ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 33 นางทำร้ายเขา

Now you are reading ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 Chapter 33 นางทำร้ายเขา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เขาพูดไม่เร็ว กู้จิ้งจึงพอจะฟังเข้าใจ

เขายังพูดถึงจ้าวจิ้งเทียนอยู่อีก? แถมยังบอกว่าต่อไปนี้จะแยกทางกับเธอ ทางใครทางมัน?

กู้จิ้งตื่นตระหนกมาก กำลังจะเอ่ยปากพูดก็เห็นเขาเดินออกไปเสียก่อน

มองดูแผ่นหลังกว้างที่แสนเดียวดายและห่างเหินนั้น กู้จิ้งนึกถึงตอนที่เพิ่งมาถึงยุคสมัยนี้ใหม่ๆ ตอนนั้นเธอยังไม่รู้อะไรสักอย่าง นึกถึงเรื่องเข้าใจผิดมากมาย นึกถึงหนทางหลบหนีที่แสนยากลำบาก นึกถึงเรื่องที่ถูกผู้คนขับไล่ ความเจ็บปวดก็ผุดขึ้นในใจ

ตอนนี้ ที่พึ่งเพียงคนเดียวของเธอ คนที่เธอเคยคิดว่าจะเป็นที่พึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอในโลกที่ไม่คุ้นเคยนี้กลับจะทิ้งเธอไปแล้ว?

“นาย…” เธอร้องตะโกนเสียงดังเหมือนคนสติแตก “นายไม่ต้องการฉันแล้วหรือ?”

คำพูดประโยคนี้ใช้ถ้อยคำง่ายๆ เซียวเถี่ยเฟิงจึงฟังเข้าใจ

คำพูดเพียงไม่กี่คำที่ฟังเข้าใจพุ่งตรงเข้าสู่ส่วนที่อ่อนไหวที่สุดในหัวใจของเซียวเถี่ยเฟิงอย่างจัง

ปีนี้เขาอายุยี่สิบหกปี เคยผ่านความเจ็บปวดจากการสูญเสียบิดามารดาและต้องอาศัยอยู่ใต้ชายคาของผู้อื่น เคยเผชิญกับความยากลำบากในการร่อนเร่พเนจรและการต่อสู้อาบเลือด เขาคิดว่าตัวเองกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งและมีจิตใจเข้มแข็งจนไม่มีอะไรสามารถทำร้ายเขาได้อีกแล้ว

เขาสามารถทักทายคนในหมู่บ้านอย่างยิ้มแย้ม เป็นห่วงแม่ม่ายคนหนึ่งที่ต้องเดินทางเพียงลำพังในตอนกลางคืน เขาสามารถปล่อยให้อาสะใภ้รองหยิบฉวยเสบียงอาหารทั้งหมดที่เขามีอยู่ไป เขาถึงกับยอมให้จ้าวจิ้งเทียนบีบคั้นเขาจนต้องถอยซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นคนดีอย่างที่ใครๆ คิด

นี่เป็นเพียงเปลือกของความอดทนและความนอบน้อมมีน้ำใจที่เขาได้มาจากการเผชิญกับความโหดร้ายบนโลกมานานปีเท่านั้น หากขจัดเปลือกของความอดทนและความนอบน้อมมีน้ำใจออก ด้านในก็คือหัวใจที่ทั้งแข็งแกร่งเย็นชาและห่างเหินจนไม่มีใครสามารถสัมผัสได้

แต่ในคืนนั้นที่สวนแตง เมื่อเขาได้เห็นปีศาจสาวมุดออกมาจากถุงหนังเป็นครั้งแรก นางก็เปรียบเสมือนแสงสว่างที่พุ่งตรงเข้าสู่จุดที่อ่อนไหวที่สุดในหัวใจของเขา

นับแต่นั้นมาก็ไม่สามารถขจัดออกไปได้อีก แม้ไม่ต่างกับการกอดหนามแหลมเอาไว้ในอ้อมอก เขาก็เต็มใจ

บัดนี้ นางทำร้ายเขา ทำร้ายเขาอย่างแสนสาหัส แต่กลับมาร้องไห้ถามเขาว่าเขาไม่ต้องการนางแล้วหรือ?

คำพูดประโยคนี้กระแทกเข้าสู่หัวใจของเขา ความคับแค้นโกรธเคืองทั้งหมด ความริษยาชิงชังทั้งหมด เหมือนจะสลายกลายเป็นหมอกควันไปในชั่วพริบตา

นางคือปีศาจสาวของเขา ปีศาจสาวแสนโง่เขลาของเขา

ต่อให้ตอนที่พบกันครั้งแรกนางแทงเขาสองครั้ง แต่นั่นก็เป็นเพราะนางโง่เกินไป

ปีศาจสาวที่โง่เขลาเช่นนี้ ทำไมเขาจะไม่สามารถให้อภัยได้เล่า?

ดังนั้นเขาจึงหยุดเท้าแล้วหันกลับไป

ทันทีที่เขาหันกลับไป ปีศาจสาวก็โผเข้ามาหาแล้วกอดคอของเขาเอาไว้แน่นราวกับกลัวความเป็นความตายจะมาพรากพวกเขาออกจากกัน

“ฉันไม่อยากให้นายไป ต่อไป…ต่อไป…​” ปีศาจสาวน้อยใจและสิ้นหวังยิ่งกว่าเขาเสียอีก นางร้องไห้สะอึกสะอื้นจนแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง “อย่างมากพอเห็นจ้าวจิ้งเทียน ฉันจะรีบหลบให้ไกลๆ เลย!”

เซียวเถี่ยเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็กอดเธอเอาไว้แน่น

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ขอเพียงต่อไปเจ้าไม่แตะต้องเขาอีก เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถิด”

เขากอดร่างนุ่มนิ่มในอ้อมอกเอาไว้พลางกล่าวเสียงแหบพร่า “ต่อไปขอเพียงเจ้าต้องการ ไม่ว่ามากแค่ไหนก็ได้ทั้งนั้น ข้าจะไม่มีวันไม่ยอมมอบให้เจ้าอีก ขอเพียงเจ้าไม่ไปหาจากคนอื่น ข้าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น”

แต่กู้จิ้งผู้น่าสงสารจะรู้ได้อย่างไรว่าอะไรคือการดูดไอหยาง มันไม่อยู่ในขอบเขตของเรื่องที่เธอสามารถเข้าใจได้เสียด้วยซ้ำ

ดังนั้น ความหมายของคำพูดประโยคนี้ในสมองของเธอจึงกลายเป็นว่า ต่อไปไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ต้องการมากแค่ไหนก็ได้ทั้งนั้น ขอเพียงเจ้าไม่ไปรังแกคนอื่นอีก ข้าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น

เธอได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งร้องไห้หนัก ใจคิดว่าถึงผู้ชายคนนี้จะเอาแต่ปกป้องผู้ชายคนอื่น แต่อย่างน้อยเขาก็เห็นความสำคัญของเธอ

“ฉัน…ฉัน…ฉันมีแต่นายแล้ว!” เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าวต่อ “บนโลกนี้ฉันมีแค่นายเท่านั้น ไม่มีใครอื่นอีกแล้ว!”

เซียวเถี่ยเฟิงได้ยินคำพูดประโยคนี้อย่างชัดเจน ไม่มีอะไรให้เข้าใจผิดอีก!

ความรักและสงสารอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนผุดขึ้นในอกของเขา เขาอยากกอดนางไว้แน่นๆ ให้ร่างของนางหลอมรวมเข้ากับเลือดเนื้อของเขาเสียให้รู้แล้วรู้รอด

เขาคิดมาตลอดว่าตัวเองผ่านความยากลำบากมานานปีจนสามารถมองทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ด้วยสายตาเรียบเฉย และคงไม่สามารถอ่อนโยนกับใครได้ทั้งนั้น

แต่เขากลับได้พบกับนาง

พบกับนาง ความละโมบและความคาดหวังที่เขาฝังลึกเอาไว้ในหัวใจจนแม้กระทั่งตนเองก็ยังไม่รู้ รวมทั้งความปรารถนาที่จะได้ครอบครองล้วนถูกปลดปล่อยจากส่วนลึกของวิญญาณ มันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งครอบงำความคิดทั้งหมดของเขา

ตอนนี้เขาไม่คิดอะไรอื่นอีกแล้ว แค่อยากจะแสดงความในใจกับนางให้สะใจสักครั้งเท่านั้น

เขากอดปีศาจสาวในอ้อมอกแน่น ความรู้สึกหวานชื่นแกมเปรี้ยวฝาดผุดขึ้นในใจ ปลายคางแข็งกระด้างถูไถกับเส้นผมหอมกรุ่นอ่อนนุ่มของนางอย่างเร่งร้อน ปากพึมพำเสียงแหบพร่าว่า “ข้าก็เหมือนกัน ข้ามีเพียงเจ้าเท่านั้น!”

ระหว่างที่พูด มือใหญ่ของเขาก็ประคองด้านหลังศีรษะของนางเอาไว้ บังคับให้นางเงยหน้าขึ้น จากนั้นเขาก็ค้อมกายลงมา

ชั่วขณะนั้น ฝนซา สายลมพัดแรง ผ่านศึกสงครามใหญ่น้อย ยังไม่คลายเมามาย

วิญญาณบ้าคลั่งราวเข้าสู่นาวาเซียน

 

เช้าวันนี้ เมื่อกู้จิ้งตื่นขึ้นมาก็พบว่าด้านนอกกำลังมีฝนตกปรอยปราย

เตียงที่นอนอยู่ติดกับหน้าต่าง พอชะโงกหน้าออกไปดูก็พบว่าท้องฟ้ากำลังมืดครึ้ม หยาดฝนกำลังโปรยปรายลงมา ทำให้หลังคาสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดเหมือนถูกปกคลุมด้วยหมอก

ที่ลานด้านนอกมีพนักงานคนหนึ่งกำลังรีบร้อนยกอาหารจากห้องครัวไปส่งให้แขก

กู้จิ้งรีบหดศีรษะกลับมา

เมื่อวานยังรู้สึกว่าบรรยากาศรอบด้านเหมือนฤดูร้อน แต่หลับไปแค่คืนเดียว พอตื่นขึ้นมาเห็นฝนปรอยปราย กู้จิ้งถึงได้รู้สึกว่าที่แท้กำลังจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว

กำลังนอนพังพาบอยู่ตรงขอบหน้าต่าง จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาเกี่ยวตรงเอว ทำให้สูญเสียการทรงตัว ทันใดนั้นร่างของเธอก็ล้มลงบนเตียง

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นก็เห็นเซียวเถี่ยเฟิงกำลังนอนหลับตาอยู่ตรงนั้น แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมขาของเขาถึงยื่นมาเกี่ยวเอวของเธอได้

นี่…

มองดูชายหนุ่มที่กำลังหลับตาแสร้งทำเป็นนอนหลับ พอคิดถึงเรื่องเมื่อคืนวานขึ้นมา ใบหน้าของเธอก็ร้อนผ่าว

คิดไม่ถึงจริงๆ เดิมคิดว่าเป็นแค่หนังสติ๊กบ้านนอก ที่แท้ก็ปืนใหญ่ดีๆ นี่เอง!

ถึงแม้ว่าเธอจะมีประสบการณ์ในวิชาชีพแพทย์ ทั้งยังเป็นผู้หญิงที่มีความรู้รอบตัวและล่วงรู้ทฤษฎีต่างๆ มากมายนับไม่ถ้วน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ปฏิบัติจริง

มีแต่การสัมผัสด้วยตัวเองเท่านั้น ถึงจะรู้ว่ารสชาตินั้นเป็นอย่างไร

เธอเม้มริมฝีปากแล้วหันไปเท้าคางกับขอบหน้าต่าง มองสายฝนที่กำลังโปรยปรายต่อ

ชายหนุ่มที่ด้านหลังลุกขึ้นนั่งแล้วยื่นแขนเปล่าเปลือยมาโอบรอบเอวเธอเอาไว้

“เจ้า…ชอบไหม?” เขาซบหน้าอยู่ตรงข้างหูเธอครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามเบาๆ เสียงของเขาแหบพร่า เปี่ยมด้วยเสน่ห์ของบุรุษเพศ

“อืม” แม้เธอจะไม่ใช่คนหน้าบาง แต่ก็ไม่ถึงกับกล้าประกาศออกมาดังๆ ว่าชอบ

เซียวเถี่ยเฟิงฟังน้ำเสียงกังวานใสของอีกฝ่ายแล้วก็อดนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานไม่ได้ พอนึกขึ้นมาก็แทบจะตัดใจไม่ได้เลยทีเดียว

ก่อนหน้านี้ตอนที่ถูกนางดูดไอหยางในถ้ำ เขาคิดว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เขามีความสุขที่สุดแล้ว ตอนนี้มาคิดดูถึงได้รู้ว่าบนยอดเขามีทิวทัศน์ที่งดงามเพียงใด และตอนนั้นเขาก็อยู่ที่เชิงเขาเท่านั้น

เขาคว้าเอวเธอมากอดเอาไว้พลางกล่าวเสียงต่ำ “เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับสักเท่าไหร่ เราเองก็ไม่มีธุระเร่งร้อนอะไร นอนต่ออีกสักหน่อยดีหรือไม่?”

กู้จิ้งไม่ใช่คนโง่ ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็แค่นเสียงฮึคำหนึ่ง “นอนต่อคืออะไร?”

แม้จะมีคำศัพท์บางคำที่ฟังไม่เข้าใจ แต่แววตาที่เร่าร้อนปานจะแผดเผาผู้คนกับมือที่กอดเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อยก็ทำให้เธอเข้าใจความหมายของเขาอย่างชัดเจน

ก็กินหนึ่งครั้งไม่พอ ยังอยากจะกินอีกน่ะสิ!

เธอย่อมไม่เต็มใจ เพราะกำลังปวดเอวอยู่!

แต่เซียวเถี่ยเฟิงไม่ยอมแพ้ เขากอดเธอเอาไว้พลางปลอบประโลมเสียงเบา “ปีศาจน้อยคนดีของข้า ให้ข้าอีกครั้งเถอะนะ”

จริงๆ คือเซียวเถี่ยเฟิงคิดจะมอบไอหยางให้นางอีกครั้ง

เพราะเขาค้นพบว่า การดูดไอหยางด้วยวิธีเช่นนี้ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายของบุรุษ เกรงว่าคงมีแต่การใช้เวทศาสตราดูดไอหยางเท่านั้นถึงจะทำให้บุรุษได้รับบาดเจ็บ

เมื่อคิดเช่นนี้เขาก็รู้สึกว่า บางทีเมื่อวานนางคงจะแค่ใช้เวทศาสตราดูดไอหยางของจ้าวจิ้งเทียน ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น อย่างมากก็แค่จูบปากเท่านั้นใช่ไหม?

เขาเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับพรหมจรรย์ของอิสตรีมาบ้าง รู้ว่าหญิงสาวบริสุทธิ์จะมีเลือดออกในครั้งแรก และปีศาจสาวของเขาเองก็มี

เรื่องนี้ทำให้เขาตระหนักว่า เรื่องเล่าขานเกี่ยวกับปีศาจที่ร่ำลือกันมาแต่โบราณเหล่านั้นไม่ได้พูดถึงปีศาจสาวของเขา แต่เป็นปีศาจตนอื่น

ปีศาจสาวของเขาไม่เคยมีผู้ชายคนไหนก่อนหน้าเขาทั้งนั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 33 นางทำร้ายเขา

Now you are reading ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 Chapter 33 นางทำร้ายเขา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เขาพูดไม่เร็ว กู้จิ้งจึงพอจะฟังเข้าใจ

เขายังพูดถึงจ้าวจิ้งเทียนอยู่อีก? แถมยังบอกว่าต่อไปนี้จะแยกทางกับเธอ ทางใครทางมัน?

กู้จิ้งตื่นตระหนกมาก กำลังจะเอ่ยปากพูดก็เห็นเขาเดินออกไปเสียก่อน

มองดูแผ่นหลังกว้างที่แสนเดียวดายและห่างเหินนั้น กู้จิ้งนึกถึงตอนที่เพิ่งมาถึงยุคสมัยนี้ใหม่ๆ ตอนนั้นเธอยังไม่รู้อะไรสักอย่าง นึกถึงเรื่องเข้าใจผิดมากมาย นึกถึงหนทางหลบหนีที่แสนยากลำบาก นึกถึงเรื่องที่ถูกผู้คนขับไล่ ความเจ็บปวดก็ผุดขึ้นในใจ

ตอนนี้ ที่พึ่งเพียงคนเดียวของเธอ คนที่เธอเคยคิดว่าจะเป็นที่พึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอในโลกที่ไม่คุ้นเคยนี้กลับจะทิ้งเธอไปแล้ว?

“นาย…” เธอร้องตะโกนเสียงดังเหมือนคนสติแตก “นายไม่ต้องการฉันแล้วหรือ?”

คำพูดประโยคนี้ใช้ถ้อยคำง่ายๆ เซียวเถี่ยเฟิงจึงฟังเข้าใจ

คำพูดเพียงไม่กี่คำที่ฟังเข้าใจพุ่งตรงเข้าสู่ส่วนที่อ่อนไหวที่สุดในหัวใจของเซียวเถี่ยเฟิงอย่างจัง

ปีนี้เขาอายุยี่สิบหกปี เคยผ่านความเจ็บปวดจากการสูญเสียบิดามารดาและต้องอาศัยอยู่ใต้ชายคาของผู้อื่น เคยเผชิญกับความยากลำบากในการร่อนเร่พเนจรและการต่อสู้อาบเลือด เขาคิดว่าตัวเองกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งและมีจิตใจเข้มแข็งจนไม่มีอะไรสามารถทำร้ายเขาได้อีกแล้ว

เขาสามารถทักทายคนในหมู่บ้านอย่างยิ้มแย้ม เป็นห่วงแม่ม่ายคนหนึ่งที่ต้องเดินทางเพียงลำพังในตอนกลางคืน เขาสามารถปล่อยให้อาสะใภ้รองหยิบฉวยเสบียงอาหารทั้งหมดที่เขามีอยู่ไป เขาถึงกับยอมให้จ้าวจิ้งเทียนบีบคั้นเขาจนต้องถอยซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นคนดีอย่างที่ใครๆ คิด

นี่เป็นเพียงเปลือกของความอดทนและความนอบน้อมมีน้ำใจที่เขาได้มาจากการเผชิญกับความโหดร้ายบนโลกมานานปีเท่านั้น หากขจัดเปลือกของความอดทนและความนอบน้อมมีน้ำใจออก ด้านในก็คือหัวใจที่ทั้งแข็งแกร่งเย็นชาและห่างเหินจนไม่มีใครสามารถสัมผัสได้

แต่ในคืนนั้นที่สวนแตง เมื่อเขาได้เห็นปีศาจสาวมุดออกมาจากถุงหนังเป็นครั้งแรก นางก็เปรียบเสมือนแสงสว่างที่พุ่งตรงเข้าสู่จุดที่อ่อนไหวที่สุดในหัวใจของเขา

นับแต่นั้นมาก็ไม่สามารถขจัดออกไปได้อีก แม้ไม่ต่างกับการกอดหนามแหลมเอาไว้ในอ้อมอก เขาก็เต็มใจ

บัดนี้ นางทำร้ายเขา ทำร้ายเขาอย่างแสนสาหัส แต่กลับมาร้องไห้ถามเขาว่าเขาไม่ต้องการนางแล้วหรือ?

คำพูดประโยคนี้กระแทกเข้าสู่หัวใจของเขา ความคับแค้นโกรธเคืองทั้งหมด ความริษยาชิงชังทั้งหมด เหมือนจะสลายกลายเป็นหมอกควันไปในชั่วพริบตา

นางคือปีศาจสาวของเขา ปีศาจสาวแสนโง่เขลาของเขา

ต่อให้ตอนที่พบกันครั้งแรกนางแทงเขาสองครั้ง แต่นั่นก็เป็นเพราะนางโง่เกินไป

ปีศาจสาวที่โง่เขลาเช่นนี้ ทำไมเขาจะไม่สามารถให้อภัยได้เล่า?

ดังนั้นเขาจึงหยุดเท้าแล้วหันกลับไป

ทันทีที่เขาหันกลับไป ปีศาจสาวก็โผเข้ามาหาแล้วกอดคอของเขาเอาไว้แน่นราวกับกลัวความเป็นความตายจะมาพรากพวกเขาออกจากกัน

“ฉันไม่อยากให้นายไป ต่อไป…ต่อไป…​” ปีศาจสาวน้อยใจและสิ้นหวังยิ่งกว่าเขาเสียอีก นางร้องไห้สะอึกสะอื้นจนแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง “อย่างมากพอเห็นจ้าวจิ้งเทียน ฉันจะรีบหลบให้ไกลๆ เลย!”

เซียวเถี่ยเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็กอดเธอเอาไว้แน่น

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ขอเพียงต่อไปเจ้าไม่แตะต้องเขาอีก เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถิด”

เขากอดร่างนุ่มนิ่มในอ้อมอกเอาไว้พลางกล่าวเสียงแหบพร่า “ต่อไปขอเพียงเจ้าต้องการ ไม่ว่ามากแค่ไหนก็ได้ทั้งนั้น ข้าจะไม่มีวันไม่ยอมมอบให้เจ้าอีก ขอเพียงเจ้าไม่ไปหาจากคนอื่น ข้าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น”

แต่กู้จิ้งผู้น่าสงสารจะรู้ได้อย่างไรว่าอะไรคือการดูดไอหยาง มันไม่อยู่ในขอบเขตของเรื่องที่เธอสามารถเข้าใจได้เสียด้วยซ้ำ

ดังนั้น ความหมายของคำพูดประโยคนี้ในสมองของเธอจึงกลายเป็นว่า ต่อไปไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ต้องการมากแค่ไหนก็ได้ทั้งนั้น ขอเพียงเจ้าไม่ไปรังแกคนอื่นอีก ข้าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น

เธอได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งร้องไห้หนัก ใจคิดว่าถึงผู้ชายคนนี้จะเอาแต่ปกป้องผู้ชายคนอื่น แต่อย่างน้อยเขาก็เห็นความสำคัญของเธอ

“ฉัน…ฉัน…ฉันมีแต่นายแล้ว!” เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าวต่อ “บนโลกนี้ฉันมีแค่นายเท่านั้น ไม่มีใครอื่นอีกแล้ว!”

เซียวเถี่ยเฟิงได้ยินคำพูดประโยคนี้อย่างชัดเจน ไม่มีอะไรให้เข้าใจผิดอีก!

ความรักและสงสารอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนผุดขึ้นในอกของเขา เขาอยากกอดนางไว้แน่นๆ ให้ร่างของนางหลอมรวมเข้ากับเลือดเนื้อของเขาเสียให้รู้แล้วรู้รอด

เขาคิดมาตลอดว่าตัวเองผ่านความยากลำบากมานานปีจนสามารถมองทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ด้วยสายตาเรียบเฉย และคงไม่สามารถอ่อนโยนกับใครได้ทั้งนั้น

แต่เขากลับได้พบกับนาง

พบกับนาง ความละโมบและความคาดหวังที่เขาฝังลึกเอาไว้ในหัวใจจนแม้กระทั่งตนเองก็ยังไม่รู้ รวมทั้งความปรารถนาที่จะได้ครอบครองล้วนถูกปลดปล่อยจากส่วนลึกของวิญญาณ มันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งครอบงำความคิดทั้งหมดของเขา

ตอนนี้เขาไม่คิดอะไรอื่นอีกแล้ว แค่อยากจะแสดงความในใจกับนางให้สะใจสักครั้งเท่านั้น

เขากอดปีศาจสาวในอ้อมอกแน่น ความรู้สึกหวานชื่นแกมเปรี้ยวฝาดผุดขึ้นในใจ ปลายคางแข็งกระด้างถูไถกับเส้นผมหอมกรุ่นอ่อนนุ่มของนางอย่างเร่งร้อน ปากพึมพำเสียงแหบพร่าว่า “ข้าก็เหมือนกัน ข้ามีเพียงเจ้าเท่านั้น!”

ระหว่างที่พูด มือใหญ่ของเขาก็ประคองด้านหลังศีรษะของนางเอาไว้ บังคับให้นางเงยหน้าขึ้น จากนั้นเขาก็ค้อมกายลงมา

ชั่วขณะนั้น ฝนซา สายลมพัดแรง ผ่านศึกสงครามใหญ่น้อย ยังไม่คลายเมามาย

วิญญาณบ้าคลั่งราวเข้าสู่นาวาเซียน

 

เช้าวันนี้ เมื่อกู้จิ้งตื่นขึ้นมาก็พบว่าด้านนอกกำลังมีฝนตกปรอยปราย

เตียงที่นอนอยู่ติดกับหน้าต่าง พอชะโงกหน้าออกไปดูก็พบว่าท้องฟ้ากำลังมืดครึ้ม หยาดฝนกำลังโปรยปรายลงมา ทำให้หลังคาสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดเหมือนถูกปกคลุมด้วยหมอก

ที่ลานด้านนอกมีพนักงานคนหนึ่งกำลังรีบร้อนยกอาหารจากห้องครัวไปส่งให้แขก

กู้จิ้งรีบหดศีรษะกลับมา

เมื่อวานยังรู้สึกว่าบรรยากาศรอบด้านเหมือนฤดูร้อน แต่หลับไปแค่คืนเดียว พอตื่นขึ้นมาเห็นฝนปรอยปราย กู้จิ้งถึงได้รู้สึกว่าที่แท้กำลังจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว

กำลังนอนพังพาบอยู่ตรงขอบหน้าต่าง จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาเกี่ยวตรงเอว ทำให้สูญเสียการทรงตัว ทันใดนั้นร่างของเธอก็ล้มลงบนเตียง

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นก็เห็นเซียวเถี่ยเฟิงกำลังนอนหลับตาอยู่ตรงนั้น แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมขาของเขาถึงยื่นมาเกี่ยวเอวของเธอได้

นี่…

มองดูชายหนุ่มที่กำลังหลับตาแสร้งทำเป็นนอนหลับ พอคิดถึงเรื่องเมื่อคืนวานขึ้นมา ใบหน้าของเธอก็ร้อนผ่าว

คิดไม่ถึงจริงๆ เดิมคิดว่าเป็นแค่หนังสติ๊กบ้านนอก ที่แท้ก็ปืนใหญ่ดีๆ นี่เอง!

ถึงแม้ว่าเธอจะมีประสบการณ์ในวิชาชีพแพทย์ ทั้งยังเป็นผู้หญิงที่มีความรู้รอบตัวและล่วงรู้ทฤษฎีต่างๆ มากมายนับไม่ถ้วน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ปฏิบัติจริง

มีแต่การสัมผัสด้วยตัวเองเท่านั้น ถึงจะรู้ว่ารสชาตินั้นเป็นอย่างไร

เธอเม้มริมฝีปากแล้วหันไปเท้าคางกับขอบหน้าต่าง มองสายฝนที่กำลังโปรยปรายต่อ

ชายหนุ่มที่ด้านหลังลุกขึ้นนั่งแล้วยื่นแขนเปล่าเปลือยมาโอบรอบเอวเธอเอาไว้

“เจ้า…ชอบไหม?” เขาซบหน้าอยู่ตรงข้างหูเธอครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามเบาๆ เสียงของเขาแหบพร่า เปี่ยมด้วยเสน่ห์ของบุรุษเพศ

“อืม” แม้เธอจะไม่ใช่คนหน้าบาง แต่ก็ไม่ถึงกับกล้าประกาศออกมาดังๆ ว่าชอบ

เซียวเถี่ยเฟิงฟังน้ำเสียงกังวานใสของอีกฝ่ายแล้วก็อดนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานไม่ได้ พอนึกขึ้นมาก็แทบจะตัดใจไม่ได้เลยทีเดียว

ก่อนหน้านี้ตอนที่ถูกนางดูดไอหยางในถ้ำ เขาคิดว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เขามีความสุขที่สุดแล้ว ตอนนี้มาคิดดูถึงได้รู้ว่าบนยอดเขามีทิวทัศน์ที่งดงามเพียงใด และตอนนั้นเขาก็อยู่ที่เชิงเขาเท่านั้น

เขาคว้าเอวเธอมากอดเอาไว้พลางกล่าวเสียงต่ำ “เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับสักเท่าไหร่ เราเองก็ไม่มีธุระเร่งร้อนอะไร นอนต่ออีกสักหน่อยดีหรือไม่?”

กู้จิ้งไม่ใช่คนโง่ ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็แค่นเสียงฮึคำหนึ่ง “นอนต่อคืออะไร?”

แม้จะมีคำศัพท์บางคำที่ฟังไม่เข้าใจ แต่แววตาที่เร่าร้อนปานจะแผดเผาผู้คนกับมือที่กอดเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อยก็ทำให้เธอเข้าใจความหมายของเขาอย่างชัดเจน

ก็กินหนึ่งครั้งไม่พอ ยังอยากจะกินอีกน่ะสิ!

เธอย่อมไม่เต็มใจ เพราะกำลังปวดเอวอยู่!

แต่เซียวเถี่ยเฟิงไม่ยอมแพ้ เขากอดเธอเอาไว้พลางปลอบประโลมเสียงเบา “ปีศาจน้อยคนดีของข้า ให้ข้าอีกครั้งเถอะนะ”

จริงๆ คือเซียวเถี่ยเฟิงคิดจะมอบไอหยางให้นางอีกครั้ง

เพราะเขาค้นพบว่า การดูดไอหยางด้วยวิธีเช่นนี้ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายของบุรุษ เกรงว่าคงมีแต่การใช้เวทศาสตราดูดไอหยางเท่านั้นถึงจะทำให้บุรุษได้รับบาดเจ็บ

เมื่อคิดเช่นนี้เขาก็รู้สึกว่า บางทีเมื่อวานนางคงจะแค่ใช้เวทศาสตราดูดไอหยางของจ้าวจิ้งเทียน ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น อย่างมากก็แค่จูบปากเท่านั้นใช่ไหม?

เขาเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับพรหมจรรย์ของอิสตรีมาบ้าง รู้ว่าหญิงสาวบริสุทธิ์จะมีเลือดออกในครั้งแรก และปีศาจสาวของเขาเองก็มี

เรื่องนี้ทำให้เขาตระหนักว่า เรื่องเล่าขานเกี่ยวกับปีศาจที่ร่ำลือกันมาแต่โบราณเหล่านั้นไม่ได้พูดถึงปีศาจสาวของเขา แต่เป็นปีศาจตนอื่น

ปีศาจสาวของเขาไม่เคยมีผู้ชายคนไหนก่อนหน้าเขาทั้งนั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+