กระบี่จงมา 477.1 น้ำในนทีใสกระจ่าง จันทราใกล้ชิดคน

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 477.1 น้ำในนทีใสกระจ่าง จันทราใกล้ชิดคน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โดยไม่ทันรู้ตัว เรือข้ามฟากก็เคลื่อนมาถึงอาณาเขตของแคว้นหวงถิงที่มีภูเขาสูงน้ำลึกแล้ว

เฉินผิงอันเดินมาชมทัศนียภาพที่หัวเรือ เรือข้ามฟากลำนี้ละเอียดอ่อนและเอาใจใส่อย่างยิ่ง พวกเขาจงใจลดระดับการลอยตัวของเรือข้ามฟากลง บ้างครั้งจึงเคลื่อนสวนยอดเขาสูงชันอันตราย มีนกโบยบินคลอเคียงข้าง

ในฐานะอาณาเขตที่ถูกแบ่งแยกออกมาจากแคว้นสู่โบราณ นอกจากจะมีเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลบนภูเขามากมายที่อิงตามตำราอักขรานุกรมท้องถิ่นและคำเล่าลือในหมู่ชาวบ้าน จ่ายเงินให้แก่เซียนซือในท้องถิ่นและราชสำนักแคว้นหวงถิงเพื่อมาขุดค้นแม่น้ำลำธารอย่างกำเริบเสิบสาน บีบให้กระแสน้ำในลำคลองเกิดการเปลี่ยนทิศทาง ท้องน้ำแห้งขอดจนปรากฏให้เห็นเพื่อจะได้ตามหาพื้นที่ลับอย่างวังมังกรแล้ว ก็มักจะมีผู้ฝึกตนอิสระมาเก็บหาของดี มาเสี่ยงดวงอยู่ที่นี่เหมือนกัน ปีนั้นอาจารย์และศิษย์สามคนอย่างพวกนักพรตตาบอดก็เคยมีความคิดเช่นนี้ เพียงแต่ว่าในเรื่องของโชควาสนานั้นเป็นดั่งภาพมายาล่องลอย เว้นเสียจากว่าผู้ฝึกตนจะมีทรัพย์สินเงินทองมากพอ มีความสามารถที่จะผูกสัมพันธ์หาเส้นสาย จากนั้นก็ทุ่มเงินก้อนใหญ่หว่านแหเป็นวงกว้างแล้ว ไม่อย่างนั้นก็ยากนักที่จะได้ผลเก็บเกี่ยวกลับมา

ตำหนักฉางชุนซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองหลวงต้าหลีซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของเรือข้ามฟากลำนี้ จะต้องผ่านภูเขาหนิวเจี่ยวเขตการปกครองหลงเฉวียนไปก่อน เฉินผิงอันไม่ได้คิดว่าจะลงเรือที่นั่น ตามเส้นทางที่กำหนดไว้แน่นอนแล้ว เขาอยากจะไปยังจวนซึ่งเป็นที่พักของผีสาวสวมชุดแต่งงานผู้นั้นก่อน เพื่อไปเยี่ยมเยียนบิดาของกู้ช่าน จากนั้นค่อยเลียบตามเส้นทางที่คุ้นเคยซึ่งต้องผ่านแม่น้ำซิ่วฮวา เมืองหงจู๋ ภูเขาฉีตุนและแม่น้ำเถี่ยฝู ใช้ท่านั่งขี่กระบี่เดินทางย้อนกลับไปที่ภูเขาลั่วพั่วอย่างว่องไว ไม่อย่างนั้นหากขี่ม้าคงช้าเกินไป จะถ่วงเวลาการไปให้ทันเรือข้ามฟากที่จะมุ่งหน้าไปยังอุตรกุรุทวีปลำนั้น

เนื่องจากเรือข้ามฟากลำหนึ่งไม่อาจลดระดับลงจอดบนพื้นเพื่อผู้โดยสารคนเดียวได้ เป็นเหตุให้เฉินผิงอันไปแจ้งกับทางฝั่งของเรือข้ามฟากแล้วว่าให้นำม้าตัวนั้นไปปล่อยไว้ที่ภูเขาหนิวเจี่ยว และให้พวกเขาไปแจ้งแก่คนที่ท่าเรือบนภูเขาหนิวเจี่ยวว่าให้ส่งมาตัวนี้ไปที่ภูเขาลั่วพั่ว

สีหน้าของคนดูแลเรือข้ามฟากไม่ค่อยน่ามองสักเท่าไหร่ เพราะถึงอย่างไรลำพังแค่การบินทะยานผ่านอากาศเหนืออาณาเขตของต้าหลีก็มากพอจะทำให้คนอกสั่นขวัญแขวนได้แล้ว กลัวว่าผู้โดยสารคนใดถ่มเสลดออกไปนอกเรือโดยไม่ทันระวัง หากร่วงหล่นลงบนภูเขาของตระกูลเซียนต้าหลีก็จะถูกผู้ฝึกตนต้าหลีเรียกสมบัติอาคมออกมาทำลายให้ย่อยยับ แม้แต่เศษซากโครงกระดูกก็ไม่มีเหลือ อีกทั้งในฐานะสถานีที่สองที่นับกลับหลังของเส้นทางการเดินเรือนี้ ท่าเรือภูเขาหนิวเจี่ยวจึงมีกองทัพม้าเหล็กต้าหลีกลุ่มหนึ่งคอยให้การเฝ้าพิทักษ์อยู่โดยเฉพาะ นอกเหนือจากการบรรจุและลำเลียงสิ่งของออกจากเรือแล้ว พวกเขาหรือจะกล้าไปพูดคุยสมาคมกับเหล่าผู้ฝึกยุทธกลุ่มนั้น

เฉินผิงอันจึงอธิบายเพิ่มบอกว่าตนมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับภูเขาหนิวเจี่ยว อีกทั้งยังมีภูเขาที่เป็นเพื่อนบ้านกับท่าเรือ เรื่องของม้าตัวเดียวย่อมไม่สร้างปัญหาใดๆ แน่นอน

ผู้ดูแลเฒ่าสีหน้าขมฝาด ทั้งไม่ปฏิเสธแล้วก็ไม่ได้ตอบตกลง ภายหลังยังคงเป็นเฉินผิงอันที่แอบยัดเงินเกล็ดหิมะให้สองสามเหรียญ ผู้ฝึกตนเฒ่าขอบเขตชมมหาสมุทรถึงได้ฝืนใจตอบรับ

สาเหตุที่แท้จริงนั้นย่อมไม่ใช่เพราะเขาละโมบในเงินเกล็ดหิมะแค่ไม่กี่เหรียญนั้น แต่เป็นเพราะคนหนุ่มผู้นี้มีสถานะเป็นคนของต้าหลี จะล่วงเกินมากไปไม่ได้ ในเมื่อได้ครอบครองภูเขาลั่วพั่ว นั่นก็แสดงว่าต้องเป็นงูเจ้าถิ่นแล้ว เดิมทีทางฝ่ายบรรพบุรุษก็ต้องทุ่มทรัพย์สินและใช้เครือข่ายผู้คนลงไปกับเส้นทางเรือสายนี้มหาศาล กว่าจะบุกเบิกเส้นทางหาเงินเส้นทางใหม่มาได้ วันหน้าหากก้มหน้าไม่เห็น เงยหน้าก็ต้องเห็นกันอยู่ดี เสี่ยงอันตรายช่วยเหลืออีกฝ่ายสักเล็กน้อย พอให้เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตา การทำการค้าอย่างเป็นรูปธรรมนั้น ยิ่งเวลายาวนานเท่าไหร่ก็ยิ่งมีเรื่องยิบย่อยหยุมหยิมมากมายเท่านั้น หากมีเหตุการณ์ใดที่ต้องใช้น้ำใจของคนเล่า?

โชคดีที่คนหนุ่มผู้นั้นก็เป็นคนรู้กาลเทศะ หลังจากได้เปรียบไปแล้วก็รู้จักมอบผลหลีตอบแทนผลท้อ เอ่ยประโยคหนึ่งว่าวันหน้าหากต้องเอาเรือลงจอด แล้วถ้ามีเวลาว่างก็ไปเป็นแขกที่ภูเขาลั่วพั่วได้ เขาชื่อเฉินผิงอัน บนภูเขามีทั้งสุราและน้ำชาให้ดื่ม

ผู้ดูแลเฒ่าถึงได้คลี่ยิ้มจากใจจริงออกมาได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นน้ำใจที่แท้จริงหรือเสแสร้ง คนหนุ่มเอ่ยประโยคนี้ก็ดีกว่าไม่พูดอะไรเลย หลายๆ ครั้งเวลาที่ทำการค้า หากรู้ชื่อของใครบางคน ต่อให้จะไม่ได้เป็นสหายที่แท้จริง แต่หากดังเข้าหูของคนอื่นก็ย่อมพาให้คนคิดไปไกลได้

หลังจากนั้นมีวันหนึ่งที่เรือข้ามฝากเข้ามาในอาณาเขตของแคว้นต้าหลีแล้ว เฉินผิงอันก้มหน้าลงมองแผ่นดิน ภูเขาและสายน้ำ เขาบอกกล่าวกับผู้ดูแลเฒ่าหนึ่งคำก็บอกให้เจี้ยนเซียนพุ่งออกจากฝัก ส่วนตัวเองพลิกตัวกระโดดข้ามรั้วออกมา

เหยียบลงบนเส้นสีทองเส้นนั้นแล้ววาดตัวเป็นเส้นโค้งดิ่งลงไปเบื้องล่าง

ผู้ดูแลเฒ่าเอามือตบราวรั้วด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงระคนยินดี พอไปถึงภูเขาหนิวเจี่ยวจะต้องสืบข่าวให้ดีสักหน่อยว่า ‘เฉินผิงอัน’ ผู้นี้เป็นเทพเจ้าจากฝ่ายใดกันแน่ ถึงได้อำพรางตัวอย่างลึกล้ำเพียงนี้ ลงเขามาท่องเที่ยวกลับพาแค่ม้ามาตัวเดียว ผู้ฝึกตนที่เดินออกมาจากจวนตระกูลเซียนทั่วไป มีใครบ้างที่ไม่มีมาดของเซียนซือสักหน่อย?

เฉินผิงอันพลิ้วกายลงบนเส้นทางที่คุ้นเคย คราวนี้ไม่จำเป็นต้องให้ยันต์ปราณหยางส่องไฟนำทางก็พุ่งตัวมาถึงหน้าผาแห่งหนึ่ง ดีดนิ้วเบาๆ คล้ายเคาะประตู ไม่ได้ใช้ยันต์ทำลายค่ายกลฝืน ‘ผ่าประตูบุกเข้าไปในจวนโดยพลการ’ เพราะก่อนหน้านั้นเคยทำเช่นนี้ หลังจบเรื่องถึงได้ถูกเทพวารีแม่น้ำซิ่วฮวาที่ตรงแขนมีงูเขียวรัดพันพูดจาถากถาง ใช้กฎหมายบนภูเขาของต้าหลีมาตำหนิไปคำรบหนึ่ง พร้อมทิ้งประโยคว่าห้ามให้มีคราวหน้าเอาไว้ แม้ว่ามองดูเหมือนอีกฝ่ายจะจองหอง แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นเฉินผิงอันที่ไร้เหตุผลก่อนจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็อย่าว่าแต่วันนี้เขาเฉินผิงอันยังไม่ใช่เซียนกระบี่ที่แท้จริงอะไรเลย ต่อให้ในอนาคตใช่ เขาก็ยังจำเป็นต้องมา ‘เคาะประตู’ อยู่ที่นี่อยู่ดี

ริ้วคลื่นกระเพื่อมเป็นระลอก สิ่งกีดขวางแห่งภูเขาและแม่น้ำพลันเปิดออก เฉินผิงอันเดินเข้าไปข้างใน การมองเห็นก็เปิดกว้างในทันที

เฉินผิงอันขมวดคิ้ว เดินหน้าไปช้าๆ พร้อมกับกวาดตามองไปรอบด้าน ภาพปรากฎการณ์ของพื้นที่แห่งนี้เหนือกว่าอดีตอยู่มากโข สภาพของภูเขาและแม่น้ำมั่นคง ปราณวิญญาณเปี่ยมล้น สิ่งเหล่านี้ล้วนถือเป็นเรื่องดี นี่น่าจะเป็นผลสำเร็จจากการที่บิดาของกู้ช่านซึ่งเป็นเจ้าของจวนคนใหม่ทำการซ่อมแซมรากภูเขามาสามปี ในบรรดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาและแม่น้ำ นี่ถือเป็นคุณความชอบที่จริงแท้แน่นอน ย่อมต้องถูกกรมพิธีการของราชสำนักจดลงบันทึก และผู้ตรวจสอบคุณงามความดีของกรมขุนนางก็จะเป็นผู้รับผิดชอบเก็บรักษาสมุดคุณูปการเล่มนั้นเอาไว้ แต่วันนี้บิดาของกู้ช่านกลับไม่ออกมาต้อนรับ นี่ไม่สมเหตุสมผล

ก่อนหน้านี้ตอนที่ย้อนกลับไปยังภูเขาลั่วพั่ว เรื่องราวเกี่ยวกับสกุลฉู่ของจวน ‘น้ำใสลมเย็น’ แห่งนี้ เฉินผิงอันได้สอบถามเว่ยป้อมาอย่างละเอียดแล้ว เจ้าของจวนคนเก่าและเจ้าของจวนคนใหม่แบ่งออกเป็นขุนนางใต้การปกครองขององค์เทพใหญ่ขุนเขาเหนืออย่างเว่ยป้อ สิ่งที่เว่ยป้อรู้มาจึงละเอียดอย่างยิ่ง แต่เว่ยป้อเองก็บอกแล้วว่า กองบวงสรวงที่ทำหน้าที่เป็นผู้บวงสรวงของกรมพิธีการต้าหลีจะรับผิดชอบเป็นผู้ ‘ชักดึง’ เส้นสายที่แอบแฝงในราชสำนักเหล่านี้ด้วยมือตัวเอง ต่อให้เป็นเว่ยป้อก็ยังมีแค่อำนาจในการรับรู้ แต่ไม่มีอำนาจในการก้าวก่าย และจวนเก่าของสกุลฉู่แห่งนี้ก็อยู่ในหลักเกณฑ์นี้ อีกทั้งปลายฤดูหนาวของเมื่อปีก่อนก็เพิ่งจะถูกแบ่งแยกออกไป ถือเป็นสถานที่แห่งเดียวที่ถูกปลดออกจากขุนเขาเหนือ คราวก่อนที่เฉินผิงอันลงนามในสัญญาพันธมิตรบนภูเขาพีอวิ๋นกับราชสำนักต้าหลี รองเจ้ากรมพิธีการก็ได้พูดถึงเรื่องนี้กับเว่ยป้อ เป็นการอธิบายให้เข้าใจคร่าวๆ แต่ก็เป็นแค่คำพูดตามมารยาทเท่านั้น หลีกเลี่ยงไม่ให้เว่ยป้อคิดมาก เว่ยป้อย่อมไม่มีความเห็นต่าง เขาเองไม่ใช่คนโง่ หากมองเขตการปกครองขุนเขาเหนือในนามของตัวเองทั้งหมดเป็นสิ่งของที่ตนหวงแหนจริงๆ ถ้าอย่างนั้นแม้แต่ถิ่นฐานที่ถือว่าเป็นของเขาในเมืองหลวงต้าหลี เขาเว่ยป้อก็จะสามารถไปวางอำนาจบารมีได้จริงๆ อย่างนั้นหรือ?

เกี่ยวกับเทพหยินสกุลกู้ ตามคำกล่าวของทางการ ในช่วงระยะเวลาสามปีที่ผ่านมานี้ กู้เทาเก็บตัวสันโดษแทบไม่เคยออกมาข้างนอก มุมานะตั้งใจซ่อมแซมโชคชะตาแม่น้ำภูเขา คุณความเหนื่อยยากสูงยิ่ง ทางราชสำนักจึงเตรียมจะมอบของรางวัลและภารกิจอย่างอื่นให้กับเขา ว่ากันว่าเรื่องภาระหน้าที่ของกู้เทานั้น เว่ยป้อกับจูเหลี่ยนยังลงเดิมพันกัน ต่างคนต่างเขียนคำตอบไว้บนกระดาษคนละแผ่น แล้วเก็บไว้ที่เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพู ใครที่แพ้คนนั้นก็ต้องเลี้ยงเหล้า ตอนนั้นเว่ยป้อยังบอกให้เฉินผิงอันเดาตำแหน่งหน้าที่ที่ทั้งสองฝ่ายเขียนไว้ เฉินผิงอันหรือจะเดาเรื่องพวกนี้ออก แล้วนับประสาอะไรกับที่ตอนนั้นยังมีการป้อนหมัดบนชั้นสองรอคอยตนอยู่ เขาปวดหัวมากพอแล้ว เวลานี้กลับกลายเป็นว่าเฉินผิงอันเริ่มรู้สึกเสียใจภายหลัง เพราะไม่อย่างนั้นตอนนี้ก็คงจะพอมีการเตรียมใจมาบ้างไม่มากก็น้อย เว่ยป้อเองก็เคยเล่าให้ฟังว่าหลังจากที่มารดาของกู้ช่านย้ายกลับมาที่บ้านบรรพบุรุษตรอกหนีผิงของเมืองเล็ก ก็ได้ไปหากู้เทาทันที เพียงแต่ว่าถึงแม้นางจะเข้าไปในอาณาเขตภูเขาแม่น้ำได้ แต่ดูเหมือนว่าสองสามีภรรยาที่อยู่กันคนละโลกกลับไม่ได้เจอหน้ากัน

วันนี้ยังคงเป็นเทพวารีแม่น้ำซิ่วฮวาสวมเสื้อเกราะสีทองผู้นั้นที่มายืนรอคอยเฉินผิงอันอยู่หน้าประตูใหญ่ของจวน

แต่เมื่อเทียบกับคราวก่อนที่สถานการณ์ของสองฝ่ายตึงเครียดพร้อมระเบิดความขัดแย้งทุกเมื่อแล้ว คราวนี้สีหน้าขององค์เทพวารีผู้มีประสบการณ์โชกโชนที่ระดับขั้นเป็นรองหยางฮวาของแม่น้ำเถี่ยฝูเล็กน้อยกลับผ่อนคลายกว่าเดิมเยอะมาก

เฉินผิงอันกุมหมัดเอ่ยทักทายอย่างมีมารยาท “คารวะท่านเทพวารี”

เทพวารีแม่น้ำซิ่วฮวาผงกศีรษะรับการทักทาย “มาหาเจ้าของจวนอย่างกู้เทาเพื่อพูดคุยเรื่องในอดีต หรือมาแก้แค้นฉู่ฮูหยินเล่า?”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “มาหาท่านอากู้”

ในเมื่อเรื่องของทะเลสาบซูเจี่ยนปิดฉากลงแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องจงใจปิดบังกันต่อไป ไม่ว่าใครก็ล้วนไม่ใช่คนโง่ เห็นได้ชัดว่าปีนั้นเทพวารีแม่น้ำซิ่วฮวาผู้จงรักภักดีท่านนี้เคยได้รับคำชี้นำอย่างลับๆ จากราชครูชุยฉาน ไม่แน่ว่าปีนั้นการแสดงระหว่างตนกับท่านอากู้ที่ปิดฟ้าข้ามมหาสมุทร การที่ตนเปลี่ยนเส้นทางไปเยือนทะเลสาบซูเจี่ยนล่วงหน้าอย่างไม่ลังเล เป็นเหตุให้สถานการณ์ตายครั้งนั้นไม่ถึงขั้นเกิดเงื่อนตายที่ใหญ่กว่าเดิมเพิ่มขึ้นมา ไม่อย่างนั้นหากไปช้ากว่านั้นอีกสักเดือนหนึ่ง แล้วหร่วนซิ่วกับหน่วยจานกานของต้าหลีเกิดข้อพิพาทกับกู้ช่านที่เกาะชิงเสียขึ้นมา สองฝ่ายเกิดการช่วงชิงระหว่างน้ำกับไฟกัน ต่างคนต่างถูกมหามรรคาที่มองไม่เห็นชักดึง ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ต้องบาดเจ็บหรือตายไป สำหรับเฉินผิงอันแล้ว นั่นก็เรียกได้ว่าเป็นหายนะที่ไม่อาจคาดคิดได้ครั้งหนึ่งเลยทีเดียว

ดังนั้นเทพวารีที่ปีนั้นทำหน้าที่ตรวจสอบข้อผิดพลาด ก็น่าจะต้องได้รับความเดือดร้อนจากชุยฉานไปแล้ว

เทพวารีลูบหัวงูเขียวที่ขดตัวอยู่บนแขนเบาๆ ยิ้มบางๆ กล่าวว่า “เฉินผิงอัน แม้ว่าตอนนี้ข้าจะยังมีโทสะที่ปีนั้นถูกพวกเจ้าสองมือแสดงละครปั่นหัว ปล่อยให้เจ้าดอดไปถึงทะเลสาบซูเจี่ยน ทำให้ข้าต้องเสียเวลาจับตามองบ่าวเฒ่าคนนั้นของเจ้าอย่างเปล่าประโยชน์อยู่เป็นนาน แต่นี่ก็ถือเป็นความสามารถของพวกเจ้า เจ้าวางใจเถิด ขอแค่เป็นเรื่องที่เป็นการเป็นงาน ข้าจะไม่มีทางใช้ความแค้นส่วนตัวมากระทำการใดๆ ที่เป็นการระบายความแค้นเด็ดขาด”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ในเมื่อสามารถมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ นั่นก็แสดงว่าท่านเทพวารีต้องมีความใจกว้างนี้ ข้าเชื่อ วันหน้าพวกเราก็ถือว่าเป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว ควรอยู่ร่วมกันอย่างไรก็อยู่กันไปอย่างนั้น”

สายตาของเทพวารีแม่น้ำซิ่วฮวาท่านนี้ฉายแววชื่นชม คำพูดเมื่อครู่นี้ของตนไม่ถือว่าเป็นคำพูดดีๆ ที่น่าฟังอะไร ความนัยที่แฝงอยู่ในคำพูดก็ชัดเจนอย่างยิ่ง ในเมื่อเทพวารีของแม่น้ำสายหนึ่งที่เป็นเพื่อนบ้านกับเขตการปกครองหลงเฉวียนอย่างเขาไม่มีทางทอดทิ้งความสัมพันธ์ส่วนตัวเพื่อเรื่องของส่วนรวม ถ้าอย่างนั้นหากวันหน้าทั้งสองฝ่ายเกิดความขัดแย้งกันเรื่องส่วนตัวขึ้นมาอีกเล่า? แน่นอนว่าทั้งสองฝ่ายก็ควรต้องใช้วิธีการส่วนตัวคลายแค้นส่วนตัว และการรับมือของคนหนุ่มผู้นี้ก็นับว่าเหมาะสม ทั้งไม่ได้ทิ้งถ้อยคำแสดงความอาฆาตใดๆ ไว้ แล้วก็ไม่ได้แสดงถึงการอ่อนข้อให้เห็น

เทพวารีชี้ไปด้านหลังแล้วยิ้มกล่าวว่า “เรื่องของการซ่อมแซมรากภูเขานั้นเป็นภารกิจที่หนักหน่วงและยาวนาน ครั้งนี้หาใช่ข้าจงใจสร้างความลำบากใจให้แก่เจ้าและกู้เทา จึงไม่อนุญาตให้พวกเจ้าได้พบหน้ากันไม่ แต่เป็นเพราะเขาไม่อาจปลีกตัวออกมาได้จริงๆ แต่หากเจ้ายินดีก็สามารถไปนั่งอยู่ในจวนสักพัก ให้ข้าเลี้ยงสุราเจ้าสักจอกแทนกู้เทา อันที่จริงแล้ว เรื่อง…เกี่ยวกับฉู่ฮูหยิน ข้าเองก็มีถ้อยคำบางอย่างที่อยากจะพูดกับเจ้าเป็นการส่วนตัว เป็นเรื่องในอดีตที่ผ่านมานานหลายปีแล้ว ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะไม่มีทางถูกบันทึกลงเอกสารคดีของกรมพิธีการ แต่เมื่อดื่มเหล้าเมามายแล้ว ถ้อยคำของคนเมาที่ไม่ทำลายขนบธรรมเนียมย่อมไม่ถือว่าเป็นการล้ำเส้น เป็นอย่างไร เฉินผิงอัน เจ้าจะยอมให้เกียรตินี้แก่ข้าหรือไม่?”

เฉินผิงอันพยักหน้ายิ้มกล่าว “แข่งดื่มเหล้ากับเทพวารีท่านหนึ่ง อันที่จริงไม่ถือเป็นการกระทำที่ฉลาดสักเท่าไหร่ ถ้าอย่างนั้นข้าก็ขอแข็งใจ หาความลำบากใส่ตัวดูสักครั้ง”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

กระบี่จงมา 477.1 น้ำในนทีใสกระจ่าง จันทราใกล้ชิดคน

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 477.1 น้ำในนทีใสกระจ่าง จันทราใกล้ชิดคน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โดยไม่ทันรู้ตัว เรือข้ามฟากก็เคลื่อนมาถึงอาณาเขตของแคว้นหวงถิงที่มีภูเขาสูงน้ำลึกแล้ว

เฉินผิงอันเดินมาชมทัศนียภาพที่หัวเรือ เรือข้ามฟากลำนี้ละเอียดอ่อนและเอาใจใส่อย่างยิ่ง พวกเขาจงใจลดระดับการลอยตัวของเรือข้ามฟากลง บ้างครั้งจึงเคลื่อนสวนยอดเขาสูงชันอันตราย มีนกโบยบินคลอเคียงข้าง

ในฐานะอาณาเขตที่ถูกแบ่งแยกออกมาจากแคว้นสู่โบราณ นอกจากจะมีเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลบนภูเขามากมายที่อิงตามตำราอักขรานุกรมท้องถิ่นและคำเล่าลือในหมู่ชาวบ้าน จ่ายเงินให้แก่เซียนซือในท้องถิ่นและราชสำนักแคว้นหวงถิงเพื่อมาขุดค้นแม่น้ำลำธารอย่างกำเริบเสิบสาน บีบให้กระแสน้ำในลำคลองเกิดการเปลี่ยนทิศทาง ท้องน้ำแห้งขอดจนปรากฏให้เห็นเพื่อจะได้ตามหาพื้นที่ลับอย่างวังมังกรแล้ว ก็มักจะมีผู้ฝึกตนอิสระมาเก็บหาของดี มาเสี่ยงดวงอยู่ที่นี่เหมือนกัน ปีนั้นอาจารย์และศิษย์สามคนอย่างพวกนักพรตตาบอดก็เคยมีความคิดเช่นนี้ เพียงแต่ว่าในเรื่องของโชควาสนานั้นเป็นดั่งภาพมายาล่องลอย เว้นเสียจากว่าผู้ฝึกตนจะมีทรัพย์สินเงินทองมากพอ มีความสามารถที่จะผูกสัมพันธ์หาเส้นสาย จากนั้นก็ทุ่มเงินก้อนใหญ่หว่านแหเป็นวงกว้างแล้ว ไม่อย่างนั้นก็ยากนักที่จะได้ผลเก็บเกี่ยวกลับมา

ตำหนักฉางชุนซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองหลวงต้าหลีซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของเรือข้ามฟากลำนี้ จะต้องผ่านภูเขาหนิวเจี่ยวเขตการปกครองหลงเฉวียนไปก่อน เฉินผิงอันไม่ได้คิดว่าจะลงเรือที่นั่น ตามเส้นทางที่กำหนดไว้แน่นอนแล้ว เขาอยากจะไปยังจวนซึ่งเป็นที่พักของผีสาวสวมชุดแต่งงานผู้นั้นก่อน เพื่อไปเยี่ยมเยียนบิดาของกู้ช่าน จากนั้นค่อยเลียบตามเส้นทางที่คุ้นเคยซึ่งต้องผ่านแม่น้ำซิ่วฮวา เมืองหงจู๋ ภูเขาฉีตุนและแม่น้ำเถี่ยฝู ใช้ท่านั่งขี่กระบี่เดินทางย้อนกลับไปที่ภูเขาลั่วพั่วอย่างว่องไว ไม่อย่างนั้นหากขี่ม้าคงช้าเกินไป จะถ่วงเวลาการไปให้ทันเรือข้ามฟากที่จะมุ่งหน้าไปยังอุตรกุรุทวีปลำนั้น

เนื่องจากเรือข้ามฟากลำหนึ่งไม่อาจลดระดับลงจอดบนพื้นเพื่อผู้โดยสารคนเดียวได้ เป็นเหตุให้เฉินผิงอันไปแจ้งกับทางฝั่งของเรือข้ามฟากแล้วว่าให้นำม้าตัวนั้นไปปล่อยไว้ที่ภูเขาหนิวเจี่ยว และให้พวกเขาไปแจ้งแก่คนที่ท่าเรือบนภูเขาหนิวเจี่ยวว่าให้ส่งมาตัวนี้ไปที่ภูเขาลั่วพั่ว

สีหน้าของคนดูแลเรือข้ามฟากไม่ค่อยน่ามองสักเท่าไหร่ เพราะถึงอย่างไรลำพังแค่การบินทะยานผ่านอากาศเหนืออาณาเขตของต้าหลีก็มากพอจะทำให้คนอกสั่นขวัญแขวนได้แล้ว กลัวว่าผู้โดยสารคนใดถ่มเสลดออกไปนอกเรือโดยไม่ทันระวัง หากร่วงหล่นลงบนภูเขาของตระกูลเซียนต้าหลีก็จะถูกผู้ฝึกตนต้าหลีเรียกสมบัติอาคมออกมาทำลายให้ย่อยยับ แม้แต่เศษซากโครงกระดูกก็ไม่มีเหลือ อีกทั้งในฐานะสถานีที่สองที่นับกลับหลังของเส้นทางการเดินเรือนี้ ท่าเรือภูเขาหนิวเจี่ยวจึงมีกองทัพม้าเหล็กต้าหลีกลุ่มหนึ่งคอยให้การเฝ้าพิทักษ์อยู่โดยเฉพาะ นอกเหนือจากการบรรจุและลำเลียงสิ่งของออกจากเรือแล้ว พวกเขาหรือจะกล้าไปพูดคุยสมาคมกับเหล่าผู้ฝึกยุทธกลุ่มนั้น

เฉินผิงอันจึงอธิบายเพิ่มบอกว่าตนมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับภูเขาหนิวเจี่ยว อีกทั้งยังมีภูเขาที่เป็นเพื่อนบ้านกับท่าเรือ เรื่องของม้าตัวเดียวย่อมไม่สร้างปัญหาใดๆ แน่นอน

ผู้ดูแลเฒ่าสีหน้าขมฝาด ทั้งไม่ปฏิเสธแล้วก็ไม่ได้ตอบตกลง ภายหลังยังคงเป็นเฉินผิงอันที่แอบยัดเงินเกล็ดหิมะให้สองสามเหรียญ ผู้ฝึกตนเฒ่าขอบเขตชมมหาสมุทรถึงได้ฝืนใจตอบรับ

สาเหตุที่แท้จริงนั้นย่อมไม่ใช่เพราะเขาละโมบในเงินเกล็ดหิมะแค่ไม่กี่เหรียญนั้น แต่เป็นเพราะคนหนุ่มผู้นี้มีสถานะเป็นคนของต้าหลี จะล่วงเกินมากไปไม่ได้ ในเมื่อได้ครอบครองภูเขาลั่วพั่ว นั่นก็แสดงว่าต้องเป็นงูเจ้าถิ่นแล้ว เดิมทีทางฝ่ายบรรพบุรุษก็ต้องทุ่มทรัพย์สินและใช้เครือข่ายผู้คนลงไปกับเส้นทางเรือสายนี้มหาศาล กว่าจะบุกเบิกเส้นทางหาเงินเส้นทางใหม่มาได้ วันหน้าหากก้มหน้าไม่เห็น เงยหน้าก็ต้องเห็นกันอยู่ดี เสี่ยงอันตรายช่วยเหลืออีกฝ่ายสักเล็กน้อย พอให้เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตา การทำการค้าอย่างเป็นรูปธรรมนั้น ยิ่งเวลายาวนานเท่าไหร่ก็ยิ่งมีเรื่องยิบย่อยหยุมหยิมมากมายเท่านั้น หากมีเหตุการณ์ใดที่ต้องใช้น้ำใจของคนเล่า?

โชคดีที่คนหนุ่มผู้นั้นก็เป็นคนรู้กาลเทศะ หลังจากได้เปรียบไปแล้วก็รู้จักมอบผลหลีตอบแทนผลท้อ เอ่ยประโยคหนึ่งว่าวันหน้าหากต้องเอาเรือลงจอด แล้วถ้ามีเวลาว่างก็ไปเป็นแขกที่ภูเขาลั่วพั่วได้ เขาชื่อเฉินผิงอัน บนภูเขามีทั้งสุราและน้ำชาให้ดื่ม

ผู้ดูแลเฒ่าถึงได้คลี่ยิ้มจากใจจริงออกมาได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นน้ำใจที่แท้จริงหรือเสแสร้ง คนหนุ่มเอ่ยประโยคนี้ก็ดีกว่าไม่พูดอะไรเลย หลายๆ ครั้งเวลาที่ทำการค้า หากรู้ชื่อของใครบางคน ต่อให้จะไม่ได้เป็นสหายที่แท้จริง แต่หากดังเข้าหูของคนอื่นก็ย่อมพาให้คนคิดไปไกลได้

หลังจากนั้นมีวันหนึ่งที่เรือข้ามฝากเข้ามาในอาณาเขตของแคว้นต้าหลีแล้ว เฉินผิงอันก้มหน้าลงมองแผ่นดิน ภูเขาและสายน้ำ เขาบอกกล่าวกับผู้ดูแลเฒ่าหนึ่งคำก็บอกให้เจี้ยนเซียนพุ่งออกจากฝัก ส่วนตัวเองพลิกตัวกระโดดข้ามรั้วออกมา

เหยียบลงบนเส้นสีทองเส้นนั้นแล้ววาดตัวเป็นเส้นโค้งดิ่งลงไปเบื้องล่าง

ผู้ดูแลเฒ่าเอามือตบราวรั้วด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงระคนยินดี พอไปถึงภูเขาหนิวเจี่ยวจะต้องสืบข่าวให้ดีสักหน่อยว่า ‘เฉินผิงอัน’ ผู้นี้เป็นเทพเจ้าจากฝ่ายใดกันแน่ ถึงได้อำพรางตัวอย่างลึกล้ำเพียงนี้ ลงเขามาท่องเที่ยวกลับพาแค่ม้ามาตัวเดียว ผู้ฝึกตนที่เดินออกมาจากจวนตระกูลเซียนทั่วไป มีใครบ้างที่ไม่มีมาดของเซียนซือสักหน่อย?

เฉินผิงอันพลิ้วกายลงบนเส้นทางที่คุ้นเคย คราวนี้ไม่จำเป็นต้องให้ยันต์ปราณหยางส่องไฟนำทางก็พุ่งตัวมาถึงหน้าผาแห่งหนึ่ง ดีดนิ้วเบาๆ คล้ายเคาะประตู ไม่ได้ใช้ยันต์ทำลายค่ายกลฝืน ‘ผ่าประตูบุกเข้าไปในจวนโดยพลการ’ เพราะก่อนหน้านั้นเคยทำเช่นนี้ หลังจบเรื่องถึงได้ถูกเทพวารีแม่น้ำซิ่วฮวาที่ตรงแขนมีงูเขียวรัดพันพูดจาถากถาง ใช้กฎหมายบนภูเขาของต้าหลีมาตำหนิไปคำรบหนึ่ง พร้อมทิ้งประโยคว่าห้ามให้มีคราวหน้าเอาไว้ แม้ว่ามองดูเหมือนอีกฝ่ายจะจองหอง แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นเฉินผิงอันที่ไร้เหตุผลก่อนจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็อย่าว่าแต่วันนี้เขาเฉินผิงอันยังไม่ใช่เซียนกระบี่ที่แท้จริงอะไรเลย ต่อให้ในอนาคตใช่ เขาก็ยังจำเป็นต้องมา ‘เคาะประตู’ อยู่ที่นี่อยู่ดี

ริ้วคลื่นกระเพื่อมเป็นระลอก สิ่งกีดขวางแห่งภูเขาและแม่น้ำพลันเปิดออก เฉินผิงอันเดินเข้าไปข้างใน การมองเห็นก็เปิดกว้างในทันที

เฉินผิงอันขมวดคิ้ว เดินหน้าไปช้าๆ พร้อมกับกวาดตามองไปรอบด้าน ภาพปรากฎการณ์ของพื้นที่แห่งนี้เหนือกว่าอดีตอยู่มากโข สภาพของภูเขาและแม่น้ำมั่นคง ปราณวิญญาณเปี่ยมล้น สิ่งเหล่านี้ล้วนถือเป็นเรื่องดี นี่น่าจะเป็นผลสำเร็จจากการที่บิดาของกู้ช่านซึ่งเป็นเจ้าของจวนคนใหม่ทำการซ่อมแซมรากภูเขามาสามปี ในบรรดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาและแม่น้ำ นี่ถือเป็นคุณความชอบที่จริงแท้แน่นอน ย่อมต้องถูกกรมพิธีการของราชสำนักจดลงบันทึก และผู้ตรวจสอบคุณงามความดีของกรมขุนนางก็จะเป็นผู้รับผิดชอบเก็บรักษาสมุดคุณูปการเล่มนั้นเอาไว้ แต่วันนี้บิดาของกู้ช่านกลับไม่ออกมาต้อนรับ นี่ไม่สมเหตุสมผล

ก่อนหน้านี้ตอนที่ย้อนกลับไปยังภูเขาลั่วพั่ว เรื่องราวเกี่ยวกับสกุลฉู่ของจวน ‘น้ำใสลมเย็น’ แห่งนี้ เฉินผิงอันได้สอบถามเว่ยป้อมาอย่างละเอียดแล้ว เจ้าของจวนคนเก่าและเจ้าของจวนคนใหม่แบ่งออกเป็นขุนนางใต้การปกครองขององค์เทพใหญ่ขุนเขาเหนืออย่างเว่ยป้อ สิ่งที่เว่ยป้อรู้มาจึงละเอียดอย่างยิ่ง แต่เว่ยป้อเองก็บอกแล้วว่า กองบวงสรวงที่ทำหน้าที่เป็นผู้บวงสรวงของกรมพิธีการต้าหลีจะรับผิดชอบเป็นผู้ ‘ชักดึง’ เส้นสายที่แอบแฝงในราชสำนักเหล่านี้ด้วยมือตัวเอง ต่อให้เป็นเว่ยป้อก็ยังมีแค่อำนาจในการรับรู้ แต่ไม่มีอำนาจในการก้าวก่าย และจวนเก่าของสกุลฉู่แห่งนี้ก็อยู่ในหลักเกณฑ์นี้ อีกทั้งปลายฤดูหนาวของเมื่อปีก่อนก็เพิ่งจะถูกแบ่งแยกออกไป ถือเป็นสถานที่แห่งเดียวที่ถูกปลดออกจากขุนเขาเหนือ คราวก่อนที่เฉินผิงอันลงนามในสัญญาพันธมิตรบนภูเขาพีอวิ๋นกับราชสำนักต้าหลี รองเจ้ากรมพิธีการก็ได้พูดถึงเรื่องนี้กับเว่ยป้อ เป็นการอธิบายให้เข้าใจคร่าวๆ แต่ก็เป็นแค่คำพูดตามมารยาทเท่านั้น หลีกเลี่ยงไม่ให้เว่ยป้อคิดมาก เว่ยป้อย่อมไม่มีความเห็นต่าง เขาเองไม่ใช่คนโง่ หากมองเขตการปกครองขุนเขาเหนือในนามของตัวเองทั้งหมดเป็นสิ่งของที่ตนหวงแหนจริงๆ ถ้าอย่างนั้นแม้แต่ถิ่นฐานที่ถือว่าเป็นของเขาในเมืองหลวงต้าหลี เขาเว่ยป้อก็จะสามารถไปวางอำนาจบารมีได้จริงๆ อย่างนั้นหรือ?

เกี่ยวกับเทพหยินสกุลกู้ ตามคำกล่าวของทางการ ในช่วงระยะเวลาสามปีที่ผ่านมานี้ กู้เทาเก็บตัวสันโดษแทบไม่เคยออกมาข้างนอก มุมานะตั้งใจซ่อมแซมโชคชะตาแม่น้ำภูเขา คุณความเหนื่อยยากสูงยิ่ง ทางราชสำนักจึงเตรียมจะมอบของรางวัลและภารกิจอย่างอื่นให้กับเขา ว่ากันว่าเรื่องภาระหน้าที่ของกู้เทานั้น เว่ยป้อกับจูเหลี่ยนยังลงเดิมพันกัน ต่างคนต่างเขียนคำตอบไว้บนกระดาษคนละแผ่น แล้วเก็บไว้ที่เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพู ใครที่แพ้คนนั้นก็ต้องเลี้ยงเหล้า ตอนนั้นเว่ยป้อยังบอกให้เฉินผิงอันเดาตำแหน่งหน้าที่ที่ทั้งสองฝ่ายเขียนไว้ เฉินผิงอันหรือจะเดาเรื่องพวกนี้ออก แล้วนับประสาอะไรกับที่ตอนนั้นยังมีการป้อนหมัดบนชั้นสองรอคอยตนอยู่ เขาปวดหัวมากพอแล้ว เวลานี้กลับกลายเป็นว่าเฉินผิงอันเริ่มรู้สึกเสียใจภายหลัง เพราะไม่อย่างนั้นตอนนี้ก็คงจะพอมีการเตรียมใจมาบ้างไม่มากก็น้อย เว่ยป้อเองก็เคยเล่าให้ฟังว่าหลังจากที่มารดาของกู้ช่านย้ายกลับมาที่บ้านบรรพบุรุษตรอกหนีผิงของเมืองเล็ก ก็ได้ไปหากู้เทาทันที เพียงแต่ว่าถึงแม้นางจะเข้าไปในอาณาเขตภูเขาแม่น้ำได้ แต่ดูเหมือนว่าสองสามีภรรยาที่อยู่กันคนละโลกกลับไม่ได้เจอหน้ากัน

วันนี้ยังคงเป็นเทพวารีแม่น้ำซิ่วฮวาสวมเสื้อเกราะสีทองผู้นั้นที่มายืนรอคอยเฉินผิงอันอยู่หน้าประตูใหญ่ของจวน

แต่เมื่อเทียบกับคราวก่อนที่สถานการณ์ของสองฝ่ายตึงเครียดพร้อมระเบิดความขัดแย้งทุกเมื่อแล้ว คราวนี้สีหน้าขององค์เทพวารีผู้มีประสบการณ์โชกโชนที่ระดับขั้นเป็นรองหยางฮวาของแม่น้ำเถี่ยฝูเล็กน้อยกลับผ่อนคลายกว่าเดิมเยอะมาก

เฉินผิงอันกุมหมัดเอ่ยทักทายอย่างมีมารยาท “คารวะท่านเทพวารี”

เทพวารีแม่น้ำซิ่วฮวาผงกศีรษะรับการทักทาย “มาหาเจ้าของจวนอย่างกู้เทาเพื่อพูดคุยเรื่องในอดีต หรือมาแก้แค้นฉู่ฮูหยินเล่า?”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “มาหาท่านอากู้”

ในเมื่อเรื่องของทะเลสาบซูเจี่ยนปิดฉากลงแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องจงใจปิดบังกันต่อไป ไม่ว่าใครก็ล้วนไม่ใช่คนโง่ เห็นได้ชัดว่าปีนั้นเทพวารีแม่น้ำซิ่วฮวาผู้จงรักภักดีท่านนี้เคยได้รับคำชี้นำอย่างลับๆ จากราชครูชุยฉาน ไม่แน่ว่าปีนั้นการแสดงระหว่างตนกับท่านอากู้ที่ปิดฟ้าข้ามมหาสมุทร การที่ตนเปลี่ยนเส้นทางไปเยือนทะเลสาบซูเจี่ยนล่วงหน้าอย่างไม่ลังเล เป็นเหตุให้สถานการณ์ตายครั้งนั้นไม่ถึงขั้นเกิดเงื่อนตายที่ใหญ่กว่าเดิมเพิ่มขึ้นมา ไม่อย่างนั้นหากไปช้ากว่านั้นอีกสักเดือนหนึ่ง แล้วหร่วนซิ่วกับหน่วยจานกานของต้าหลีเกิดข้อพิพาทกับกู้ช่านที่เกาะชิงเสียขึ้นมา สองฝ่ายเกิดการช่วงชิงระหว่างน้ำกับไฟกัน ต่างคนต่างถูกมหามรรคาที่มองไม่เห็นชักดึง ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ต้องบาดเจ็บหรือตายไป สำหรับเฉินผิงอันแล้ว นั่นก็เรียกได้ว่าเป็นหายนะที่ไม่อาจคาดคิดได้ครั้งหนึ่งเลยทีเดียว

ดังนั้นเทพวารีที่ปีนั้นทำหน้าที่ตรวจสอบข้อผิดพลาด ก็น่าจะต้องได้รับความเดือดร้อนจากชุยฉานไปแล้ว

เทพวารีลูบหัวงูเขียวที่ขดตัวอยู่บนแขนเบาๆ ยิ้มบางๆ กล่าวว่า “เฉินผิงอัน แม้ว่าตอนนี้ข้าจะยังมีโทสะที่ปีนั้นถูกพวกเจ้าสองมือแสดงละครปั่นหัว ปล่อยให้เจ้าดอดไปถึงทะเลสาบซูเจี่ยน ทำให้ข้าต้องเสียเวลาจับตามองบ่าวเฒ่าคนนั้นของเจ้าอย่างเปล่าประโยชน์อยู่เป็นนาน แต่นี่ก็ถือเป็นความสามารถของพวกเจ้า เจ้าวางใจเถิด ขอแค่เป็นเรื่องที่เป็นการเป็นงาน ข้าจะไม่มีทางใช้ความแค้นส่วนตัวมากระทำการใดๆ ที่เป็นการระบายความแค้นเด็ดขาด”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ในเมื่อสามารถมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ นั่นก็แสดงว่าท่านเทพวารีต้องมีความใจกว้างนี้ ข้าเชื่อ วันหน้าพวกเราก็ถือว่าเป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว ควรอยู่ร่วมกันอย่างไรก็อยู่กันไปอย่างนั้น”

สายตาของเทพวารีแม่น้ำซิ่วฮวาท่านนี้ฉายแววชื่นชม คำพูดเมื่อครู่นี้ของตนไม่ถือว่าเป็นคำพูดดีๆ ที่น่าฟังอะไร ความนัยที่แฝงอยู่ในคำพูดก็ชัดเจนอย่างยิ่ง ในเมื่อเทพวารีของแม่น้ำสายหนึ่งที่เป็นเพื่อนบ้านกับเขตการปกครองหลงเฉวียนอย่างเขาไม่มีทางทอดทิ้งความสัมพันธ์ส่วนตัวเพื่อเรื่องของส่วนรวม ถ้าอย่างนั้นหากวันหน้าทั้งสองฝ่ายเกิดความขัดแย้งกันเรื่องส่วนตัวขึ้นมาอีกเล่า? แน่นอนว่าทั้งสองฝ่ายก็ควรต้องใช้วิธีการส่วนตัวคลายแค้นส่วนตัว และการรับมือของคนหนุ่มผู้นี้ก็นับว่าเหมาะสม ทั้งไม่ได้ทิ้งถ้อยคำแสดงความอาฆาตใดๆ ไว้ แล้วก็ไม่ได้แสดงถึงการอ่อนข้อให้เห็น

เทพวารีชี้ไปด้านหลังแล้วยิ้มกล่าวว่า “เรื่องของการซ่อมแซมรากภูเขานั้นเป็นภารกิจที่หนักหน่วงและยาวนาน ครั้งนี้หาใช่ข้าจงใจสร้างความลำบากใจให้แก่เจ้าและกู้เทา จึงไม่อนุญาตให้พวกเจ้าได้พบหน้ากันไม่ แต่เป็นเพราะเขาไม่อาจปลีกตัวออกมาได้จริงๆ แต่หากเจ้ายินดีก็สามารถไปนั่งอยู่ในจวนสักพัก ให้ข้าเลี้ยงสุราเจ้าสักจอกแทนกู้เทา อันที่จริงแล้ว เรื่อง…เกี่ยวกับฉู่ฮูหยิน ข้าเองก็มีถ้อยคำบางอย่างที่อยากจะพูดกับเจ้าเป็นการส่วนตัว เป็นเรื่องในอดีตที่ผ่านมานานหลายปีแล้ว ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะไม่มีทางถูกบันทึกลงเอกสารคดีของกรมพิธีการ แต่เมื่อดื่มเหล้าเมามายแล้ว ถ้อยคำของคนเมาที่ไม่ทำลายขนบธรรมเนียมย่อมไม่ถือว่าเป็นการล้ำเส้น เป็นอย่างไร เฉินผิงอัน เจ้าจะยอมให้เกียรตินี้แก่ข้าหรือไม่?”

เฉินผิงอันพยักหน้ายิ้มกล่าว “แข่งดื่มเหล้ากับเทพวารีท่านหนึ่ง อันที่จริงไม่ถือเป็นการกระทำที่ฉลาดสักเท่าไหร่ ถ้าอย่างนั้นข้าก็ขอแข็งใจ หาความลำบากใส่ตัวดูสักครั้ง”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+