กำเนิดดาบปีศาจ 45 – รูปขบวน

Now you are reading กำเนิดดาบปีศาจ Chapter 45 - รูปขบวน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กําเนิดดาบปีศาจ กําเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 45 – รูปขบวน

 

กําเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 45 – รูปขบวน

 

โอนาห์กําลังนั่งอยู่ในรถม้าคันหนึ่งของขบวน เควินเชิญเขาเข้ามาข้างในเมื่อพบว่าเขาไม่จําเป็นต้องเข้าร่วมการคัดเลือกให้อยู่ในกลุ่มผู้คุ้มกันขบวนการเดินทาง

 

“ข้าและอาจารย์ของเจ้าได้รับการกล่าวขานว่าเป็นนักรบที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคนั้นเชียวนะ เรามักจะได้พบกันในระหว่างวันฝึกฝนหรือทําภารกิจ เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลลานเซย์และตระกูลบัลวันของเจ้าเป็นญาติมิตรที่ดีต่อกัน มาโดยตลอด” เควินว่าขณะนั่งอยู่หน้าโนอาห์

 

“แต่เขากลายเป็นรองสารวัตรของเขตนอกส่วนข้าได้เป็นหัวหน้าของผู้พิทักษ์ตระกูล ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีโอกาสได้พบเขาสักเท่าใด”

 

เขาเทของเหลววที่ดูคล้ายกับไวน์จากเหยือกดินเผาลงแก้ว จากนั้นเขาก็ยื่นแก้วหนึ่งให้โนอาห์ “ตอนที่ข้าได้ยินว่าลูกศิษย์ของเขาจะมาช่วยเหลือในภารกิจนี้ ก็ทําให้ข้าเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาในทันที และข้าขอบอกเลยว่าเจ้าเก่งพอๆ กับความสามารถของเขา เลย”

 

เขายกแก้วขึ้นมาทําท่าฉลองและโนอาห์ก็ยินดีโดยทําตามเช่นกันกับแก้วของเขา แต่เขาใช้พลังงานจิตเพื่อตรวจสอบของเหลวในแก้วก่อน

 

“ดูเหมือนจะเป็นแค่ไวน์ปกติ ฉันคิดว่าเขาพูดความจริง ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอาจารย์คงแน่นแฟ้นมาก”

 

โนอาห์ไม่ลังเลอีกต่อไปและยกแก้วขึ้นมาจิบ ความรู้สึกแสบร้อนที่คุ้นเคยไหลผ่านลําคอของเขา แต่ไม่ช้าก็หายไปเพราะความสามารถในการรักษาของร่างกายเขา

 

“จริงสิ ร่างกายอันดับสองตอนนี้พนันได้เลยว่าคงไม่เมาง่ายๆ แน่”

 

เขาได้เข้าสู่วัฏจักรขั้นที่หกแล้วดังนั้นผลของการหลอมรวมนรกเจ็ดขั้นจึงโดดเด่นมากขึ้นขณะเข้าใกล้ผมสําเร็จของกระบวนการ ความสามารถในการรักษาพัฒนาขึ้นมาก เช่นเดียวกับการรับรู้ “ลมหายใจ” และกระบวนท่าศิลปะการต่อสู้

 

“ไม่รู้สึกว่าการรับรู้เพิ่มขึ้นเลยเนื่องจากมันเกินความสามารถไปตั้งแต่พัฒนาไปเป็นจอมเวทย์อันดับหนึ่งแต่ศิลปะการต่อสู้ไปถึงระดับใหม่แล้ว น่าจะสู้กับสัตว์เวทมนตร์อันดับสามได้อย่างสูสี

 

การโจมตีอันทรงพลังของเขาถึงระดับนั้นแล้วหลังจากที่ได้รับร่างกายอันดับสองมา แต่ด้วยวัฏจักรขั้นที่หกที่จวนจะถึงขีดจํากัดแล้วนั้น ทําให้ศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดของเขาไปถึงระดับนั้นด้วยเช่นกัน

 

“ขีดจํากัดของฉันน่าจะอยู่ที่การโจมตีแบบใส่เต็มได้ถึงสามสิบครั้งถ้าบวกรวมกับการดูดซับของจุดฝังเข็มเข้ามาด้วยอีก จํานวนการโจมตีก็น่าจะเพิ่มได้ถึงสองเท่า คงจะไม่มีอะไรที่ยากนัก เว้นแต่ว่าจะเจอการต่อสู้ที่กินระยะเวลานาน”

 

ข้อเสียของการไม่มีตันเถียนจะลดลงอย่างมากแต่ก็ยังไม่ได้หมดซึ่งทําให้โนอาห์ยังเป็นกังวลเกี่ยวกับการต่อสู้กับผู้ฝึกตนที่แท้จริง

 

“เจ้าชอบไหม?”

 

เสียงเควินทําให้เขาหลุดจากภวังค์ความคิดและเขาก็รีบอธิบายทันที

 

“ข้าขอโทษขอรับ มัวแต่คิดอะไรเพลินไปหน่อย”

 

เควินมองในความสับสนและพูด “เจ้าสุภาพเกินไป ไม่มีใครเขาขอโทษที่เอาแต่เงียบไปเพียงครู่เดียวกันหรอกนะ”

 

โนอาห์รู้สึกประหลาดใจ “หา? แป๊บเดียว? นี่ฉันคิดเร็วขนาดนั้นเลยหรือ?”

 

เขารีบยกแก้วขึ้นมาอีกครั้งเพื่อปิดบังความรู้สึกสับสนและจิบไวน์ จากนั้นก็วางแก้วลงและมองเควินด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ความเย็นชาเล็กน้อยถูกส่งผ่านสายตาของเขา

 

“เข้าเรื่องกันเลยดีไหมขอรับ?”

 

เควินเหมือนจะเห็นด้วยจากนั้นก็กระดกไวน์หมดแก้วและตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันสงบนิ่ง

 

“เจ้าอยากรู้อะไรล่ะ?”

 

และคําถามของโนอาห์ก็ถูกสวนกลับในทันที “ทําไมต้องคุ้มกันด้วย?”

 

คําถามนี้ทําให้เควินถอนหายใจและเผยสีหน้าสลดใจ “เช่นที่เจ้ารู้ นายน้อยในขบวนนี้คือทายาทหลักของตระกูลลานเซย์จะว่ากันตรงๆ เขาควรจะประสบความสําเร็จในฐานะอัครบิดรของตระกูลแทนพ่อของเขาแต่…” เขารินไวน์อีกครั้งก่อนจะสานต่อบทพูด “แต่เขาเด็กเกินไป พ่อของเขาป่วยหนักและจะอยู่ได้อีกไม่นานดังนั้นลุงของเขาจะใช้การเดินทางครั้งนี้เป็นโอกาสในการกําจัดทายาทและครอบครองตระกูล”

 

โนอาห์เข้าใจบางอย่างแต่ก็ยังมีข้อแครงใจอยู่บ้าง “มันจะเป็นไปได้ยังไงที่อัครบิดรของตระกูลขุนนางขนาดกลางจะปล่อยให้สถานการณ์เลยเถิดไปจนถึงขั้นนั้น?”

 

เควินกระดกไวน์และว่าต่อ “มันเป็นความผิดของท่านอัครบิดรถ้าตระกูลลานเซย์ถูกลงโทษ ฉะนั้นพี่ชายของเขา โทเบียส ลานเซย์ จึงใช้เหตุการณ์นี้เพื่อรวบรวมความเห็นพ้องต้องกันกับพวกทหารคนอื่นๆ ในเขตใน กลุ่มทหารเพียงกลุ่มเดียวที่ยังภักดีต่อ เบเนดิก ลานเซย์ อัครบิดร คือกลุ่มที่มากับข้าในภารกิจนี้”

 

สถานการณ์แย่เกินกว่าที่โนอาห์จะจินตนาการถึง

 

“และการพาทายาทกลับไปมันจะช่วยอะไรได้รึ? พวกเขาจะฆ่าเขาเลยทันทีที่ถึงคฤหาสน์ก็ย่อมได้”

 

เควินวางแก้วลงและเขยิบเข้ามาใกล้โนอาห์ เขาใช้เสียงที่เบาลง “นี่เป็นความลับของเขตใน ฉะนั้นถ้าข้าพบว่าเจ้าไปแพร่งพรายต่อให้คนอื่นรู้ ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งกลางภารกิจนี้ เข้าใจที่ข้าพูดไหม?”

 

เควินเผยเจตนาการฆ่าที่รุนแรงออกมา ทหารและคนเร่ร่อนที่ต้องผ่านการคัดเลือกข้างนอกรถกําลังตัวสั่นเมื่อบรรยากาศเริ่มตึงเครียดอย่างไม่น่าเชื่อ

 

โนอาห์มองชายร่างใหญ่ตรงหน้าและเกิดความชื่นชมเขาอยู่ในใจ เขาคือทหารผู้มากประสบการณ์ในสนามรบ นึกไม่ออกเลยว่ากีชีวิตแล้วที่เขาพรากไป”

 

โนอาห์หยุดคิดและพยักหน้า

 

เควินมองเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเผยข้อมูลเพิ่มเติม “ห้องเก็บทรัพย์สมบัติของลานเซย์จะได้รับการปกป้องด้วยรูปขบวนที่พิเศษ ข้าเองก็ไม่รู้เกี่ยวกับรูปขบวนนี้สักเท่าใดนักแต่ข้ารู้กฏ มีเพียงแค่อัครบิดรคนปัจจุบันหรือทายาทของเขาเท่านั้นที่สามารถควบคุมได้และสามารถควบคุมสมบัติทุกชิ้นที่อยู่ในนั้น เบเนดิก ลานเซย์ ได้มอบหน้าที่การควบคุมรูปขบวนแก่บุตรชายของเขาแต่ก่อนอื่นเขาต้องไปที่นั่นเพื่อยอมรับก่อน ถ้าเขาตายก่อนไปถึง อํานาจในการควบคุมรูปขบวนจะถูกส่งต่อไปยังโทเบียส ลานเซย์ ทันที”

 

“ยังมีอะไรแบบนี้อยู่บนโลกอีกร์ เส้นทางของการฝึกตนช่างหลากหลายเหลือเกิน

 

เขานึกถึงความทรงจําสมัยยังเด็ก กําแพงคฤหาสน์ทําให้มังกรบาดเจ็บได้

 

“นั่นก็น่าจะเป็นรูปขบวนเหมือนกัน มันดูเป็นอะไร ที่ทรงพลังไว้กลับไปเมื่อไหร่ค่อยไปถามอาจารย์อีกทีแล้วกัน”

 

“ท่านกําลังจะบอกว่ารูปขบวนจะเป็นที่รับรู้เมื่อทายาทเสียชีวิตลงงั้นรึ?”

 

คําถามของโนอาห์ได้รับการตอบกลับเพียงการพยักหน้าของเควิน

 

เขาครุ่นคิดก่อนจะถามออกไปด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์

 

“แล้วข้าจะได้อะไรจากการช่วยเหลือครั้งนี้ ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

กำเนิดดาบปีศาจ 45 – รูปขบวน

Now you are reading กำเนิดดาบปีศาจ Chapter 45 - รูปขบวน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กําเนิดดาบปีศาจ กําเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 45 – รูปขบวน

 

กําเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 45 – รูปขบวน

 

โอนาห์กําลังนั่งอยู่ในรถม้าคันหนึ่งของขบวน เควินเชิญเขาเข้ามาข้างในเมื่อพบว่าเขาไม่จําเป็นต้องเข้าร่วมการคัดเลือกให้อยู่ในกลุ่มผู้คุ้มกันขบวนการเดินทาง

 

“ข้าและอาจารย์ของเจ้าได้รับการกล่าวขานว่าเป็นนักรบที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคนั้นเชียวนะ เรามักจะได้พบกันในระหว่างวันฝึกฝนหรือทําภารกิจ เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลลานเซย์และตระกูลบัลวันของเจ้าเป็นญาติมิตรที่ดีต่อกัน มาโดยตลอด” เควินว่าขณะนั่งอยู่หน้าโนอาห์

 

“แต่เขากลายเป็นรองสารวัตรของเขตนอกส่วนข้าได้เป็นหัวหน้าของผู้พิทักษ์ตระกูล ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีโอกาสได้พบเขาสักเท่าใด”

 

เขาเทของเหลววที่ดูคล้ายกับไวน์จากเหยือกดินเผาลงแก้ว จากนั้นเขาก็ยื่นแก้วหนึ่งให้โนอาห์ “ตอนที่ข้าได้ยินว่าลูกศิษย์ของเขาจะมาช่วยเหลือในภารกิจนี้ ก็ทําให้ข้าเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาในทันที และข้าขอบอกเลยว่าเจ้าเก่งพอๆ กับความสามารถของเขา เลย”

 

เขายกแก้วขึ้นมาทําท่าฉลองและโนอาห์ก็ยินดีโดยทําตามเช่นกันกับแก้วของเขา แต่เขาใช้พลังงานจิตเพื่อตรวจสอบของเหลวในแก้วก่อน

 

“ดูเหมือนจะเป็นแค่ไวน์ปกติ ฉันคิดว่าเขาพูดความจริง ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอาจารย์คงแน่นแฟ้นมาก”

 

โนอาห์ไม่ลังเลอีกต่อไปและยกแก้วขึ้นมาจิบ ความรู้สึกแสบร้อนที่คุ้นเคยไหลผ่านลําคอของเขา แต่ไม่ช้าก็หายไปเพราะความสามารถในการรักษาของร่างกายเขา

 

“จริงสิ ร่างกายอันดับสองตอนนี้พนันได้เลยว่าคงไม่เมาง่ายๆ แน่”

 

เขาได้เข้าสู่วัฏจักรขั้นที่หกแล้วดังนั้นผลของการหลอมรวมนรกเจ็ดขั้นจึงโดดเด่นมากขึ้นขณะเข้าใกล้ผมสําเร็จของกระบวนการ ความสามารถในการรักษาพัฒนาขึ้นมาก เช่นเดียวกับการรับรู้ “ลมหายใจ” และกระบวนท่าศิลปะการต่อสู้

 

“ไม่รู้สึกว่าการรับรู้เพิ่มขึ้นเลยเนื่องจากมันเกินความสามารถไปตั้งแต่พัฒนาไปเป็นจอมเวทย์อันดับหนึ่งแต่ศิลปะการต่อสู้ไปถึงระดับใหม่แล้ว น่าจะสู้กับสัตว์เวทมนตร์อันดับสามได้อย่างสูสี

 

การโจมตีอันทรงพลังของเขาถึงระดับนั้นแล้วหลังจากที่ได้รับร่างกายอันดับสองมา แต่ด้วยวัฏจักรขั้นที่หกที่จวนจะถึงขีดจํากัดแล้วนั้น ทําให้ศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดของเขาไปถึงระดับนั้นด้วยเช่นกัน

 

“ขีดจํากัดของฉันน่าจะอยู่ที่การโจมตีแบบใส่เต็มได้ถึงสามสิบครั้งถ้าบวกรวมกับการดูดซับของจุดฝังเข็มเข้ามาด้วยอีก จํานวนการโจมตีก็น่าจะเพิ่มได้ถึงสองเท่า คงจะไม่มีอะไรที่ยากนัก เว้นแต่ว่าจะเจอการต่อสู้ที่กินระยะเวลานาน”

 

ข้อเสียของการไม่มีตันเถียนจะลดลงอย่างมากแต่ก็ยังไม่ได้หมดซึ่งทําให้โนอาห์ยังเป็นกังวลเกี่ยวกับการต่อสู้กับผู้ฝึกตนที่แท้จริง

 

“เจ้าชอบไหม?”

 

เสียงเควินทําให้เขาหลุดจากภวังค์ความคิดและเขาก็รีบอธิบายทันที

 

“ข้าขอโทษขอรับ มัวแต่คิดอะไรเพลินไปหน่อย”

 

เควินมองในความสับสนและพูด “เจ้าสุภาพเกินไป ไม่มีใครเขาขอโทษที่เอาแต่เงียบไปเพียงครู่เดียวกันหรอกนะ”

 

โนอาห์รู้สึกประหลาดใจ “หา? แป๊บเดียว? นี่ฉันคิดเร็วขนาดนั้นเลยหรือ?”

 

เขารีบยกแก้วขึ้นมาอีกครั้งเพื่อปิดบังความรู้สึกสับสนและจิบไวน์ จากนั้นก็วางแก้วลงและมองเควินด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ความเย็นชาเล็กน้อยถูกส่งผ่านสายตาของเขา

 

“เข้าเรื่องกันเลยดีไหมขอรับ?”

 

เควินเหมือนจะเห็นด้วยจากนั้นก็กระดกไวน์หมดแก้วและตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันสงบนิ่ง

 

“เจ้าอยากรู้อะไรล่ะ?”

 

และคําถามของโนอาห์ก็ถูกสวนกลับในทันที “ทําไมต้องคุ้มกันด้วย?”

 

คําถามนี้ทําให้เควินถอนหายใจและเผยสีหน้าสลดใจ “เช่นที่เจ้ารู้ นายน้อยในขบวนนี้คือทายาทหลักของตระกูลลานเซย์จะว่ากันตรงๆ เขาควรจะประสบความสําเร็จในฐานะอัครบิดรของตระกูลแทนพ่อของเขาแต่…” เขารินไวน์อีกครั้งก่อนจะสานต่อบทพูด “แต่เขาเด็กเกินไป พ่อของเขาป่วยหนักและจะอยู่ได้อีกไม่นานดังนั้นลุงของเขาจะใช้การเดินทางครั้งนี้เป็นโอกาสในการกําจัดทายาทและครอบครองตระกูล”

 

โนอาห์เข้าใจบางอย่างแต่ก็ยังมีข้อแครงใจอยู่บ้าง “มันจะเป็นไปได้ยังไงที่อัครบิดรของตระกูลขุนนางขนาดกลางจะปล่อยให้สถานการณ์เลยเถิดไปจนถึงขั้นนั้น?”

 

เควินกระดกไวน์และว่าต่อ “มันเป็นความผิดของท่านอัครบิดรถ้าตระกูลลานเซย์ถูกลงโทษ ฉะนั้นพี่ชายของเขา โทเบียส ลานเซย์ จึงใช้เหตุการณ์นี้เพื่อรวบรวมความเห็นพ้องต้องกันกับพวกทหารคนอื่นๆ ในเขตใน กลุ่มทหารเพียงกลุ่มเดียวที่ยังภักดีต่อ เบเนดิก ลานเซย์ อัครบิดร คือกลุ่มที่มากับข้าในภารกิจนี้”

 

สถานการณ์แย่เกินกว่าที่โนอาห์จะจินตนาการถึง

 

“และการพาทายาทกลับไปมันจะช่วยอะไรได้รึ? พวกเขาจะฆ่าเขาเลยทันทีที่ถึงคฤหาสน์ก็ย่อมได้”

 

เควินวางแก้วลงและเขยิบเข้ามาใกล้โนอาห์ เขาใช้เสียงที่เบาลง “นี่เป็นความลับของเขตใน ฉะนั้นถ้าข้าพบว่าเจ้าไปแพร่งพรายต่อให้คนอื่นรู้ ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งกลางภารกิจนี้ เข้าใจที่ข้าพูดไหม?”

 

เควินเผยเจตนาการฆ่าที่รุนแรงออกมา ทหารและคนเร่ร่อนที่ต้องผ่านการคัดเลือกข้างนอกรถกําลังตัวสั่นเมื่อบรรยากาศเริ่มตึงเครียดอย่างไม่น่าเชื่อ

 

โนอาห์มองชายร่างใหญ่ตรงหน้าและเกิดความชื่นชมเขาอยู่ในใจ เขาคือทหารผู้มากประสบการณ์ในสนามรบ นึกไม่ออกเลยว่ากีชีวิตแล้วที่เขาพรากไป”

 

โนอาห์หยุดคิดและพยักหน้า

 

เควินมองเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเผยข้อมูลเพิ่มเติม “ห้องเก็บทรัพย์สมบัติของลานเซย์จะได้รับการปกป้องด้วยรูปขบวนที่พิเศษ ข้าเองก็ไม่รู้เกี่ยวกับรูปขบวนนี้สักเท่าใดนักแต่ข้ารู้กฏ มีเพียงแค่อัครบิดรคนปัจจุบันหรือทายาทของเขาเท่านั้นที่สามารถควบคุมได้และสามารถควบคุมสมบัติทุกชิ้นที่อยู่ในนั้น เบเนดิก ลานเซย์ ได้มอบหน้าที่การควบคุมรูปขบวนแก่บุตรชายของเขาแต่ก่อนอื่นเขาต้องไปที่นั่นเพื่อยอมรับก่อน ถ้าเขาตายก่อนไปถึง อํานาจในการควบคุมรูปขบวนจะถูกส่งต่อไปยังโทเบียส ลานเซย์ ทันที”

 

“ยังมีอะไรแบบนี้อยู่บนโลกอีกร์ เส้นทางของการฝึกตนช่างหลากหลายเหลือเกิน

 

เขานึกถึงความทรงจําสมัยยังเด็ก กําแพงคฤหาสน์ทําให้มังกรบาดเจ็บได้

 

“นั่นก็น่าจะเป็นรูปขบวนเหมือนกัน มันดูเป็นอะไร ที่ทรงพลังไว้กลับไปเมื่อไหร่ค่อยไปถามอาจารย์อีกทีแล้วกัน”

 

“ท่านกําลังจะบอกว่ารูปขบวนจะเป็นที่รับรู้เมื่อทายาทเสียชีวิตลงงั้นรึ?”

 

คําถามของโนอาห์ได้รับการตอบกลับเพียงการพยักหน้าของเควิน

 

เขาครุ่นคิดก่อนจะถามออกไปด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์

 

“แล้วข้าจะได้อะไรจากการช่วยเหลือครั้งนี้ ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+