช้แล้วดีไม่ดีอาจสร้างความวุ่นวายในเมืองผีได้ แม้ว่ามีเทพผีกับยมทูตดำแห่งศาลมืดอยู่ ย่อมไม่เกิดความโกลาหลอะไร แต่ไม่แน่ว่ายมทูตดำจะกำราบเขาได้ทันที หากต่งปี้เฉิงเป็นผีไม่ดี ไม่เท่ากับว่ามอบอาวุธให้คนร้ายหรือ

จี้หยวนเก็บเหรียญทิพย์ในมือพลางหยิบขนมเปี๊ยะออกมากัดคำหนึ่ง ขับเคลื่อนความคิดพลางนับนิ้วคำนวณเล็กน้อย เหมือนว่าทางเจ้าภูเขาลู่คงเตรียมตัวเคลื่อนไหวแล้ว

ภายในห้องส่วนตัวบนชั้นสามของหอสุราหรูหรากลางเมือง มีโต๊ะสำหรับแปดคนนั่งขนาดใหญ่ตัวหนึ่งตั้งวางอยู่ บนนั้นมีตั้งแต่หมูเห็ดเป็ดไก่ถึงพวกของป่าหายาก อบน้ำแดงต้มสับนึ่งตุ๋น มีครบทุกอย่าง อาหารประณีตชวนชิมวางเต็มโต๊ะ ทุกอย่างล้วนครบทั้งรูปรสกลิ่นสี

เจ้าภูเขาลู่นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวเพียงลำพัง หยิบตะเกียบยกจานขึ้นมา กินเหมือนปัญญาชน แต่ความจริงทานไม่ช้า คีบอาหารชิ้นใหญ่เข้าปาก กินเนื้อคำโตมากมาย ทั้งยังยกจอกสุราดื่มเป็นพักๆ

“แจ๊บๆๆ ฮ้า…”

เขากลืนอาหารในปากลงคอ ดื่มสุราในจอกรวดเดียวหมดอีกครั้ง เจ้าภูเขาลู่ลิ้มรสสุราดังแจ๊บๆ

“เมื่อก่อนอยู่กลางป่า ไหนเลยจะรู้จักความเลิศรสบนโลกมนุษย์เช่นนี้ ขนาดผักยังทำได้ถูกปากแบบนี้ มิน่าท่านจี้ถึงสนใจระเบียบบนโลกนัก เจ้าว่าดูจากอาหารพวกนี้ โลกมนุษย์จะไร้ระเบียบได้หรือ”

หลันหนิงเค่อรีบยกกาสุรา รินให้เจ้าภูเขาลู่เต็มจอก ปากกล่าวคล้อยตาม

“เจ้าภูเขากล่าวถูกต้องยิ่ง โลกมนุษย์ไม่ไร้ระเบียบ ไม่ไร้ระเบียบ!”

“ท่านจี้กล่าวถูกต้องยิ่งต่างหาก!”

“ใช่ๆๆ ท่านจี้กล่าวถูกต้องยิ่ง!”

หลันหนิงเค่อมีหรือจะกล้าโต้แย้งอะไร พยักหน้าขานรับไม่หยุด ขณะเดียวกันยังดูดปราณอาหารอย่างระวังเป็นพักๆ ลิ้มรสอาหารที่เคยสั่งเต็มโต๊ะได้ตามสะดวก แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นอาหารหรูหรา

แม้ว่าเจ้าภูเขาลู่บอกให้หลันหนิงเค่อกินได้ตามสะดวก แต่ฝ่ายหลังไม่กล้ากินตามสบาย ถึงอย่างไรเจ้าภูเขาลู่ก็ยังกินอย่างเอร็ดอร่อย

ไม่นานอาหารบนโต๊ะล้วนถูกกินเกลี้ยง เจ้าภูเขาลู่ยกจอกสุราดื่มรวดเดียวหมด หลันหนิงเค่อออกจากห้องส่วนตัวและเดินลงไปข้างล่างอย่างรู้จักกาลเทศะทันที

เมื่อเดินมาถึงปากทางบันไดชั้นแรกของหอสุราหรูหรา หลันหนิงเค่อตะโกนบอกหลงจู๊แต่ไกล

“ห้องวสันต์ด้านบน บอกให้คนมาทำความสะอาดหน่อย สั่งอาหารแบบเดิมอีกโต๊ะหนึ่ง”

“โอ้ ขอรับ! เอ่อ จริงสิลูกค้า ยังมีอาหารพิเศษสองสามอย่าง ต้องการเพิ่มเข้าไปหรือไม่”

หลันหนิงเค่อพยักหน้า

“เพิ่ม มีของดีอะไรก็เพิ่มมา เงินมีพอจ่าย!”

“ขอรับๆ!”

หลงจู๊พยักหน้าอย่างรีบร้อน รอเมื่อหลันหนิงเค่อขึ้นไปแล้วค่อยแอบจุ๊ปาก พวกเสี่ยวเอ้อร์ด้านข้างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

“ครานี้รอบที่เท่าไหร่แล้ว”

“รอบที่สามแล้ว!”

“เคยเห็นคนกินเก่ง แต่ไม่เคยเห็นใครกินเก่งขนาดนี้”

“ท้องคนเราไม่มีทางยัดไหวกระมัง”

“ใครจะรู้เล่า…”

“ยังคุยอะไรกันอีก รีบขึ้นไปเก็บกวาด บอกห้องครัวเตรียมอาหาร”

หลงจู๊กล่าวสั่งความ คนด้านข้างเอ่ยรับคำแล้วเคลื่อนไหวทันที สิ่งสำคัญคือตำลึงเงินก้อนใหญ่วางอยู่บนโต๊ะคิดเงิน ไม่ต้องกลัวว่าอีกฝ่ายจะกินแล้วชักดาบ

ภายในห้องส่วนตัวบนหอ เมื่ออาหารโต๊ะที่สามมาครบแล้ว เจ้าภูเขาลู่แค่ลองชิมเล็กน้อย จากนั้นค่อยแสดงออกว่าให้หลันหนิงเค่อกินได้

เรื่องนี้ทำให้หลันหนิงเค่อซาบซึ้งอย่างยิ่ง เริ่มกินโดยไม่ข่มกลั้นอีก แน่นอนว่าดูเหมือนคีบตะเกียบกินคำโตมากมาย แต่อาหารกลับไม่พร่องเท่าไหร่ ด้วยกินปราณอาหารเป็นหลัก ทั้งไม่ลืมดื่มสุราเช่นกัน

ความรู้สึกตอนนี้เรียบง่ายสบายๆ หลังจากกลายเป็นผีชางซึ่งเสียอิสระและใช้เวลาส่วนใหญ่อย่างมืดมิดไร้แสงตะวัน เขาเพิ่งรู้ว่าความสุขที่เคยสัมผัสยามมีชีวิตล้ำค่าเพียงใด

เจ้าภูเขาลู่นั่งอยู่ด้านข้างมองผีชางหลันหนิงเค่อกินด้วยใบหน้ามีความสุข รอเมื่อเห็นสมควรค่อยยิ้มพลางเอ่ยปาก

“หลันหนิงเค่อ ข้าจะไปสถานที่หนึ่ง แต่สถานที่นั้นข้าเข้าไปโดยตรงไม่ได้ เจ้าต้องมาช่วยข้า ทั้งเจ้าต้องพลีชีพหน่อย”

หลันหนิงเค่อชะงักกึก แม้ว่าตายมานานแล้ว แต่กลับรู้สึกหนาวสะท้านอย่างบอกไม่ถูก

“สะ สถานที่ใดหรือ”

เรื่องขอความช่วยเหลือเขาไม่อาจปฏิเสธ แค่กล้าถามว่าไปที่ใด

เจ้าภูเขาลู่ยิ้มเบิกบาน คิดดูแล้วเรื่องภิกษุเจวี๋ยหมิงก่อนหน้านี้ทำให้เขารู้แจ้ง เขาไม่ต้องไปเมืองผีด้วยร่างสมบูรณ์ เข้าไปแค่จิตปีศาจก็เหมือนกัน

แต่ใช้จิตปีศาจฝ่าประตูนรก ต่อให้เจ้าภูเขาลู่มั่นใจแค่ไหนก็คิดว่ารนหาที่ตาย ดังนั้นต้องหาคนมาดึงดูดความสนใจ หรือใช้วิธีปลอมแปลงแฝงตัว

“เฮ้ย ไม่ต้องประหม่า แค่ไปสถานที่ซึ่งผีควรไป ศาลมืดจังหวัดเหลาหยางเท่านั้น”

หลันหนิงเค่อตัวสั่น สีหน้าไม่น่าดูถึงขีดสุด ตอนนี้เขาพอเข้าใจเรื่องด้านนี้บ้างแล้ว ผีก่อกรรมทำชั่วอย่างเขาไปศาลมืด มีหรือจะเจอเรื่องดี

“วางใจเถอะๆ ภูมิลำเนาเจ้าไม่ใช่จังหวัดเหลาหยาง พวกเขาไม่รู้เรื่องเจ้าหรอก แน่นอนว่ากรรมชั่วบนตัวเจ้ายากกำจัด ย่อมเป็นผีร้ายแน่ ดังนั้นคงถูกลงโทษอย่างหนัก เจ้าแค่อดทนไว้ หลังจากรับการลงทัณฑ์ของศาลมืด พวกเขาจะปล่อยเจ้าไปเมืองผีแดนปรโลก!”

แผนการของเจ้าภูเขาลู่นั้นง่ายมาก ดึงจิตปีศาจออกจากร่าง อาศัยอภินิหารแฝงตัวเข้าวิญญาณผีชางตนนี้ของตัวเอง ให้หลันหนิงเค่อแกล้งทำเป็น ‘ไม่ระวัง’ ถูกยมทูตดำพบเจอแล้วจับตัว จากนั้นค่อยไปปรโลกรับโทษก่อนปล่อยตัวเข้าเมืองผี เท่านี้ก็แฝงตัวสำเร็จแล้ว

เมื่อลองฝึกอย่างละเอียดรอบหนึ่ง ความเป็นไปได้นับว่าสูงมาก ถึงอย่างไรความสัมพันธ์พิเศษระหว่างตนกับผีชาง เจ้าภูเขาลู่ย่อมรู้ดี กอปรกับเขารู้ว่าตนไม่ใช่ปีศาจเสือธรรมดา อภินิหารถือว่าอัศจรรย์มาก

ตอนนี้หลันหนิงเค่อกลัวจนใจสั่นอยู่บ้าง

“นะ แน่นอนว่าข้าน้อยยินดีช่วยเจ้าภูเขา ตะ แต่ถ้าข้าน้อยรับการลงทัณฑ์แล้ว วะ วิญญาณแตกซ่านเล่า…”

“อ้อ วางใจเถอะ มีข้าอยู่ แน่นอนว่าย่อมเสริมปราณหยินช่วยเจ้า ไม่ตายหรอก! หากเจ้าตายไป ข้าย่อมถูกเปิดเผย เผยตัวต่อหน้าเทพหลักเมืองตรงสถานที่สำคัญอย่างศาลมืด ข้าไม่โง่ขนาดนั้น! มา ข้าจะบอกให้เจ้าฟังโดยละเอียด!”

เจ้าภูเขาลู่ขยับเข้าใกล้หลันหนิงเค่อ กระซิบกระซาบข้างหูอยู่ครู่ใหญ่

“เจ้าไม่ต้องตำหนิข้า เดิมเจ้าก็ควรรับผลกรรม ภิกษุเจวี๋ยหมิงรู้ตัวจนไปศาลมืดด้วยตัวเอง เขายังไม่มีข้าคอยปกป้อง เจ้าไปเยือนสักรอบจะเป็นไร พูดมากขนาดนี้ น่าจะเข้าใจว่าควรทำอย่างไรกระมัง”

เจ้าภูเขาลู่ย่อมรู้ความรู้สึกเคียดแค้นของผีชางตน แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้กล่าวโทษ

“ขะ เข้าใจแล้ว…”

หลันหนิงเค่อจิตใจตายด้าน แต่ไม่อาจขัดขืนโดยสิ้นเชิง ได้แต่ตอบรับอย่างไร้เรี่ยวแรง

ตอนนี้บนถนนนอกหอสุราหรูหรา จี้หยวนดมกลิ่นอาหารบนชั้นสาม ทั้งมองขนมเปี๊ยะในมือตัวเอง ส่ายหัวพลางยิ้มอย่างจนปัญญา

………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด