กระบี่จงมา 300.1 โลกมนุษย์น่าเบื่อหน่าย สู้ไม่มาเยือนดีกว่า

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 300.1 โลกมนุษย์น่าเบื่อหน่าย สู้ไม่มาเยือนดีกว่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หมัดที่สิบเอ็ด เร็วอย่างถึงที่สุด

ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของปณิธานหมัดกระบวนท่าเทพตีกลองสายฟ้าอยู่ที่ว่า ขอแค่คนที่ออกหมัดสามารถทนรับการไหลเวียนของลมปราณในร่างที่มาพร้อมกับเจ็บปวดแสนสาหัสจนกระทั่งปล่อยหมัดครั้งใหม่ออกไปได้สำเร็จ ถ้าเช่นนั้นก็สามารถทับซ้อนพลังของแต่ละหมัด เขย่าขุนเขาทำลายนครจะไม่ใช่แค่คำพูดเพ้อฝันของคนปัญญาอ่อนอีกแน่นอน!

หมัดนั้นของเฉินผิงอันต่อยให้ขุนเขา ‘จิ๋ว’ ที่ใหญ่เท่าบ้านหนึ่งหลังถอยกลับไปหลายจั้ง

ไม่พูดไม่จาก็กระทืบเท้าอีกครั้ง แล้วปล่อยหมัดขึ้นไปเบื้องบน

ผู้เฒ่าสวมกวานสูงสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นหลายส่วน ไม่คิดจะเล่นสนุกอีกต่อไป ท่องคาถาเงียบๆ พลางประกบสองนิ้วกรีดลงไปบริเวณใกล้เคียงกับกวานห้าขุนเขาอีกสี่ครั้ง

ต่อให้ต้องเผาผลาญปราณวิญญาณไปไม่น้อย และกวานห้าขุนเขาบนศีรษะต้องสูญเสียความศักดิ์สิทธิ์ไปชั่วคราว เขาก็ยังดึงดันที่จะสังหารเด็กหนุ่มที่เข้ามาเกะกะแผนการของเขาให้สำเร็จในรวดเดียว

ในฐานะผู้ฝึกตนอิสระที่ไม่อาจขอร้องใครและไม่มีใครให้พึ่งพา นี่คือสมบัติอาคมเพียงชิ้นเดียวของผู้เฒ่ากวานสูง เขาได้มันมาจากพื้นที่ลับแห่งหนึ่ง เพื่อให้ได้ยึดครองของชิ้นนี้เพียงลำพัง ตอนที่แบ่งของกัน เขาถึงกับลงมือฆ่าคน สังหารพี่น้องคนหนึ่งที่ร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกัน ตอนที่ฝ่ายหลังกำลังจะตายได้ขอร้องให้เขาช่วยดูแลลูกหลานของตัวเองให้ดี รับรองว่าพวกเขาจะได้รับเกียรติยศความรุ่งโรจน์ไปร้อยปี ผู้เฒ่าพยักหน้าตอบรับ เพียงแต่ว่าหลังจากนั้นเขาก็ใช้วิธีการเล็กๆ น้อยๆ ถอนรากถอนโคนคนร้อยกว่าคนในจวนของอีกฝ่ายอย่างเงียบเชียบ

ตอนนั้นถูกคนหนุ่มขอบเขตโอสถทองของไท่ผิงซานไล่ฆ่าไปหมื่นลี้ กวานห้าขุนเขาที่มีมูลค่าควรเมืองชิ้นนี้ก็ยังถูกเก็บรักษาไว้ได้อย่างดี ความเสียหายไม่มากนัก อีกทั้งเมื่อผ่านการซ่อมแซมด้วยระยะเวลาร้อยปีก็กลับคืนสู่ระดับสูงสุดได้อีกครั้ง น่าเสียดายก็แต่ผู้เฒ่าพลิกเปิดตำรามานับไม่ถ้วนก็ยังตามหารากฐานของภาพวาดห้าขุนเขาบนกวานสูงไม่เจอ เป็นเหตุให้อย่างมากผู้เฒ่าก็ได้แค่สำแดงอานุภาพของสมบัติอาคมเพียงครึ่งเดียว ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่งนัก ไม่อย่างนั้นตอนที่เขาได้เจอกับเจ้าตะพาบน้อยของไท่ผิงซานคนนั้น ก็ยังไม่แน่ว่าใครจะไล่ฆ่าใคร

ภูเขาสองลูกทับซ้อนกันบนและล่าง ร่วงดิ่งลงมาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ

เฉินผิงอันปล่อยหมัดที่สิบสามออกไปอย่างไว แต่ก็ต่อยได้แค่ขุนเขาบูรพาด้านล่างที่ลอยสูงจากพื้นไปจั้งกว่าเท่านั้น

เพียงไม่นานก็มีภูเขาอีกลูกกดทับลงมา

เป็นขุนเขาหนักอึ้งที่ยึดครองความได้เปรียบ หรือวิชาหมัดสูงส่งที่ไร้เทียมทานยิ่งกว่า?

กวานห้าขุนเขาบนศีรษะของผู้เฒ่าหม่นหมองไร้ประกายแสง ไม่มีเสียงต้นสนถูกใบไม้พัดและเสียงนกกระเรียนร้องดังลอยมาให้ได้ยินแว่วๆ อีกแล้ว

เลือดลมของเฉินผิงอันพลุ่งพล่าน ยังไม่มีวี่แววว่าพลังจะถดถอย แต่เฉินผิงอันไม่อยากถูกกักตัวด้วยขุนเขาสามลูกนี้ สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าผู้เฒ่ากวานสูงยังมีเวทคาถาบนภูเขาอะไรอีกหรือไม่ ฉวยโอกาสที่ปณิธานหมัดของกระบวนท่าเทพตีกลองสายฟ้าถูกชักนำ ยังเหลือเส้นใยไว้เชื่อมโยงกันได้ต่อ จึงเตรียมจะย้ายออกจากสนามฝึกยุทธ์ เปลี่ยนสนามต่อสู้ใหม่ จากนั้นก็รีบปล่อยหมัดที่สิบสี่ออกไป

แต่เฉินผิงอันที่เตรียมยันต์ย่อพื้นที่ไว้นานแล้วกลับต้องค้นพบด้วยความตกตะลึงว่า เมื่ออยู่ใต้เงาของภูเขาที่กดทับลงมาก็เหมือนอยู่ใน ‘สถานที่ไร้อาคม’ ที่ลู่ไถเคยพูดถึง ยันต์ย่อพื้นที่ที่เคยสร้างคุณูปการน่าตื่นตกใจในการต่อสู้หลายครั้ง เวลานี้กลับไม่มีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

ความจำเป็นบีบบังคับ กระบี่บินสองเล่มอย่างชูอีกับสืออู่ที่อยู่ในน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่จึงแยกกันไปหนึ่งซ้ายหนึ่งขวา พุ่งสูงขึ้นไปยังทะเลเมฆ

ส่วนเฉินผิงอันก็ได้แต่ออกหมัดใหม่อีกครั้ง ต่อยให้ขุนเขาที่ร่วงลงมาหยุดชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็พุ่งตัวไปข้างหน้า พยายามจะออกไปจากพื้นที่ที่ถูกเงามืดของภูเขาปกคลุมให้ได้

ผู้เฒ่ากวานสูงหัวเราะฮ่าๆ “คิดจะหนีรึ?!”

กดฝ่ามือหนึ่งลงไป ภูเขาลูกที่สี่ก็กระแทกตามไปติดๆ

ภูเขาสี่ลูกทับซ้อนกันกระแทกลงเหนือศีรษะของเฉินผิงอัน อีกทั้งสนามประลองยุทธ์ที่เป็น ‘ตีนเขา’ ยังถูกปราณวิญญาณมหาศาลกดทับ เป็นเหตุให้ร่างที่ขยับเคลื่อนไปด้านหน้าของเฉินผิงอันช้าลงกว่าเดิมหลายส่วน

ในที่สุดเด็กหนุ่มชุดทองที่มีวิชาหมัดน่าตะลึงก็ถูกขุนเขากดกำราบสำเร็จ

หลังจากสมใจปรารถนา ผู้เฒ่ากวาดสูงกลับตกตะลึงเล็กน้อย “ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวสามารถบังคับกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตได้ด้วย?”

ภูเขาสูงมักจะมาพร้อมสายน้ำไหลรินเสมอ

ผู้เฒ่าสัมผัสได้ถึงกระบี่บินสองเล่มที่ทะยานมาถึงจึง ‘ปลด’ แม่น้ำสองสายลงมาจากห้าขุนเขา หลังจากที่ปรากฎตัวก็กลายร่างเป็นสายน้ำที่เล็กบางเหมือนเอวคอดของหญิงสาว เส้นหนึ่งเป็นสีเหลืองขุ่นมัว อีกเส้นหนึ่งเป็นสีเขียวใสกระจ่าง ไหลระริกล้อมวนอยู่รอบเบาะที่นั่งของผู้เฒ่า คอยต้านทานการโจมตีที่ดุดันครั้งแล้วครั้งเล่าจากกระบี่บินสองเล่ม สะเก็ดน้ำแตกกระจาย ทำให้ปริมาณน้ำในสายน้ำลดลงไปไม่น้อย

ความสนใจส่วนใหญ่ของผู้เฒ่ายังอยู่ที่สนามฝึกยุทธ์ด้านล่าง

เวลานี้ทะเลเมฆอยู่ห่างจากพื้นไม่ถึงยี่สิบจั้งแล้ว

เบาะที่ผู้เฒ่านั่งอยู่แทบจะติดกับยอดเขาของภูเขาลูกที่สี่แล้ว การมองเห็นจึงถูกบดบัง ผู้เฒ่ากวานสูงยื่นนิ้วข้างหนึ่งเคาะลงตรงหว่างคิ้วของตัวเองพร้อมท่องคาถา เมื่อลืมตาขึ้น ในดวงตาเขากลายเป็นสีดำสนิทก่อน จากนั้นถึงเหมือนม่านรัตติกาลที่ก้อนเมฆสลายหายไปแล้วเผยให้เห็นดวงจันทร์กระจ่าง ฟ้าดินสว่างแจ่มชัด สายตาของผู้เฒ่ามองทะลุภูเขาสี่ลูกที่ทับซ้อนกัน มองไปเห็นเงาร่างของเด็กหนุ่มชุดคลุมสีทองคนนั้น

เจ้าตัวดี ลื่นไหลอย่างกับปลาหนีชิว คิดจะหนีงั้นรึ!

เด็กหนุ่มคนนั้นก้มหน้าลง ใช้ไหล่แบกภูเขาแล้ววิ่งตะบึงไปด้านหน้าก่อน เมื่อภูเขาใหญ่สี่ลูกกดทับลงมา เด็กหนุ่มก็เปลี่ยนมาค้อมเอว ใช้หลังแบกภูเขาเอาไว้แทน ชุดคลุมอาคมสีทองบนร่างของเขาสำแดงประสิทธิภาพแบบที่ทำให้ผู้เฒ่าต้องตกตะลึง มันช่วยให้เด็กหนุ่มช่วงชิงระยะเวลาสำคัญในชั่วเส้นยาแดงผ่าแปด เป็นเหตุให้ในขณะที่ภูเขาอยู่ห่างจากพื้นของสนามฝึกยุทธ์อีกแค่สี่ฉื่อ เด็กหนุ่มก็สามารถม้วนตัวหลบพ้นจุดจบที่จะถูกภูเขาใหญ่บดขยี้ไปได้อย่างหวุดหวิด

ผู้เฒ่ากวานสูงแค่นหัวเราะหยันในใจไม่หยุด เต๋าสูงหนึ่งฉื่อ อธรรมสูงหนึ่งจั้ง ข้าก็กำลังรอนาทีที่เจ้าเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองหนีรอดนี่แหละ

ภูเขาลูกที่ห้าที่เตรียมพร้อมรอลงมืออยู่ตลอดเวลานี้ก็คือขุนเขาแดนกลางที่มีสถานะสูงส่งมากที่สุด พอจะมองเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงได้ว่าเป็นภูเขาสูงชันที่อันตรายมากแห่งหนึ่ง

เด็กหนุ่มสามารถต้านทานภูเขาใหญ่สี่ลูกได้ก็ถือว่าอยู่เหนือการคาดการณ์ของผู้เฒ่ากวานสูงแล้ว เดิมทีนึกว่าแค่ภูเขาสามลูกทับซ้อนกันก็สามารถกดทับเจ้าเด็กนี่ให้ตายได้แล้ว

วิชาหมัดที่อานุภาพเพิ่มพูนราวกับไม่มีที่สิ้นสุดนั้น แปลกประหลาดมากจริงๆ!

หากเด็กหนุ่มตายไปแล้วทิ้งตำราลับของวิชาหมัดนี้ไว้ ก็อาจจะไม่เป็นรองชุดคลุมอาคมสีทองชุดนั้นเลย

ผู้เฒ่าตวาดเบาๆ หนึ่งครั้ง “ไป!”

ขุนเขาแดนกลางกระแทกลงโดนเฉินผิงอันที่กลิ้งตัวอยู่บนพื้นพอดี

ขณะเดียวกันขุนเขาทั้งสี่ก่อนหน้านี้ก็แยกย้ายกันออกไปบินรอบขุนเขากลาง ก่อนจะพากัน ‘ลงหลักปักฐาน’ บ้างก็บดขยี้บ้านเรือนของสนามประลองยุทธ์ บ้างก็หล่นทับกำแพงสูง บ้างหล่นลงบนถนนนอกสนามฝึก หรือไม่ก็กระแทกลงบนเรือนพักส่วนตัวหลังหนึ่งที่อยู่ติดกับสนามประลอง

หากภูเขาทั้งสี่สัมผัสกับพื้น บวกกับมีขุนเขาแดนกลางคอยบัญชาการณ์อยู่ตรงกลาง ก็จะกลายมาเป็นค่ายกลใหญ่ตามธรรมชาติอย่างหนึ่ง

กระบี่บินสองเล่มเหนือทะเลเมฆเหมือนว่าจะมีจิตเชื่อมโยงกับเด็กหนุ่มที่ตกอยู่ในทางตันจึงยิ่งจู่โจมสัจธรรมแห่งสายน้ำสองเส้นนั้นดุดันมากขึ้น

ผู้เฒ่ากวานสูงหัวเราะเสียงดังอย่างสาแก่ใจ “กลัวเจ้าตัวน้อยอย่างพวกเจ้าทั้งสองแล้ว ได้ๆๆ ข้าผู้อาวุโสจะเล่นแมวจับหนูกับพวกเจ้าก็แล้วกัน หลังจากนี้หากเจ้านายของพวกเจ้าตายไป ดูสิว่าพวกเจ้าจะทำยังไง”

ผู้เฒ่ายื่นมือสองข้างออกไปสองฝั่งซ้ายขวา คว้าเอากลุ่มเมฆสีดำมาสองกลุ่ม จากนั้นก็ตบมือสองข้างเข้าด้วยกันแรงๆ เมฆหมอกบินล้อมวน ร่างของผู้เฒ่าหายวับไป

เฉินผิงอันที่ถูกภูเขาทั้งห้ากักตัวไว้อยู่ระหว่างเส้นความเป็นและความตาย

แม้ว่าชูอีกับสืออู่จะมีปราณกระบี่ที่เฉียบคม แต่กลับทำอะไรผู้เฒ่าที่หลบซ่อนตัวไปแล้วไม่ได้ จึงได้แต่พยายามลดทอนกำลังของทะเลเมฆสีดำ

แม้ว่าเฉินผิงอันจะเรียกเชือกพันธนาการปีศาจที่ทำมาจากหนวดสองเส้นของเจียวหลงออกมาจนแสงสีทองส่องสว่าง เชือกพลันขยายใหญ่เหมือนเจียวหลงสีทองตัวหนึ่งที่ขดตัวรอบขุนเขากลาง ดันให้มันสูงขึ้นจากพื้นไปหลายจั้ง ไม่อาจร่วงลงมาเชื่อมติดกับพื้นดินได้ในรวดเดียว เป็นเหตุให้ค่ายกลใหญ่ห้าขุนเขายังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ทว่าต่อให้เชือกพันธนาการปีศาจจะหดรัดตัวบีบให้เศษหินของขุนเขากลางปริแตกร่วงกราวลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ขุนเขากลางนี้กลับยังคงลดตัวลงต่ำเรื่อยๆ

ส่วนทะเลเมฆที่อยู่เหนือป้อมอินทรีบินก็อยู่ห่างจากพื้นไม่ถึงสิบจั้ง

หากมีคนยืนอยู่บนดาดฟ้าของหอหลักแล้วกวาดสายตามองไปรอบด้าน จะรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่บนยอดเขาใหญ่ที่สูงจากพื้นมานับพันนับร้อยจั้ง ยิ่งใหญ่ตระการตา กระแสลมพัดกระพือฮือโหม คลื่นยักษ์ซัดกระทบชายฝั่ง

—–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด