กระบี่จงมา 505.3 เจี้ยนเซียนอยู่ในมือของเซียนกระบี่

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 505.3 เจี้ยนเซียนอยู่ในมือของเซียนกระบี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แล้วก็จริงดังคาด

ไม่ถึงครึ่งก้านธูป อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบก็ร้องตะโกนเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง “บรรพจารย์ฟ่าน ตำแหน่งเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซี จะยกให้เจ้าด้วยพร้อมกันทีเดียว! หากยังไม่ตอบรับ ได้คืบแล้วจะเอาศอก วันหน้าทะเลสาบชางอวิ๋นกับผู้ฝึกตนของดินแดนเซียนเป่าต้งพวกเจ้าจะไม่เหลือสัมพันธ์ไมตรีใดๆ ให้พูดถึงอีก!”

เสียงของเขาในครั้งนี้ไม่มีความหนักแน่นสุขุมอย่างก่อนหน้า แต่เป็นเสียงที่ผ่านการเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เห็นได้ชัดว่าเริ่มเป็นเดือดเป็นแค้นแล้ว

ฟ่านเหวยหรานยิ้มบางๆ หันไปเอ่ยเสียงเบากับเยี่ยนชิง “เป็นอย่างไร?”

เยี่ยนชิงสีหน้าซับซ้อน เอ่ยตอบเสียงเบาปานกัน “บรรพจารย์โปรดระวังตัวด้วย”

“แม่หนูเยี่ยน เจ้าคงไม่รู้กระมังว่าผู้ฝึกยุทธขอบเขตร่างทองคนสุดท้ายในประวัติศาสตร์หลายสิบแคว้นผู้นั้น สุดท้ายแล้วตายอย่างไร เดี๋ยวพอกลับไปถึงสำนักก็ลองถามอาจารย์ของเจ้าดู นั่นเป็นศึกสร้างชื่อของศิษย์น้องหญิงของข้ากับเจ้านครหวงเยว่เชียวนะ”

ฟ่านเหวยหรานหัวเราะเสียงดังพลางกลายร่างเป็นสายรุ้งพุ่งทะยานออกไป

เยี่ยนชิงขมวดคิ้ว

ตู้อวี๋ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างว่าง่าย ในใจก็ภาวนาขอพรพระไปด้วย

แต่เมื่อสายรุ้งเส้นยาวพาดผ่านอากาศสูงเหนือศีรษะมุ่งไปทางทะเลสาบชางอวิ๋น ตู้อวี๋ก็รู้สึกได้ว่าการขอพรพระคงไม่มีประโยชน์สักเท่าไรแล้ว แต่หากในมือมีธูปอยู่สามดอก ตู้อวี๋ก็คงจะปักลงดินไปจริงๆ

บนเกาะเล็กแห่งหนึ่งที่แทบจะถูกปาดราบเป็นหน้ากลอง

ร่างจริงอันใหญ่โตมโหฬารของอินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบเลื้อยล้อมวนไปรอบเกาะอย่างเชื่องช้า

มังกรน้ำสองตัวที่เกิดจากการควบคุมของร่างทองเทพลำคลองต่อสู้จนเลือดขึ้นตา พากันพุ่งกระโจนเข้าเข่นฆ่าเงาร่างสีเขียวนั้นอย่างบ้าคลั่ง

ส่วนงูน้ำสีหมึกที่เจ้าแห่งคูน้ำเสาซีเป็นผู้ควบคุมนั้นก็กำลังลอยตัวอยู่บนผิวทะเลสาบนอกเกาะ เนื้อหนังมังสาของเจ้าแห่งคูน้ำที่ซ่อนตัวอยู่ในวังมังกรกำลังนั่งโงนเงนบนเบาะใบหนึ่ง เจ้าแห่งคูน้ำเสาซีผู้นี้สีหน้าซีดขาวราวกับหิมะ รู้สึกเพียงว่ากระดูกทั่วร่างเหมือนถูกทุบจนเละ

เทพลำคลองสองคนที่อยู่ใกล้กันต่างก็ยืนอยู่บนเบาะรองนั่ง หลับตาเพ่งสมาธิ แสงสีทองไหลวนไปทั่วร่าง อีกทั้งยังมีปราณวิญญาณชะตาน้ำของวังมังกรไหลกรูเข้ามายังร่างทองของพวกเขาไม่ขาดสาย

เพียงแต่ว่าเรือนกายอยู่ที่นี่ก็เพื่อสะดวกให้ดึงเอาชะตาน้ำที่เข้มข้นมาจากวังมังกร แต่ร่างทองที่แท้จริงของเทพวารีสองลำคลองหนึ่งคูน้ำนี้กลับผสานรวมอยู่กับมังกรน้ำทั้งสามตัวไปแล้ว

มังกรน้ำตัวหนึ่งใช้หัวที่ใหญ่โตพุ่งชนชายชุดเขียว

แต่กลับถูกอีกฝ่ายใช้ฝ่ามือยันศีรษะเอาไว้ เพียงเท่านั้นก็ไม่อาจขยับเคลื่อนหน้าได้อีก

คนผู้นั้นยิ้มบางเอ่ยว่า “เริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้วใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นทีของข้าบ้างดีไหม?”

เฉินผิงอันคีบเอายันต์แสงสว่างอวี้ชิงที่สร้างขึ้นด้วยวิชาลับของตำหนักนภากาศหน่วยฉงเสวียนออกมาแผ่นหนึ่ง เขาท่องคาถาของยันต์นี้สำเร็จตั้งนานแล้ว ครั้นจึงขว้างมันออกไปกลางอากาศสูง

แสงสว่างพลันระเบิดเจิดจ้า

ประหนึ่งพระอาทิตย์ดวงใหญ่ที่ส่องสว่างในโลกมืด

เนื่องจากไม่ได้จงใจเน้นในเรื่องของอาณาเขตที่กว้างขวาง การกดกำราบพันธนาการที่มีต่อเกาะแห่งนี้จึงยิ่งแข็งแกร่งมิอาจทำลายมากยิ่งขึ้น

มังกรน้ำที่เป็นร่างจำแลงของเทพลำคลองท่านนี้คิดจะสะบัดหัวถอยหนี

ทว่าเมื่อคนชุดเขียวก้าวออกมาหนึ่งก้าว ก็บิดฝ่ามือข้างที่ตั้งตรงต้านรับการโจมตีของศีรษะมังกรน้ำเบาๆ เปลี่ยนมือเป็นสันมีดฟันผ่าไปเบื้องหน้า

ตลอดทางที่สันมือสับลงไป นับแต่ศีรษะจรดหน้าท้องของมังกรน้ำที่ร่างทองของเทพลำคลองเป็นผู้บัญชาการณ์ก็ถูกผ่าแหวกออก

เมื่อคนผู้นั้นหยุดยืนนิ่ง ในมือก็มีเศษชิ้นส่วนร่างทองขนาดค่อนข้างใหญ่เพิ่มขึ้นมา

เนื้อหนังมังสาของเทพลำคลองที่จำแลงร่างเป็นคนอยู่ในวังมังกรพลันแห้งเหี่ยวแล้วแหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุลี

มังกรน้ำอีกตัวหนึ่งเลื่อนลอยไปชั่วขณะ แต่จากนั้นก็เผ่นหนีไปอย่างเสียสติ เพียงแต่ว่าเมื่อมันชนเข้ากับกำแพงตราผนึกที่เป็นแสงจ้าบาดตานั้น ศีรษะก็แตกปริแล้วเกิดรอยร้าวลามไปทั่ว มันข่มกลั้นความเจ็บปวดทรมาน หมายจะขุดดินหนีไป ขอแค่มุดผ่านรากภูเขาของเกาะแห่งนี้ไปได้แล้วเข้าใกล้น้ำ มันก็มีโอกาสที่จะหนีรอดแล้ว

เพียงแต่ว่านาทีถัดมามันก็รู้สึกเหมือนถูกอะไรทุบหนักๆ เข้าที่หัว ตามมาด้วยร่างที่ถลาลื่นไปด้านหน้า ทำให้พื้นผิวของเกาะเกิดร่องลึกที่ถูกไถครูดเส้นหนึ่ง

ภายใต้หมัดของบุรุษชุดเขียวสะพายกระบี่ที่พุ่งตัวมาอยู่เหนือศีรษะของมังกรน้ำ

ตลอดทั้งเกาะเล็กพลันสั่นสะเทือน ฝุ่นจำนวนนับไม่ถ้วนคลุ้งตลบ น้ำทะเลสาบที่เดิมทีซัดกระทบฝั่งอย่างรุนแรงก็ยิ่งเกิดลูกคลื่นที่ซัดย้อนกลับไปทางเดิม

กลายเป็นเศษชิ้นส่วนร่างทองของเทพลำคลองอีกหนึ่งชิ้นที่ถูกคนผู้นั้นกุมไว้ในฝ่ามือ

หันไปมองอีกที

อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบกลับหายตัวไปแล้ว

นี่ก็เป็นเรื่องปกติ เดิมทีก็เป็นแค่วิธีการเล็กๆ ที่ใช้ไล่จู่โจมไปทีละจุดเท่านั้น หากเจ้าแห่งทะเลสาบผู้นั้นบุกเข้ามาในอาณาเขตของค่ายกล ในชายแขนเสื้อของเขายังมียันต์ที่มีมูลค่ามากกว่าอีกแผ่นหนึ่งรออยู่ และตนก็จะได้ยกอาหารจานหลักคืนกลับไปให้ทะเลสาบชางอวิ๋นได้พอดี

หางตาของเฉินผิงอันชำเลืองไปมองเจียวน้ำสีหมึกตัวเล็กที่แกล้งตายลอยอยู่บนผิวทะเลสาบ จากนั้นก็สะบัดหางพุ่งตัวเข้าไปในน้ำจนเกิดสะเก็ดน้ำลูกใหญ่แตกกระจาย

เฉินผิงอันตบน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่หนึ่งครั้ง กระบี่บินสืออู่ก็พุ่งพรวดออกไป

จุดที่เฉินผิงอันมองไปก็คือทิศทางที่อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบหนีไป

เจี้ยนเซียนที่สะพายอยู่ด้านหลังออกจากฝักมาด้วยตัวเองสามชุ่น

เฉินผิงอันหรี่ตาลง มองไปยังทะเลเมฆที่เริ่มรวมตัวกันหนาหนักมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเอ่ยเสียงหนัก “กลับไป!”

เจี้ยนเซียนสอดเข้ากลับฝักกระบี่ดังเคร้ง

ดูเหมือนว่าจะไม่พอใจเท่าไร

ร่างของเฉินผิงอันเซไปด้านหลังเล็กน้อย แต่เขายังไม่มีเวลามาทะเลาะกับกระบี่เล่มนี้

เฉินผิงอันยื่นมือออกไปคว้า เรียกยันต์แสงสว่างอวี้ชิงแผ่นนั้นมาไว้ในมือ ยันต์ของตระกูลเซียนส่วนใหญ่มักจะมีข้อหนึ่งที่ไม่ดี นั่นคือเปิดประตูไม่ง่าย ปิดประตูก็ยิ่งยาก หากแก่นของยันต์ถูกเปิดออกก็ได้แต่มองดูแสงศักดิ์สิทธิ์ของยันต์สลายหายไปท่ามกลางฟ้าดินคาตาตัวเอง ผู้ฝึกตนได้แต่ชะลอความเร็วในการปริแตกของแก่นยันต์และการไหลหายไปของปราณวิญญาณ แต่กลับไม่สามารถหยุดยั้งการเผาไหม้ของยันต์ชั้นเยี่ยมได้อย่างสิ้นเชิง ทว่ายันต์แผ่นนี้ หลังจากปิดประตูแล้ว ต่อให้จะกลายเป็นเรือนหลังหนึ่งที่มีรูโหว่รอยรั่วอยู่รอบทิศ แต่ขอแค่ไม่เรียกมันออกมาใช้อีก คิดจะประคับประคองตัวไปอีกสักสิบวันก็ยังไม่ยาก

เขาย่อมต้องมีวิธีให้เจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นผู้นั้นยอมขึ้นฝั่งไปด้วยตัวเองแต่โดยดี คิดจะทำการค้ากับตนก็ต้องยอมเสียเวลาสักเล็กน้อย แต่ความเป็นไปได้ที่มากกว่านั้นก็คืออีกฝ่ายจะยอมขึ้นฝั่งไปด้วยตัวเอง คนชั่วที่มีชีวิตอยู่มานานและปีนป่ายได้สูง ส่วนใหญ่มักไม่ใช่คนโง่ นี่ก็คือเรื่องหนึ่งที่ทำให้คนจนใจอย่างยิ่ง

ส่วนกระบี่บินสืออู่ก็แค่สะกดรอยตามเจ้าแห่งคูน้ำเสาซีผู้นั้นไป ไม่ต้องลงมือสังหารศัตรู

หลังจากรู้ทิศทางที่ตั้งของวังมังกรใต้ทะเลสาบคร่าวๆ แล้ว เงินทุนในการทำการค้าก็จะเพิ่มมากขึ้น

เฉินผิงอันหันไปมองยังกลางอากาศ ถามว่า “ท่านยายมาทำอะไรที่นี่? กลัวว่าข้าจะว่ายน้ำไม่เป็นแล้วจะกลับไปที่ท่าเรือไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”

ไฟโทสะอัดแน่นอยู่เต็มอกของบรรพจารย์ฟ่านเหวยหราน ไอ้เจ้าอินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบผู้นั้นเผ่นหนีไป แล้วโยนภาระให้ตนแบกรับ! หากไม่เป็นเพราะสัมผัสได้ว่าตนกำลังจะมาถึง คนหนุ่มที่ฝีมือลึกล้ำเกินจะหยั่งผู้นี้คงไม่มีทางยอมรามือ ล้มเลิกความคิดที่จะไล่ฆ่าอินโหวง่ายๆ

ดีนักนะ ก่อนหน้านี้ยังกล้าป่าวประกาศว่าจะไม่มีไมตรีกับผู้ฝึกตนดินแดนเซียนเป่าต้ง อีกร้อยปีให้หลังข้าจะดูสิว่าน้ำในทะเลสาบชางอวิ๋นของพวกเจ้าลึก หรือเวทคาถาของลูกศิษย์ดินแดนเซียนเป่าต้งพวกข้าที่สูงกว่ากันแน่ พอดีกับที่ศิษย์น้องหญิงคนนั้นของตนถูกกำหนดมาแล้วว่าไม่มีหวังจะฝ่าทะลุขอบเขต ถ้าอย่างนั้นก็ให้นางพาคนมาคุมเชิงกับภูตเดรัจฉานของทะเลสาบชางอวิ๋นพวกเจ้าสักร้อยปีก็แล้วกัน!

มองคนหนุ่มที่ปากพูดจาปราศรัยอย่างมีมารยาท แต่มือที่อยู่ในชายแขนเสื้อกลับคีบยันต์ที่เกรงว่าพลานุภาพมีแต่จะน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเพราะเปล่งแสงสีทองเล็ดรอดออกมาให้เห็น

ฟ่านเหวยหรานทะยานลมมาหยุดลอยตัวอยู่ตรงจุดตัดระหว่างเกาะเล็กกับทะเลสาบชางอวิ๋น ชำเลืองตามองกาเหล้าสีชาดที่คนผู้นั้นผูกไว้ตรงเอวแล้วยิ้มบางเอ่ยว่า “เป็นเซียนกระบี่คนหนึ่งจริงๆ เสียด้วย อีกทั้งยังอายุน้อยแค่นี้ ช่างทำให้คนตกตะลึงได้จริงๆ”

เฉินผิงอันปลดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลงมาดื่มเหล้าหนึ่งอึก เช็ดปากแล้วก็ยิ้มกล่าวว่า “พี่น้องตู้อวี๋ผู้นั้นของข้า ตลอดทางมานี้ได้เล่าเรื่องสกปรกเป็นกระบุงโกยของทะเลสาบชางอวิ๋นให้ข้าฟัง แต่ตอนที่พูดถึงดินแดนเซียนเป่าต้งของพวกเจ้ากลับมีน้ำเสียงแสดงความเลื่อมใสจากใจจริง ดังนั้นเรื่องในคืนนี้ ข้าจะไม่ถือสาท่านยายแล้ว ไม่อย่างนั้นมายืนชมงิ้วๆ ดีเช่นนี้คงต้องมีเก็บเงินกันบ้างแล้ว”

ฟ่านเหวยหรานหัวเราะหยันอยู่ในใจ

แต่อยู่ดีๆ ก็สังเกตเห็นว่าคนผู้นั้นจ้องตนเขม็ง ได้ยินเพียงเขาเอ่ยเนิบช้าว่า “ดังนั้นเชิญไสหัวไปเถอะ”

สีหน้าของฟ่านเหวยหรานมืดทะมึน ชายแขนเสื้อสองข้างพองสะบัดส่งเสียงดังฟึ่บฟั่บ

แต่แล้วจู่ๆ ฟ่านเหวยหรานก็คลี่ยิ้ม “วันเวลายังอีกยาวไกล ขอให้เซียนกระบี่น้อยจากต่างถิ่นผู้นี้เดินทางท่องเที่ยวภูเขาแม่น้ำได้อย่างราบรื่น หากยินดีก็สามารถไปเป็นแขกที่ดินแดนเซียนเป่าต้งของพวกเราได้”

จากนั้นคนผู้นั้นก็ถามคำถามที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง “ศาลบรรพจารย์ของเจ้าแข็งแกร่งมากหรือ?”

จะดีจะชั่วฟ่านเหวยหรานก็ฟังออกว่านี่ไม่ใช่ประโยคที่ดี แต่ในเมื่อนางตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดแล้วก็ไม่เหลือความลังเลคิดไม่ตกใดๆ อีก เพียงยิ้มบางๆ ตอบว่า “วันหน้าเซียนซือน้อยมาเยือนก็จะได้รู้เอง”

หญิงชราบังคับลมทะยานกลับไปที่ท่าเรือ

เฉินผิงอันแหงนหน้ามองทะเลเมฆดำทะมึนที่ยังไม่สลายหายไป

นอกจากการพุ่งชนร่างจริงของอินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบที่ถือว่าพอถูไถไปได้แล้ว การปะทะกับมังกรน้ำอีกสามตัวไม่นับว่าเป็นประโยชน์ใดๆ ต่อร่างกายได้เลย

เฉินผิงอันผูกน้ำเต้าให้เรียบร้อย แล้วก็ยืนอยู่อีกครู่หนึ่ง ถึงได้ดีดปลายเท้ากระโดดข้ามออกไปจากอาณาเขตของเกาะ เหยียบลงบนผิวน้ำของทะเลสาบชางอวิ๋น ร่างกลายเป็นควันเขียวกลุ่มหนึ่งที่กระโดดแตะผิวน้ำไปเรื่อยๆ มุ่งหน้าไปยังท่าเรือ

ตอนที่เฉินผิงอันกระโดดขึ้นมาบนท่าเรือ หญิงชราและผู้ฝึกตนของดินแดนเซียนเป่าต้งก็พากันจากไปหมดแล้ว

ตู้อวี๋ยังคงสวมเสื้อเกราะเทพรับน้ำค้างหวาน มือหนึ่งกดดาบ ยืนทำหน้าที่เป็นเทพทวารบาลให้กับหีบไม้ไผ่ งอบไม้ไผ่และไม้เท้าเดินป่าอยู่ที่เดิม

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “มีคุณธรรมขนาดนี้เชียวหรือ?”

ตู้อวี๋ยกมือเช็ดหน้าตัวเองแรงๆ ลมพัดน้ำกระเซ็นคราวนี้ทำเอาหน้าของเขาเริ่มจะแข็งทื่อเสียแล้ว เช็ดอยู่ครู่หนึ่ง หน้าตาเขาก็เปลี่ยนมาเป็นเบิกบาน ถูสองมือเข้าด้วยกัน คลี่ยิ้มเจิดจ้าสดใส

ไม่ใช่ว่าไม่อยากเอ่ยถ้อยคำประจบเอาใจ เพียงแค่ตู้อวี๋คิดจนสมองแทบแตกก็ยังคิดหาคำพูดไพเราะที่เหมาะสมกับบรรยากาศไม่ได้ รู้สึกว่าถ้อยคำดีๆ ที่ร่างไว้คร่าวๆ ในใจล้วนไม่คู่ควรกับมาดอันองอาจเลิศล้ำของผู้อาวุโสที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้

เฉินผิงอันลูบชายแขนเสื้อที่ถูกม้วนขึ้นให้ราบเรียบ หยิบงอบมาสวมดังเดิม สะพายหีบไม้ไผ่ให้เรียบร้อย ดึงไม้เท้าออกมาจากพื้นดิน

ตู้อวี๋กำลังจะขยับขาก้าวเดิน แต่มารดามันเถอะ ข้าของเขากลับเหน็บกินเสียนี่

เทพทวารบาลน้อยจากตำหนักขวานผีอย่างตน น่าจะถือว่าทำหน้าที่ได้อย่างรอบคอบระมัดระวัง ต่อให้ไม่มีคุณความชอบก็น่าจะมีคุณความเหนื่อยยากกระมัง?

ผู้อาวุโส สายตาของท่านเฉียบแหลมดุจเทพเซียนผู้เฒ่าบนยอดเขา ก็น่าจะเก็บเอาไปใส่ใจบ้างนะ

เฉินผิงอันเดินอยู่ด้านหน้า ตู้อวี๋เก็บเสื้อเกราะน้ำค้างหวานชิ้นนั้นลง มันจึงเปลี่ยนมาเป็นเม็ดเสื้อเกราะของสำนักการทหารที่ถูกเก็บไปไว้ในชายแขนเสื้อ เดินตามผู้อาวุโสไปด้วยฝีเท้าที่แผ่วเบาราวสายลม พลางถามเบาๆ ว่า “ผู้อาวุโส ในเมื่อพวกเราเล่นงานให้เหล่าเทพวารีทั้งหลายของทะเลสาบชางอวิ๋นถอยร่นไปได้สำเร็จ อีกทั้งพวกผู้ฝึกตนของดินแดนเซียนเป่าต้งกลุ่มนั้นยังเผ่นหนีไปด้วย หลังจากนี้จะเอาอย่างไรต่อ? พวกเราไปทุบศาลของเทพลำคลองสองท่าน หรือไปแย่งชิงสมบัติที่เมืองสุยเจี้ยดีล่ะ?”

เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “พวกเรา?”

ส่วนคำกล่าวที่ว่า ‘เล่นงานให้ถอยร่น’ นั้นจะเป็นคำกล่าวที่ถูกต้องแม่นยำหรือไม่ เฉินผิงอันคร้านจะสนใจ

ตู้อวี๋หัวเราะร่า ไม่รู้สึกลำบากใจแม้แต่น้อย

เพียงแต่ว่าต้องกะกำลังไฟให้ดี หลังจากนั้นตู้อวี๋จึงไม่พูดมากอีก

เพียงแต่ว่าเดินกันไปได้ครู่หนึ่ง ตู้อวี๋ก็อดไม่ไหวถามว่า “ผู้อาวุโส พวกเราจะไปที๋ศาลเทพวารีของเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีหรือ?”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ข้าจะไปพักค้างแรมอยู่ที่นั่นสักสองสามวัน รอให้เจ้าแห่งทะเลสาบขึ้นฝั่งมาคุยเรื่องการค้ากับข้า”

ตู้อวี๋อ้อรับหนึ่งที แล้วก็ไม่กล้าถามอะไรมากอีก

ย้อนกลับทางเดิมไปยังศาลเทพวารี พวกสาวใช้และบ่าวชายของจวน ไม่ว่าจะเป็นผีหรือคนมีชีวิตก็ล้วนแตกฮือเหมือนต้นไม้ล้มวานรแยกย้าย

เฉินผิงอันมาหยุดอยู่ด้านหน้าเรือนในที่แขวนกรอบป้ายคำว่า ‘น้ำเขียวไหลยาว’ แล้วก็เก็บกรอบป้ายนี้เอาไว้ในวัตถุจื่อชื่อ แม้ว่าร่างทองของเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีจะมอดม้วยไปแล้ว แต่กรอบป้ายที่ไม่ธรรมดาแผ่นนี้กลับยังสามารถฟูมฟักปราณวิญญาณชะตาน้ำได้อยู่ มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าคือวัตถุที่มีค่ามากที่สุดของจวนแห่งนี้แล้ว

เฉินผิงอันปลดหีบไม้ไผ่และงอบสานลง นั่งอยู่บนขั้นบันไดด้านล่างสุด บอกให้ตู้อวี๋ก่อไฟขึ้นในลานกว้าง

แล้วเฉินผิงอันก็เริ่มฝึกท่ายืนนิ่งเจี้ยนหลู

หลังจากผ่านศึกใหญ่มาจำเป็นต้องพักผ่อนบำรุงกำลัง นี่เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะทิ้งโรคร้ายไว้ภายหลัง และจะเป็นภัยแฝงในระยะยาวอย่างหนึ่ง

นอกจากนี้เฉินผิงอันก็ต้องใช้วิธีมองภายในไปมองดูว่างูเหลือมทอง งูเขียวมรกตสองตัวนั้นได้ผ่านการหลอมเล็กอย่างสมบูรณ์แบบแล้วหรือไม่ แล้วจะมีประโยชน์ต่อจวนน้ำอย่างแท้จริงหรือไม่

ตู้อวี๋นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างกองไฟ แอบชำเลืองมองท่านั่งของผู้อาวุโสแวบหนึ่งอย่างไม่คิดอะไร การฝึกวิชาอภินิหารของตระกูลเซียน ใช่ว่าจะมีแค่ท่าทางอย่างเดียวก็ฝึกได้แล้ว

อีกอย่าง คาดว่าด้วยสถานะของผู้อาวุโสตรงหน้าผู้นี้ นี่ต้องเป็นวิชาที่สูงส่งมากอย่างหนึ่งแน่นอน ต่อให้เขาถ่ายทอดคาถาชุดนี้แก่ตนอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แบบ ตนก็ไม่มีทางเรียนเป็นอยู่ดี

แสงสีเขียวเส้นหนึ่งแหวกอากาศยามราตรีมาถึง แล้วมุดลอดเข้าไปในกาเหล้าที่อยู่ตรงเอวของผู้อาวุโส

ตู้อวี๋บอกกับตัวเองเงียบๆ ว่า ความประหลาดมหัศจรรย์มีมากมายหลายพันรูปแบบ ไม่มีอะไรให้ต้องแปลกใจ

—–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

กระบี่จงมา 505.3 เจี้ยนเซียนอยู่ในมือของเซียนกระบี่

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 505.3 เจี้ยนเซียนอยู่ในมือของเซียนกระบี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แล้วก็จริงดังคาด

ไม่ถึงครึ่งก้านธูป อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบก็ร้องตะโกนเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง “บรรพจารย์ฟ่าน ตำแหน่งเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซี จะยกให้เจ้าด้วยพร้อมกันทีเดียว! หากยังไม่ตอบรับ ได้คืบแล้วจะเอาศอก วันหน้าทะเลสาบชางอวิ๋นกับผู้ฝึกตนของดินแดนเซียนเป่าต้งพวกเจ้าจะไม่เหลือสัมพันธ์ไมตรีใดๆ ให้พูดถึงอีก!”

เสียงของเขาในครั้งนี้ไม่มีความหนักแน่นสุขุมอย่างก่อนหน้า แต่เป็นเสียงที่ผ่านการเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เห็นได้ชัดว่าเริ่มเป็นเดือดเป็นแค้นแล้ว

ฟ่านเหวยหรานยิ้มบางๆ หันไปเอ่ยเสียงเบากับเยี่ยนชิง “เป็นอย่างไร?”

เยี่ยนชิงสีหน้าซับซ้อน เอ่ยตอบเสียงเบาปานกัน “บรรพจารย์โปรดระวังตัวด้วย”

“แม่หนูเยี่ยน เจ้าคงไม่รู้กระมังว่าผู้ฝึกยุทธขอบเขตร่างทองคนสุดท้ายในประวัติศาสตร์หลายสิบแคว้นผู้นั้น สุดท้ายแล้วตายอย่างไร เดี๋ยวพอกลับไปถึงสำนักก็ลองถามอาจารย์ของเจ้าดู นั่นเป็นศึกสร้างชื่อของศิษย์น้องหญิงของข้ากับเจ้านครหวงเยว่เชียวนะ”

ฟ่านเหวยหรานหัวเราะเสียงดังพลางกลายร่างเป็นสายรุ้งพุ่งทะยานออกไป

เยี่ยนชิงขมวดคิ้ว

ตู้อวี๋ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างว่าง่าย ในใจก็ภาวนาขอพรพระไปด้วย

แต่เมื่อสายรุ้งเส้นยาวพาดผ่านอากาศสูงเหนือศีรษะมุ่งไปทางทะเลสาบชางอวิ๋น ตู้อวี๋ก็รู้สึกได้ว่าการขอพรพระคงไม่มีประโยชน์สักเท่าไรแล้ว แต่หากในมือมีธูปอยู่สามดอก ตู้อวี๋ก็คงจะปักลงดินไปจริงๆ

บนเกาะเล็กแห่งหนึ่งที่แทบจะถูกปาดราบเป็นหน้ากลอง

ร่างจริงอันใหญ่โตมโหฬารของอินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบเลื้อยล้อมวนไปรอบเกาะอย่างเชื่องช้า

มังกรน้ำสองตัวที่เกิดจากการควบคุมของร่างทองเทพลำคลองต่อสู้จนเลือดขึ้นตา พากันพุ่งกระโจนเข้าเข่นฆ่าเงาร่างสีเขียวนั้นอย่างบ้าคลั่ง

ส่วนงูน้ำสีหมึกที่เจ้าแห่งคูน้ำเสาซีเป็นผู้ควบคุมนั้นก็กำลังลอยตัวอยู่บนผิวทะเลสาบนอกเกาะ เนื้อหนังมังสาของเจ้าแห่งคูน้ำที่ซ่อนตัวอยู่ในวังมังกรกำลังนั่งโงนเงนบนเบาะใบหนึ่ง เจ้าแห่งคูน้ำเสาซีผู้นี้สีหน้าซีดขาวราวกับหิมะ รู้สึกเพียงว่ากระดูกทั่วร่างเหมือนถูกทุบจนเละ

เทพลำคลองสองคนที่อยู่ใกล้กันต่างก็ยืนอยู่บนเบาะรองนั่ง หลับตาเพ่งสมาธิ แสงสีทองไหลวนไปทั่วร่าง อีกทั้งยังมีปราณวิญญาณชะตาน้ำของวังมังกรไหลกรูเข้ามายังร่างทองของพวกเขาไม่ขาดสาย

เพียงแต่ว่าเรือนกายอยู่ที่นี่ก็เพื่อสะดวกให้ดึงเอาชะตาน้ำที่เข้มข้นมาจากวังมังกร แต่ร่างทองที่แท้จริงของเทพวารีสองลำคลองหนึ่งคูน้ำนี้กลับผสานรวมอยู่กับมังกรน้ำทั้งสามตัวไปแล้ว

มังกรน้ำตัวหนึ่งใช้หัวที่ใหญ่โตพุ่งชนชายชุดเขียว

แต่กลับถูกอีกฝ่ายใช้ฝ่ามือยันศีรษะเอาไว้ เพียงเท่านั้นก็ไม่อาจขยับเคลื่อนหน้าได้อีก

คนผู้นั้นยิ้มบางเอ่ยว่า “เริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้วใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นทีของข้าบ้างดีไหม?”

เฉินผิงอันคีบเอายันต์แสงสว่างอวี้ชิงที่สร้างขึ้นด้วยวิชาลับของตำหนักนภากาศหน่วยฉงเสวียนออกมาแผ่นหนึ่ง เขาท่องคาถาของยันต์นี้สำเร็จตั้งนานแล้ว ครั้นจึงขว้างมันออกไปกลางอากาศสูง

แสงสว่างพลันระเบิดเจิดจ้า

ประหนึ่งพระอาทิตย์ดวงใหญ่ที่ส่องสว่างในโลกมืด

เนื่องจากไม่ได้จงใจเน้นในเรื่องของอาณาเขตที่กว้างขวาง การกดกำราบพันธนาการที่มีต่อเกาะแห่งนี้จึงยิ่งแข็งแกร่งมิอาจทำลายมากยิ่งขึ้น

มังกรน้ำที่เป็นร่างจำแลงของเทพลำคลองท่านนี้คิดจะสะบัดหัวถอยหนี

ทว่าเมื่อคนชุดเขียวก้าวออกมาหนึ่งก้าว ก็บิดฝ่ามือข้างที่ตั้งตรงต้านรับการโจมตีของศีรษะมังกรน้ำเบาๆ เปลี่ยนมือเป็นสันมีดฟันผ่าไปเบื้องหน้า

ตลอดทางที่สันมือสับลงไป นับแต่ศีรษะจรดหน้าท้องของมังกรน้ำที่ร่างทองของเทพลำคลองเป็นผู้บัญชาการณ์ก็ถูกผ่าแหวกออก

เมื่อคนผู้นั้นหยุดยืนนิ่ง ในมือก็มีเศษชิ้นส่วนร่างทองขนาดค่อนข้างใหญ่เพิ่มขึ้นมา

เนื้อหนังมังสาของเทพลำคลองที่จำแลงร่างเป็นคนอยู่ในวังมังกรพลันแห้งเหี่ยวแล้วแหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุลี

มังกรน้ำอีกตัวหนึ่งเลื่อนลอยไปชั่วขณะ แต่จากนั้นก็เผ่นหนีไปอย่างเสียสติ เพียงแต่ว่าเมื่อมันชนเข้ากับกำแพงตราผนึกที่เป็นแสงจ้าบาดตานั้น ศีรษะก็แตกปริแล้วเกิดรอยร้าวลามไปทั่ว มันข่มกลั้นความเจ็บปวดทรมาน หมายจะขุดดินหนีไป ขอแค่มุดผ่านรากภูเขาของเกาะแห่งนี้ไปได้แล้วเข้าใกล้น้ำ มันก็มีโอกาสที่จะหนีรอดแล้ว

เพียงแต่ว่านาทีถัดมามันก็รู้สึกเหมือนถูกอะไรทุบหนักๆ เข้าที่หัว ตามมาด้วยร่างที่ถลาลื่นไปด้านหน้า ทำให้พื้นผิวของเกาะเกิดร่องลึกที่ถูกไถครูดเส้นหนึ่ง

ภายใต้หมัดของบุรุษชุดเขียวสะพายกระบี่ที่พุ่งตัวมาอยู่เหนือศีรษะของมังกรน้ำ

ตลอดทั้งเกาะเล็กพลันสั่นสะเทือน ฝุ่นจำนวนนับไม่ถ้วนคลุ้งตลบ น้ำทะเลสาบที่เดิมทีซัดกระทบฝั่งอย่างรุนแรงก็ยิ่งเกิดลูกคลื่นที่ซัดย้อนกลับไปทางเดิม

กลายเป็นเศษชิ้นส่วนร่างทองของเทพลำคลองอีกหนึ่งชิ้นที่ถูกคนผู้นั้นกุมไว้ในฝ่ามือ

หันไปมองอีกที

อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบกลับหายตัวไปแล้ว

นี่ก็เป็นเรื่องปกติ เดิมทีก็เป็นแค่วิธีการเล็กๆ ที่ใช้ไล่จู่โจมไปทีละจุดเท่านั้น หากเจ้าแห่งทะเลสาบผู้นั้นบุกเข้ามาในอาณาเขตของค่ายกล ในชายแขนเสื้อของเขายังมียันต์ที่มีมูลค่ามากกว่าอีกแผ่นหนึ่งรออยู่ และตนก็จะได้ยกอาหารจานหลักคืนกลับไปให้ทะเลสาบชางอวิ๋นได้พอดี

หางตาของเฉินผิงอันชำเลืองไปมองเจียวน้ำสีหมึกตัวเล็กที่แกล้งตายลอยอยู่บนผิวทะเลสาบ จากนั้นก็สะบัดหางพุ่งตัวเข้าไปในน้ำจนเกิดสะเก็ดน้ำลูกใหญ่แตกกระจาย

เฉินผิงอันตบน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่หนึ่งครั้ง กระบี่บินสืออู่ก็พุ่งพรวดออกไป

จุดที่เฉินผิงอันมองไปก็คือทิศทางที่อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบหนีไป

เจี้ยนเซียนที่สะพายอยู่ด้านหลังออกจากฝักมาด้วยตัวเองสามชุ่น

เฉินผิงอันหรี่ตาลง มองไปยังทะเลเมฆที่เริ่มรวมตัวกันหนาหนักมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเอ่ยเสียงหนัก “กลับไป!”

เจี้ยนเซียนสอดเข้ากลับฝักกระบี่ดังเคร้ง

ดูเหมือนว่าจะไม่พอใจเท่าไร

ร่างของเฉินผิงอันเซไปด้านหลังเล็กน้อย แต่เขายังไม่มีเวลามาทะเลาะกับกระบี่เล่มนี้

เฉินผิงอันยื่นมือออกไปคว้า เรียกยันต์แสงสว่างอวี้ชิงแผ่นนั้นมาไว้ในมือ ยันต์ของตระกูลเซียนส่วนใหญ่มักจะมีข้อหนึ่งที่ไม่ดี นั่นคือเปิดประตูไม่ง่าย ปิดประตูก็ยิ่งยาก หากแก่นของยันต์ถูกเปิดออกก็ได้แต่มองดูแสงศักดิ์สิทธิ์ของยันต์สลายหายไปท่ามกลางฟ้าดินคาตาตัวเอง ผู้ฝึกตนได้แต่ชะลอความเร็วในการปริแตกของแก่นยันต์และการไหลหายไปของปราณวิญญาณ แต่กลับไม่สามารถหยุดยั้งการเผาไหม้ของยันต์ชั้นเยี่ยมได้อย่างสิ้นเชิง ทว่ายันต์แผ่นนี้ หลังจากปิดประตูแล้ว ต่อให้จะกลายเป็นเรือนหลังหนึ่งที่มีรูโหว่รอยรั่วอยู่รอบทิศ แต่ขอแค่ไม่เรียกมันออกมาใช้อีก คิดจะประคับประคองตัวไปอีกสักสิบวันก็ยังไม่ยาก

เขาย่อมต้องมีวิธีให้เจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นผู้นั้นยอมขึ้นฝั่งไปด้วยตัวเองแต่โดยดี คิดจะทำการค้ากับตนก็ต้องยอมเสียเวลาสักเล็กน้อย แต่ความเป็นไปได้ที่มากกว่านั้นก็คืออีกฝ่ายจะยอมขึ้นฝั่งไปด้วยตัวเอง คนชั่วที่มีชีวิตอยู่มานานและปีนป่ายได้สูง ส่วนใหญ่มักไม่ใช่คนโง่ นี่ก็คือเรื่องหนึ่งที่ทำให้คนจนใจอย่างยิ่ง

ส่วนกระบี่บินสืออู่ก็แค่สะกดรอยตามเจ้าแห่งคูน้ำเสาซีผู้นั้นไป ไม่ต้องลงมือสังหารศัตรู

หลังจากรู้ทิศทางที่ตั้งของวังมังกรใต้ทะเลสาบคร่าวๆ แล้ว เงินทุนในการทำการค้าก็จะเพิ่มมากขึ้น

เฉินผิงอันหันไปมองยังกลางอากาศ ถามว่า “ท่านยายมาทำอะไรที่นี่? กลัวว่าข้าจะว่ายน้ำไม่เป็นแล้วจะกลับไปที่ท่าเรือไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”

ไฟโทสะอัดแน่นอยู่เต็มอกของบรรพจารย์ฟ่านเหวยหราน ไอ้เจ้าอินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบผู้นั้นเผ่นหนีไป แล้วโยนภาระให้ตนแบกรับ! หากไม่เป็นเพราะสัมผัสได้ว่าตนกำลังจะมาถึง คนหนุ่มที่ฝีมือลึกล้ำเกินจะหยั่งผู้นี้คงไม่มีทางยอมรามือ ล้มเลิกความคิดที่จะไล่ฆ่าอินโหวง่ายๆ

ดีนักนะ ก่อนหน้านี้ยังกล้าป่าวประกาศว่าจะไม่มีไมตรีกับผู้ฝึกตนดินแดนเซียนเป่าต้ง อีกร้อยปีให้หลังข้าจะดูสิว่าน้ำในทะเลสาบชางอวิ๋นของพวกเจ้าลึก หรือเวทคาถาของลูกศิษย์ดินแดนเซียนเป่าต้งพวกข้าที่สูงกว่ากันแน่ พอดีกับที่ศิษย์น้องหญิงคนนั้นของตนถูกกำหนดมาแล้วว่าไม่มีหวังจะฝ่าทะลุขอบเขต ถ้าอย่างนั้นก็ให้นางพาคนมาคุมเชิงกับภูตเดรัจฉานของทะเลสาบชางอวิ๋นพวกเจ้าสักร้อยปีก็แล้วกัน!

มองคนหนุ่มที่ปากพูดจาปราศรัยอย่างมีมารยาท แต่มือที่อยู่ในชายแขนเสื้อกลับคีบยันต์ที่เกรงว่าพลานุภาพมีแต่จะน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเพราะเปล่งแสงสีทองเล็ดรอดออกมาให้เห็น

ฟ่านเหวยหรานทะยานลมมาหยุดลอยตัวอยู่ตรงจุดตัดระหว่างเกาะเล็กกับทะเลสาบชางอวิ๋น ชำเลืองตามองกาเหล้าสีชาดที่คนผู้นั้นผูกไว้ตรงเอวแล้วยิ้มบางเอ่ยว่า “เป็นเซียนกระบี่คนหนึ่งจริงๆ เสียด้วย อีกทั้งยังอายุน้อยแค่นี้ ช่างทำให้คนตกตะลึงได้จริงๆ”

เฉินผิงอันปลดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลงมาดื่มเหล้าหนึ่งอึก เช็ดปากแล้วก็ยิ้มกล่าวว่า “พี่น้องตู้อวี๋ผู้นั้นของข้า ตลอดทางมานี้ได้เล่าเรื่องสกปรกเป็นกระบุงโกยของทะเลสาบชางอวิ๋นให้ข้าฟัง แต่ตอนที่พูดถึงดินแดนเซียนเป่าต้งของพวกเจ้ากลับมีน้ำเสียงแสดงความเลื่อมใสจากใจจริง ดังนั้นเรื่องในคืนนี้ ข้าจะไม่ถือสาท่านยายแล้ว ไม่อย่างนั้นมายืนชมงิ้วๆ ดีเช่นนี้คงต้องมีเก็บเงินกันบ้างแล้ว”

ฟ่านเหวยหรานหัวเราะหยันอยู่ในใจ

แต่อยู่ดีๆ ก็สังเกตเห็นว่าคนผู้นั้นจ้องตนเขม็ง ได้ยินเพียงเขาเอ่ยเนิบช้าว่า “ดังนั้นเชิญไสหัวไปเถอะ”

สีหน้าของฟ่านเหวยหรานมืดทะมึน ชายแขนเสื้อสองข้างพองสะบัดส่งเสียงดังฟึ่บฟั่บ

แต่แล้วจู่ๆ ฟ่านเหวยหรานก็คลี่ยิ้ม “วันเวลายังอีกยาวไกล ขอให้เซียนกระบี่น้อยจากต่างถิ่นผู้นี้เดินทางท่องเที่ยวภูเขาแม่น้ำได้อย่างราบรื่น หากยินดีก็สามารถไปเป็นแขกที่ดินแดนเซียนเป่าต้งของพวกเราได้”

จากนั้นคนผู้นั้นก็ถามคำถามที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง “ศาลบรรพจารย์ของเจ้าแข็งแกร่งมากหรือ?”

จะดีจะชั่วฟ่านเหวยหรานก็ฟังออกว่านี่ไม่ใช่ประโยคที่ดี แต่ในเมื่อนางตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดแล้วก็ไม่เหลือความลังเลคิดไม่ตกใดๆ อีก เพียงยิ้มบางๆ ตอบว่า “วันหน้าเซียนซือน้อยมาเยือนก็จะได้รู้เอง”

หญิงชราบังคับลมทะยานกลับไปที่ท่าเรือ

เฉินผิงอันแหงนหน้ามองทะเลเมฆดำทะมึนที่ยังไม่สลายหายไป

นอกจากการพุ่งชนร่างจริงของอินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบที่ถือว่าพอถูไถไปได้แล้ว การปะทะกับมังกรน้ำอีกสามตัวไม่นับว่าเป็นประโยชน์ใดๆ ต่อร่างกายได้เลย

เฉินผิงอันผูกน้ำเต้าให้เรียบร้อย แล้วก็ยืนอยู่อีกครู่หนึ่ง ถึงได้ดีดปลายเท้ากระโดดข้ามออกไปจากอาณาเขตของเกาะ เหยียบลงบนผิวน้ำของทะเลสาบชางอวิ๋น ร่างกลายเป็นควันเขียวกลุ่มหนึ่งที่กระโดดแตะผิวน้ำไปเรื่อยๆ มุ่งหน้าไปยังท่าเรือ

ตอนที่เฉินผิงอันกระโดดขึ้นมาบนท่าเรือ หญิงชราและผู้ฝึกตนของดินแดนเซียนเป่าต้งก็พากันจากไปหมดแล้ว

ตู้อวี๋ยังคงสวมเสื้อเกราะเทพรับน้ำค้างหวาน มือหนึ่งกดดาบ ยืนทำหน้าที่เป็นเทพทวารบาลให้กับหีบไม้ไผ่ งอบไม้ไผ่และไม้เท้าเดินป่าอยู่ที่เดิม

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “มีคุณธรรมขนาดนี้เชียวหรือ?”

ตู้อวี๋ยกมือเช็ดหน้าตัวเองแรงๆ ลมพัดน้ำกระเซ็นคราวนี้ทำเอาหน้าของเขาเริ่มจะแข็งทื่อเสียแล้ว เช็ดอยู่ครู่หนึ่ง หน้าตาเขาก็เปลี่ยนมาเป็นเบิกบาน ถูสองมือเข้าด้วยกัน คลี่ยิ้มเจิดจ้าสดใส

ไม่ใช่ว่าไม่อยากเอ่ยถ้อยคำประจบเอาใจ เพียงแค่ตู้อวี๋คิดจนสมองแทบแตกก็ยังคิดหาคำพูดไพเราะที่เหมาะสมกับบรรยากาศไม่ได้ รู้สึกว่าถ้อยคำดีๆ ที่ร่างไว้คร่าวๆ ในใจล้วนไม่คู่ควรกับมาดอันองอาจเลิศล้ำของผู้อาวุโสที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้

เฉินผิงอันลูบชายแขนเสื้อที่ถูกม้วนขึ้นให้ราบเรียบ หยิบงอบมาสวมดังเดิม สะพายหีบไม้ไผ่ให้เรียบร้อย ดึงไม้เท้าออกมาจากพื้นดิน

ตู้อวี๋กำลังจะขยับขาก้าวเดิน แต่มารดามันเถอะ ข้าของเขากลับเหน็บกินเสียนี่

เทพทวารบาลน้อยจากตำหนักขวานผีอย่างตน น่าจะถือว่าทำหน้าที่ได้อย่างรอบคอบระมัดระวัง ต่อให้ไม่มีคุณความชอบก็น่าจะมีคุณความเหนื่อยยากกระมัง?

ผู้อาวุโส สายตาของท่านเฉียบแหลมดุจเทพเซียนผู้เฒ่าบนยอดเขา ก็น่าจะเก็บเอาไปใส่ใจบ้างนะ

เฉินผิงอันเดินอยู่ด้านหน้า ตู้อวี๋เก็บเสื้อเกราะน้ำค้างหวานชิ้นนั้นลง มันจึงเปลี่ยนมาเป็นเม็ดเสื้อเกราะของสำนักการทหารที่ถูกเก็บไปไว้ในชายแขนเสื้อ เดินตามผู้อาวุโสไปด้วยฝีเท้าที่แผ่วเบาราวสายลม พลางถามเบาๆ ว่า “ผู้อาวุโส ในเมื่อพวกเราเล่นงานให้เหล่าเทพวารีทั้งหลายของทะเลสาบชางอวิ๋นถอยร่นไปได้สำเร็จ อีกทั้งพวกผู้ฝึกตนของดินแดนเซียนเป่าต้งกลุ่มนั้นยังเผ่นหนีไปด้วย หลังจากนี้จะเอาอย่างไรต่อ? พวกเราไปทุบศาลของเทพลำคลองสองท่าน หรือไปแย่งชิงสมบัติที่เมืองสุยเจี้ยดีล่ะ?”

เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “พวกเรา?”

ส่วนคำกล่าวที่ว่า ‘เล่นงานให้ถอยร่น’ นั้นจะเป็นคำกล่าวที่ถูกต้องแม่นยำหรือไม่ เฉินผิงอันคร้านจะสนใจ

ตู้อวี๋หัวเราะร่า ไม่รู้สึกลำบากใจแม้แต่น้อย

เพียงแต่ว่าต้องกะกำลังไฟให้ดี หลังจากนั้นตู้อวี๋จึงไม่พูดมากอีก

เพียงแต่ว่าเดินกันไปได้ครู่หนึ่ง ตู้อวี๋ก็อดไม่ไหวถามว่า “ผู้อาวุโส พวกเราจะไปที๋ศาลเทพวารีของเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีหรือ?”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ข้าจะไปพักค้างแรมอยู่ที่นั่นสักสองสามวัน รอให้เจ้าแห่งทะเลสาบขึ้นฝั่งมาคุยเรื่องการค้ากับข้า”

ตู้อวี๋อ้อรับหนึ่งที แล้วก็ไม่กล้าถามอะไรมากอีก

ย้อนกลับทางเดิมไปยังศาลเทพวารี พวกสาวใช้และบ่าวชายของจวน ไม่ว่าจะเป็นผีหรือคนมีชีวิตก็ล้วนแตกฮือเหมือนต้นไม้ล้มวานรแยกย้าย

เฉินผิงอันมาหยุดอยู่ด้านหน้าเรือนในที่แขวนกรอบป้ายคำว่า ‘น้ำเขียวไหลยาว’ แล้วก็เก็บกรอบป้ายนี้เอาไว้ในวัตถุจื่อชื่อ แม้ว่าร่างทองของเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีจะมอดม้วยไปแล้ว แต่กรอบป้ายที่ไม่ธรรมดาแผ่นนี้กลับยังสามารถฟูมฟักปราณวิญญาณชะตาน้ำได้อยู่ มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าคือวัตถุที่มีค่ามากที่สุดของจวนแห่งนี้แล้ว

เฉินผิงอันปลดหีบไม้ไผ่และงอบสานลง นั่งอยู่บนขั้นบันไดด้านล่างสุด บอกให้ตู้อวี๋ก่อไฟขึ้นในลานกว้าง

แล้วเฉินผิงอันก็เริ่มฝึกท่ายืนนิ่งเจี้ยนหลู

หลังจากผ่านศึกใหญ่มาจำเป็นต้องพักผ่อนบำรุงกำลัง นี่เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะทิ้งโรคร้ายไว้ภายหลัง และจะเป็นภัยแฝงในระยะยาวอย่างหนึ่ง

นอกจากนี้เฉินผิงอันก็ต้องใช้วิธีมองภายในไปมองดูว่างูเหลือมทอง งูเขียวมรกตสองตัวนั้นได้ผ่านการหลอมเล็กอย่างสมบูรณ์แบบแล้วหรือไม่ แล้วจะมีประโยชน์ต่อจวนน้ำอย่างแท้จริงหรือไม่

ตู้อวี๋นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างกองไฟ แอบชำเลืองมองท่านั่งของผู้อาวุโสแวบหนึ่งอย่างไม่คิดอะไร การฝึกวิชาอภินิหารของตระกูลเซียน ใช่ว่าจะมีแค่ท่าทางอย่างเดียวก็ฝึกได้แล้ว

อีกอย่าง คาดว่าด้วยสถานะของผู้อาวุโสตรงหน้าผู้นี้ นี่ต้องเป็นวิชาที่สูงส่งมากอย่างหนึ่งแน่นอน ต่อให้เขาถ่ายทอดคาถาชุดนี้แก่ตนอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แบบ ตนก็ไม่มีทางเรียนเป็นอยู่ดี

แสงสีเขียวเส้นหนึ่งแหวกอากาศยามราตรีมาถึง แล้วมุดลอดเข้าไปในกาเหล้าที่อยู่ตรงเอวของผู้อาวุโส

ตู้อวี๋บอกกับตัวเองเงียบๆ ว่า ความประหลาดมหัศจรรย์มีมากมายหลายพันรูปแบบ ไม่มีอะไรให้ต้องแปลกใจ

—–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+