ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 35 ไม่ต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้าอาหารแล้ว!

Now you are reading ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 Chapter 35 ไม่ต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้าอาหารแล้ว! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เขาจะล่าสัตว์ให้มาก มีช่องทางจำหน่ายเช่นนี้ อีกไม่นานเขาก็จะมีเงินซื้อเสื้อผ้าและอาหารดีๆ ให้ปีศาจสาว

ระหว่างที่กำลังพูดคุยกันก็มีคนเดินเข้ามาอีกกลุ่ม ครั้งนี้เป็นมารดาของเด็กอีกคนหนึ่งที่ได้รับการช่วยเหลือเมื่อวาน นางมาพร้อมกับชายหญิงอีกหลายคน พอเดินมาถึงก็คุกเข่าลง

“ท่านเซียว ครอบครัวของเราไม่เคยฆ่าหมู ไม่อาจช่วยท่านขายสัตว์ที่ล่ามาได้ แต่เรามีผ้า ฮูหยินเซียวอยากได้ผ้าแบบไหนลายไหนก็ได้ทั้งนั้น นี่เป็นผ้าแบบใหม่ที่เพิ่งสั่งเข้ามา เรานำมามอบให้ฮูหยิน หวังว่าฮูหยินอย่าได้รังเกียจ”

แม้กู้จิ้งจะไม่เข้าใจคำพูดทุกประโยค แต่เธอก็เข้าใจความหมาย

พวกเขาพูดว่าเธอช่วยคนก็เลยมาตอบแทนบุญคุณ มีผ้าให้ผ้า มีเนื้อให้เนื้อ

คราวนี้ก็ดีเลย ไม่ต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้าอาหารแล้ว!

ผู้คนรอบด้านพากันทอดถอนใจด้วยความชื่นชม บรรยากาศรอบด้านเต็มไปด้วยความคึกคัก แต่ในตอนนั้นเอง คนตระกูลจ้าวหลายคนก็ก้าวเข้ามาในโรงเตี๊ยม

ที่แท้พวกเขาได้ข่าวว่าจ้าวจิ้งเทียนถูกกักตัวเอาไว้ที่เมืองจูเฉิง ประกอบกับได้ยินเรื่องที่ใช้เข็มเย็บผ้าเย็บแผลให้เด็ก พวกเขากลัวว่าหากเด็กเป็นอะไรไป ฝ่ายตรงข้ามจะมาหาเรื่องก็เลยพาคนมาด้วยหลายคน

ฝ่ายจ้าวจิ้งเทียนซึ่งเจอกับเรื่องเหลวไหลเมื่อคืนวาน วันนี้ตื่นขึ้นมาได้รู้ว่าเมื่อคืนตัวเองหน้าทิ่มลงไปในส้วมก็ทั้งโมโหทั้งท้อแท้ มิน่าในปากถึงมีแต่กลิ่นเหม็นๆ เต็มไปหมด!

แต่ในตอนนั้นเอง ที่ด้านนอกกลับมีเสียงดังโหวกเหวก ล้วนเป็นเสียงขอบคุณเซียวเถี่ยเฟิงกับผู้หญิงคนนั้น

เขามองผ่านหน้าต่างออกไปก็พบว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังมองทุกสิ่งทุกอย่างรอบด้านด้วยสายตาเย็นชาเรียบเฉย ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ผุดขึ้นในใจ

ทำไมเซียวเถี่ยเฟิงถึงเลือกผู้หญิงคนนี้? ทำไมเซียวเถี่ยเฟิงถึงยอมไปจากหมู่บ้านเว่ยอวิ๋น ยอมละทิ้งโอกาสที่จะได้ประลองฝีมือกับเขาเพื่อนาง?

ผู้หญิงทุกคนบนโลกนี้ไม่ควรตัวเล็กบอบบางขี้อาย อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนหรอกหรือ ทำไมถึงได้มีผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่งแบบนี้ ทำไมถึงได้มีผู้หญิงที่จมูกโด่งดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้าเหมือนผู้ชายเช่นนี้? ทำไมถึงได้มีผู้หญิงที่กล้าพูดออกมาในขณะที่กำลังร่วมโต๊ะกับผู้ชายว่านางอยากจะกินอีก ซ้ำยังกินขาหมูทั้งจานจนหมดเกลี้ยงโดยไม่เกรงใจสักนิด?

ยังคิดไม่ทันจบก็เห็นคนในตระกูลเดินเข้ามา เขาจึงรีบเดินออกไปโดยไม่ได้คิดอะไรมากนัก

แต่พอเดินออกไปกลับเกิดเรื่องขึ้นทันที คนฆ่าสัตว์แซ่จางหันมาเห็นเขาเข้าก็โมโหมาก

“ไอ้คนชั่วช้า ทำไมถึงยังไม่ไปอีก? ไอ้สารเลวต่ำช้ายิ่งกว่าหมูกว่าหมา กินดีหมีหัวใจเสือมารึไงถึงกล้าเตะลูกของข้า! หากไม่ใช่ฮูหยินเซียว ป่านนี้ลูกของข้ายังจะมีชีวิตอยู่อีกหรือ?”

ระหว่างที่พูด คนฆ่าสัตว์แซ่จางก็พุ่งเข้ามาหาจ้าวจิ้งเทียนด้วยความโมโห!

โชคดีที่มีคนรู้ฐานะของจ้าวจิ้งเทียนว่าเป็นผู้นำพรานเขาเว่ยอวิ๋น ไม่ควรล่วงเกินมากนัก จึงช่วยกันเกลี้ยกล่อมห้ามปรามเอาไว้ได้

แต่คนฆ่าสัตว์แซ่จางก็ยังร้องตะโกนว่า “ผู้นำพรานบ้าบออะไร ทั้งตัวมีแต่กลิ่นขี้!”

ทุกคนได้ยินเช่นนี้ก็อดสูดกลิ่นดูไม่ได้ พอได้กลิ่นเหม็นโชยมาก็พากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที

อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ จ้าวจิ้งเทียนย่อมอับอายนัก เขาเหลือบตามองเซียวเถี่ยเฟิงกับกู้จิ้งแวบหนึ่งด้วยใบหน้าแดงก่ำ ฟันขบกันแน่น แม้กระทั่งมือก็สั่นระริก

คนตระกูลจ้าวคนอื่นๆ ตั้งท่าจะโต้เถียง แต่พอสูดกลิ่นดูก็พบว่าเหม็นจริงๆ พวกเขาต่างหันมามองจ้าวจิ้งเทียนด้วยความงุนงง เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ ทำไมถึงได้เหม็นแบบนี้?

ในตอนนั้นเอง ใครบางคนก็หัวเราะเสียงดังพลางกล่าวว่า “ได้ยินว่าในหลุมส้วมของโรงเตี๊ยมแห่งนี้มีน้ำแกงรสเลิศ เมื่อคืนวานก็เลยมีแขกคนหนึ่งลงไปดื่มกินเสียเต็มคราบ!”

คำพูดนี้ทำให้ทุกคนตะลึงงันไปทันที แต่หลังจากอาการตกตะลึงผ่านพ้นไป ทุกคนก็พากันหันมามองจ้าวจิ้งเทียนแล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกรอบ

เซียวเถี่ยเฟิงไม่อยากให้จ้าวจิ้งเทียนอับอายต่อหน้าธารกำนัล ดังนั้นจึงรีบหันไปกล่าวกับท่านหมอฉางและเถ้าแก่อีกสองสามประโยค ไม่นานนักพวกเขาก็จากไป ผู้คนที่มุงดูอยู่จึงค่อยๆ ทยอยจากไปพร้อมด้วยรอยยิ้ม

เซียวเถี่ยเฟิงรีบพากู้จิ้งกลับห้อง

พี่น้องที่ดีในอดีต แม้ตอนนี้จะมีเรื่องขัดแย้งกัน เขาก็ต้องไว้หน้าอีกฝ่ายบ้าง

ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นหัวหน้าพรานเขาเว่ยอวิ๋น ถือเป็นหน้าเป็นตาของชาวเขาเว่ยอวิ๋นทั้งหมด เซียวเถี่ยเฟิงเองก็เหยียบย่ำพื้นหญ้าของเขาเว่ยอวิ๋น ดื่มน้ำของเขาเว่ยอวิ๋นมาจนเติบใหญ่

กู้จิ้งเข้าไปในห้องได้ก็ประคองใบหน้าของเซียวเถี่ยเฟิงเอาไว้แล้วเริ่มพิจารณาอย่างละเอียด

“หืม?” เซียวเถี่ยเฟิงไม่เข้าใจว่าทำไมนางมองหน้าเขาแล้วต้องทำท่าเหมือนอยากจะหัวเราะ แต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้แบบนี้ด้วย

“ไม่… ไม่…” เธอพยายามอดกลั้นเอาไว้ ส่ายหน้า อดกลั้น ส่ายหน้า อดกลั้นอีก แล้วก็ส่ายหน้าอีก

แต่สุดท้ายเธอก็ทนไม่ไหว ต้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

ในที่สุดเธอก็คิดออกแล้วว่าเคยเห็นชื่อเซียวเถี่ยเฟิงมาจากที่ไหน!

นั่นเป็นตอนที่เซ่นไหว้บรรพบุรุษบนเขาเว่ยอวิ๋นในช่วงปีใหม่ ท่ามกลางควันธูปลอยคลุ้ง บนม้วนรายชื่อบรรพบุรุษยาวหลายเมตรซึ่งถูกนำมาแขวนไว้ ตัวอักษรเล็กๆ ซึ่งบันทึกอยู่บนกระดาษม้วนนั้นคือรายชื่อของบรรพบุรุษรุ่นแล้วรุ่นเล่า!

รายชื่อซึ่งถูกบันทึกเอาไว้ด้านบนสุดคือ เซียวเถี่ยเฟิง

ยายของเธอแซ่เซียว เป็นคนตระกูลเซียว

ส่วนเซียวเถี่ยเฟิง ก็คือบรรพบุรุษของยายของเธอ

ซึ่งก็หมายความว่าเมื่อคืนนี้ เธอมีอะไรกับบรรพบุรุษของยาย แน่นอน เขาเป็นบรรพบุรุษของแม่เธอด้วย

ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้เธอจะพูดแบบนี้ได้หรือไม่ สมมติว่าเธอข้ามเวลากลับไปได้ เธอก็อาจไปบอกยายกับแม่ว่า

‘แม่คะ ยายคะ หนูไป X บรรพบุรุษของแม่กับยายมา!’

คิดถึงตรงนี้ เธอก็อดหัวเราะออกมาอีกไม่ได้

ถ้าพูดออกไปจริงๆ ยายของเธอคงจะกระโดดออกจากหลุมมาไล่ตีเธอแน่ๆ!

เซียวเถี่ยเฟิงเห็นเธอเอาแต่หัวเราะก็งุนงงมาก ทว่าสุดท้ายเขาก็ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความจนใจพลางกอดเธอเอาไว้แล้วหัวเราะเป็นเพื่อนเธอ

กู้จิ้งซบหน้ากับอกบรรพบุรุษของยายพลางหัวเราะจนน้ำตาเล็ด

สุดท้าย ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นในใจ

โชคดี โชคดีที่เธอเป็นเด็กที่ยายเก็บมา ไม่ใช่หลานแท้ๆ

ไม่เช่นนั้นคงจะลำดับญาติกันไม่ถูกแน่ แบบนี้มิเท่ากับว่าเธอมีความสัมพันธ์กับบรรพบุรุษของตัวเองหรอกหรือ

กำลังแหงนหน้าหัวเราะอยู่ จู่ๆ รอยยิ้มของเธอก็แข็งค้างอยู่บนใบหน้า

เอ๋… เธอคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

เซียวเถี่ยเฟิงเป็นบรรพบุรุษของยาย แต่เขาไม่อาจแพร่พันธุ์ได้ด้วยตัวเองเพียงคนเดียว ถ้าอย่างนั้น บรรพบุรุษอีกคนของยายเป็นใครกัน?

กู้จิ้งพยายามคิด สุดท้ายก็นึกออกว่าในม้วนรายชื่อบรรพบุรุษซึ่งถูกแขวนเอาไว้นั้น ดูเหมือนว่าชื่อบรรพบุรุษฝ่ายหญิงซึ่งถูกบันทึกไว้ข้างๆ ชื่อเซียวเถี่ยเฟิงจะเลือนรางมาก? ไม่มีทางอ่านได้เลย!

ถ้าอย่างนั้น…ใครเป็นบรรพบุรุษฝ่ายหญิงของยายกันล่ะ o(?Д?)っ!

กู้จิ้งแน่ใจ มั่นใจและเชื่อมั่นเอามากๆ ว่า เซียวเถี่ยเฟิงมีทายาท

ยายและแม่ของเธอก็คือทายาทรุ่นหลังของเขา เธอพอจะจำได้รางๆ ว่าเขาไม่ได้มีทายาทเพียงคนเดียว แต่ดูเหมือนจะมีลูกชายสามหรือไม่ก็สี่คน? บางทีอาจจะมีลูกสาวด้วย? กู้จิ้งไม่ค่อยแน่ใจ แต่สรุปได้ว่ามีหลายคน

ในเมื่อมีทายาท เขาย่อมไม่สามารถแพร่พันธุ์ได้ด้วยตัวคนเดียว แต่จะต้องมีภรรยา

และภรรยาคนนั้นก็ไม่ใช่เธอ

ตอนเด็กๆ กู้จิ้งสุขภาพไม่แข็งแรง คุณยายต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจรวมทั้งกำลังทรัพย์ไปไม่น้อยเพื่อปรับสภาพร่างกายของเธอให้แข็งแรงขึ้น พอโตขึ้น เธอชอบออกกำลังกายชอบแสงแดดชอบกีฬา ร่างกายก็เลยแข็งแรงมาก แต่เธอมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่งนั่นคือรังไข่ของเธอมีปัญหามาแต่กำเนิด

นี่เป็นปัญหาที่ค่อนข้างเฉพาะทาง พูดง่ายๆ ก็คือ เธอมีลูกไม่ได้

ในเมื่อเธอมีลูกไม่ได้ บรรพบุรุษแซ่เซียวตรงหน้าผู้นี้ก็คงต้องมีลูกกับผู้หญิงคนอื่น

กู้จิ้งเบิกตากว้าง ที่แท้เธอก็เป็นแค่คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขา ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นแค่ความสัมพันธ์ฉาบฉวยเท่านั้น

แต่คิดดูอีกที เธอยังจะคาดหวังอะไรได้อีก? เขาเป็นคนสมัยโบราณ คนโบราณที่ถูกลิขิตให้มีลูกหลานมากมายนับไม่ถ้วน เธอยังฝันว่าจะได้อยู่กับเขาไปชั่วชีวิตอย่างนั้นหรือ?

คิดได้เช่นนี้ แววตาที่กู้จิ้งใช้มองเซียวเถี่ยเฟิงก็เปลี่ยนไป

มีดอกไม้ให้เด็ดก็ควรรีบเด็ด มีบรรพบุรุษรูปร่างกำยำอยู่ตรงหน้า เธอก็ควรฉวยโอกาสเสพสุขให้มากถึงจะถูก หากรอจนเขาเจอบรรพบุรุษฝ่ายหญิง เธออยากได้ก็คงไม่ได้อีกแล้ว!

เซียวเถี่ยเฟิงกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมกอด หูฟังเสียงหัวเราะกังวานใสของนาง ตามองดูแววตาสุกใสซึ่งสะท้อนกับแสงแดดแล้วก็อดอุ้มนางลุกขึ้นไม่ได้

เขาคิดถึงรสชาติที่ได้ลิ้มลองเมื่อคืนวานเหลือเกิน

อยู่มาจนอายุยี่สิบหกปี เขาถึงได้รู้ว่าเรื่องนี้ทำให้ผู้คนลุ่มหลงได้มากสักเพียงใด

ประเด็นสำคัญที่สุดคือ…ที่แท้หลังจากผู้ชายถูกปีศาจสาวดูดไอหยางไป ร่างกายกลับไม่ได้อ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง ซ้ำยังคึกคักมากขึ้นราวกับได้ดื่มสุราฤทธิ์แรง ได้กินโอสถทิพย์ของเซียน นั่นเป็นรสชาติที่ไม่อาจลืมได้เลย

ใครจะรู้ว่า กำลังตั้งท่าจะอุ้มปีศาจสาวขึ้นไปบนเตียง กลับเหลือบไปเห็นนางกำลังมองมาด้วยสายตาแปลกๆ

เขาชะงักก่อนจะก้มลงจ้องหน้านางเขม็ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 35 ไม่ต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้าอาหารแล้ว!

Now you are reading ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 Chapter 35 ไม่ต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้าอาหารแล้ว! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เขาจะล่าสัตว์ให้มาก มีช่องทางจำหน่ายเช่นนี้ อีกไม่นานเขาก็จะมีเงินซื้อเสื้อผ้าและอาหารดีๆ ให้ปีศาจสาว

ระหว่างที่กำลังพูดคุยกันก็มีคนเดินเข้ามาอีกกลุ่ม ครั้งนี้เป็นมารดาของเด็กอีกคนหนึ่งที่ได้รับการช่วยเหลือเมื่อวาน นางมาพร้อมกับชายหญิงอีกหลายคน พอเดินมาถึงก็คุกเข่าลง

“ท่านเซียว ครอบครัวของเราไม่เคยฆ่าหมู ไม่อาจช่วยท่านขายสัตว์ที่ล่ามาได้ แต่เรามีผ้า ฮูหยินเซียวอยากได้ผ้าแบบไหนลายไหนก็ได้ทั้งนั้น นี่เป็นผ้าแบบใหม่ที่เพิ่งสั่งเข้ามา เรานำมามอบให้ฮูหยิน หวังว่าฮูหยินอย่าได้รังเกียจ”

แม้กู้จิ้งจะไม่เข้าใจคำพูดทุกประโยค แต่เธอก็เข้าใจความหมาย

พวกเขาพูดว่าเธอช่วยคนก็เลยมาตอบแทนบุญคุณ มีผ้าให้ผ้า มีเนื้อให้เนื้อ

คราวนี้ก็ดีเลย ไม่ต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้าอาหารแล้ว!

ผู้คนรอบด้านพากันทอดถอนใจด้วยความชื่นชม บรรยากาศรอบด้านเต็มไปด้วยความคึกคัก แต่ในตอนนั้นเอง คนตระกูลจ้าวหลายคนก็ก้าวเข้ามาในโรงเตี๊ยม

ที่แท้พวกเขาได้ข่าวว่าจ้าวจิ้งเทียนถูกกักตัวเอาไว้ที่เมืองจูเฉิง ประกอบกับได้ยินเรื่องที่ใช้เข็มเย็บผ้าเย็บแผลให้เด็ก พวกเขากลัวว่าหากเด็กเป็นอะไรไป ฝ่ายตรงข้ามจะมาหาเรื่องก็เลยพาคนมาด้วยหลายคน

ฝ่ายจ้าวจิ้งเทียนซึ่งเจอกับเรื่องเหลวไหลเมื่อคืนวาน วันนี้ตื่นขึ้นมาได้รู้ว่าเมื่อคืนตัวเองหน้าทิ่มลงไปในส้วมก็ทั้งโมโหทั้งท้อแท้ มิน่าในปากถึงมีแต่กลิ่นเหม็นๆ เต็มไปหมด!

แต่ในตอนนั้นเอง ที่ด้านนอกกลับมีเสียงดังโหวกเหวก ล้วนเป็นเสียงขอบคุณเซียวเถี่ยเฟิงกับผู้หญิงคนนั้น

เขามองผ่านหน้าต่างออกไปก็พบว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังมองทุกสิ่งทุกอย่างรอบด้านด้วยสายตาเย็นชาเรียบเฉย ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ผุดขึ้นในใจ

ทำไมเซียวเถี่ยเฟิงถึงเลือกผู้หญิงคนนี้? ทำไมเซียวเถี่ยเฟิงถึงยอมไปจากหมู่บ้านเว่ยอวิ๋น ยอมละทิ้งโอกาสที่จะได้ประลองฝีมือกับเขาเพื่อนาง?

ผู้หญิงทุกคนบนโลกนี้ไม่ควรตัวเล็กบอบบางขี้อาย อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนหรอกหรือ ทำไมถึงได้มีผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่งแบบนี้ ทำไมถึงได้มีผู้หญิงที่จมูกโด่งดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้าเหมือนผู้ชายเช่นนี้? ทำไมถึงได้มีผู้หญิงที่กล้าพูดออกมาในขณะที่กำลังร่วมโต๊ะกับผู้ชายว่านางอยากจะกินอีก ซ้ำยังกินขาหมูทั้งจานจนหมดเกลี้ยงโดยไม่เกรงใจสักนิด?

ยังคิดไม่ทันจบก็เห็นคนในตระกูลเดินเข้ามา เขาจึงรีบเดินออกไปโดยไม่ได้คิดอะไรมากนัก

แต่พอเดินออกไปกลับเกิดเรื่องขึ้นทันที คนฆ่าสัตว์แซ่จางหันมาเห็นเขาเข้าก็โมโหมาก

“ไอ้คนชั่วช้า ทำไมถึงยังไม่ไปอีก? ไอ้สารเลวต่ำช้ายิ่งกว่าหมูกว่าหมา กินดีหมีหัวใจเสือมารึไงถึงกล้าเตะลูกของข้า! หากไม่ใช่ฮูหยินเซียว ป่านนี้ลูกของข้ายังจะมีชีวิตอยู่อีกหรือ?”

ระหว่างที่พูด คนฆ่าสัตว์แซ่จางก็พุ่งเข้ามาหาจ้าวจิ้งเทียนด้วยความโมโห!

โชคดีที่มีคนรู้ฐานะของจ้าวจิ้งเทียนว่าเป็นผู้นำพรานเขาเว่ยอวิ๋น ไม่ควรล่วงเกินมากนัก จึงช่วยกันเกลี้ยกล่อมห้ามปรามเอาไว้ได้

แต่คนฆ่าสัตว์แซ่จางก็ยังร้องตะโกนว่า “ผู้นำพรานบ้าบออะไร ทั้งตัวมีแต่กลิ่นขี้!”

ทุกคนได้ยินเช่นนี้ก็อดสูดกลิ่นดูไม่ได้ พอได้กลิ่นเหม็นโชยมาก็พากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที

อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ จ้าวจิ้งเทียนย่อมอับอายนัก เขาเหลือบตามองเซียวเถี่ยเฟิงกับกู้จิ้งแวบหนึ่งด้วยใบหน้าแดงก่ำ ฟันขบกันแน่น แม้กระทั่งมือก็สั่นระริก

คนตระกูลจ้าวคนอื่นๆ ตั้งท่าจะโต้เถียง แต่พอสูดกลิ่นดูก็พบว่าเหม็นจริงๆ พวกเขาต่างหันมามองจ้าวจิ้งเทียนด้วยความงุนงง เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ ทำไมถึงได้เหม็นแบบนี้?

ในตอนนั้นเอง ใครบางคนก็หัวเราะเสียงดังพลางกล่าวว่า “ได้ยินว่าในหลุมส้วมของโรงเตี๊ยมแห่งนี้มีน้ำแกงรสเลิศ เมื่อคืนวานก็เลยมีแขกคนหนึ่งลงไปดื่มกินเสียเต็มคราบ!”

คำพูดนี้ทำให้ทุกคนตะลึงงันไปทันที แต่หลังจากอาการตกตะลึงผ่านพ้นไป ทุกคนก็พากันหันมามองจ้าวจิ้งเทียนแล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกรอบ

เซียวเถี่ยเฟิงไม่อยากให้จ้าวจิ้งเทียนอับอายต่อหน้าธารกำนัล ดังนั้นจึงรีบหันไปกล่าวกับท่านหมอฉางและเถ้าแก่อีกสองสามประโยค ไม่นานนักพวกเขาก็จากไป ผู้คนที่มุงดูอยู่จึงค่อยๆ ทยอยจากไปพร้อมด้วยรอยยิ้ม

เซียวเถี่ยเฟิงรีบพากู้จิ้งกลับห้อง

พี่น้องที่ดีในอดีต แม้ตอนนี้จะมีเรื่องขัดแย้งกัน เขาก็ต้องไว้หน้าอีกฝ่ายบ้าง

ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นหัวหน้าพรานเขาเว่ยอวิ๋น ถือเป็นหน้าเป็นตาของชาวเขาเว่ยอวิ๋นทั้งหมด เซียวเถี่ยเฟิงเองก็เหยียบย่ำพื้นหญ้าของเขาเว่ยอวิ๋น ดื่มน้ำของเขาเว่ยอวิ๋นมาจนเติบใหญ่

กู้จิ้งเข้าไปในห้องได้ก็ประคองใบหน้าของเซียวเถี่ยเฟิงเอาไว้แล้วเริ่มพิจารณาอย่างละเอียด

“หืม?” เซียวเถี่ยเฟิงไม่เข้าใจว่าทำไมนางมองหน้าเขาแล้วต้องทำท่าเหมือนอยากจะหัวเราะ แต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้แบบนี้ด้วย

“ไม่… ไม่…” เธอพยายามอดกลั้นเอาไว้ ส่ายหน้า อดกลั้น ส่ายหน้า อดกลั้นอีก แล้วก็ส่ายหน้าอีก

แต่สุดท้ายเธอก็ทนไม่ไหว ต้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

ในที่สุดเธอก็คิดออกแล้วว่าเคยเห็นชื่อเซียวเถี่ยเฟิงมาจากที่ไหน!

นั่นเป็นตอนที่เซ่นไหว้บรรพบุรุษบนเขาเว่ยอวิ๋นในช่วงปีใหม่ ท่ามกลางควันธูปลอยคลุ้ง บนม้วนรายชื่อบรรพบุรุษยาวหลายเมตรซึ่งถูกนำมาแขวนไว้ ตัวอักษรเล็กๆ ซึ่งบันทึกอยู่บนกระดาษม้วนนั้นคือรายชื่อของบรรพบุรุษรุ่นแล้วรุ่นเล่า!

รายชื่อซึ่งถูกบันทึกเอาไว้ด้านบนสุดคือ เซียวเถี่ยเฟิง

ยายของเธอแซ่เซียว เป็นคนตระกูลเซียว

ส่วนเซียวเถี่ยเฟิง ก็คือบรรพบุรุษของยายของเธอ

ซึ่งก็หมายความว่าเมื่อคืนนี้ เธอมีอะไรกับบรรพบุรุษของยาย แน่นอน เขาเป็นบรรพบุรุษของแม่เธอด้วย

ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้เธอจะพูดแบบนี้ได้หรือไม่ สมมติว่าเธอข้ามเวลากลับไปได้ เธอก็อาจไปบอกยายกับแม่ว่า

‘แม่คะ ยายคะ หนูไป X บรรพบุรุษของแม่กับยายมา!’

คิดถึงตรงนี้ เธอก็อดหัวเราะออกมาอีกไม่ได้

ถ้าพูดออกไปจริงๆ ยายของเธอคงจะกระโดดออกจากหลุมมาไล่ตีเธอแน่ๆ!

เซียวเถี่ยเฟิงเห็นเธอเอาแต่หัวเราะก็งุนงงมาก ทว่าสุดท้ายเขาก็ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความจนใจพลางกอดเธอเอาไว้แล้วหัวเราะเป็นเพื่อนเธอ

กู้จิ้งซบหน้ากับอกบรรพบุรุษของยายพลางหัวเราะจนน้ำตาเล็ด

สุดท้าย ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นในใจ

โชคดี โชคดีที่เธอเป็นเด็กที่ยายเก็บมา ไม่ใช่หลานแท้ๆ

ไม่เช่นนั้นคงจะลำดับญาติกันไม่ถูกแน่ แบบนี้มิเท่ากับว่าเธอมีความสัมพันธ์กับบรรพบุรุษของตัวเองหรอกหรือ

กำลังแหงนหน้าหัวเราะอยู่ จู่ๆ รอยยิ้มของเธอก็แข็งค้างอยู่บนใบหน้า

เอ๋… เธอคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

เซียวเถี่ยเฟิงเป็นบรรพบุรุษของยาย แต่เขาไม่อาจแพร่พันธุ์ได้ด้วยตัวเองเพียงคนเดียว ถ้าอย่างนั้น บรรพบุรุษอีกคนของยายเป็นใครกัน?

กู้จิ้งพยายามคิด สุดท้ายก็นึกออกว่าในม้วนรายชื่อบรรพบุรุษซึ่งถูกแขวนเอาไว้นั้น ดูเหมือนว่าชื่อบรรพบุรุษฝ่ายหญิงซึ่งถูกบันทึกไว้ข้างๆ ชื่อเซียวเถี่ยเฟิงจะเลือนรางมาก? ไม่มีทางอ่านได้เลย!

ถ้าอย่างนั้น…ใครเป็นบรรพบุรุษฝ่ายหญิงของยายกันล่ะ o(?Д?)っ!

กู้จิ้งแน่ใจ มั่นใจและเชื่อมั่นเอามากๆ ว่า เซียวเถี่ยเฟิงมีทายาท

ยายและแม่ของเธอก็คือทายาทรุ่นหลังของเขา เธอพอจะจำได้รางๆ ว่าเขาไม่ได้มีทายาทเพียงคนเดียว แต่ดูเหมือนจะมีลูกชายสามหรือไม่ก็สี่คน? บางทีอาจจะมีลูกสาวด้วย? กู้จิ้งไม่ค่อยแน่ใจ แต่สรุปได้ว่ามีหลายคน

ในเมื่อมีทายาท เขาย่อมไม่สามารถแพร่พันธุ์ได้ด้วยตัวคนเดียว แต่จะต้องมีภรรยา

และภรรยาคนนั้นก็ไม่ใช่เธอ

ตอนเด็กๆ กู้จิ้งสุขภาพไม่แข็งแรง คุณยายต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจรวมทั้งกำลังทรัพย์ไปไม่น้อยเพื่อปรับสภาพร่างกายของเธอให้แข็งแรงขึ้น พอโตขึ้น เธอชอบออกกำลังกายชอบแสงแดดชอบกีฬา ร่างกายก็เลยแข็งแรงมาก แต่เธอมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่งนั่นคือรังไข่ของเธอมีปัญหามาแต่กำเนิด

นี่เป็นปัญหาที่ค่อนข้างเฉพาะทาง พูดง่ายๆ ก็คือ เธอมีลูกไม่ได้

ในเมื่อเธอมีลูกไม่ได้ บรรพบุรุษแซ่เซียวตรงหน้าผู้นี้ก็คงต้องมีลูกกับผู้หญิงคนอื่น

กู้จิ้งเบิกตากว้าง ที่แท้เธอก็เป็นแค่คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขา ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นแค่ความสัมพันธ์ฉาบฉวยเท่านั้น

แต่คิดดูอีกที เธอยังจะคาดหวังอะไรได้อีก? เขาเป็นคนสมัยโบราณ คนโบราณที่ถูกลิขิตให้มีลูกหลานมากมายนับไม่ถ้วน เธอยังฝันว่าจะได้อยู่กับเขาไปชั่วชีวิตอย่างนั้นหรือ?

คิดได้เช่นนี้ แววตาที่กู้จิ้งใช้มองเซียวเถี่ยเฟิงก็เปลี่ยนไป

มีดอกไม้ให้เด็ดก็ควรรีบเด็ด มีบรรพบุรุษรูปร่างกำยำอยู่ตรงหน้า เธอก็ควรฉวยโอกาสเสพสุขให้มากถึงจะถูก หากรอจนเขาเจอบรรพบุรุษฝ่ายหญิง เธออยากได้ก็คงไม่ได้อีกแล้ว!

เซียวเถี่ยเฟิงกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมกอด หูฟังเสียงหัวเราะกังวานใสของนาง ตามองดูแววตาสุกใสซึ่งสะท้อนกับแสงแดดแล้วก็อดอุ้มนางลุกขึ้นไม่ได้

เขาคิดถึงรสชาติที่ได้ลิ้มลองเมื่อคืนวานเหลือเกิน

อยู่มาจนอายุยี่สิบหกปี เขาถึงได้รู้ว่าเรื่องนี้ทำให้ผู้คนลุ่มหลงได้มากสักเพียงใด

ประเด็นสำคัญที่สุดคือ…ที่แท้หลังจากผู้ชายถูกปีศาจสาวดูดไอหยางไป ร่างกายกลับไม่ได้อ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง ซ้ำยังคึกคักมากขึ้นราวกับได้ดื่มสุราฤทธิ์แรง ได้กินโอสถทิพย์ของเซียน นั่นเป็นรสชาติที่ไม่อาจลืมได้เลย

ใครจะรู้ว่า กำลังตั้งท่าจะอุ้มปีศาจสาวขึ้นไปบนเตียง กลับเหลือบไปเห็นนางกำลังมองมาด้วยสายตาแปลกๆ

เขาชะงักก่อนจะก้มลงจ้องหน้านางเขม็ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+