ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 27 คงไม่มีวันลืมตลอดชีวิต

Now you are reading ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 Chapter 27 คงไม่มีวันลืมตลอดชีวิต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เซียวเถี่ยเฟิงคิดว่า เขาคงไม่มีวันลืมคืนวันนั้นตลอดกาล

ตอนแรกปีศาจสาวตัวสั่นระริก ท่าทางบอกชัดว่าต้องการมาก แต่เขาแข็งใจไม่ยอม นางอาจจะโง่เขลาไม่รู้ความ แต่เขาต้องมีสติ หากมอบไอหยางให้นาง พวกเขาจะมีชีวิตรอดอยู่ในป่าลึกได้อย่างไร

คิดไม่ถึงว่าภายหลังปีศาจสาวจะใช้ลิ้นอ่อนนุ่มแหย่เข้าไปแล้วดูดไอหยางของเขาเบาๆ

รสชาตินั้น เขาคงไม่มีวันลืมตลอดชีวิต

เลือดในกายพลุ่งพล่าน แข้งขาแข็งเกร็ง เส้นชีพจรทั่วร่างทั้งสิบสองเส้นสั่นระริกด้านชา

ปีศาจสาวดูดไปคำหนึ่งไม่พอ ยังดูดต่อเป็นคำที่สอง เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกอยู่ท่ามกลางเตาไฟร้อนรุ่มจนแทบจะทนไม่ได้ เขาได้ยินเสียงคำรามต่ำเหมือนสัตว์ป่าดังมาจากลำคอของตัวเอง ได้ยินเสียงกระดูกแขนของตัวเองลั่นดังกร๊อบๆ เขารู้สึกว่าสมอง, หัวใจ และดวงตาล้วนถูกร่างหอมนุ่มนิ่มนี้ครอบครองไปจนหมดสิ้น เขาถึงกับรู้สึกว่าตัวเองเกือบจะทนไม่ได้อีกแล้ว

แต่ยังดีที่เขาทนได้

จนกระทั่งภายหลัง ปีศาจสาวเหมือนจะดูดไอหยางจนพอแล้ว นางจึงหลับไปในอ้อมอกของเขาทั้งที่ใบหน้ายังเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

เรี่ยวแรงของเขาค่อยๆ กลับคืนมา แต่ในใจยังคงหวนระลึกถึงรสชาติเมื่อครู่ เขาจ้องมองใบหน้าที่กำลังหลับสนิทของนางพลางยื่นนิ้วไปแตะแก้มของนางเบาๆ ด้วยความสงสาร

“อีกสองสามวัน รอให้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่อยให้เจ้าดูดให้พอ ดีหรือไม่?”

เสียงลมพัด เสียงหมาป่าหอน เสียงฟืนแตกดังเปรี๊ยะๆ เขามองหญิงสาวซึ่งกำลังนอนนิ่งอยู่ในอ้อมอกท่ามกลางแสงไฟริบหรี่ก่อนจะก้มหน้าลงประทับริมฝีปากของตัวเองกับแก้มอ่อนนุ่มของนาง

คืนวันนี้เซียวเถี่ยเฟิงแทบจะไม่ได้นอน เขากอดนางเอาไว้ในอ้อมอกอย่างนั้นตลอดทั้งคืน

จนกระทั่งวันรุ่งขึ้นเมื่อฟ้าเริ่มสาง เขาถึงได้วางร่างปีศาจสาวลงบนกองหญ้านุ่มที่ปูเอาไว้บนพื้นแล้วหยิบเสื้อคลุมสีครามมาห่มให้ จากนั้นจึงเดินออกจากถ้ำไปหาไข่ที่นางชอบกินที่สุด พอกลับมาก็จัดการก่อไฟอุ่นเนื้อกวางที่เหลือจากเมื่อคืนวาน รอให้ปีศาจสาวตื่นขึ้นมากิน

ในที่สุดปีศาจสาวก็ตื่น กินอาหารเสร็จ เขาก็นั่งอยู่ข้างๆ พลางคิดว่านางจะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานหรือไม่?

คิดไม่ถึงว่านางจะกินไปกวาดตามองเขาไป ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังคิดอะไรอยู่

นางไม่พูดถึงเรื่องไอหยางสักนิด แต่กลับพูดถึงหมาสีดำตัวนั้นแทน

เซียวเถี่ยเฟิงอดผิดหวังไม่ได้ เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก่อนจะก้มลงมองถ้ำ จากนั้นก็วางแผนว่าจะต้องทำรั้วป้องกันเสือและหมาป่าให้แน่นหนา เสร็จเรียบร้อยเมื่อไหร่ เขาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะตกอยู่ในอันตรายเพราะถูกดูดไอหยางจนไร้เรี่ยวแรงอีกแล้ว

เรื่องนี้จะชักช้าไม่ได้ ต้องรีบออกไปซื้อเครื่องมือมาทำรั้วเสียแล้ว

 

หลังจากทั้งสองเดินไปถึงตีนเขา ตา卜ล่ำบึ้กพากู้จิ้งเดินไปอีกระยะหนึ่ง จากนั้นก็อาศัยนั่งรถของชาวนาโยกเยกไปอีกพักใหญ่ ในที่สุดก็ไปถึงเมืองเมืองหนึ่ง

เมืองแห่งนี้ดูคุ้นตาอยู่บ้าง

มองซ้ายมองขวา ในที่สุดกู้จิ้งก็จำได้ นี่ไม่ใช่เมืองที่เธอเคยมาเมื่อครั้งที่หนีออกมาจากภูเขาอย่างยากลำบากหรอกหรือ?

ตอนนั้นในใจเธอเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นเต้นจึงไม่ได้สังเกตอะไรมากนัก ยามนี้เงยหน้าขึ้นมอง เธอก็พบว่าบนกำแพงเมืองมีตัวอักษรเขียนอยู่สองตัว…เมืองจูเฉิง

กู้จิ้งขมวดคิ้วครุ่นคิด ในที่สุดก็นึกออก สถานที่แห่งนี้เคยเปลี่ยนชื่อหลายครั้ง ผ่านประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ในที่สุดก็ถึงยุคสมัยของเธอ ตอนแรกมันเป็นอำเภอ ภายหลังถึงยกระดับเป็นเมือง เขาเว่ยอวิ๋นของเธอก็อยู่ภายใต้เขตปกครองของเมืองนี้

สมัยเด็กๆ เธอเคยตามคุณยายเข้าเมืองไปซื้อผ้าซื้อข้าวของที่ต้องใช้ในช่วงปีใหม่บ่อยๆ!

คิดได้เช่นนี้เธอก็รู้สึกใกล้ชิดขึ้นมา เธอรีบดึงแขนตา卜ล่ำบึ้กเดินเข้าเมืองไปทันที

เมืองเล็กๆ แห่งนี้เจริญไม่น้อย ในเมืองมีร้านค้ามากมาย มีสาวน้อยสาวใหญ่เดินกันขวักไขว่ มีคนขายสินค้ามากมายหลายชนิด มีชาวนาที่มาจับจ่ายหาซื้อข้าวของ ดูคึกคักมาก ข้างทางยังมีคนขายของกินเล่นแปลกๆ มากมายหลายชนิด ดูลานตาเสียยิ่งกว่าแผนกขนมและของกินเล่นในซูเปอร์มาร์เก็ตยุคปัจจุบันเสียอีก

ตา卜ล่ำบึ้กคงคิดว่าเธออยากกินก็เลยซื้อของกินเล่นให้เธอพวงหนึ่ง

เธอมองไปมองมา ในที่สุดก็จำได้ นี่ไม่ใช่ตัวอ่อนของจักจั่นหรอกหรือ?

มันถูกทอดจนเป็นสีเหลืองทองกรอบแล้วใช้เชือกร้อยไว้เป็นพวงเหมือนพวงเหรียญทองแดง

เธอกัดคำหนึ่ง…อร่อย! จากนั้นก็ส่งให้ตา卜ล่ำบึ้กกินบ้าง

ตา卜ล่ำบึ้กเหมือนจะประหลาดใจ เขาหันมามองเธอแวบหนึ่งก่อนจะก้มลงกัดแต่โดยดี

ชั่ววินาทีนั้น ทั้งสองต่างก็รู้สึกว่าของที่กินอยู่อร่อยเหลือเกิน

กินไปเดินไป ในที่สุดก็ไปถึงสถานที่แห่งหนึ่ง กู้จิ้งมองดูก็พบว่ามันเป็นร้านตีเหล็ก บนกำแพงมีตะขอเหล็ก, ดาบ, กระบี่, คันธนู รวมทั้งง้าวยาวแขวนอยู่ แต่ละชิ้นล้วนเปล่งประกายวาววับบาดตา

ตา卜ล่ำบึ้กพูด “@#$&*%$” กับเจ้าของร้าน อีกฝ่ายก็หยิบธนูหลายคันออกมาให้ดู แต่ตา卜ล่ำบึ้กกลับส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง

เจ้าของร้านพูด “#[email protected]&%#” น้ำลายแตกฟอง ในตอนนั้นเอง คนงานที่ด้านข้างก็หยิบคันธนูคันหนึ่งออกมา

คันธนูนี้ยาวถึงสองเมตร แค่ดูก็รู้ว่าไม่เหมือนธนูคันอื่นๆ มันมีลวดลายประณีตงดงาม ไม่ว่าจะวัตถุดิบหรืองานฝีมือก็ล้วนไม่ธรรมดาทั้งสิ้น

ตา卜ล่ำบึ้กหยิบขึ้นมาดู แววตาเต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด เขาเอ่ยถามราคา เจ้าของร้านก็พูด “@#$%&#” รอบหนึ่งพลางโบกไม้โบกมือไปมา

แม้กู้จิ้งจะไม่เข้าใจคำพูดของพวกเขา แต่จับใจความจากคำที่พอจะเข้าใจ เธอก็เดาได้ว่าธนูคันนี้มีราคาแพงมาก ตา卜ล่ำบึ้กซื้อไม่ไหว

เธอไม่รู้ค่าของเงินที่นี่ และไม่รู้ว่าเงินก้อนนั้นพอจะซื้อธนูคันนี้หรือไม่ แต่ดูจากที่ตา卜ล่ำบึ้กพูดว่าไม่ซื้อ แต่ดวงตายังคงจับจ้องอยู่ที่ธนูคันนั้น เธอก็ไม่อาจแข็งใจได้เลย

“เงิน ซื้อ?” เธอพูดเป็นคำๆ

ตา卜ล่ำบึ้กยิ้มพลางลูบหัวเธอ จากนั้นก็จูงมือเธอเอาไว้แล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ”

คิดไม่ถึงว่าในตอนนั้นเอง จะมีคนหลายคนเดินเข้ามาในร้านตีเหล็ก กู้จิ้งรู้สึกคุ้นหน้าคนที่เป็นผู้นำกลุ่มอยู่บ้าง

เขาเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงราวกับภูเขาลูกย่อมๆ ที่สามารถเคลื่อนที่ได้

“เถี่ยเฟิง ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?” ฝ่ายตรงข้ามเอ่ยทักตา卜ล่ำบึ้ก

เถี่ยเฟิง… ที่แท้เขาชื่อเถี่ยเฟิง? กู้จิ้งเพิ่งรู้ตัวว่าเธอได้ยินคำคำนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่จนป่านนี้ถึงได้รู้ว่ามันเป็นชื่อของเขา

ช่างเป็นชื่อที่เหมาะกับเขาจริงๆ

“จิ้งเทียน เจ้าก็มาหรือ? ข้าแค่เข้ามาดูเฉยๆ เท่านั้น” เซียวเถี่ยเฟิงตอบ “ไม่มีอะไรหรอก ข้าไปก่อนนะ”

จิ้งเทียน?

กู้จิ้งรู้สึกว่าชื่อนี้คุ้นหูไม่น้อย พอคิดๆ ดูค่อยนึกออก

ตอนนั้นเธอมัวแต่ใช้สายตาข่มขู่สาวน้อยใบหน้ารูปผลท้อที่กำลังน้ำตาคลอ จึงไม่ทันได้สังเกตอะไรนัก เพียงแต่รู้สึกว่าตรงนั้นเหมือนจะมีคนคนนี้อยู่ด้วย แต่มองผ่านๆ แค่ไม่กี่ครั้งก็หลับไปเสียก่อน

นี่มันคนบ้านเดียวกันที่เขาเว่ยอวิ๋นนี่นา!

จ้าวจิ้งเทียนเห็นเซียวเถี่ยเฟิงตั้งท่าจะจากไปก็ขยับมาขวางเอาไว้ “เถี่ยเฟิง อย่าเพิ่งไป เจ้าคิดจะซื้ออะไรหรือ?”

ระหว่างที่พูดเขาก็หันไปมองโต๊ะสูงที่ด้านข้าง เห็นบนนั้นมีคันธนูยาวประณีตงดงามคันหนึ่ง ที่ด้านข้างคือเจ้าของร้านที่กำลังรอต้อนรับอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ดวงตาของเขาเปล่งประกายวูบ

“ทำไม เถี่ยเฟิง เจ้าคิดจะซื้อธนูคันนี้อย่างนั้นหรือ?”

เดิมคิดจะซื้อธนูธรรมดาสักคัน จะได้ล่าสัตว์ได้สะดวกยิ่งขึ้น

ถึงแม้ว่าเขาจะมีเงินอยู่ในมือก้อนหนึ่ง แต่เขาถูกไล่ออกมาจากหมู่บ้านตัวเปล่า มีข้าวของต้องซื้อมากมาย ปีศาจสาวดูไม่เหมือนคนที่จะยอมหยวนอะไรง่ายๆ เขาเองก็อยากให้นางมีความเป็นอยู่ที่สุขสบายที่สุด เรื่องเหล่านี้ล้วนจำเป็นต้องใช้เงินทั้งสิ้น

เขาวางแผนว่าจะซื้อธนูสักคัน ซื้อหม้อชามอ่างข้าวของเครื่องใช้ที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ซื้อข้าวสารน้ำมันน้ำส้มสายชู แล้วก็ซื้อเสื้อผ้าให้ปีศาจสาวสักสองสามชุด เท่านี้ก็คงพอจะอยู่ได้ชั่วคราว หลังจากนี้เขาจะออกไปล่าสัตว์, หาโสม, หาของป่าแล้วเอามาขายในเมืองทุกวัน ชีวิตความเป็นอยู่ก็คงจะดีขึ้นเรื่อยๆ

ตอนที่เขาอยู่ตัวคนเดียว ไม่ว่ายากจนแค่ไหนเขาก็ไม่เคยใส่ใจ เพราะไม่ว่าจะกินอะไรสวมเสื้อผ้าแบบไหนก็ไม่มีอะไรต่างกัน ทว่าตอนนี้มีปีศาจสาวอยู่ด้วย เขาย่อมต้องคิดมากขึ้น

แต่วันนี้เลือกดูธนูหลายคัน กลับไม่มีคันไหนถูกใจเลยสักคัน บังเอิญเถ้าแก่หยิบธนูคันหนึ่งออกมา พอถามดูถึงได้รู้ว่าธนูคันนี้ไม่เพียงมีราคาแพง แต่ยังเป็นธนูที่ผู้อื่นสั่งทำเอาไว้ บอกว่าจะมาเอาวันนี้

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ได้แต่ตัดใจ เซียวเถี่ยเฟิงกำลังจะออกจากร้าน แต่บังเอิญเจอจ้าวจิ้งเทียนกับคนตระกูลจ้าวคนอื่นๆ เข้าเสียก่อน

จ้าวจิ้งเทียนเหลือบมองคันธนูที่วางอยู่บนโต๊ะสูง “ทำไม เถี่ยเฟิง เจ้าคิดจะซื้อธนูคันนี้อย่างนั้นหรือ?”

เซียวเถี่ยเฟิงส่ายหน้า “แค่ดูเฉยๆ เท่านั้น มันเป็นธนูที่ผู้อื่นสั่งทำไว้ ราคาก็แพงมากด้วย”

แต่จ้าวจิ้งเทียนกลับดึงแขนเซียวเถี่ยเฟิงไปพูดคุยกันที่ด้านข้าง “เถี่ยเฟิง เรื่องในวันนั้นเป็นเรื่องของหมู่บ้าน เรื่องของส่วนรวม ส่วนเรื่องระหว่างข้ากับเจ้าเป็นเรื่องของเรา เรื่องส่วนตัว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 27 คงไม่มีวันลืมตลอดชีวิต

Now you are reading ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 Chapter 27 คงไม่มีวันลืมตลอดชีวิต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เซียวเถี่ยเฟิงคิดว่า เขาคงไม่มีวันลืมคืนวันนั้นตลอดกาล

ตอนแรกปีศาจสาวตัวสั่นระริก ท่าทางบอกชัดว่าต้องการมาก แต่เขาแข็งใจไม่ยอม นางอาจจะโง่เขลาไม่รู้ความ แต่เขาต้องมีสติ หากมอบไอหยางให้นาง พวกเขาจะมีชีวิตรอดอยู่ในป่าลึกได้อย่างไร

คิดไม่ถึงว่าภายหลังปีศาจสาวจะใช้ลิ้นอ่อนนุ่มแหย่เข้าไปแล้วดูดไอหยางของเขาเบาๆ

รสชาตินั้น เขาคงไม่มีวันลืมตลอดชีวิต

เลือดในกายพลุ่งพล่าน แข้งขาแข็งเกร็ง เส้นชีพจรทั่วร่างทั้งสิบสองเส้นสั่นระริกด้านชา

ปีศาจสาวดูดไปคำหนึ่งไม่พอ ยังดูดต่อเป็นคำที่สอง เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกอยู่ท่ามกลางเตาไฟร้อนรุ่มจนแทบจะทนไม่ได้ เขาได้ยินเสียงคำรามต่ำเหมือนสัตว์ป่าดังมาจากลำคอของตัวเอง ได้ยินเสียงกระดูกแขนของตัวเองลั่นดังกร๊อบๆ เขารู้สึกว่าสมอง, หัวใจ และดวงตาล้วนถูกร่างหอมนุ่มนิ่มนี้ครอบครองไปจนหมดสิ้น เขาถึงกับรู้สึกว่าตัวเองเกือบจะทนไม่ได้อีกแล้ว

แต่ยังดีที่เขาทนได้

จนกระทั่งภายหลัง ปีศาจสาวเหมือนจะดูดไอหยางจนพอแล้ว นางจึงหลับไปในอ้อมอกของเขาทั้งที่ใบหน้ายังเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

เรี่ยวแรงของเขาค่อยๆ กลับคืนมา แต่ในใจยังคงหวนระลึกถึงรสชาติเมื่อครู่ เขาจ้องมองใบหน้าที่กำลังหลับสนิทของนางพลางยื่นนิ้วไปแตะแก้มของนางเบาๆ ด้วยความสงสาร

“อีกสองสามวัน รอให้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่อยให้เจ้าดูดให้พอ ดีหรือไม่?”

เสียงลมพัด เสียงหมาป่าหอน เสียงฟืนแตกดังเปรี๊ยะๆ เขามองหญิงสาวซึ่งกำลังนอนนิ่งอยู่ในอ้อมอกท่ามกลางแสงไฟริบหรี่ก่อนจะก้มหน้าลงประทับริมฝีปากของตัวเองกับแก้มอ่อนนุ่มของนาง

คืนวันนี้เซียวเถี่ยเฟิงแทบจะไม่ได้นอน เขากอดนางเอาไว้ในอ้อมอกอย่างนั้นตลอดทั้งคืน

จนกระทั่งวันรุ่งขึ้นเมื่อฟ้าเริ่มสาง เขาถึงได้วางร่างปีศาจสาวลงบนกองหญ้านุ่มที่ปูเอาไว้บนพื้นแล้วหยิบเสื้อคลุมสีครามมาห่มให้ จากนั้นจึงเดินออกจากถ้ำไปหาไข่ที่นางชอบกินที่สุด พอกลับมาก็จัดการก่อไฟอุ่นเนื้อกวางที่เหลือจากเมื่อคืนวาน รอให้ปีศาจสาวตื่นขึ้นมากิน

ในที่สุดปีศาจสาวก็ตื่น กินอาหารเสร็จ เขาก็นั่งอยู่ข้างๆ พลางคิดว่านางจะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานหรือไม่?

คิดไม่ถึงว่านางจะกินไปกวาดตามองเขาไป ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังคิดอะไรอยู่

นางไม่พูดถึงเรื่องไอหยางสักนิด แต่กลับพูดถึงหมาสีดำตัวนั้นแทน

เซียวเถี่ยเฟิงอดผิดหวังไม่ได้ เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก่อนจะก้มลงมองถ้ำ จากนั้นก็วางแผนว่าจะต้องทำรั้วป้องกันเสือและหมาป่าให้แน่นหนา เสร็จเรียบร้อยเมื่อไหร่ เขาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะตกอยู่ในอันตรายเพราะถูกดูดไอหยางจนไร้เรี่ยวแรงอีกแล้ว

เรื่องนี้จะชักช้าไม่ได้ ต้องรีบออกไปซื้อเครื่องมือมาทำรั้วเสียแล้ว

 

หลังจากทั้งสองเดินไปถึงตีนเขา ตา卜ล่ำบึ้กพากู้จิ้งเดินไปอีกระยะหนึ่ง จากนั้นก็อาศัยนั่งรถของชาวนาโยกเยกไปอีกพักใหญ่ ในที่สุดก็ไปถึงเมืองเมืองหนึ่ง

เมืองแห่งนี้ดูคุ้นตาอยู่บ้าง

มองซ้ายมองขวา ในที่สุดกู้จิ้งก็จำได้ นี่ไม่ใช่เมืองที่เธอเคยมาเมื่อครั้งที่หนีออกมาจากภูเขาอย่างยากลำบากหรอกหรือ?

ตอนนั้นในใจเธอเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นเต้นจึงไม่ได้สังเกตอะไรมากนัก ยามนี้เงยหน้าขึ้นมอง เธอก็พบว่าบนกำแพงเมืองมีตัวอักษรเขียนอยู่สองตัว…เมืองจูเฉิง

กู้จิ้งขมวดคิ้วครุ่นคิด ในที่สุดก็นึกออก สถานที่แห่งนี้เคยเปลี่ยนชื่อหลายครั้ง ผ่านประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ในที่สุดก็ถึงยุคสมัยของเธอ ตอนแรกมันเป็นอำเภอ ภายหลังถึงยกระดับเป็นเมือง เขาเว่ยอวิ๋นของเธอก็อยู่ภายใต้เขตปกครองของเมืองนี้

สมัยเด็กๆ เธอเคยตามคุณยายเข้าเมืองไปซื้อผ้าซื้อข้าวของที่ต้องใช้ในช่วงปีใหม่บ่อยๆ!

คิดได้เช่นนี้เธอก็รู้สึกใกล้ชิดขึ้นมา เธอรีบดึงแขนตา卜ล่ำบึ้กเดินเข้าเมืองไปทันที

เมืองเล็กๆ แห่งนี้เจริญไม่น้อย ในเมืองมีร้านค้ามากมาย มีสาวน้อยสาวใหญ่เดินกันขวักไขว่ มีคนขายสินค้ามากมายหลายชนิด มีชาวนาที่มาจับจ่ายหาซื้อข้าวของ ดูคึกคักมาก ข้างทางยังมีคนขายของกินเล่นแปลกๆ มากมายหลายชนิด ดูลานตาเสียยิ่งกว่าแผนกขนมและของกินเล่นในซูเปอร์มาร์เก็ตยุคปัจจุบันเสียอีก

ตา卜ล่ำบึ้กคงคิดว่าเธออยากกินก็เลยซื้อของกินเล่นให้เธอพวงหนึ่ง

เธอมองไปมองมา ในที่สุดก็จำได้ นี่ไม่ใช่ตัวอ่อนของจักจั่นหรอกหรือ?

มันถูกทอดจนเป็นสีเหลืองทองกรอบแล้วใช้เชือกร้อยไว้เป็นพวงเหมือนพวงเหรียญทองแดง

เธอกัดคำหนึ่ง…อร่อย! จากนั้นก็ส่งให้ตา卜ล่ำบึ้กกินบ้าง

ตา卜ล่ำบึ้กเหมือนจะประหลาดใจ เขาหันมามองเธอแวบหนึ่งก่อนจะก้มลงกัดแต่โดยดี

ชั่ววินาทีนั้น ทั้งสองต่างก็รู้สึกว่าของที่กินอยู่อร่อยเหลือเกิน

กินไปเดินไป ในที่สุดก็ไปถึงสถานที่แห่งหนึ่ง กู้จิ้งมองดูก็พบว่ามันเป็นร้านตีเหล็ก บนกำแพงมีตะขอเหล็ก, ดาบ, กระบี่, คันธนู รวมทั้งง้าวยาวแขวนอยู่ แต่ละชิ้นล้วนเปล่งประกายวาววับบาดตา

ตา卜ล่ำบึ้กพูด “@#$&*%$” กับเจ้าของร้าน อีกฝ่ายก็หยิบธนูหลายคันออกมาให้ดู แต่ตา卜ล่ำบึ้กกลับส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง

เจ้าของร้านพูด “#[email protected]&%#” น้ำลายแตกฟอง ในตอนนั้นเอง คนงานที่ด้านข้างก็หยิบคันธนูคันหนึ่งออกมา

คันธนูนี้ยาวถึงสองเมตร แค่ดูก็รู้ว่าไม่เหมือนธนูคันอื่นๆ มันมีลวดลายประณีตงดงาม ไม่ว่าจะวัตถุดิบหรืองานฝีมือก็ล้วนไม่ธรรมดาทั้งสิ้น

ตา卜ล่ำบึ้กหยิบขึ้นมาดู แววตาเต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด เขาเอ่ยถามราคา เจ้าของร้านก็พูด “@#$%&#” รอบหนึ่งพลางโบกไม้โบกมือไปมา

แม้กู้จิ้งจะไม่เข้าใจคำพูดของพวกเขา แต่จับใจความจากคำที่พอจะเข้าใจ เธอก็เดาได้ว่าธนูคันนี้มีราคาแพงมาก ตา卜ล่ำบึ้กซื้อไม่ไหว

เธอไม่รู้ค่าของเงินที่นี่ และไม่รู้ว่าเงินก้อนนั้นพอจะซื้อธนูคันนี้หรือไม่ แต่ดูจากที่ตา卜ล่ำบึ้กพูดว่าไม่ซื้อ แต่ดวงตายังคงจับจ้องอยู่ที่ธนูคันนั้น เธอก็ไม่อาจแข็งใจได้เลย

“เงิน ซื้อ?” เธอพูดเป็นคำๆ

ตา卜ล่ำบึ้กยิ้มพลางลูบหัวเธอ จากนั้นก็จูงมือเธอเอาไว้แล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ”

คิดไม่ถึงว่าในตอนนั้นเอง จะมีคนหลายคนเดินเข้ามาในร้านตีเหล็ก กู้จิ้งรู้สึกคุ้นหน้าคนที่เป็นผู้นำกลุ่มอยู่บ้าง

เขาเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงราวกับภูเขาลูกย่อมๆ ที่สามารถเคลื่อนที่ได้

“เถี่ยเฟิง ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?” ฝ่ายตรงข้ามเอ่ยทักตา卜ล่ำบึ้ก

เถี่ยเฟิง… ที่แท้เขาชื่อเถี่ยเฟิง? กู้จิ้งเพิ่งรู้ตัวว่าเธอได้ยินคำคำนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่จนป่านนี้ถึงได้รู้ว่ามันเป็นชื่อของเขา

ช่างเป็นชื่อที่เหมาะกับเขาจริงๆ

“จิ้งเทียน เจ้าก็มาหรือ? ข้าแค่เข้ามาดูเฉยๆ เท่านั้น” เซียวเถี่ยเฟิงตอบ “ไม่มีอะไรหรอก ข้าไปก่อนนะ”

จิ้งเทียน?

กู้จิ้งรู้สึกว่าชื่อนี้คุ้นหูไม่น้อย พอคิดๆ ดูค่อยนึกออก

ตอนนั้นเธอมัวแต่ใช้สายตาข่มขู่สาวน้อยใบหน้ารูปผลท้อที่กำลังน้ำตาคลอ จึงไม่ทันได้สังเกตอะไรนัก เพียงแต่รู้สึกว่าตรงนั้นเหมือนจะมีคนคนนี้อยู่ด้วย แต่มองผ่านๆ แค่ไม่กี่ครั้งก็หลับไปเสียก่อน

นี่มันคนบ้านเดียวกันที่เขาเว่ยอวิ๋นนี่นา!

จ้าวจิ้งเทียนเห็นเซียวเถี่ยเฟิงตั้งท่าจะจากไปก็ขยับมาขวางเอาไว้ “เถี่ยเฟิง อย่าเพิ่งไป เจ้าคิดจะซื้ออะไรหรือ?”

ระหว่างที่พูดเขาก็หันไปมองโต๊ะสูงที่ด้านข้าง เห็นบนนั้นมีคันธนูยาวประณีตงดงามคันหนึ่ง ที่ด้านข้างคือเจ้าของร้านที่กำลังรอต้อนรับอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ดวงตาของเขาเปล่งประกายวูบ

“ทำไม เถี่ยเฟิง เจ้าคิดจะซื้อธนูคันนี้อย่างนั้นหรือ?”

เดิมคิดจะซื้อธนูธรรมดาสักคัน จะได้ล่าสัตว์ได้สะดวกยิ่งขึ้น

ถึงแม้ว่าเขาจะมีเงินอยู่ในมือก้อนหนึ่ง แต่เขาถูกไล่ออกมาจากหมู่บ้านตัวเปล่า มีข้าวของต้องซื้อมากมาย ปีศาจสาวดูไม่เหมือนคนที่จะยอมหยวนอะไรง่ายๆ เขาเองก็อยากให้นางมีความเป็นอยู่ที่สุขสบายที่สุด เรื่องเหล่านี้ล้วนจำเป็นต้องใช้เงินทั้งสิ้น

เขาวางแผนว่าจะซื้อธนูสักคัน ซื้อหม้อชามอ่างข้าวของเครื่องใช้ที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ซื้อข้าวสารน้ำมันน้ำส้มสายชู แล้วก็ซื้อเสื้อผ้าให้ปีศาจสาวสักสองสามชุด เท่านี้ก็คงพอจะอยู่ได้ชั่วคราว หลังจากนี้เขาจะออกไปล่าสัตว์, หาโสม, หาของป่าแล้วเอามาขายในเมืองทุกวัน ชีวิตความเป็นอยู่ก็คงจะดีขึ้นเรื่อยๆ

ตอนที่เขาอยู่ตัวคนเดียว ไม่ว่ายากจนแค่ไหนเขาก็ไม่เคยใส่ใจ เพราะไม่ว่าจะกินอะไรสวมเสื้อผ้าแบบไหนก็ไม่มีอะไรต่างกัน ทว่าตอนนี้มีปีศาจสาวอยู่ด้วย เขาย่อมต้องคิดมากขึ้น

แต่วันนี้เลือกดูธนูหลายคัน กลับไม่มีคันไหนถูกใจเลยสักคัน บังเอิญเถ้าแก่หยิบธนูคันหนึ่งออกมา พอถามดูถึงได้รู้ว่าธนูคันนี้ไม่เพียงมีราคาแพง แต่ยังเป็นธนูที่ผู้อื่นสั่งทำเอาไว้ บอกว่าจะมาเอาวันนี้

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ได้แต่ตัดใจ เซียวเถี่ยเฟิงกำลังจะออกจากร้าน แต่บังเอิญเจอจ้าวจิ้งเทียนกับคนตระกูลจ้าวคนอื่นๆ เข้าเสียก่อน

จ้าวจิ้งเทียนเหลือบมองคันธนูที่วางอยู่บนโต๊ะสูง “ทำไม เถี่ยเฟิง เจ้าคิดจะซื้อธนูคันนี้อย่างนั้นหรือ?”

เซียวเถี่ยเฟิงส่ายหน้า “แค่ดูเฉยๆ เท่านั้น มันเป็นธนูที่ผู้อื่นสั่งทำไว้ ราคาก็แพงมากด้วย”

แต่จ้าวจิ้งเทียนกลับดึงแขนเซียวเถี่ยเฟิงไปพูดคุยกันที่ด้านข้าง “เถี่ยเฟิง เรื่องในวันนั้นเป็นเรื่องของหมู่บ้าน เรื่องของส่วนรวม ส่วนเรื่องระหว่างข้ากับเจ้าเป็นเรื่องของเรา เรื่องส่วนตัว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+