ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 31 แบบนี้…ก็ได้เหมือนกัน

Now you are reading ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 Chapter 31 แบบนี้...ก็ได้เหมือนกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จนกระทั่งพระจันทร์ลอยเด่นอยู่เหนือยอดไม้ กู้จิ้งถึงได้ลุกขึ้น “ข้า นอน พวกท่าน ดื่มเหล้า”

บอกลาชายหนุ่มทั้งสองแล้ว กู้จิ้งก็กลับไปที่ห้อง เธอหยิบสเปรย์กันหมาป่าออกมาจากกระเป๋า สวมเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยก็นั่งลงตรงข้างหน้าต่าง ตาคอยจับจ้องการเคลื่อนไหวที่ฝั่งตรงข้าม

เธอกำลังรอโอกาสเหมาะๆ

ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน เธอเห็นเสี่ยวเอ้อยกไหสุราเข้าไปอีกไห หวงซื่อเหรินกับหยางไป๋เหลายังดื่มไม่พออีกหรือ? หน้าโง่หยางไป๋เหลา!

ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ประตูก็เปิดออก ดวงตาของเธอเปล่งประกายวูบ เพราะอันธพาลจ้าวจิ้งเทียนก้าวออกมาตามลำพัง!

เธอจ้องอันธพาลจ้าวจิ้งเทียนซึ่งกำลังเดินไปทางตะวันออกตาเขม็ง จากนั้นก็รีบถือมีดกับสเปรย์กันหมาป่าเดินตามไป

กู้จิ้งอาศัยความมืดเป็นเกราะกำบัง เห็นอันธพาลจ้าวจิ้งเทียนเดินไปหยุดอยู่ตรงมุมลับตาแห่งหนึ่ง

เอ๋… ตรงนี้มีกลิ่นอะไรน่ะ แต่คิดๆ ดูก็นึกออก ที่แท้ดื่มมากไปก็เลยมาฉี่งั้นรึ?

แบบนี้…ก็ได้เหมือนกัน

กู้จิ้งแอบหลบอยู่ที่ด้านข้าง เห็นจ้าวจิ้งเทียนฉี่เสร็จ ใช้มือสะบัดๆ ก่อนจะเก็บเข้าไปในกางเกง

ทันใดนั้น เธอก็พุ่งออกไปด้วยความเร็วปานธนูพุ่งออกจากแล่ง ใช้ขาเตะจ้าวจิ้งเทียนล้มหน้าหงาย จากนั้นก็ฉวยโอกาสที่เขายังไม่ทันตั้งตัวพ่นสเปรย์ใส่หน้าเขาหลายครั้ง

จัดการเสร็จเรียบร้อยก็รีบล่าถอยเพราะกลัวฐานะจะถูกเปิดเผย

ระหว่างทางโชคดีที่ไม่เจอใคร เพราะทุกคนนอนกันหมดแล้ว

กู้จิ้งกลับไปถึงห้อง หัวใจยังคงเต้นแรง นึกถึงปฏิบัติการของตนเองเมื่อครู่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เธอมองสเปรย์กันหมาป่าในมือก่อนจะเก็บมันใส่กระเป๋า

คิดไม่ถึงว่าตอนที่ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า เธอจะสัมผัสโดนอะไรบางๆ ที่เย็นๆ และเป็นวงกลมๆ เพียงแต่พอสัมผัสโดน มันก็หายไปทันที เธออดประหลาดใจไม่ได้ นี่คืออะไรน่ะ ตอนนั้นเธอโยนของใส่กระเป๋าซี้ซั้ว เรียกได้ว่าที่บ้านมีอะไรก็โยนเข้าไปเกือบหมด แต่ของชิ้นนี้คืออะไรเธอก็จำไม่ได้เหมือนกัน

เธอสอดมือเข้าไปควานหาอีกครั้งด้วยความประหลาดใจ แต่กลับไม่เจออะไรที่เย็นๆ และเป็นวงกลมๆ นั้นแล้ว

ประหลาดจริง ที่แท้มันคืออะไรนะ?

พอคิดเช่นนี้ เธอก็รู้สึกว่ากระเป๋าสีดำใบนี้คือของวิเศษ แต่ข้าวของในของวิเศษก็สมควรต้องจัดให้เป็นระเบียบไม่ใช่หรือ? จะปล่อยให้กองสุมอยู่แบบนี้ อยากใช้อะไรทีก็ควานหาทีได้อย่างไร ต้องจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย แบบนี้ถึงจะดูสมกับเป็นของวิเศษหน่อย

ว่าแล้วกู้จิ้งก็เปิดกระเป๋าออกกว้างแล้วมุดหัวเข้าไป เตรียมจัดระเบียบข้าวของ

แต่พอมุดเข้าไปเธอถึงได้รู้ว่า พื้นที่ว่างด้านในกว้างขวางกว่าที่เธอคิดเอาไว้มาก เธอก็เลยตัดสินใจคลานเข้าไปทั้งตัว

กู้จิ้งพบว่าที่ว่างด้านในมีลักษณะเป็นทรงกลม รอบด้านไม่มีกำแพง แต่กลับถูกปกคลุมด้วยหมอกชั้นหนึ่ง ทำให้มองไม่เห็นว่าตรงริมขอบนั้นมีสภาพเป็นอย่างไร

พื้นที่ว่างเช่นนี้ให้ความรู้สึกไม่ค่อยเหมือนกับเส้นทางที่ผ่านมาตอนข้ามเวลาสักเท่าไหร่

ข้าวของต่างๆ ลอยคว้างอยู่รอบด้าน ดูเหมือนอยู่ห่างไกล แต่พอเอื้อมมือออกไปก็สามารถเด็ดลงมาได้

เธอลองเรียกแหวนทองคำวงหนึ่งมาสวมลงบนนิ้ว จากนั้นก็ยกมือขึ้นเรียกหนังสืออีกเล่มมาพลิกเปิดดู

กู้จิ้งทรุดกายลงนั่งยองๆ อย่างมีความสุขพลางถอนใจเบาๆ ด้วยความพึงพอใจ “ที่แท้ก็มีห้องลับแบบนี้ติดตัวมาด้วย มีมันอยู่ ฉันยังต้องกลัวอันธพาลจ้าวจิ้งเทียนอีกรึ!”

“ตอนนี้ฉันขาดแค่เตียงหลังเดียวก็จะสบายเหมือนอยู่ที่ห้องของตัวเองแล้ว!”

เธอมองกระป๋องเบียร์ที่ลอยอยู่ข้างๆ พลางกวักมือเรียกทีหนึ่ง เบียร์กระป๋องนั้นก็พุ่งตรงมาที่มือของเธอ

ขาหมูเมื่อครู่เลี่ยนไปหน่อย ดื่มเบียร์สักกระป๋องแก้เลี่ยนดีกว่า

กู้จิ้งเปิดเบียร์ออกจิบคำหนึ่ง รสชาติของมันทั้งสดใหม่ทั้งเย็นเฉียบเหมือนเพิ่งหยิบออกมาจากตู้เย็นไม่มีผิด

“ดูท่านี่ไม่ใช่แค่ห้องลับ แต่ยังเป็นห้องลับที่สามารถรักษาข้าวของให้อยู่ในสภาพเดิมอีกด้วย”

คิดไม่ถึงว่าหลังจากดื่มเบียร์กระป๋องนั้นหมด พอเงยหน้าขึ้นกลับมีเบียร์อีกกระป๋องที่หน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบลอยคว้างอยู่อีก

นี่…ของที่นี่ใช้ไม่มีวันหมดอย่างนั้นรึ?

“หรือที่นี่ไม่ใช่แค่ห้องลับที่สามารถรักษาข้าวของให้อยู่ในสภาพเดิม แต่ยังเป็นคลังสมบัติอีกด้วย?”

กู้จิ้งไม่เชื่อ เธอกวักมือเรียกกระป๋องเบียร์มาดื่มอีก พอโผล่มาอีกก็ดื่มอีก…

สุดท้ายเธอก็นั่งแบ็บอยู่ตรงนั้น มือลูบท้องที่กำลังจะแตกพลางกลั้นปัสสาวะเอาไว้ “การทดสอบสิ้นสุดลงเพียงแค่นี้ ดูท่าคลังสมบัตินี่มีอิทธิฤทธิ์แข็งแกร่งมาก ไม่ว่าฉันใส่อะไรเข้ามามันก็สามารถก๊อบปี้ซ้ำได้เรื่อยๆ”

ดื่มเบียร์ไปมากเธอก็เริ่มง่วง กู้จิ้งจึงลุกขึ้นเดินโซเซไปที่ทางออกแล้วคลานออกไปอย่างระมัดระวัง

พอนั่งลงบนเตียงแล้วมองออกไปข้างนอก เธอก็อดประหลาดใจไม่ได้

เอ๋… ทำไมหยางไป๋เหลายังไม่กลับมาอีก? หรือว่าเมาสลบไปแล้ว?

ในตอนนั้นเอง เซียวเถี่ยเฟิงก็ผลักประตูเข้ามา

พอเงยหน้าขึ้นเห็นเธอที่กำลังนั่งอยู่บนเตียง เขาก็พุ่งเข้ามากุมบ่าเธอเอาไว้แน่นราวกับไม่ได้พบกันมาหลายปี

“เจ้าไปไหนมา?”

กู้จิ้งกะพริบตาปริบๆ หมายความว่าอย่างไร?

เซียวเถี่ยเฟิงขมวดคิ้วแน่นพลางกัดฟันถาม “เจ้า เมื่อครู่ ไม่อยู่?”

คราวนี้กู้จิ้งเข้าใจแล้ว ความหมายก็คือเมื่อครู่เขากลับมา เห็นเธอไม่อยู่ในห้องก็เลยเป็นห่วง?

“ข้า…นี่ๆ…”

เธอทำมือบอกใบ้ว่าเมื่อครู่ตนเองไปห้องน้ำมา

เวลาสั้นๆ แค่นี้ เขาคงกลับมาดูแค่ครั้งเดียว เธอบังเอิญออกไปห้องน้ำพอดีคงไม่แปลกอะไรหรอกนะ

คิดไม่ถึงว่าเธอเพิ่งพูดจบ สีหน้าของเซียวเถี่ยเฟิงก็เปลี่ยนไปทันที เขาจ้องหน้าเธอเขม็ง

“ปากของเจ้า ทำไมถึงมีกลิ่นเหล้า?”

 

จริงๆ ตั้งแต่ตอนที่ดื่มสุราอยู่ เซียวเถี่ยเฟิงก็สังเกตเห็นแล้วว่าทั้งสองเอาแต่มองกันไปมองกันมา

เขาสังเกตเห็นนานแล้วว่าปีศาจสาวมักทำอะไรตามใจตัวเอง บางครั้งดูโง่ แต่บางครั้งกลับเย่อหยิ่งเย็นชา ไม่ยอมมองหน้าใครตรงๆ กับคนที่แตกต่างกัน นางก็มีใบหน้าที่แตกต่างกัน

เขายังสังเกตเห็นด้วยว่ากับผู้ชาย นางมักจะไม่ค่อยสนใจมองสักเท่าไหร่

จริงๆ หากนับดูดีๆ นอกจากเขา นางก็แทบจะไม่เคยมองผู้ชายคนไหนเลย

แต่ตอนนี้ นางกลับจ้องจิ้งเทียนไม่วางตา แถมยังยิ้มให้จิ้งเทียนอีกด้วย

ส่วนจิ้งเทียน ปกติอยู่ที่บ้าน แม้กระทั่งชามข้าวก็ต้องให้เมียยกมาวางตรงหน้า แต่วันนี้กลับเป็นฝ่ายลุกขึ้นมายกชามไก่ตุ๋นเห็ดมาให้นางเอง

เขาไม่เคยเห็นจิ้งเทียนยอมยกอาหารให้ผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย

แถมพวกเขายังส่งยิ้มให้กัน

เซียวเถี่ยเฟิงยกสุราขึ้นดื่มชามแล้วชามเล่า ฤทธิ์สุราเริ่มครอบงำ รสขมฝาดก็เริ่มเกาะกุมจิตใจ

ที่แท้ปีศาจสาวกำลังคิดอะไรกันแน่?

เขาอดนึกถึงเมื่อคืนวานไม่ได้ นางกอดเขาไว้ ร่ำร้องอยากได้ไอหยาง แต่เขาไม่ยอมมอบให้ หัวใจของเซียวเถี่ยเฟิงกระตุกวูบ ความระแวงสงสัยผุดขึ้นในใจ

หรือนางรังเกียจว่าไอหยางของเขามีไม่มากพอ แถมยังตระหนี่ไม่ยอมให้ นางก็เลยเบนเข็มไปที่จ้าวจิ้งเทียนแทน?

ระหว่างที่คิดเช่นนี้ เขาก็เริ่มเมามาย เซียวเถี่ยเฟิงเงยหน้าขึ้น ปีศาจสาวกลับห้องไปแล้ว จ้าวจิ้งเทียนเองก็ไม่กลับมาเสียที เขายันกายลุกขึ้นยืน รู้สึกว่าศีรษะหนักแต่เท้าเบาก็นึกรู้ว่าตัวเองดื่มมากเกินไป สมควรกลับห้องไปพักผ่อนเสียที

แถมจะว่าไป ปีศาจสาวอยู่ที่ห้องคนเดียวก็ไม่รู้ว่าจะกลัวหรือไม่

คิดไม่ถึงว่าพอกลับไปที่ห้อง กลับเห็นแต่หนังงูสีดำของปีศาจสาววางอยู่บนเตียง แต่นางกลับไม่รู้หายไปไหน

เซียวเถี่ยเฟิงตกใจมาก ปกติปีศาจสาวจะสะพายถุงหนังสีดำติดตัว ไม่ว่าจะกินข้าวหรือเข้านอนก็ไม่เคยยอมให้ห่างกาย ทำไมนางถึงโยนมันทิ้งไว้บนเตียงส่วนตัวเองหนีหายไปไหนก็ไม่รู้เช่นนี้เล่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

อาการเมาจางหายไปทันที เขารีบออกไปตามหา แต่เพิ่งเดินไปถึงสวนด้านนอกก็เห็นเสี่ยวเอ้อเดินมาถามว่า “ท่านเซียว ไม่ทราบว่าเพื่อนของท่านไปไหนขอรับ? ก่อนหน้านี้เขาสั่งน้ำล้างเท้า พอข้าน้อยยกไปให้ ในห้องกลับไม่มีคนอยู่เลย”

“ไม่มีคน? เมื่อครู่เขากลับห้องไปแล้วไม่ใช่หรือ?”

เสี่ยวเอ้อส่ายหน้า “ไม่นะขอรับ ข้าไม่เห็นใครเลย!”

จ้าวจิ้งเทียนก็หายไป?

เซียวเถี่ยเฟิงไม่มีเวลามาคิดอยู่อีก เขากับเสี่ยวเอ้อรีบแยกย้ายกันตามหาทันที คนหนึ่งตามหาจ้าวจิ้งเทียน ส่วนอีกคนหนึ่งตามหาปีศาจสาว

หาอยู่รอบหนึ่งไม่เห็นเงาใครสักคน เสี่ยวเอ้อก็ตกใจมาก

เขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวันดี คนฆ่าสัตว์แซ่จางนั้นไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นคนอารมณ์ร้ายมาก วันนี้ก็ประกาศชัดเจนว่าห้ามปล่อยให้สองคนนี้หนีไปเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นหากลูกชายเขาเป็นอะไรไปจะไปคิดบัญชีกับใคร

เสี่ยวเอ้อรีบไปตามเถ้าแก่กับคนอื่นๆ มาช่วยกันตามหา

พวกเขาถือโคมไว้ในมือพลางร้องตะโกนว่า “ท่านจ้าว ท่านจ้าว ท่านอยู่ไหน ช่วยตอบด้วย?”

แต่ดึกดื่นค่ำมืดแบบนี้จะไปหาที่ไหน มองไปทางไหนก็ไม่เห็นเงาของใครสักคน

เถ้าแก่เองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้รับมือยาก เขาหันไปกวาดตามองเซียวเถี่ยเฟิง ในใจเริ่มนึกสงสัยขึ้นมา “คน…คนฆ่าสัตว์แซ่จางบอกว่าต้องเฝ้าเอาไว้ คนหายไปแบบนี้จะทำอย่างไรกัน!”

ตอนนี้เซียวเถี่ยเฟิงมีอารมณ์มาสนใจจ้าวจิ้งเทียนเสียที่ไหน

จ้าวจิ้งเทียนเป็นผู้ชาย แถมยังเป็นผู้ชายที่มีวรยุทธ์ ในรัศมีร้อยลี้ของเขาเว่ยอวิ๋นมีสักกี่คนที่มีปัญญาข่มเหงเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 31 แบบนี้…ก็ได้เหมือนกัน

Now you are reading ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 Chapter 31 แบบนี้...ก็ได้เหมือนกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จนกระทั่งพระจันทร์ลอยเด่นอยู่เหนือยอดไม้ กู้จิ้งถึงได้ลุกขึ้น “ข้า นอน พวกท่าน ดื่มเหล้า”

บอกลาชายหนุ่มทั้งสองแล้ว กู้จิ้งก็กลับไปที่ห้อง เธอหยิบสเปรย์กันหมาป่าออกมาจากกระเป๋า สวมเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยก็นั่งลงตรงข้างหน้าต่าง ตาคอยจับจ้องการเคลื่อนไหวที่ฝั่งตรงข้าม

เธอกำลังรอโอกาสเหมาะๆ

ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน เธอเห็นเสี่ยวเอ้อยกไหสุราเข้าไปอีกไห หวงซื่อเหรินกับหยางไป๋เหลายังดื่มไม่พออีกหรือ? หน้าโง่หยางไป๋เหลา!

ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ประตูก็เปิดออก ดวงตาของเธอเปล่งประกายวูบ เพราะอันธพาลจ้าวจิ้งเทียนก้าวออกมาตามลำพัง!

เธอจ้องอันธพาลจ้าวจิ้งเทียนซึ่งกำลังเดินไปทางตะวันออกตาเขม็ง จากนั้นก็รีบถือมีดกับสเปรย์กันหมาป่าเดินตามไป

กู้จิ้งอาศัยความมืดเป็นเกราะกำบัง เห็นอันธพาลจ้าวจิ้งเทียนเดินไปหยุดอยู่ตรงมุมลับตาแห่งหนึ่ง

เอ๋… ตรงนี้มีกลิ่นอะไรน่ะ แต่คิดๆ ดูก็นึกออก ที่แท้ดื่มมากไปก็เลยมาฉี่งั้นรึ?

แบบนี้…ก็ได้เหมือนกัน

กู้จิ้งแอบหลบอยู่ที่ด้านข้าง เห็นจ้าวจิ้งเทียนฉี่เสร็จ ใช้มือสะบัดๆ ก่อนจะเก็บเข้าไปในกางเกง

ทันใดนั้น เธอก็พุ่งออกไปด้วยความเร็วปานธนูพุ่งออกจากแล่ง ใช้ขาเตะจ้าวจิ้งเทียนล้มหน้าหงาย จากนั้นก็ฉวยโอกาสที่เขายังไม่ทันตั้งตัวพ่นสเปรย์ใส่หน้าเขาหลายครั้ง

จัดการเสร็จเรียบร้อยก็รีบล่าถอยเพราะกลัวฐานะจะถูกเปิดเผย

ระหว่างทางโชคดีที่ไม่เจอใคร เพราะทุกคนนอนกันหมดแล้ว

กู้จิ้งกลับไปถึงห้อง หัวใจยังคงเต้นแรง นึกถึงปฏิบัติการของตนเองเมื่อครู่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เธอมองสเปรย์กันหมาป่าในมือก่อนจะเก็บมันใส่กระเป๋า

คิดไม่ถึงว่าตอนที่ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า เธอจะสัมผัสโดนอะไรบางๆ ที่เย็นๆ และเป็นวงกลมๆ เพียงแต่พอสัมผัสโดน มันก็หายไปทันที เธออดประหลาดใจไม่ได้ นี่คืออะไรน่ะ ตอนนั้นเธอโยนของใส่กระเป๋าซี้ซั้ว เรียกได้ว่าที่บ้านมีอะไรก็โยนเข้าไปเกือบหมด แต่ของชิ้นนี้คืออะไรเธอก็จำไม่ได้เหมือนกัน

เธอสอดมือเข้าไปควานหาอีกครั้งด้วยความประหลาดใจ แต่กลับไม่เจออะไรที่เย็นๆ และเป็นวงกลมๆ นั้นแล้ว

ประหลาดจริง ที่แท้มันคืออะไรนะ?

พอคิดเช่นนี้ เธอก็รู้สึกว่ากระเป๋าสีดำใบนี้คือของวิเศษ แต่ข้าวของในของวิเศษก็สมควรต้องจัดให้เป็นระเบียบไม่ใช่หรือ? จะปล่อยให้กองสุมอยู่แบบนี้ อยากใช้อะไรทีก็ควานหาทีได้อย่างไร ต้องจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย แบบนี้ถึงจะดูสมกับเป็นของวิเศษหน่อย

ว่าแล้วกู้จิ้งก็เปิดกระเป๋าออกกว้างแล้วมุดหัวเข้าไป เตรียมจัดระเบียบข้าวของ

แต่พอมุดเข้าไปเธอถึงได้รู้ว่า พื้นที่ว่างด้านในกว้างขวางกว่าที่เธอคิดเอาไว้มาก เธอก็เลยตัดสินใจคลานเข้าไปทั้งตัว

กู้จิ้งพบว่าที่ว่างด้านในมีลักษณะเป็นทรงกลม รอบด้านไม่มีกำแพง แต่กลับถูกปกคลุมด้วยหมอกชั้นหนึ่ง ทำให้มองไม่เห็นว่าตรงริมขอบนั้นมีสภาพเป็นอย่างไร

พื้นที่ว่างเช่นนี้ให้ความรู้สึกไม่ค่อยเหมือนกับเส้นทางที่ผ่านมาตอนข้ามเวลาสักเท่าไหร่

ข้าวของต่างๆ ลอยคว้างอยู่รอบด้าน ดูเหมือนอยู่ห่างไกล แต่พอเอื้อมมือออกไปก็สามารถเด็ดลงมาได้

เธอลองเรียกแหวนทองคำวงหนึ่งมาสวมลงบนนิ้ว จากนั้นก็ยกมือขึ้นเรียกหนังสืออีกเล่มมาพลิกเปิดดู

กู้จิ้งทรุดกายลงนั่งยองๆ อย่างมีความสุขพลางถอนใจเบาๆ ด้วยความพึงพอใจ “ที่แท้ก็มีห้องลับแบบนี้ติดตัวมาด้วย มีมันอยู่ ฉันยังต้องกลัวอันธพาลจ้าวจิ้งเทียนอีกรึ!”

“ตอนนี้ฉันขาดแค่เตียงหลังเดียวก็จะสบายเหมือนอยู่ที่ห้องของตัวเองแล้ว!”

เธอมองกระป๋องเบียร์ที่ลอยอยู่ข้างๆ พลางกวักมือเรียกทีหนึ่ง เบียร์กระป๋องนั้นก็พุ่งตรงมาที่มือของเธอ

ขาหมูเมื่อครู่เลี่ยนไปหน่อย ดื่มเบียร์สักกระป๋องแก้เลี่ยนดีกว่า

กู้จิ้งเปิดเบียร์ออกจิบคำหนึ่ง รสชาติของมันทั้งสดใหม่ทั้งเย็นเฉียบเหมือนเพิ่งหยิบออกมาจากตู้เย็นไม่มีผิด

“ดูท่านี่ไม่ใช่แค่ห้องลับ แต่ยังเป็นห้องลับที่สามารถรักษาข้าวของให้อยู่ในสภาพเดิมอีกด้วย”

คิดไม่ถึงว่าหลังจากดื่มเบียร์กระป๋องนั้นหมด พอเงยหน้าขึ้นกลับมีเบียร์อีกกระป๋องที่หน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบลอยคว้างอยู่อีก

นี่…ของที่นี่ใช้ไม่มีวันหมดอย่างนั้นรึ?

“หรือที่นี่ไม่ใช่แค่ห้องลับที่สามารถรักษาข้าวของให้อยู่ในสภาพเดิม แต่ยังเป็นคลังสมบัติอีกด้วย?”

กู้จิ้งไม่เชื่อ เธอกวักมือเรียกกระป๋องเบียร์มาดื่มอีก พอโผล่มาอีกก็ดื่มอีก…

สุดท้ายเธอก็นั่งแบ็บอยู่ตรงนั้น มือลูบท้องที่กำลังจะแตกพลางกลั้นปัสสาวะเอาไว้ “การทดสอบสิ้นสุดลงเพียงแค่นี้ ดูท่าคลังสมบัตินี่มีอิทธิฤทธิ์แข็งแกร่งมาก ไม่ว่าฉันใส่อะไรเข้ามามันก็สามารถก๊อบปี้ซ้ำได้เรื่อยๆ”

ดื่มเบียร์ไปมากเธอก็เริ่มง่วง กู้จิ้งจึงลุกขึ้นเดินโซเซไปที่ทางออกแล้วคลานออกไปอย่างระมัดระวัง

พอนั่งลงบนเตียงแล้วมองออกไปข้างนอก เธอก็อดประหลาดใจไม่ได้

เอ๋… ทำไมหยางไป๋เหลายังไม่กลับมาอีก? หรือว่าเมาสลบไปแล้ว?

ในตอนนั้นเอง เซียวเถี่ยเฟิงก็ผลักประตูเข้ามา

พอเงยหน้าขึ้นเห็นเธอที่กำลังนั่งอยู่บนเตียง เขาก็พุ่งเข้ามากุมบ่าเธอเอาไว้แน่นราวกับไม่ได้พบกันมาหลายปี

“เจ้าไปไหนมา?”

กู้จิ้งกะพริบตาปริบๆ หมายความว่าอย่างไร?

เซียวเถี่ยเฟิงขมวดคิ้วแน่นพลางกัดฟันถาม “เจ้า เมื่อครู่ ไม่อยู่?”

คราวนี้กู้จิ้งเข้าใจแล้ว ความหมายก็คือเมื่อครู่เขากลับมา เห็นเธอไม่อยู่ในห้องก็เลยเป็นห่วง?

“ข้า…นี่ๆ…”

เธอทำมือบอกใบ้ว่าเมื่อครู่ตนเองไปห้องน้ำมา

เวลาสั้นๆ แค่นี้ เขาคงกลับมาดูแค่ครั้งเดียว เธอบังเอิญออกไปห้องน้ำพอดีคงไม่แปลกอะไรหรอกนะ

คิดไม่ถึงว่าเธอเพิ่งพูดจบ สีหน้าของเซียวเถี่ยเฟิงก็เปลี่ยนไปทันที เขาจ้องหน้าเธอเขม็ง

“ปากของเจ้า ทำไมถึงมีกลิ่นเหล้า?”

 

จริงๆ ตั้งแต่ตอนที่ดื่มสุราอยู่ เซียวเถี่ยเฟิงก็สังเกตเห็นแล้วว่าทั้งสองเอาแต่มองกันไปมองกันมา

เขาสังเกตเห็นนานแล้วว่าปีศาจสาวมักทำอะไรตามใจตัวเอง บางครั้งดูโง่ แต่บางครั้งกลับเย่อหยิ่งเย็นชา ไม่ยอมมองหน้าใครตรงๆ กับคนที่แตกต่างกัน นางก็มีใบหน้าที่แตกต่างกัน

เขายังสังเกตเห็นด้วยว่ากับผู้ชาย นางมักจะไม่ค่อยสนใจมองสักเท่าไหร่

จริงๆ หากนับดูดีๆ นอกจากเขา นางก็แทบจะไม่เคยมองผู้ชายคนไหนเลย

แต่ตอนนี้ นางกลับจ้องจิ้งเทียนไม่วางตา แถมยังยิ้มให้จิ้งเทียนอีกด้วย

ส่วนจิ้งเทียน ปกติอยู่ที่บ้าน แม้กระทั่งชามข้าวก็ต้องให้เมียยกมาวางตรงหน้า แต่วันนี้กลับเป็นฝ่ายลุกขึ้นมายกชามไก่ตุ๋นเห็ดมาให้นางเอง

เขาไม่เคยเห็นจิ้งเทียนยอมยกอาหารให้ผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย

แถมพวกเขายังส่งยิ้มให้กัน

เซียวเถี่ยเฟิงยกสุราขึ้นดื่มชามแล้วชามเล่า ฤทธิ์สุราเริ่มครอบงำ รสขมฝาดก็เริ่มเกาะกุมจิตใจ

ที่แท้ปีศาจสาวกำลังคิดอะไรกันแน่?

เขาอดนึกถึงเมื่อคืนวานไม่ได้ นางกอดเขาไว้ ร่ำร้องอยากได้ไอหยาง แต่เขาไม่ยอมมอบให้ หัวใจของเซียวเถี่ยเฟิงกระตุกวูบ ความระแวงสงสัยผุดขึ้นในใจ

หรือนางรังเกียจว่าไอหยางของเขามีไม่มากพอ แถมยังตระหนี่ไม่ยอมให้ นางก็เลยเบนเข็มไปที่จ้าวจิ้งเทียนแทน?

ระหว่างที่คิดเช่นนี้ เขาก็เริ่มเมามาย เซียวเถี่ยเฟิงเงยหน้าขึ้น ปีศาจสาวกลับห้องไปแล้ว จ้าวจิ้งเทียนเองก็ไม่กลับมาเสียที เขายันกายลุกขึ้นยืน รู้สึกว่าศีรษะหนักแต่เท้าเบาก็นึกรู้ว่าตัวเองดื่มมากเกินไป สมควรกลับห้องไปพักผ่อนเสียที

แถมจะว่าไป ปีศาจสาวอยู่ที่ห้องคนเดียวก็ไม่รู้ว่าจะกลัวหรือไม่

คิดไม่ถึงว่าพอกลับไปที่ห้อง กลับเห็นแต่หนังงูสีดำของปีศาจสาววางอยู่บนเตียง แต่นางกลับไม่รู้หายไปไหน

เซียวเถี่ยเฟิงตกใจมาก ปกติปีศาจสาวจะสะพายถุงหนังสีดำติดตัว ไม่ว่าจะกินข้าวหรือเข้านอนก็ไม่เคยยอมให้ห่างกาย ทำไมนางถึงโยนมันทิ้งไว้บนเตียงส่วนตัวเองหนีหายไปไหนก็ไม่รู้เช่นนี้เล่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

อาการเมาจางหายไปทันที เขารีบออกไปตามหา แต่เพิ่งเดินไปถึงสวนด้านนอกก็เห็นเสี่ยวเอ้อเดินมาถามว่า “ท่านเซียว ไม่ทราบว่าเพื่อนของท่านไปไหนขอรับ? ก่อนหน้านี้เขาสั่งน้ำล้างเท้า พอข้าน้อยยกไปให้ ในห้องกลับไม่มีคนอยู่เลย”

“ไม่มีคน? เมื่อครู่เขากลับห้องไปแล้วไม่ใช่หรือ?”

เสี่ยวเอ้อส่ายหน้า “ไม่นะขอรับ ข้าไม่เห็นใครเลย!”

จ้าวจิ้งเทียนก็หายไป?

เซียวเถี่ยเฟิงไม่มีเวลามาคิดอยู่อีก เขากับเสี่ยวเอ้อรีบแยกย้ายกันตามหาทันที คนหนึ่งตามหาจ้าวจิ้งเทียน ส่วนอีกคนหนึ่งตามหาปีศาจสาว

หาอยู่รอบหนึ่งไม่เห็นเงาใครสักคน เสี่ยวเอ้อก็ตกใจมาก

เขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวันดี คนฆ่าสัตว์แซ่จางนั้นไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นคนอารมณ์ร้ายมาก วันนี้ก็ประกาศชัดเจนว่าห้ามปล่อยให้สองคนนี้หนีไปเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นหากลูกชายเขาเป็นอะไรไปจะไปคิดบัญชีกับใคร

เสี่ยวเอ้อรีบไปตามเถ้าแก่กับคนอื่นๆ มาช่วยกันตามหา

พวกเขาถือโคมไว้ในมือพลางร้องตะโกนว่า “ท่านจ้าว ท่านจ้าว ท่านอยู่ไหน ช่วยตอบด้วย?”

แต่ดึกดื่นค่ำมืดแบบนี้จะไปหาที่ไหน มองไปทางไหนก็ไม่เห็นเงาของใครสักคน

เถ้าแก่เองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้รับมือยาก เขาหันไปกวาดตามองเซียวเถี่ยเฟิง ในใจเริ่มนึกสงสัยขึ้นมา “คน…คนฆ่าสัตว์แซ่จางบอกว่าต้องเฝ้าเอาไว้ คนหายไปแบบนี้จะทำอย่างไรกัน!”

ตอนนี้เซียวเถี่ยเฟิงมีอารมณ์มาสนใจจ้าวจิ้งเทียนเสียที่ไหน

จ้าวจิ้งเทียนเป็นผู้ชาย แถมยังเป็นผู้ชายที่มีวรยุทธ์ ในรัศมีร้อยลี้ของเขาเว่ยอวิ๋นมีสักกี่คนที่มีปัญญาข่มเหงเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+