กระบี่จงมา 476.2 น้ำที่ถูกกั้นไม่สู้น้ำไหล

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 476.2 น้ำที่ถูกกั้นไม่สู้น้ำไหล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เฉินผิงอันเพ่งสายตามองไป ด้านในนั้นวางเหรียญเงินฮวาเฉียน (เหรียญเงินประเภทหนึ่งในสมัยโบราณซึ่งชาวบ้านใช้ในการละเล่น ลักษณะเหมือนเหรียญเงินของจริง แต่เนื่องจากไม่ได้เป็นที่นิยม วัสดุที่ใช้จึงค่อนข้างหยาบ) เทียนซือกำราบภูตผีกลับหลังลักษณะเหมือนกันอย่างไม่มีผิดเพี้ยนไว้สี่เหรียญ

ผู้เฒ่าทยอยพลิกเหรียญฮวาเฉียนทั้งสี่กลับมา พลางยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “แบ่งออกเป็นเจ้าพ่อสายฟ้า (เหลยกง) เจ้าแม่ฟ้าแลบ (เตี้ยนหมู่/เตียนบ๊อ) พระพิรุณ (อวี่ซือ) พระอัคคี (ฮว่อจวิน) ต่างคนต่างจับปีศาจกำราบมาร นี่คือสมบัติอาคมหายากที่เป็นเหรียญฮวาเฉียนสยบความชั่วร้ายคว้าชัยชนะชุดหนึ่ง สวยงาม แล้วก็ใช้ได้จริง เคยมีเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์จูอิ๋งคนหนึ่งคิดจะซื้อไป เพียงแต่ว่าราคาที่เขาให้ต่ำกว่าที่ข้าผู้อาวุโสประมาณการณ์ไว้ เดิมทีก็ใช่ว่าจะขายออกไปไม่ได้ เพียงแต่ว่าไอ้หมอนั่นวางอำนาจบาตรใหญ่ข่มคนอื่นมากเกินไป เห็นของชั้นเยี่ยมของข้าผู้อาวุโสแล้ว ต่อให้ในใจจะชื่นชอบ แต่ก็ยังแสร้งวางสีหน้าสุขุม ข้าผู้อาวุโสเห็นแล้วก็หงุดหงิด ลูกไม้เล็กๆ น้อยๆ พวกนี้หากเอาไปใช้ในหมู่ชาวบ้านร้านตลาดก็แล้วไปเถิด มาแสดงอยู่ตรงหน้าข้าผู้อาวุโสก็ช่างทำให้ราชวงศ์จูอิ๋งขายหน้าเสียจริง ข้าก็เลยหาข้ออ้างไม่ขายให้เขาซะเลย”

ผู้เฒ่ายิ้มกล่าว “ต่อให้ไม่ซื้อ ก็สามารถหยิบดูได้ มันไม่ใช่เครื่องกระเบื้องทั่วไปเสียหน่อย ไม่แตกง่ายๆ หรอก”

เฉินผิงอันจึงคีบเหรียญฮวาเฉียนหนึ่งในนั้นขึ้นมา พลิกกลับดูทั้งหน้าและหลังอย่างละเอียด หลังจากดึงสายตากลับแล้วก็ถามว่า “ขายอย่างไร?”

ผู้เฒ่ากล่าว “หนึ่งชุดสี่เหรียญ ไม่ขายแยก”

ผู้เฒ่ายังคงยื่นฝ่ามือข้างหนึ่งออกมาแกว่งส่าย

แน่นอนว่าไม่ใช่ห้าเหรียญเงินร้อนน้อยแล้ว แต่เป็นเงินฝนธัญพืช

เฉินผิงอันยิ้มถาม “ต่อรองราคาไม่ได้แล้วหรือ?”

ผู้เฒ่าส่ายหน้า “ลดไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะผิดต่อเหรียญฮวาเฉียนล้ำค่าที่สืบทอดมาจากธวัลทวีปชุดนี้”

เฉินผิงอันถาม “เชื้อพระวงศ์ราชวงศ์จูอิ๋งของปีนั้นกดราคาให้เหลือสี่เหรียญเงินฝนธัญพืชใช่หรือไม่?”

ผู้เฒ่าพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม

เฉินผิงอันหน้ามุ่ย “ถ้าอย่างนั้นดูเหมือนว่าข้าจะไม่ต่างจากเขาสักเท่าไหร่”

เขาเองก็อยากหั่นราคาให้เหลือสี่เหรียญเงินฝนธัญพืช เพราะเขาก็ชื่นชอบมันมากเหมือนกัน อยากจะซื้อเก็บไว้เป็นของในกระเป๋ารวดเดียว

เงินเป็นสิ่งไม่มีชีวิต แต่คนนั้นมีชีวิต

หลังจากเฉินผิงอันมอบวัตถุจื่อชื่อใบถงให้กับเว่ยป้อแล้ว ก่อนจะลงมาจากภูเขา เว่ยป้อก็เอาเงินฝนธัญพืชออกมาให้สองก้อน ก้อนแรกคือเงินห้าเหรียญ เฉินผิงอันพกติดตัวมาด้วย คิดว่าเมื่อลงจากภูเขามาท่องเที่ยว จะอย่างไรเงินฝนธัญพืชห้าเหรียญก็คงพอจะรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้บ้าง ส่วนอีกก้อนหนึ่งนั้นเขาส่งไปที่ทะเลสาบซูเจี่ยน มอบให้กู้ช่านไว้ใช้จัดงานพิธีกรรมทางศาสนาของสองลัทธิ

หากเจอกับสิ่งของอย่างเตาตู้ทองห้าสีที่อยู่ในมือของลู่ยงแห่งตำหนักพยัคฆ์เขียวซึ่งต้องใช้เงินถึงห้าสิบเหรียญฝนธัญพืชเข้าจริงๆ ขอแค่ไม่เกี่ยวพันกับรากฐานมหามรรคา เฉินผิงอันก็จะถือซะว่ามันไม่มีวาสนากับตน

เพราะถึงอย่างไรบัญชีรายรับรายจ่ายในตอนนี้ นอกจากร้านทั้งสองในตรอกฉีหลงที่แต่ละเดือนสามารถทำเงินได้หลายสิบตำลึงเงินแล้ว ภูเขาทั้งหมดซึ่งรวมถึงภูเขาลั่วพั่วเป็นหนึ่งในนั้นก็ยังไม่อาจหาเงินเทพเซียนเข้าบัญชีได้แม้แต่เหรียญเดียว

ตอนนี้จึงไม่เหมาะกับการใช้เงินอย่างเดียวโดยที่ไม่มีรายได้อีกแล้ว

ผู้เฒ่าหัวเราะเสียงก้องกังวาน “ยังมีส่วนที่ไม่เหมือนกันอยู่บ้าง ข้าผู้อาวุโสถูกชะตากับเจ้ามากกว่า เชิญเจ้าหั่นราคาได้ตามสบาย ถึงอย่างไรข้าผู้อาวุโสก็ไม่ยอมตกลงอยู่แล้ว”

ทันใดนั้นเฉินผิงอันบังเกิดแรงบันดาลใจ จึงถามหยั่งเชิงไปว่า “ไม่ทราบว่าเงินเดือนของท่านอาจารย์ผู้เฒ่าหงที่อยู่ในหอชิงฝูแห่งนี้มากน้อยเท่าไหร่หรือ?”

ร้านผ้าห่อบุญของภูเขาหนิวเจี่ยวเขตการปกครองหลงเฉวียน คนจากไปแล้ว ทว่าสิ่งปลูกสร้างและหน้าร้านที่ทุ่มทรัพยากรไปมหาศาลนั้นยังคงอยู่ อีกทั้งในฐานะที่ภูเขาหนิวเจี่ยวมีท่าเรือตระกูลเซียนอยู่แห่งหนึ่ง การมีร้านอยู่ที่นั่นก็เหมาะแก่การทำการค้าอย่างแท้จริง

สตรีที่ยืนอยู่หน้าห้องปิดปากหัวเราะคิก แต่กระนั้นเสียงหัวเราะก็ยังคงเล็ดรอดออกมา เห็นได้ชัดว่าคำถามนี้ของเฉินผิงอันน่าขันเพียงใด

หากซื้อเหรียญฮวาเฉวียนสังหารภูตผีที่มีระดับขั้นเป็นสมบัติอาคมสี่เหรียญนี้ไปได้ก็แล้วไปเถิด แต่หากซื้อไม่ไหว ยังจะกล้ามาพูดแซะหอชิงฝูแห่งภูเขาตี้หลงอีกหรือ? รู้หรือไม่ว่าในฐานะงูเจ้าถิ่นที่อยู่ตรงท่าเรือตระกูลเซียนภูเขาตี้หลง หอชิงฝูสืบทอดต่อกันมาหลายสิบชั่วคนแล้ว ขนาดพวกร้านขายของเก่ายังต้องมาชนตออยู่ที่นี่ สุดท้ายก็ไม่ได้เลือกที่นี่เป็นที่เปิดร้าน

หงหยางโปถูกหยอกจนขบขัน เขาโบกมือกล่าวว่า “อย่าหวังว่าข้าจะตอบเลย”

ผู้เฒ่าเตรียมจะเก็บกล่องผ้าแพรวัตถุวิเศษที่มีดิ้นทองรัดพันเพื่อปกปิดไอเย็นของเหรียญฮวาเฉียนลงไป คิดไม่ถึงว่าเฉินผิงอันจะพลิกหมุนข้อมือ เงินฝนธัญพืชห้าเหรียญก็มาวางอยู่บนโต๊ะแล้ว “อาจารย์ผู้เฒ่าหง ข้าซื้อแล้ว”

ผู้เฒ่ากล่าวอย่างประหลาดใจ “จะซื้อจริงๆ หรือ? ไม่เสียใจทีหลังแน่นะ? ออกไปจากหอชิงฝูเมื่อไหร่ก็เท่ากับว่าเงินมาของไป ไม่ให้เอากลับมาคืนอีกแล้วนะ”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ

ผู้เฒ่ายื่นฝ่ามือข้างหนึ่งออกมา นิ้วแต่ละข้างสัมผัสกับเงินฝนธัญพืชทั้งห้าเหรียญพอดี แต่แค่สัมผัสเขาก็ปล่อยออกทันที เพราะแน่ใจแล้วว่าเป็นเงินฝนธัญพืชบนภูเขาของจริง ปราณวิญญาณเปี่ยมล้น การไหลเวียนของปราณวิญญาณเป็นระเบียบขั้นตอน ไม่ใช่ของปลอมแน่

ผู้เฒ่าถามอีกครั้ง “แน่ใจนะ?”

เฉินผิงอันชำเลืองตามองกล่องที่เหลืออีกสามใบที่ยังไม่ได้เก็บลงไป ยิ้มถามว่า “มีของรางวัลเพิ่มให้บ้างได้หรือไม่?”

สตรีที่อยู่หน้าประตูหลุดหัวเราะพรืดอย่างอดไม่ไหว แล้วรีบหันหน้าหนีทันที

ผู้เฒ่าพูดทีเล่นทีจริง “หากช่วยให้ข้าใช้คืนเหล้ามื้อนั้นก็ย่อมได้ ตกลงไหม?”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “แบบนี้ไม่ได้ ซื้อขายก็ส่วนซื้อขาย”

ผู้เฒ่าส่ายหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถิด ซื้อขายก็คือซื้อขาย ราคายุติธรรม ไม่มีของรางวัลเพิ่มแล้ว”

“ได้ ไม่มีของรางวัลก็ไม่มี น้ำเส้นเล็กไหลยาว วันหน้าค่อยว่ากัน”

เฉินผิงอันขยับตัวเล็กน้อย ใช้แผ่นหลังบังการมองเห็นจากตรงหน้าประตู แล้วเก็บกล่องผ้าแพรใส่ไว้ในวัตถุจื่อชื่อ

สุดท้ายผู้เฒ่าเดินพาเฉินผิงอันมาส่งที่หน้าประตูห้อง ใช่ว่าจะไปส่งถึงประตูใหญ่ที่ชั้นหนึ่งของหอชิงฝูไม่ได้ เพียงแต่จะผิดกฎ ง่ายที่จะทำให้คนเกิดการคาดเดาและสืบเสาะโดยที่ไม่จำเป็น

ผู้เฒ่าพลันถามว่า “หากก่อนหน้านี้เจ้ายอมตกลงว่าจะดื่มเหล้า เจ้าคิดจะเลือกของชิ้นไหนเป็นรางวัล? ‘ภาพน่าเสียดาย’?”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “เป็นเจว็ดรูปสตรีสวมหมวกคลุมหน้า”

ผู้เฒ่ายิ้มกล่าว “สายตาไม่เลว แต่ก็ไม่ถือว่าดีที่สุด ชิ้นที่มีค่ามากที่สุด แท้จริงแล้วคือหมึกรมควันไม้สนของเชื้อพระวงศ์แคว้นเสินสุ่ยชิ้นนั้น ราคาในตลาดคือเก้าเหรียญเงินร้อนน้อย หากคิดอย่างนี้ เดิมทีขอแค่เจ้าตกลงว่าจะดื่มเหล้า อันที่จริงก็จะเท่ากับว่าเจ้าหั่นราคาเหรียญฮวาเชียนสมบัติอาคมชุดนั้นที่เจ้าซื้อไปได้เหลือสี่เหรียญเงินฝนธัญพืช อย่างมากสุดข้าก็ได้กำไรแค่ครึ่งเหรียญเงินฝนธัญพืชเท่านั้น ส่วนตอนนี้น่ะหรือ ก็คือหนึ่งเหรียญครึ่งแล้ว ต่อให้หักส่วนแบ่งของหอชิงฝูไป ชั่วชีวิตนี้ข้าก็ไม่ต้องกลัดกลุ้มว่าจะไม่มีเหล้าดื่มแล้ว”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ถ้าอย่างนั้นหากคราวหน้าสหายของข้ามาที่หอชิงฝู ท่านอาจารย์ผู้เฒ่าหงก็ช่วยเลี้ยงสุราดีๆ เขาด้วย เอาแบบที่แพงที่สุดเลยนะ”

ผู้เฒ่าพยักหน้ารับ “ย่อมต้องเป็นเช่นนี้”

เฉินผิงอันเดินข้ามธรณีประตูมาแล้วก็บอกกับสตรีผู้นั้นว่าไม่ต้องไปส่ง จากนั้นจึงกุมหมัดบอกลา “ท่านอาจารย์ผู้เฒ่าหง ไว้พบกันใหม่วันหน้า”

ผู้เฒ่าผงกศีรษะตอบรับ “โปรดอภัยที่ไม่ได้ไปส่งไกลกว่านี้ หวังว่าพวกเราจะได้ทำการค้าร่วมกันบ่อยๆ ดุจน้ำเส้นเล็กไหลยาว”

เฉินผิงอันจึงเดินลงจากหอ จูงม้าเดินไปบนถนนใหญ่นอกหอชิงฝู

การที่เขาซื้อเหรียญฮวาเฉียนชุดนั้นมาก็เพราะคิดว่าจะมอบพวกมันให้แก่จงขุยแห่งภูเขาไท่ผิง

เรื่องของการหาเงินนั้น จะรีบร้อนไม่ได้ แล้วก็จะโทษเขาเฉินผิงอันไม่ได้

เพียงแต่ว่าไม่นานเฉินผิงอันก็หันขวับกลับไป พบว่าสตรีสวมชุดกระโปรงหลากสีผู้นั้นเดินเร็วๆ มาหา ในอ้อมอกถือกล่องผ้าแพรไว้ใบหนึ่ง

เฉินผิงอันหยุดเดินแล้ว สตรีที่มีนามว่าฉิงฉ่ายก็ยื่นกล่องผ้าแพรส่งให้เขา ยิ้มกล่าวว่า “สุดท้ายแล้วท่านอาจารย์ผู้เฒ่าหงก็รู้สึกผิด ยอมตัดใจมอบของรักอย่างเจว็ดชิ้นนี้ให้แก่คุณชาย คุณชายคงไม่รู้หรอกว่าตอนที่ข้ารับเอากล่องมา ต้องดึงอยู่นานถึงจะดึงออกจากมือของอาจารย์ผู้เฒ่าได้”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าวว่าช่างน่าเกรงใจยิ่งนัก เพียงแต่ว่ามือไม้ของเขากลับไม่ช้าเลยแม้แต่น้อย ผลกลับกลายเป็นว่าสตรีก็ไม่ได้ปล่อยมือในทันที เฉินผิงอันต้องกระชากเบาๆ นางถึงจะยอมปล่อย

สตรีมองแผ่นหลังนั้นแล้วยกสองมือขึ้น ฝ่ามือทั้งสองว่างเปล่า

นางยิ้มพลางโคลงศีรษะ ย้อนกลับไปที่หอชิงฝู สตรีหลายคนในชั้นหนึ่งพอเห็นนางแล้วก็พากันก้มหน้าลง

มาถึงนอกห้องหงหยางโปที่ชั้นสอง ผู้เฒ่ายืนอยู่หน้าประตูอย่างนอบน้อม ยิ้มเจื่อนกล่าวว่า “เถ้าแก่ ก่อนหน้านี้เห็นท่ายกชามาให้ด้วยตัวเอง ทำเอาข้าตกใจแทบแย่”

สตรีคลี่ยิ้มอย่างไม่ยินดียินร้าย กล่าวว่า “ภายหลังที่ลูกค้าคนนั้นคิดจะขุดหลุมหลอกเจ้า เจ้าคงตกใจยิ่งกว่ากระมัง?”

ผู้เฒ่าหัวเราะจืดเจื่อน

สตรีเดินเข้ามาในห้อง ค้อมเอวยื่นนิ้วข้างหนึ่งไปหยอกคนจิ๋วชุดเขียวที่นั่งอยู่บนกิ่งต้นป่ายโบราณเล่น หงหยางโปยืนอยู่ด้านข้าง เอ่ยอย่างสงสัย “ไม่ทราบว่าเหตุใดเถ้าแก่ถึงบอกให้ข้านำเจว็ดสตรีสวมหมวกคลุมหน้าชิ้นนั้นไปมอบให้เขา?”

สตรีหยอกคนจิ๋วชุดเขียวน่ารักพวกนั้นเล่นพลางตอบว่า “มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าคนผู้นี้ก็คือเซียนกระบี่หนุ่มที่ปรากฏตัวในหมู่บ้านวารีกระบี่”

ผู้เฒ่าทำสีหน้าเหลือเชื่อ “ไม่จริงกระมัง? ต่อให้สามารถควักเงินฝนธัญพืชออกมาได้ทีเดียวถึงห้าเหรียญ ซื้อเหรียญฮวาเชียนกำราบภูตผีที่กินฝุ่นมาร้อยปีชุดนั้นไปได้ แต่ปีนั้นข้าเคยพบเจอคนผู้นี้มาก่อน ตอนนั้นอย่างมากสุดเขาก็เป็นแค่ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวขอบเขตสามเท่านั้น…”

สตรีเอ่ยเรียบๆ “แจกันสมบัติทวีปกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ จะมีหม่าขู่เสวียนแห่งภูเขาเจินอู่ได้แค่คนเดียวจริงๆ หรือ?”

ผู้เฒ่ายังคงกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย ไม่คิดว่าคนหนุ่มผู้นั้นจะเป็นเซียนกระบี่ชุดเขียวที่ทำให้ซูหลางแห่งแคว้นซงซีต้องกลับมาพร้อมความล้มเหลว

สตรีพลันเอ่ยว่า “อย่าลืมล่ะว่า ข้าก็คือมือกระบี่คนหนึ่ง”

ผู้เฒ่ายิ้มกล่าว “เถ้าแก่มีพรสวรรค์ดีเยี่ยม วัยเยาว์ก็ได้รับคำทำนายว่าจะได้เป็น ‘ผู้ฝึกกระบี่เซียนดิน’ วิชาการค้าก็เป็นแค่วิถีทางเล็กๆ ของท่านเท่านั้น”

สตรียืดตัวขึ้นตรง ปัดมือ “เมื่อครู่ตอนที่คนผู้นี้เดินขึ้นมาบนชั้นสองของหอชิงฝู ข้ากำลังเช็ดกระบี่โบราณอยู่ในห้อง ‘ปราณเย็น’ ชั้นสามพอดี จิตแห่งกระบี่ของข้าเกิดความไม่มั่นคงขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง แม้ว่าเพียงแวบเดียวก็จางหายไป แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงแท้แน่นอน”

จากนั้นสตรีก็เปิดกล่องผ้าแพรกล่องหนึ่งบนโต๊ะ หยิบอักษรภาพลายมือแบบหวัดชิ้นนั้นออกมา ไล่นิ้วมือไปตามลายหมึกพลางเอ่ยเนิบช้า “ข้าเดาเอาว่าอันที่จริงคนผู้นั้นมองออกแต่แรกแล้วว่าข้าไม่ใช่สาวใช้หอชิงฝูอะไรทั้งนั้น ดังนั้นเขาถึงได้คร้านจะปกปิดความจริงที่ว่าตัวเองมีวัตถุฟางชุ่นหรือวัตถุจื่อชื่อ ไม่เพียงเท่านี้ เมื่อครู่ตอนที่จะจากลากันบนถนนใหญ่ ข้าจงใจมองไปที่กระบี่ยาวด้านหลังของเขา ตอนนั้นเขา…”

สตรีเงยหน้าขึ้น เอาสองมือไพล่หลัง “จะพูดว่าอย่างไรดีล่ะ เขาในตอนนั้นนิ่งสงบเหมือนพระโพธิสัตว์ดินเผาบนแท่นบูชา คนแบบนี้ หอชิงฝูมอบเจว็ดรูปสตรีที่มีค่าไม่กี่เหรียญเงินร้อนน้อยให้ไป จะนับเป็นอะไรได้? คนเขายินดียอมรับเอาไว้ แสดงว่ายอมรับน้ำใจนี้ของข้า หอชิงฝูก็ควรจะจุดธูปกราบไหว้บรรพบุรุษแล้ว”

กล่าวมาถึงตรงนี้ สตรีก็ยื่นนิ้วข้างหนึ่งวาดจากบนลงล่างหนึ่งขีด ใคร่ครวญท่าทีที่คนผู้นั้นมีต่อนาง มีต่อหงหยางโปแล้วก็เรียกได้ว่าแตกต่างราวกับเป็นคนละคนเลยทีเดียว

ผู้เฒ่าเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก ตอนนั้นตนเกือบพลาดโชควาสนาที่ใหญ่เทียมฟ้าไปแล้วใช่หรือไม่? ถึงได้ทำให้คนเขาลำบากใจ ต้องให้เขายอมตกลงดื่มเหล้าด้วยกันให้ได้ถึงจะยอมมอบของรางวัลเพิ่มเติมไปให้

สตรีพลันถามว่า “เจ้าว่าที่คนผู้นั้นไม่ตกลงดื่มเหล้ากับเจ้า เป็นเพราะเขาคือเซียนกระบี่บนยอดเขา จึงดูแคลนที่จะดื่มเหล้าร่วมโต๊ะกับเจ้าหงหยางโป หรือเป็นเพราะหวังให้สหายของเขาได้มาดื่มเหล้ากับเจ้าด้วยตัวเองจริงๆ?”

ผู้เฒ่าตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนว่าย่อมเป็นอย่างแรก”

สตรีหัวเราะทันใด “ส่วนแบ่งของเหรียญฮวาเชียนกำจัดภูตผีชุดนั้น วันนี้หอชิงฝูไม่หักไว้แล้ว หงหยางโป คราวหน้าเมื่อเลี้ยงเหล้าคนอื่น ก็เลี้ยงที่แพงๆ หน่อย อืม ‘เอาแบบที่แพงที่สุดเลยน่ะ’”

ผู้เฒ่าค่อยๆ คลี่ยิ้ม “ย่อมได้อยู่แล้ว!”

—–

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

กระบี่จงมา 476.2 น้ำที่ถูกกั้นไม่สู้น้ำไหล

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 476.2 น้ำที่ถูกกั้นไม่สู้น้ำไหล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เฉินผิงอันเพ่งสายตามองไป ด้านในนั้นวางเหรียญเงินฮวาเฉียน (เหรียญเงินประเภทหนึ่งในสมัยโบราณซึ่งชาวบ้านใช้ในการละเล่น ลักษณะเหมือนเหรียญเงินของจริง แต่เนื่องจากไม่ได้เป็นที่นิยม วัสดุที่ใช้จึงค่อนข้างหยาบ) เทียนซือกำราบภูตผีกลับหลังลักษณะเหมือนกันอย่างไม่มีผิดเพี้ยนไว้สี่เหรียญ

ผู้เฒ่าทยอยพลิกเหรียญฮวาเฉียนทั้งสี่กลับมา พลางยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “แบ่งออกเป็นเจ้าพ่อสายฟ้า (เหลยกง) เจ้าแม่ฟ้าแลบ (เตี้ยนหมู่/เตียนบ๊อ) พระพิรุณ (อวี่ซือ) พระอัคคี (ฮว่อจวิน) ต่างคนต่างจับปีศาจกำราบมาร นี่คือสมบัติอาคมหายากที่เป็นเหรียญฮวาเฉียนสยบความชั่วร้ายคว้าชัยชนะชุดหนึ่ง สวยงาม แล้วก็ใช้ได้จริง เคยมีเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์จูอิ๋งคนหนึ่งคิดจะซื้อไป เพียงแต่ว่าราคาที่เขาให้ต่ำกว่าที่ข้าผู้อาวุโสประมาณการณ์ไว้ เดิมทีก็ใช่ว่าจะขายออกไปไม่ได้ เพียงแต่ว่าไอ้หมอนั่นวางอำนาจบาตรใหญ่ข่มคนอื่นมากเกินไป เห็นของชั้นเยี่ยมของข้าผู้อาวุโสแล้ว ต่อให้ในใจจะชื่นชอบ แต่ก็ยังแสร้งวางสีหน้าสุขุม ข้าผู้อาวุโสเห็นแล้วก็หงุดหงิด ลูกไม้เล็กๆ น้อยๆ พวกนี้หากเอาไปใช้ในหมู่ชาวบ้านร้านตลาดก็แล้วไปเถิด มาแสดงอยู่ตรงหน้าข้าผู้อาวุโสก็ช่างทำให้ราชวงศ์จูอิ๋งขายหน้าเสียจริง ข้าก็เลยหาข้ออ้างไม่ขายให้เขาซะเลย”

ผู้เฒ่ายิ้มกล่าว “ต่อให้ไม่ซื้อ ก็สามารถหยิบดูได้ มันไม่ใช่เครื่องกระเบื้องทั่วไปเสียหน่อย ไม่แตกง่ายๆ หรอก”

เฉินผิงอันจึงคีบเหรียญฮวาเฉียนหนึ่งในนั้นขึ้นมา พลิกกลับดูทั้งหน้าและหลังอย่างละเอียด หลังจากดึงสายตากลับแล้วก็ถามว่า “ขายอย่างไร?”

ผู้เฒ่ากล่าว “หนึ่งชุดสี่เหรียญ ไม่ขายแยก”

ผู้เฒ่ายังคงยื่นฝ่ามือข้างหนึ่งออกมาแกว่งส่าย

แน่นอนว่าไม่ใช่ห้าเหรียญเงินร้อนน้อยแล้ว แต่เป็นเงินฝนธัญพืช

เฉินผิงอันยิ้มถาม “ต่อรองราคาไม่ได้แล้วหรือ?”

ผู้เฒ่าส่ายหน้า “ลดไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะผิดต่อเหรียญฮวาเฉียนล้ำค่าที่สืบทอดมาจากธวัลทวีปชุดนี้”

เฉินผิงอันถาม “เชื้อพระวงศ์ราชวงศ์จูอิ๋งของปีนั้นกดราคาให้เหลือสี่เหรียญเงินฝนธัญพืชใช่หรือไม่?”

ผู้เฒ่าพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม

เฉินผิงอันหน้ามุ่ย “ถ้าอย่างนั้นดูเหมือนว่าข้าจะไม่ต่างจากเขาสักเท่าไหร่”

เขาเองก็อยากหั่นราคาให้เหลือสี่เหรียญเงินฝนธัญพืช เพราะเขาก็ชื่นชอบมันมากเหมือนกัน อยากจะซื้อเก็บไว้เป็นของในกระเป๋ารวดเดียว

เงินเป็นสิ่งไม่มีชีวิต แต่คนนั้นมีชีวิต

หลังจากเฉินผิงอันมอบวัตถุจื่อชื่อใบถงให้กับเว่ยป้อแล้ว ก่อนจะลงมาจากภูเขา เว่ยป้อก็เอาเงินฝนธัญพืชออกมาให้สองก้อน ก้อนแรกคือเงินห้าเหรียญ เฉินผิงอันพกติดตัวมาด้วย คิดว่าเมื่อลงจากภูเขามาท่องเที่ยว จะอย่างไรเงินฝนธัญพืชห้าเหรียญก็คงพอจะรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้บ้าง ส่วนอีกก้อนหนึ่งนั้นเขาส่งไปที่ทะเลสาบซูเจี่ยน มอบให้กู้ช่านไว้ใช้จัดงานพิธีกรรมทางศาสนาของสองลัทธิ

หากเจอกับสิ่งของอย่างเตาตู้ทองห้าสีที่อยู่ในมือของลู่ยงแห่งตำหนักพยัคฆ์เขียวซึ่งต้องใช้เงินถึงห้าสิบเหรียญฝนธัญพืชเข้าจริงๆ ขอแค่ไม่เกี่ยวพันกับรากฐานมหามรรคา เฉินผิงอันก็จะถือซะว่ามันไม่มีวาสนากับตน

เพราะถึงอย่างไรบัญชีรายรับรายจ่ายในตอนนี้ นอกจากร้านทั้งสองในตรอกฉีหลงที่แต่ละเดือนสามารถทำเงินได้หลายสิบตำลึงเงินแล้ว ภูเขาทั้งหมดซึ่งรวมถึงภูเขาลั่วพั่วเป็นหนึ่งในนั้นก็ยังไม่อาจหาเงินเทพเซียนเข้าบัญชีได้แม้แต่เหรียญเดียว

ตอนนี้จึงไม่เหมาะกับการใช้เงินอย่างเดียวโดยที่ไม่มีรายได้อีกแล้ว

ผู้เฒ่าหัวเราะเสียงก้องกังวาน “ยังมีส่วนที่ไม่เหมือนกันอยู่บ้าง ข้าผู้อาวุโสถูกชะตากับเจ้ามากกว่า เชิญเจ้าหั่นราคาได้ตามสบาย ถึงอย่างไรข้าผู้อาวุโสก็ไม่ยอมตกลงอยู่แล้ว”

ทันใดนั้นเฉินผิงอันบังเกิดแรงบันดาลใจ จึงถามหยั่งเชิงไปว่า “ไม่ทราบว่าเงินเดือนของท่านอาจารย์ผู้เฒ่าหงที่อยู่ในหอชิงฝูแห่งนี้มากน้อยเท่าไหร่หรือ?”

ร้านผ้าห่อบุญของภูเขาหนิวเจี่ยวเขตการปกครองหลงเฉวียน คนจากไปแล้ว ทว่าสิ่งปลูกสร้างและหน้าร้านที่ทุ่มทรัพยากรไปมหาศาลนั้นยังคงอยู่ อีกทั้งในฐานะที่ภูเขาหนิวเจี่ยวมีท่าเรือตระกูลเซียนอยู่แห่งหนึ่ง การมีร้านอยู่ที่นั่นก็เหมาะแก่การทำการค้าอย่างแท้จริง

สตรีที่ยืนอยู่หน้าห้องปิดปากหัวเราะคิก แต่กระนั้นเสียงหัวเราะก็ยังคงเล็ดรอดออกมา เห็นได้ชัดว่าคำถามนี้ของเฉินผิงอันน่าขันเพียงใด

หากซื้อเหรียญฮวาเฉวียนสังหารภูตผีที่มีระดับขั้นเป็นสมบัติอาคมสี่เหรียญนี้ไปได้ก็แล้วไปเถิด แต่หากซื้อไม่ไหว ยังจะกล้ามาพูดแซะหอชิงฝูแห่งภูเขาตี้หลงอีกหรือ? รู้หรือไม่ว่าในฐานะงูเจ้าถิ่นที่อยู่ตรงท่าเรือตระกูลเซียนภูเขาตี้หลง หอชิงฝูสืบทอดต่อกันมาหลายสิบชั่วคนแล้ว ขนาดพวกร้านขายของเก่ายังต้องมาชนตออยู่ที่นี่ สุดท้ายก็ไม่ได้เลือกที่นี่เป็นที่เปิดร้าน

หงหยางโปถูกหยอกจนขบขัน เขาโบกมือกล่าวว่า “อย่าหวังว่าข้าจะตอบเลย”

ผู้เฒ่าเตรียมจะเก็บกล่องผ้าแพรวัตถุวิเศษที่มีดิ้นทองรัดพันเพื่อปกปิดไอเย็นของเหรียญฮวาเฉียนลงไป คิดไม่ถึงว่าเฉินผิงอันจะพลิกหมุนข้อมือ เงินฝนธัญพืชห้าเหรียญก็มาวางอยู่บนโต๊ะแล้ว “อาจารย์ผู้เฒ่าหง ข้าซื้อแล้ว”

ผู้เฒ่ากล่าวอย่างประหลาดใจ “จะซื้อจริงๆ หรือ? ไม่เสียใจทีหลังแน่นะ? ออกไปจากหอชิงฝูเมื่อไหร่ก็เท่ากับว่าเงินมาของไป ไม่ให้เอากลับมาคืนอีกแล้วนะ”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ

ผู้เฒ่ายื่นฝ่ามือข้างหนึ่งออกมา นิ้วแต่ละข้างสัมผัสกับเงินฝนธัญพืชทั้งห้าเหรียญพอดี แต่แค่สัมผัสเขาก็ปล่อยออกทันที เพราะแน่ใจแล้วว่าเป็นเงินฝนธัญพืชบนภูเขาของจริง ปราณวิญญาณเปี่ยมล้น การไหลเวียนของปราณวิญญาณเป็นระเบียบขั้นตอน ไม่ใช่ของปลอมแน่

ผู้เฒ่าถามอีกครั้ง “แน่ใจนะ?”

เฉินผิงอันชำเลืองตามองกล่องที่เหลืออีกสามใบที่ยังไม่ได้เก็บลงไป ยิ้มถามว่า “มีของรางวัลเพิ่มให้บ้างได้หรือไม่?”

สตรีที่อยู่หน้าประตูหลุดหัวเราะพรืดอย่างอดไม่ไหว แล้วรีบหันหน้าหนีทันที

ผู้เฒ่าพูดทีเล่นทีจริง “หากช่วยให้ข้าใช้คืนเหล้ามื้อนั้นก็ย่อมได้ ตกลงไหม?”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “แบบนี้ไม่ได้ ซื้อขายก็ส่วนซื้อขาย”

ผู้เฒ่าส่ายหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถิด ซื้อขายก็คือซื้อขาย ราคายุติธรรม ไม่มีของรางวัลเพิ่มแล้ว”

“ได้ ไม่มีของรางวัลก็ไม่มี น้ำเส้นเล็กไหลยาว วันหน้าค่อยว่ากัน”

เฉินผิงอันขยับตัวเล็กน้อย ใช้แผ่นหลังบังการมองเห็นจากตรงหน้าประตู แล้วเก็บกล่องผ้าแพรใส่ไว้ในวัตถุจื่อชื่อ

สุดท้ายผู้เฒ่าเดินพาเฉินผิงอันมาส่งที่หน้าประตูห้อง ใช่ว่าจะไปส่งถึงประตูใหญ่ที่ชั้นหนึ่งของหอชิงฝูไม่ได้ เพียงแต่จะผิดกฎ ง่ายที่จะทำให้คนเกิดการคาดเดาและสืบเสาะโดยที่ไม่จำเป็น

ผู้เฒ่าพลันถามว่า “หากก่อนหน้านี้เจ้ายอมตกลงว่าจะดื่มเหล้า เจ้าคิดจะเลือกของชิ้นไหนเป็นรางวัล? ‘ภาพน่าเสียดาย’?”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “เป็นเจว็ดรูปสตรีสวมหมวกคลุมหน้า”

ผู้เฒ่ายิ้มกล่าว “สายตาไม่เลว แต่ก็ไม่ถือว่าดีที่สุด ชิ้นที่มีค่ามากที่สุด แท้จริงแล้วคือหมึกรมควันไม้สนของเชื้อพระวงศ์แคว้นเสินสุ่ยชิ้นนั้น ราคาในตลาดคือเก้าเหรียญเงินร้อนน้อย หากคิดอย่างนี้ เดิมทีขอแค่เจ้าตกลงว่าจะดื่มเหล้า อันที่จริงก็จะเท่ากับว่าเจ้าหั่นราคาเหรียญฮวาเชียนสมบัติอาคมชุดนั้นที่เจ้าซื้อไปได้เหลือสี่เหรียญเงินฝนธัญพืช อย่างมากสุดข้าก็ได้กำไรแค่ครึ่งเหรียญเงินฝนธัญพืชเท่านั้น ส่วนตอนนี้น่ะหรือ ก็คือหนึ่งเหรียญครึ่งแล้ว ต่อให้หักส่วนแบ่งของหอชิงฝูไป ชั่วชีวิตนี้ข้าก็ไม่ต้องกลัดกลุ้มว่าจะไม่มีเหล้าดื่มแล้ว”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ถ้าอย่างนั้นหากคราวหน้าสหายของข้ามาที่หอชิงฝู ท่านอาจารย์ผู้เฒ่าหงก็ช่วยเลี้ยงสุราดีๆ เขาด้วย เอาแบบที่แพงที่สุดเลยนะ”

ผู้เฒ่าพยักหน้ารับ “ย่อมต้องเป็นเช่นนี้”

เฉินผิงอันเดินข้ามธรณีประตูมาแล้วก็บอกกับสตรีผู้นั้นว่าไม่ต้องไปส่ง จากนั้นจึงกุมหมัดบอกลา “ท่านอาจารย์ผู้เฒ่าหง ไว้พบกันใหม่วันหน้า”

ผู้เฒ่าผงกศีรษะตอบรับ “โปรดอภัยที่ไม่ได้ไปส่งไกลกว่านี้ หวังว่าพวกเราจะได้ทำการค้าร่วมกันบ่อยๆ ดุจน้ำเส้นเล็กไหลยาว”

เฉินผิงอันจึงเดินลงจากหอ จูงม้าเดินไปบนถนนใหญ่นอกหอชิงฝู

การที่เขาซื้อเหรียญฮวาเฉียนชุดนั้นมาก็เพราะคิดว่าจะมอบพวกมันให้แก่จงขุยแห่งภูเขาไท่ผิง

เรื่องของการหาเงินนั้น จะรีบร้อนไม่ได้ แล้วก็จะโทษเขาเฉินผิงอันไม่ได้

เพียงแต่ว่าไม่นานเฉินผิงอันก็หันขวับกลับไป พบว่าสตรีสวมชุดกระโปรงหลากสีผู้นั้นเดินเร็วๆ มาหา ในอ้อมอกถือกล่องผ้าแพรไว้ใบหนึ่ง

เฉินผิงอันหยุดเดินแล้ว สตรีที่มีนามว่าฉิงฉ่ายก็ยื่นกล่องผ้าแพรส่งให้เขา ยิ้มกล่าวว่า “สุดท้ายแล้วท่านอาจารย์ผู้เฒ่าหงก็รู้สึกผิด ยอมตัดใจมอบของรักอย่างเจว็ดชิ้นนี้ให้แก่คุณชาย คุณชายคงไม่รู้หรอกว่าตอนที่ข้ารับเอากล่องมา ต้องดึงอยู่นานถึงจะดึงออกจากมือของอาจารย์ผู้เฒ่าได้”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าวว่าช่างน่าเกรงใจยิ่งนัก เพียงแต่ว่ามือไม้ของเขากลับไม่ช้าเลยแม้แต่น้อย ผลกลับกลายเป็นว่าสตรีก็ไม่ได้ปล่อยมือในทันที เฉินผิงอันต้องกระชากเบาๆ นางถึงจะยอมปล่อย

สตรีมองแผ่นหลังนั้นแล้วยกสองมือขึ้น ฝ่ามือทั้งสองว่างเปล่า

นางยิ้มพลางโคลงศีรษะ ย้อนกลับไปที่หอชิงฝู สตรีหลายคนในชั้นหนึ่งพอเห็นนางแล้วก็พากันก้มหน้าลง

มาถึงนอกห้องหงหยางโปที่ชั้นสอง ผู้เฒ่ายืนอยู่หน้าประตูอย่างนอบน้อม ยิ้มเจื่อนกล่าวว่า “เถ้าแก่ ก่อนหน้านี้เห็นท่ายกชามาให้ด้วยตัวเอง ทำเอาข้าตกใจแทบแย่”

สตรีคลี่ยิ้มอย่างไม่ยินดียินร้าย กล่าวว่า “ภายหลังที่ลูกค้าคนนั้นคิดจะขุดหลุมหลอกเจ้า เจ้าคงตกใจยิ่งกว่ากระมัง?”

ผู้เฒ่าหัวเราะจืดเจื่อน

สตรีเดินเข้ามาในห้อง ค้อมเอวยื่นนิ้วข้างหนึ่งไปหยอกคนจิ๋วชุดเขียวที่นั่งอยู่บนกิ่งต้นป่ายโบราณเล่น หงหยางโปยืนอยู่ด้านข้าง เอ่ยอย่างสงสัย “ไม่ทราบว่าเหตุใดเถ้าแก่ถึงบอกให้ข้านำเจว็ดสตรีสวมหมวกคลุมหน้าชิ้นนั้นไปมอบให้เขา?”

สตรีหยอกคนจิ๋วชุดเขียวน่ารักพวกนั้นเล่นพลางตอบว่า “มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าคนผู้นี้ก็คือเซียนกระบี่หนุ่มที่ปรากฏตัวในหมู่บ้านวารีกระบี่”

ผู้เฒ่าทำสีหน้าเหลือเชื่อ “ไม่จริงกระมัง? ต่อให้สามารถควักเงินฝนธัญพืชออกมาได้ทีเดียวถึงห้าเหรียญ ซื้อเหรียญฮวาเชียนกำราบภูตผีที่กินฝุ่นมาร้อยปีชุดนั้นไปได้ แต่ปีนั้นข้าเคยพบเจอคนผู้นี้มาก่อน ตอนนั้นอย่างมากสุดเขาก็เป็นแค่ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวขอบเขตสามเท่านั้น…”

สตรีเอ่ยเรียบๆ “แจกันสมบัติทวีปกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ จะมีหม่าขู่เสวียนแห่งภูเขาเจินอู่ได้แค่คนเดียวจริงๆ หรือ?”

ผู้เฒ่ายังคงกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย ไม่คิดว่าคนหนุ่มผู้นั้นจะเป็นเซียนกระบี่ชุดเขียวที่ทำให้ซูหลางแห่งแคว้นซงซีต้องกลับมาพร้อมความล้มเหลว

สตรีพลันเอ่ยว่า “อย่าลืมล่ะว่า ข้าก็คือมือกระบี่คนหนึ่ง”

ผู้เฒ่ายิ้มกล่าว “เถ้าแก่มีพรสวรรค์ดีเยี่ยม วัยเยาว์ก็ได้รับคำทำนายว่าจะได้เป็น ‘ผู้ฝึกกระบี่เซียนดิน’ วิชาการค้าก็เป็นแค่วิถีทางเล็กๆ ของท่านเท่านั้น”

สตรียืดตัวขึ้นตรง ปัดมือ “เมื่อครู่ตอนที่คนผู้นี้เดินขึ้นมาบนชั้นสองของหอชิงฝู ข้ากำลังเช็ดกระบี่โบราณอยู่ในห้อง ‘ปราณเย็น’ ชั้นสามพอดี จิตแห่งกระบี่ของข้าเกิดความไม่มั่นคงขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง แม้ว่าเพียงแวบเดียวก็จางหายไป แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงแท้แน่นอน”

จากนั้นสตรีก็เปิดกล่องผ้าแพรกล่องหนึ่งบนโต๊ะ หยิบอักษรภาพลายมือแบบหวัดชิ้นนั้นออกมา ไล่นิ้วมือไปตามลายหมึกพลางเอ่ยเนิบช้า “ข้าเดาเอาว่าอันที่จริงคนผู้นั้นมองออกแต่แรกแล้วว่าข้าไม่ใช่สาวใช้หอชิงฝูอะไรทั้งนั้น ดังนั้นเขาถึงได้คร้านจะปกปิดความจริงที่ว่าตัวเองมีวัตถุฟางชุ่นหรือวัตถุจื่อชื่อ ไม่เพียงเท่านี้ เมื่อครู่ตอนที่จะจากลากันบนถนนใหญ่ ข้าจงใจมองไปที่กระบี่ยาวด้านหลังของเขา ตอนนั้นเขา…”

สตรีเงยหน้าขึ้น เอาสองมือไพล่หลัง “จะพูดว่าอย่างไรดีล่ะ เขาในตอนนั้นนิ่งสงบเหมือนพระโพธิสัตว์ดินเผาบนแท่นบูชา คนแบบนี้ หอชิงฝูมอบเจว็ดรูปสตรีที่มีค่าไม่กี่เหรียญเงินร้อนน้อยให้ไป จะนับเป็นอะไรได้? คนเขายินดียอมรับเอาไว้ แสดงว่ายอมรับน้ำใจนี้ของข้า หอชิงฝูก็ควรจะจุดธูปกราบไหว้บรรพบุรุษแล้ว”

กล่าวมาถึงตรงนี้ สตรีก็ยื่นนิ้วข้างหนึ่งวาดจากบนลงล่างหนึ่งขีด ใคร่ครวญท่าทีที่คนผู้นั้นมีต่อนาง มีต่อหงหยางโปแล้วก็เรียกได้ว่าแตกต่างราวกับเป็นคนละคนเลยทีเดียว

ผู้เฒ่าเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก ตอนนั้นตนเกือบพลาดโชควาสนาที่ใหญ่เทียมฟ้าไปแล้วใช่หรือไม่? ถึงได้ทำให้คนเขาลำบากใจ ต้องให้เขายอมตกลงดื่มเหล้าด้วยกันให้ได้ถึงจะยอมมอบของรางวัลเพิ่มเติมไปให้

สตรีพลันถามว่า “เจ้าว่าที่คนผู้นั้นไม่ตกลงดื่มเหล้ากับเจ้า เป็นเพราะเขาคือเซียนกระบี่บนยอดเขา จึงดูแคลนที่จะดื่มเหล้าร่วมโต๊ะกับเจ้าหงหยางโป หรือเป็นเพราะหวังให้สหายของเขาได้มาดื่มเหล้ากับเจ้าด้วยตัวเองจริงๆ?”

ผู้เฒ่าตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนว่าย่อมเป็นอย่างแรก”

สตรีหัวเราะทันใด “ส่วนแบ่งของเหรียญฮวาเชียนกำจัดภูตผีชุดนั้น วันนี้หอชิงฝูไม่หักไว้แล้ว หงหยางโป คราวหน้าเมื่อเลี้ยงเหล้าคนอื่น ก็เลี้ยงที่แพงๆ หน่อย อืม ‘เอาแบบที่แพงที่สุดเลยน่ะ’”

ผู้เฒ่าค่อยๆ คลี่ยิ้ม “ย่อมได้อยู่แล้ว!”

—–

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+