กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม 649 เจ้าสาวของผมสวยมาก

Now you are reading กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม Chapter 649 เจ้าสาวของผมสวยมาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสิ่นเผยซวนเมียงมองเข้าไปข้างในก็ไม่เห็นคนจริงๆ แล้วใบหน้าเขาก็เผยรอยยิ้ม “คุณทำดีที่สุดแล้ว อย่าทำให้เราลำบากอีกเลย รีบส่งคนออกมาเถอะ”

ฉินยากอดอก “จะมอบเจ้าสาวให้ง่ายๆ ได้ยังไง พวกคุณต้องผ่านการทดสอบจากพวกเราก่อน แบบนี้พวกเราถึงจะสามารถเชื่อใจพวกคุณได้ และสามารถวางใจมอบเจ้าสาวให้ได้”

เสิ่นเผยซวน “………..”

“รีบเริ่มเถอะ อย่าให้เลยฤกษ์”

เสิ่นเผยซวนพูดว่า “เพื่อให้พี่น้องได้คนงามมากอด ผมลุยเอง”

เขาถอดรองเท้าก่อนคนแรก สวมถุงเท้าแล้วลองเหยียบบนเปลือกทุเรียน เจ็บ เจ็บมากแม่งเอ๊ย การทดสอบนี้ควรเป็นประสบการณ์ให้ซูจ้านมาสัมผัส

รู้อย่างนี้น่าจะพาซูจ้านมาที่นี่ ให้เขาเอาฉินยาไป เผื่อว่าที่นี่จะไม่ทำร้ายพวกเขา

กวนจิ้งกัดนิ้วพลางมองเสิ่นเผยซวนอย่างระมัดระวัง แล้วถามว่า “เจ็บไหม”

เจ็บไหมเหรอ

ไม่เจ็บได้เหรอ

แต่เขากลับบอกว่าไม่เจ็บ ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่เจ็บสักนิด ทุเรียนต้องสุกแล้วแน่นอน ทุกหนามนุ่มหมดเลย”

ถ้าคุณพูดจริง ทำไมต้องโน้มน้าวให้เขาขึ้นไปล่ะ

กวนจิ้งทำท่าเหมือนไม่เชื่อ “ปกติเวลาถือก็ทิ่มมืออยู่แล้ว นับประสาอะไรกับใช้เท้าเหยียบล่ะ”

ครั้งนี้เสิ่นเผยซวนฉลาด เหลือบมองกวนจิ้งแล้วพูดว่า “ถ้าคุณอยากให้เจ้านายคุณไม่ได้กอดคนงาม งั้นคุณก็ไม่ต้องขึ้นมา”

กวนจิ้ง “………..”

ข่มขู่ นี่มันข่มขู่ชัดๆ เลย

เขาพูดไปพลางถอดรองเท้าไปพลาง “ทำไมคุณทำตัวต่ำช้าไร้ยางอายเหมือนซูจ้านเลย ก่อนหน้านี้ผมเคยคิดว่าคุณเป็นคนดี ตอนนี้รู้สึกว่าคุณเป็นคนเลวแล้ว”

เสิ่นเผยซวนหัวเราะฮ่าฮ่า “คนเลวก็คนเลวสิ ตราบใดที่มีคนทุกข์ทรมานกับผม อยากพูดอะไรก็เชิญ”

กวนจิ้งทำเสียงจิ๊จ๊ะ “ไม่ใช่คนจริงๆ”

พูดจบเขาก็ขึ้นเหยียบเปลือกทุเรียก มันเจ็บจนแทบแหกปากร้อง

ราวกับมีเข็มทิ่มแทงฝ่าเท้า มันเจ็บจนพาให้คนอยากกรีดร้อง นี่มันคือการทรมานชัดๆ

โชคดีที่มีไม่กี่ชิ้น ทนเอาหน่อยก็ผ่านไปได้

ที่หน้าโต๊ะป้าหยูกับช่างแต่งหน้าพูดกฎว่า “ดื่มน้ำพริกป่นหนึ่งแก้ว ดื่มไวน์หนึ่งแก้ว สลับดื่ม”

กวนจิ้งพูดว่า “ผมอยากดื่มแค่ไวน์”

เทียบกับการดื่มน้ำพริกป่น เขาขอดื่มไวน์ดีกว่า

“ไม่ได้” ฉินยาเดินเข้ามาพูด

กวนจิ้งสูดดมกลิ่น “ถ้าคุณเป็นเพื่อนเจ้าสาว ผมจะทำให้คุณแย่กว่าที่ผมเจอ”

ฉินยายิ้ม “น่าเสียดาย ฉันไม่ใช่เพื่อนเจ้าสาว”

ตอนนี้เธอดีใจที่เธอไม่ใช่เพื่อนเจ้าสาว

แบบนี้ก็ไม่ต้องถูกใครเล่นงาน

“ครั้งนี้ผมเริ่มก่อน” กวนจิ้งอาสาหยิบน้ำพริกป่นแก้วแรกขึ้นมาก่อน รวบรวมความกล้าแหงนเงยศีรษะกรอกลงไป

เขาขมวดคิ้วแน่น หน้าตาเหยเก น้ำพริกไม่เพียงแสบร้อน แต่ยังบาดคอด้วย เป็นการทรมาน

ดื่มยากกว่าไวน์มากนัก

เขาตัดสินใจแล้วว่าในอนาคตจะไม่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวของใครอีก ยังไม่ทันได้เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ก็ถูกทำจนเป็นแบบนี้แล้ว ถ้าถึงตอนเป็นขึ้นมา ไม่ยิ่งเลวร้ายหนักหรอกเหรอ

เขาแอบตัดสินใจในใจ

โชคดีที่มีคนเยอะ

ดื่มคนละสองแก้วก็หมดแล้ว

ฉินยายิ้ม “เห็นแก่ความจริงใจของพวกคุณ ฉันจะให้พวกคุณเห็นเจ้าสาวแล้วกัน”

เธอเดินไปเคาะประตู “ฉุนฉุนเปิดประตู”

ไม่นาน เธอก็ได้ยินเสียงปลดล็อค แล้วประตูก็เปิดออก

เธอเบี่ยงตัวเพื่อให้พวกเขาเข้ามาดูเจ้าสาว

ในห้อง บนโต๊ะหัวเตียงมีดอกกุหลาบสด หัวเตียงถูกปกคลุมด้วยตัวอักษรสีแดง หลินซินเหยียนนั่งอยู่ที่ปลายเตียง ชุดแต่งงานสีขาวแผ่เต็มเตียงขนาดใหญ่ โจวฉุนฉุนหยิบกลีบกุหลาบในขวดโหลมาโปรยลงไปบนนั้นจนกระจายไปทั่ว ชุดแต่งงานสีขาวตัดกับสีแดง เป็นภาพที่ดูดีและโรแมนติกเป็นที่สุด

ทุกคนต่างมีสติหลีกทางให้เจ้าบ่าวเห็นเจ้าสาวของตัวเองก่อนใคร

จงจิ่งห้าวยืนอยู่หน้าประตูเลื่อนสายตามองเข้ามา เมื่อเห็นเธอในชุดเจ้าสาวก็พลันตกตะลึง

ชุดแต่งงานสีขาว ห่อหุ้มร่างบอบบางของเธอ เผยช่วงลำคอและกระดูกไหปลาร้าเนียนละเอียดราวกับหยกสะท้อนแสง

แววตาที่สดใสเปล่งประกายมีแววอ่อนโยนเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว และริมฝีปากสีแดงอมชมพูก็ยิ่งเพิ่มพูนเสน่ห์ขึ้นไปอีก การผสมผสานของทั้งสองอย่างทำให้เธอมีความงามที่อ่อนโยน งดงามและประณีต

พาให้คนมองอดไม่ได้ที่จับจ้องอยู่นาน

เธอเองก็เงยหน้ามองมาที่เขาเช่นกัน เขาที่ใส่สูทแบบนี้ดูดีเสมอ เป็นผู้ใหญ่ภูมิฐาน ให้กลิ่นเหมือนผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่

เขาก้าวเดินเข้ามา เอื้อมมือมาเลิกเส้นผมบนหน้าผากของเธอเบาๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้ เจ้าสาวของผมสวยมากเลย”

สวยจนเขาอยากเอาไปซ่อนแล้วชื่นชมเองคนเดียว

หลินซินเหยียนลดสายตาลง

ท่าทางค่อนข้างออดอ้อนและเอียงอาย

จงจิ่งห้าวยิ้ม

เธอที่ท่าทีแบบนี้มีเสน่ห์มาก

ฉินยานำรองเท้าแต่งงานเข้ามา “ดูสิฉันเอาเข้ามาให้เลยนะ ทำไมคุณไม่ให้ซองแดงใหญ่แก่ฉันหน่อยล่ะ”

เธอพูดพลางยิ้มกริ่ม

จงจิ่งห้าวรับรองเท้าแล้วพูดว่า “เผยซวน ให้ซองใหญ่แก่เธอ”

วันนี้เป็นว่าที่น่ายินดีของเขา เขาอยู่ในอารมณ์ที่ดีมาก

เสิ่นเผยซวนเอาซองที่เหลือใส่แบงค์แล้วยื่นให้เธอ “วันหลังคุณเลี้ยงด้วย”

ฉินยาพูดอย่างขี้เหนียวว่า “ฉันจะเก็บมันไว้”

“คนขี้ตืด” เสิ่นเผยซวนพูดยิ้มๆ

“คุณเพิ่งรู้เหรอว่าฉันขี้ตืด” ฉินยายิ้มกริ่ม

เสิ่นเผยซวนไม่ต่อปากต่อคำกับเธอ ฉินยาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก และเอาโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปแทน จงจิ่งห้าวนั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่งตรงหน้าหลินซินเหยียน สวมรองเท้าแต่งงานให้เธอ

เนื่องจากกำลังตั้งครรภ์ รองเท้าจึงไม่สูงมากนัก แค่ประมาณห้าเซนติเมตร รูปร่างของหลินซินเหยียนแม้จะสูง แต่การใส่รองเท้าส้นเตี้ยจะทำให้ประคองชุดเจ้าสาวไม่ได้

ชุดเจ้าสาวที่ใหญ่เกินไป จะดึงส่วนสูงคนให้ลดลง ทำให้ดูไม่ดี ดังนั้นจึงเลือกส้นขนาดกลาง ซึ่งเธอไม่จำเป็นต้องเดินเหินไปที่ไหน กระทั่งจบงานแต่งก็สามารถเปลี่ยนได้แล้ว

รองเท้าแต่งงานสีขาวมุกประดับเพชร วาววับเจิดจ้า

หลินซินเหยียนเท้าไม่ใหญ่มาก มันเพรียวบาง แม้แต่นิ้วเท้ายังขาวมาก เล็บเท้าที่ไม่ได้ตกแต่งอะไรเกินไปสะอาดสะอ้าน

จงจิ่งห้าวยกเท้าของเธอขึ้น สวมรองเท้าเข้าไปเบาๆ ลดสายตาลงพลางพูดว่า “ครั้งก่อน ต้องทำให้คุณต้องรู้สึกคับข้องใจแล้ว”

ปีนั้น ไม่มีงานแต่ง ไม่มีพิธี แม้แต่ไม่ไปจดทะเบียนสมรสด้วยกัน แค่ทำให้เธอมีสถานะเป็นภรรยาของตัวเอง

เมื่อนึกย้อนกลับไป เธอก็พลันแสบจมูกน้ำตาร่วงหล่น

เธอไม่อยากร้องไห้ แต่ไม่รู้เพราะอะไร เมื่อน้ำตาไหลออกมาแล้วเหมือนจะไม่สามารถควบคุมได้เลย

จงจิ่งห้าวเงยหน้าเห็นเธอน้ำตาไหล จึงยื่นมือไปเช็ดให้เธอ “วันนี้เป็นวันสำคัญของเรา คุณร้องไห้ทำไม”

เธอยิ้ม “มันเป็นน้ำตาแห่งความสุข”

“ถ้าคุณยังร้องอีก หน้าที่แต่งสวยๆ จะซีดหมดนะ” จงจิ่งห้าวเช็ดน้ำตาบนใบหน้าเธอแผ่วเบา พลางพูดหยอกล้อเธอ

“คุณหาว่าฉันน่าเกลียดเหรอ งั้นฉันไม่แต่งแล้ว” เธอแกล้งทำเป็นโกรธ

จงจิ่งห้าวโน้มตัวไปกอดเธอแล้วพูดว่า “ไม่ทันแล้ว คุณจะแต่งก็ต้องแต่ง จะไม่แต่งก็ต้องแต่ง”

ใครไม่รู้ในกลุ่มคนตะโกนขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า เจ้าสาวขึ้นรถได้แล้ว

บรรยากาศงานรื่นเริงขึ้นมา ฉินยากับโจวฉุนฉุนช่วยถือชุดแต่งงานให้ตามหลัง แล้วทุกคนก็ต่างเดินตามออกจากวิลล่า

ทันใดนั้นบนท้องฟ้าพลันเกิดเสียงพลุ

ริบบิ้นหลากสีตกลงมาจากท้องฟ้า ร่วงหล่นลงพื้น ตกบนตัวคน ตกลงไปทั่วทุกที่ รถแต่งงานที่จุดเริ่มต้นเป็น Rolls-Royce Phantom สีขาว ด้านหน้าถูกมัดด้วยดอกไม้สดเป็นช่อดอกไม้ที่สวยงาม

สีขาวอยู่บนรถสีดำ ดูโดดเด่นสะดุดตาอย่างมาก

จงจิ่งห้าวพาเธอขึ้นรถ จากนั้นก็นั่งลงข้างเธอ และจับมือเธอไว้

เขายกมือหลินซินเยียนขึ้นจรดริมฝีปาก แล้วกดจูบแผ่วเบา “มีผมอยู่ข้างคุณ ไม่ต้องกลัว และไม่ต้องกังวล”

หลินซินเหยียนน้ำตาคลอ ตอบรับว่าอืมแผ่วเบา

มีเขาอยู่ เธอจะไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น

ฉินยากับพวกเด็กๆ นั่งบนรถคันหลัง

ไม่นานรถแต่งงานก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปช้าๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด