ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 71 จะให้นายกอด!

Now you are reading ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 Chapter 71 จะให้นายกอด! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กลางดึกรอบด้านมืดมิด ภูเขาซึ่งอยู่ห่างออกไปเห็นเป็นเงาดำตะคุ่ม ต้นไม้ใกล้ๆ เห็นเป็นสีขาวแกมเทา หมู่บ้านเล็กๆ ตกอยู่ท่ามกลางความเงียบ สายลมฤดูใบไม้ร่วงที่พัดผ่านมาให้ความรู้สึกเย็นยะเยือก

เซียวเถี่ยเฟิงกอดกู้จิ้งไว้กับอกพลางกระซิบตรงข้างหูเธอเบาๆ “คราวนี้รู้สึกหนาวรึยัง? ไม่ให้เจ้ามาก็ดึงดันจะมา ต้องให้ข้ากอดเอาไว้แล้วสินะ”

กู้จิ้งแค่นเสียงฮึดฮัดก่อนจะซุกตัวกับอกของเขาเพื่อแสวงหาความอบอุ่น “ฉันจะมา จะให้นายกอด!”

เซียวเถี่ยเฟิงขบติ่งหูของเธอเบาๆ “เด็กโง่!”

แม้อากาศจะหนาวเย็น แต่ลมหายใจที่สัมผัสกับติ่งหูของเธอกลับร้อนผ่าว กู้จิ้งเริ่มทนไม่ไหว ดังนั้นจึงกล่าวเสียงสั่น “นายเป็นผู้ชายของฉัน ฉันก็ต้องให้นายกอดอยู่แล้ว!”

เซียวเถี่ยเฟิงหัวเราะเสียงแหบ “รู้ก็ดีแล้ว”

ระหว่างที่พูด เขาไม่ขบอีก แต่เปลี่ยนไปเคี้ยวเบาๆ แทน

กู้จิ้งจั๊กจี้มากก็เลยพยายามหลบ

กำลังเล่นสนุกกันอยู่ จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังแว่วมาแต่ไกล ทั้งสองจึงรีบกลั้นหายใจนิ่ง

ไม่นานนักก็เห็นคนสองคนหาบคานเดินลับๆ ล่อๆ มาที่บ่อน้ำ

“ท่านลุงบอกว่านั่นเป็นแค่เรื่องโกหก ท่านอยู่มาจนอายุปูนนี้ยังไม่เคยได้ยินว่ามีอาคมแบบนี้มาก่อน เราคงไม่ได้หลงกลหรอกนะ?”

“ถุย! ฟังเขาพูดเหลวไหล คราวก่อนเราก็หลงกล หากไม่ใช่โลภอยากได้ผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ จากเขา เราต้องทำเรื่องแบบนี้หรือ? ข้าจะบอกให้นะ ถึงเซียวเถี่ยเฟิงจะจนก็ไม่ใช่จะตอแยได้ง่ายๆ ข้าได้ยินมาว่าสมัยอยู่ข้างนอก เขาทั้งเคยฆ่าคนทั้งเคยค้าของเถื่อน หากล่วงเกินเขา เราต้องแย่แน่!”

ทั้งสองพูดคุยกันไปเรื่อยๆ คิดไม่ถึงว่าพอเงยหน้าขึ้นจะเห็นชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่กำลังยืนจ้องพวกเขาด้วยสายตาเยียบเย็น

ทั้งสองสะดุ้งสุดตัวจนหาบหล่นลงบนพื้น ใบหน้าซีดขาว เสียงสั่นระริก “เจ้า…เจ้า…”

เซียวเถี่ยเฟิงไม่มีเวลาสนใจอะไรทั้งนั้น เขาก้าวเข้าไปจับตัวคนทั้งสองไว้ในมือคนละข้างพลางเค้นถามเสียงเย็น “บอกมา พวกเจ้าเป็นคนไปวางเพลิงที่ถ้ำใช่ไหม?”

“ไม่… ไม่ใช่อยู่แล้ว เราจะทำเรื่องแบบนั้น…”

พวกเขายังพูดไม่ทันจบ เซียวเถี่ยเฟิงก็จับร่างพวกเขายกขึ้นแล้วกระแทกเข้าด้วยกันอย่างแรง

ทั้งสองต่างรู้สึกว่าแผงอกของฝ่ายตรงข้ามแข็งมาก กระแทกเข้าด้วยกันแบบนี้ พวกเขาก็ทั้งเวียนหัวทั้งตาลายทั้งเจ็บอกจนแทบกระอักเลือดออกมา

“พูด!” เซียวเถี่ยเฟิงตะคอก สีหน้าเยียบเย็นน่าเกรงขามมาก

ทั้งสองตกใจจนวิญญาณแทบหลุดลอยออกจากร่าง สุดท้ายก็เข่าอ่อนทรุดฮวบลงตรงนั้น ปากพร่ำวิงวอนขอความเมตตาพลางสารภาพความจริง

“ไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตด้วย! เป็นพวกเรา แต่เราไม่ได้ตั้งใจนะ!”

“เถี่ยเฟิง เห็นแก่ที่เรามีบรรพบุรุษคนเดียวกัน เจ้าก็ปล่อยเราไปเถอะ? ที่บ้านข้ายังมีเมียมีลูกมีแม่แก่ๆ อีก!”

“อ๊าก… เถี่ยเฟิง ถ้ายังทำอย่างนี้อีกเราต้องตายแน่ ขอร้องเจ้าปล่อยเราไปเถอะนะ!”

“ปล่อยเราไปเถอะ!”

ถึงตอนนี้ คนอื่นๆ ในหมู่บ้านซึ่งได้ยินเสียงต่างก็พากันสวมเสื้อผ้าวิ่งออกมาดู แม้กระทั่งหมาในหมู่บ้านที่ชื่อวั่งไฉก็ส่งเสียงเห่าไม่หยุด

ทุกคนได้ยินทั้งสองยอมรับสารภาพเต็มสองหู “เป็นเรา เราเป็นคนไปวางเพลิงเผาถ้ำ แต่เราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เราไม่ได้เจตนา เรา…”

แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับกลับเป็นเท้าของเซียวเถี่ยเฟิง “ปากนี่ไม่รู้จักพูดความจริงใช่ไหม?”

กล่าวพลางเตะฝ่ายตรงข้ามจนเลือดกบปาก

“ข้าพูด ข้าพูด เราถูกคนบงการ ท่านลุงจ้าวเป็นคนบอกให้เราไปเผานางปีศาจ!” หนึ่งในนั้นร้องตะโกนทั้งน้ำตา

คำพูดของเขาทำให้ทุกคนตะลึงงันไปทันที

ท่านลุงจ้าว? จ้าวฝูชาง?

เขา…ทำเรื่องแบบนี้งั้นหรือ?

ชั่วพริบตาต่อมา จ้าวฝูชางซึ่งยืนเอามือไพล่หลังก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน

“ถูกต้อง เป็นข้า ข้าเป็นคนบอกให้พวกเขาไปเผาถ้ำของนาง”

ชายชราเดินตรงมาด้วยย่างก้าวมั่นคง “นางปีศาจเช่นนี้ เขาเว่ยอวิ๋นไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด”

ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ทุกคนก็ไม่พูดอะไรอีก ตระกูลจ้าวหยั่งรากฝังลึกมานาน หลายปีมานี้ก็เป็นที่เกรงขามของทุกคน ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าต่อต้าน อย่างน้อยก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาต่อหน้า

เซียวเถี่ยเฟิงแค่นหัวเราะเสียงเย็นพลางก้าวออกไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง “ท่านลุง หากเป็นท่าน เถี่ยเฟิงด้อยอาวุโสกว่าย่อมพูดอะไรไม่ได้ ดูท่าข้าคงต้องลงเขาไปขอความเป็นธรรมจากทางการเสียแล้ว”

“ฮ่าๆ เถี่ยเฟิง หากข้าคิดฆ่าคนจริง ทางการย่อมสมควรเข้ามาจัดการกับเรื่องนี้ แต่นางเป็นคนหรือ? ในอำเภอมีรายชื่อของนางอย่างนั้นหรือ? มีเอกสารประจำตัวของนางอย่างนั้นหรือ?”

กู้จิ้งได้ยินเช่นนี้ก็ตระหนักถึงปัญหาที่สำคัญมากเรื่องหนึ่งขึ้นมาทันที

เธอข้ามเวลามา ดังนั้นจึงไม่มีฐานะอะไรในโลกนี้

ทุกคนต่างนิ่งเงียบ ตามองกู้จิ้งที มองจ้าวฝูชางที ในใจก็อดนึกสงสัยไม่ได้

นางเป็นปีศาจจริงหรือ? หากเป็นปีศาจ จ้าวฝูชางวางเพลิงฆ่านางก็คงจะไม่มีความผิดนะ?

แต่ในตอนนั้นเอง ภรรยาของจ้าวจิ้งเยว่ซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนกลับตะโกนขึ้นว่า “ไม่ต้องสนใจหรอกว่าเมียของเถี่ยเฟิงเป็นปีศาจหรือเป็นเซียน นางเคยช่วยเรา! หากไม่ใช่นาง หยางต้านของข้าคงถูกหมาป่ากินไปแล้ว! ต่อให้เป็นปีศาจ นางก็เป็นปีศาจที่ดี! ปีศาจที่มีใจเมตตา ดีกว่าคนที่มีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตเสียอีก! อยู่ดีๆ ก็มีคนวิ่งไปวางเพลิงฆ่านาง นี่มันคนเสียสติชัดๆ”

“ใช่ๆๆ เขาเว่ยอวิ๋นของเราไม่ยอมรับคนจิตใจอำมหิตเช่นนี้เด็ดขาด!”

“หากไม่ใช่ต้าเซียน ลูกข้าคงตายไปนานแล้ว! ต้าเซียนช่วยชีวิตลูกของข้าไว้ ใครกล้าทำร้ายนาง ข้าจะแลกชีวิตกับมัน!”

“หากต้าเซียนเป็นอะไรไป ต่อไปถ้าคนบนภูเขาของเรามีเรื่องอะไร ใครจะมาช่วยเรา?”

“พูดถูก คนที่ทำร้ายต้าเซียนก็คือคนที่ทำร้ายพวกเรา!”

สถานการณ์เริ่มควบคุมไม่ได้ สตรีซึ่งเต็มไปด้วยความโกรธแค้นพุ่งเข้าไปหาจ้าวฝูชาง “ไอ้แก่ไม่รู้จักตาย กล้าล่วงเกินต้าเซียน!”

“หยุดนะ!” เสียงตะโกนดังขึ้น จากนั้นจ้าวจิ้งเทียนก็ก้าวออกมา

ยามนี้ จ้าวจิ้งเทียนซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อหลายวันก่อนสามารถเดินกะโผลกกะเผลกออกมาโดยมีท่านหมอเหลิ่งช่วยพยุงได้แล้ว

เสียงตะโกนโหวกเหวกเงียบลง แต่ไม่นานนักก็มีเสียงสตรีกล่าวเสียดสีขึ้นว่า “โอ้โฮ นี่ไม่ใช่หัวหน้าพรานเขาเว่ยอวิ๋นหรอกหรือ เป็นอะไรไป ยังไม่หายดีอีกรึ?”

“สนใจทำไมว่าหายดีหรือยัง อย่างน้อยก็ยังมีลมหายใจ แต่สามีของข้ากลับตายไปแล้ว!”

คนที่กล่าวคำพูดนี้ย่อมเป็นภรรยาของจ้าวลิ่วจื่อที่เสียชีวิตไป

ดวงตาของจ้าวจิ้งเทียนปรากฏแววขมขื่น เขายกมือขึ้นคารวะทุกคน จากนั้นจึงกล่าวกับเซียวเถี่ยเฟิงว่า “เถี่ยเฟิง เรื่องในวันนี้ พ่อของข้าเป็นฝ่ายทำไม่ถูก แต่ไม่ว่าอย่างไรท่านก็เป็นพ่อของข้า ข้าจะยืนมองดูท่านลำบากอยู่เฉยๆ ไม่ได้ เรื่องในวันนี้ ข้ายินดีรับการลงโทษแทน ข้าจ้าวจิ้งเทียนยืนอยู่ที่นี่ เจ้าจะลงโทษอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น”

จ้าวฝูชางได้ยินเช่นนี้ก็ตวาดเสียงดัง “บัดซบ ใครให้เจ้าออกมา! เจ้าเป็นหัวหน้าพรานเขาเว่ยอวิ๋นเรา จะยอมขายหน้าแบบนี้ได้อย่างไร? วันนี้ข้าจ้าวฝูชางทำผิด ใครทำคนนั้นรับผิดชอบ เซียวเถี่ยเฟิงจะทำอย่างไรก็สุดแท้แต่เขา!”

“ท่านพ่อ ไยต้องทำเช่นนี้ด้วย!”

จ้าวจิ้งเทียนกัดฟันด้วยความจนใจ

เขาย่อมรู้ว่าทำไมบิดาของเขาถึงต้องทำร้ายกู้จิ้ง ก็เพราะกลัวว่ากู้จิ้งมีอาคมสูงส่ง วันหน้าจะช่วยเถี่ยเฟิงต่อกรกับเขาน่ะสิ

แต่ว่า…จ้าวจิ้งเทียนมองกู้จิ้งซึ่งยืนอยู่ข้างกายเซียวเถี่ยเฟิง

ต่อให้นางช่วยเถี่ยเฟิงแล้วจะทำไม เขาเอง…ก็อยากให้นางมีชีวิตที่มีความสุข

เซียวเถี่ยเฟิงมองดูคนสองคนซึ่งแย่งกันรับโทษ จากนั้นก็หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากอกเสื้อ

“นี่ คือหนังสือแต่งงานของข้ากับเมียข้า ส่วนนี่ คือเอกสารประจำตัวของนาง”

หลังจากแน่ใจว่าทุกคนเห็นแล้ว เซียวเถี่ยเฟิงก็เก็บเอาไว้อย่างระมัดระวัง “แม้นางจะมีอาคม แต่ไม่ใช่ปีศาจอะไรทั้งนั้น นางเป็นคน เป็นภรรยาที่ถูกต้องของข้า มีคนคิดฆ่านาง ไม่ว่าเป็นใครก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ วันพรุ่งนี้ข้าจะไปร้องเรียนต่อทางการ”

สุดท้ายเรื่องวุ่นวายครั้งนี้จบลงด้วยการที่คนตระกูลเซียวหลายคน

เช่น เซียวซู่หลี่ยื่นมือเข้ามาแทรก ทุกคนนั่งลงแล้วเริ่มปรึกษากันว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร คนเฒ่าคนแก่หลายคนในเขาเว่ยอวิ๋นต่างก็เห็นว่าควรตกลงกันเงียบๆ แม้กระทั่งกู้จิ้งเองก็ยังรู้สึกว่า ถึงอย่างไรก็เป็นบรรพบุรุษของเขาเว่ยอวิ๋น คนที่เธอเคยเรียกอาเรียกอาสะใภ้ล้วนเป็นลูกหลานของคนเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องทำให้ท่านบรรพบุรุษลำบากใจ ปล่อยพวกเขาไปเถิด

ยิ่งไปกว่านั้น เธอกับเซียวเถี่ยเฟิงยังต้องอาศัยอยู่ที่นี่ต่อไป หลังจากเกิดเรื่องครั้งนี้ จ้าวฝูชางคงไม่กล้าคิดร้ายอะไรอีก

แต่เซียวเถี่ยเฟิงกลับไม่เห็นด้วย เขายืนกรานจะแจ้งทางการให้ได้ แม้คนตระกูลเซียวจะช่วยกันเกลี้ยกล่อม เซียวเถี่ยเฟิงก็ยังยืนกรานจะแจ้งทางการอยู่ดี

“เถี่ยเฟิง ถึงอย่างไรก็เป็นผู้อาวุโสของเขาเว่ยอวิ๋น อย่างน้อยก็ไว้หน้าเขาสักครั้งเถิด?”

เซียวเถี่ยเฟิงแค่นหัวเราะเสียงเย็น “นี่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็จะให้ข้าไว้หน้าเขา แต่ถ้าเมียของข้าเป็นอะไรไป ใครจะคืนเมียให้ข้า?”

แววตาทั้งคู่ของเขาเยียบเย็นราวคมธนู ทำให้เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายแทบจะไม่กล้ามองตรงๆ

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 71 จะให้นายกอด!

Now you are reading ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 Chapter 71 จะให้นายกอด! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กลางดึกรอบด้านมืดมิด ภูเขาซึ่งอยู่ห่างออกไปเห็นเป็นเงาดำตะคุ่ม ต้นไม้ใกล้ๆ เห็นเป็นสีขาวแกมเทา หมู่บ้านเล็กๆ ตกอยู่ท่ามกลางความเงียบ สายลมฤดูใบไม้ร่วงที่พัดผ่านมาให้ความรู้สึกเย็นยะเยือก

เซียวเถี่ยเฟิงกอดกู้จิ้งไว้กับอกพลางกระซิบตรงข้างหูเธอเบาๆ “คราวนี้รู้สึกหนาวรึยัง? ไม่ให้เจ้ามาก็ดึงดันจะมา ต้องให้ข้ากอดเอาไว้แล้วสินะ”

กู้จิ้งแค่นเสียงฮึดฮัดก่อนจะซุกตัวกับอกของเขาเพื่อแสวงหาความอบอุ่น “ฉันจะมา จะให้นายกอด!”

เซียวเถี่ยเฟิงขบติ่งหูของเธอเบาๆ “เด็กโง่!”

แม้อากาศจะหนาวเย็น แต่ลมหายใจที่สัมผัสกับติ่งหูของเธอกลับร้อนผ่าว กู้จิ้งเริ่มทนไม่ไหว ดังนั้นจึงกล่าวเสียงสั่น “นายเป็นผู้ชายของฉัน ฉันก็ต้องให้นายกอดอยู่แล้ว!”

เซียวเถี่ยเฟิงหัวเราะเสียงแหบ “รู้ก็ดีแล้ว”

ระหว่างที่พูด เขาไม่ขบอีก แต่เปลี่ยนไปเคี้ยวเบาๆ แทน

กู้จิ้งจั๊กจี้มากก็เลยพยายามหลบ

กำลังเล่นสนุกกันอยู่ จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังแว่วมาแต่ไกล ทั้งสองจึงรีบกลั้นหายใจนิ่ง

ไม่นานนักก็เห็นคนสองคนหาบคานเดินลับๆ ล่อๆ มาที่บ่อน้ำ

“ท่านลุงบอกว่านั่นเป็นแค่เรื่องโกหก ท่านอยู่มาจนอายุปูนนี้ยังไม่เคยได้ยินว่ามีอาคมแบบนี้มาก่อน เราคงไม่ได้หลงกลหรอกนะ?”

“ถุย! ฟังเขาพูดเหลวไหล คราวก่อนเราก็หลงกล หากไม่ใช่โลภอยากได้ผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ จากเขา เราต้องทำเรื่องแบบนี้หรือ? ข้าจะบอกให้นะ ถึงเซียวเถี่ยเฟิงจะจนก็ไม่ใช่จะตอแยได้ง่ายๆ ข้าได้ยินมาว่าสมัยอยู่ข้างนอก เขาทั้งเคยฆ่าคนทั้งเคยค้าของเถื่อน หากล่วงเกินเขา เราต้องแย่แน่!”

ทั้งสองพูดคุยกันไปเรื่อยๆ คิดไม่ถึงว่าพอเงยหน้าขึ้นจะเห็นชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่กำลังยืนจ้องพวกเขาด้วยสายตาเยียบเย็น

ทั้งสองสะดุ้งสุดตัวจนหาบหล่นลงบนพื้น ใบหน้าซีดขาว เสียงสั่นระริก “เจ้า…เจ้า…”

เซียวเถี่ยเฟิงไม่มีเวลาสนใจอะไรทั้งนั้น เขาก้าวเข้าไปจับตัวคนทั้งสองไว้ในมือคนละข้างพลางเค้นถามเสียงเย็น “บอกมา พวกเจ้าเป็นคนไปวางเพลิงที่ถ้ำใช่ไหม?”

“ไม่… ไม่ใช่อยู่แล้ว เราจะทำเรื่องแบบนั้น…”

พวกเขายังพูดไม่ทันจบ เซียวเถี่ยเฟิงก็จับร่างพวกเขายกขึ้นแล้วกระแทกเข้าด้วยกันอย่างแรง

ทั้งสองต่างรู้สึกว่าแผงอกของฝ่ายตรงข้ามแข็งมาก กระแทกเข้าด้วยกันแบบนี้ พวกเขาก็ทั้งเวียนหัวทั้งตาลายทั้งเจ็บอกจนแทบกระอักเลือดออกมา

“พูด!” เซียวเถี่ยเฟิงตะคอก สีหน้าเยียบเย็นน่าเกรงขามมาก

ทั้งสองตกใจจนวิญญาณแทบหลุดลอยออกจากร่าง สุดท้ายก็เข่าอ่อนทรุดฮวบลงตรงนั้น ปากพร่ำวิงวอนขอความเมตตาพลางสารภาพความจริง

“ไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตด้วย! เป็นพวกเรา แต่เราไม่ได้ตั้งใจนะ!”

“เถี่ยเฟิง เห็นแก่ที่เรามีบรรพบุรุษคนเดียวกัน เจ้าก็ปล่อยเราไปเถอะ? ที่บ้านข้ายังมีเมียมีลูกมีแม่แก่ๆ อีก!”

“อ๊าก… เถี่ยเฟิง ถ้ายังทำอย่างนี้อีกเราต้องตายแน่ ขอร้องเจ้าปล่อยเราไปเถอะนะ!”

“ปล่อยเราไปเถอะ!”

ถึงตอนนี้ คนอื่นๆ ในหมู่บ้านซึ่งได้ยินเสียงต่างก็พากันสวมเสื้อผ้าวิ่งออกมาดู แม้กระทั่งหมาในหมู่บ้านที่ชื่อวั่งไฉก็ส่งเสียงเห่าไม่หยุด

ทุกคนได้ยินทั้งสองยอมรับสารภาพเต็มสองหู “เป็นเรา เราเป็นคนไปวางเพลิงเผาถ้ำ แต่เราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เราไม่ได้เจตนา เรา…”

แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับกลับเป็นเท้าของเซียวเถี่ยเฟิง “ปากนี่ไม่รู้จักพูดความจริงใช่ไหม?”

กล่าวพลางเตะฝ่ายตรงข้ามจนเลือดกบปาก

“ข้าพูด ข้าพูด เราถูกคนบงการ ท่านลุงจ้าวเป็นคนบอกให้เราไปเผานางปีศาจ!” หนึ่งในนั้นร้องตะโกนทั้งน้ำตา

คำพูดของเขาทำให้ทุกคนตะลึงงันไปทันที

ท่านลุงจ้าว? จ้าวฝูชาง?

เขา…ทำเรื่องแบบนี้งั้นหรือ?

ชั่วพริบตาต่อมา จ้าวฝูชางซึ่งยืนเอามือไพล่หลังก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน

“ถูกต้อง เป็นข้า ข้าเป็นคนบอกให้พวกเขาไปเผาถ้ำของนาง”

ชายชราเดินตรงมาด้วยย่างก้าวมั่นคง “นางปีศาจเช่นนี้ เขาเว่ยอวิ๋นไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด”

ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ทุกคนก็ไม่พูดอะไรอีก ตระกูลจ้าวหยั่งรากฝังลึกมานาน หลายปีมานี้ก็เป็นที่เกรงขามของทุกคน ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าต่อต้าน อย่างน้อยก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาต่อหน้า

เซียวเถี่ยเฟิงแค่นหัวเราะเสียงเย็นพลางก้าวออกไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง “ท่านลุง หากเป็นท่าน เถี่ยเฟิงด้อยอาวุโสกว่าย่อมพูดอะไรไม่ได้ ดูท่าข้าคงต้องลงเขาไปขอความเป็นธรรมจากทางการเสียแล้ว”

“ฮ่าๆ เถี่ยเฟิง หากข้าคิดฆ่าคนจริง ทางการย่อมสมควรเข้ามาจัดการกับเรื่องนี้ แต่นางเป็นคนหรือ? ในอำเภอมีรายชื่อของนางอย่างนั้นหรือ? มีเอกสารประจำตัวของนางอย่างนั้นหรือ?”

กู้จิ้งได้ยินเช่นนี้ก็ตระหนักถึงปัญหาที่สำคัญมากเรื่องหนึ่งขึ้นมาทันที

เธอข้ามเวลามา ดังนั้นจึงไม่มีฐานะอะไรในโลกนี้

ทุกคนต่างนิ่งเงียบ ตามองกู้จิ้งที มองจ้าวฝูชางที ในใจก็อดนึกสงสัยไม่ได้

นางเป็นปีศาจจริงหรือ? หากเป็นปีศาจ จ้าวฝูชางวางเพลิงฆ่านางก็คงจะไม่มีความผิดนะ?

แต่ในตอนนั้นเอง ภรรยาของจ้าวจิ้งเยว่ซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนกลับตะโกนขึ้นว่า “ไม่ต้องสนใจหรอกว่าเมียของเถี่ยเฟิงเป็นปีศาจหรือเป็นเซียน นางเคยช่วยเรา! หากไม่ใช่นาง หยางต้านของข้าคงถูกหมาป่ากินไปแล้ว! ต่อให้เป็นปีศาจ นางก็เป็นปีศาจที่ดี! ปีศาจที่มีใจเมตตา ดีกว่าคนที่มีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตเสียอีก! อยู่ดีๆ ก็มีคนวิ่งไปวางเพลิงฆ่านาง นี่มันคนเสียสติชัดๆ”

“ใช่ๆๆ เขาเว่ยอวิ๋นของเราไม่ยอมรับคนจิตใจอำมหิตเช่นนี้เด็ดขาด!”

“หากไม่ใช่ต้าเซียน ลูกข้าคงตายไปนานแล้ว! ต้าเซียนช่วยชีวิตลูกของข้าไว้ ใครกล้าทำร้ายนาง ข้าจะแลกชีวิตกับมัน!”

“หากต้าเซียนเป็นอะไรไป ต่อไปถ้าคนบนภูเขาของเรามีเรื่องอะไร ใครจะมาช่วยเรา?”

“พูดถูก คนที่ทำร้ายต้าเซียนก็คือคนที่ทำร้ายพวกเรา!”

สถานการณ์เริ่มควบคุมไม่ได้ สตรีซึ่งเต็มไปด้วยความโกรธแค้นพุ่งเข้าไปหาจ้าวฝูชาง “ไอ้แก่ไม่รู้จักตาย กล้าล่วงเกินต้าเซียน!”

“หยุดนะ!” เสียงตะโกนดังขึ้น จากนั้นจ้าวจิ้งเทียนก็ก้าวออกมา

ยามนี้ จ้าวจิ้งเทียนซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อหลายวันก่อนสามารถเดินกะโผลกกะเผลกออกมาโดยมีท่านหมอเหลิ่งช่วยพยุงได้แล้ว

เสียงตะโกนโหวกเหวกเงียบลง แต่ไม่นานนักก็มีเสียงสตรีกล่าวเสียดสีขึ้นว่า “โอ้โฮ นี่ไม่ใช่หัวหน้าพรานเขาเว่ยอวิ๋นหรอกหรือ เป็นอะไรไป ยังไม่หายดีอีกรึ?”

“สนใจทำไมว่าหายดีหรือยัง อย่างน้อยก็ยังมีลมหายใจ แต่สามีของข้ากลับตายไปแล้ว!”

คนที่กล่าวคำพูดนี้ย่อมเป็นภรรยาของจ้าวลิ่วจื่อที่เสียชีวิตไป

ดวงตาของจ้าวจิ้งเทียนปรากฏแววขมขื่น เขายกมือขึ้นคารวะทุกคน จากนั้นจึงกล่าวกับเซียวเถี่ยเฟิงว่า “เถี่ยเฟิง เรื่องในวันนี้ พ่อของข้าเป็นฝ่ายทำไม่ถูก แต่ไม่ว่าอย่างไรท่านก็เป็นพ่อของข้า ข้าจะยืนมองดูท่านลำบากอยู่เฉยๆ ไม่ได้ เรื่องในวันนี้ ข้ายินดีรับการลงโทษแทน ข้าจ้าวจิ้งเทียนยืนอยู่ที่นี่ เจ้าจะลงโทษอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น”

จ้าวฝูชางได้ยินเช่นนี้ก็ตวาดเสียงดัง “บัดซบ ใครให้เจ้าออกมา! เจ้าเป็นหัวหน้าพรานเขาเว่ยอวิ๋นเรา จะยอมขายหน้าแบบนี้ได้อย่างไร? วันนี้ข้าจ้าวฝูชางทำผิด ใครทำคนนั้นรับผิดชอบ เซียวเถี่ยเฟิงจะทำอย่างไรก็สุดแท้แต่เขา!”

“ท่านพ่อ ไยต้องทำเช่นนี้ด้วย!”

จ้าวจิ้งเทียนกัดฟันด้วยความจนใจ

เขาย่อมรู้ว่าทำไมบิดาของเขาถึงต้องทำร้ายกู้จิ้ง ก็เพราะกลัวว่ากู้จิ้งมีอาคมสูงส่ง วันหน้าจะช่วยเถี่ยเฟิงต่อกรกับเขาน่ะสิ

แต่ว่า…จ้าวจิ้งเทียนมองกู้จิ้งซึ่งยืนอยู่ข้างกายเซียวเถี่ยเฟิง

ต่อให้นางช่วยเถี่ยเฟิงแล้วจะทำไม เขาเอง…ก็อยากให้นางมีชีวิตที่มีความสุข

เซียวเถี่ยเฟิงมองดูคนสองคนซึ่งแย่งกันรับโทษ จากนั้นก็หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากอกเสื้อ

“นี่ คือหนังสือแต่งงานของข้ากับเมียข้า ส่วนนี่ คือเอกสารประจำตัวของนาง”

หลังจากแน่ใจว่าทุกคนเห็นแล้ว เซียวเถี่ยเฟิงก็เก็บเอาไว้อย่างระมัดระวัง “แม้นางจะมีอาคม แต่ไม่ใช่ปีศาจอะไรทั้งนั้น นางเป็นคน เป็นภรรยาที่ถูกต้องของข้า มีคนคิดฆ่านาง ไม่ว่าเป็นใครก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ วันพรุ่งนี้ข้าจะไปร้องเรียนต่อทางการ”

สุดท้ายเรื่องวุ่นวายครั้งนี้จบลงด้วยการที่คนตระกูลเซียวหลายคน

เช่น เซียวซู่หลี่ยื่นมือเข้ามาแทรก ทุกคนนั่งลงแล้วเริ่มปรึกษากันว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร คนเฒ่าคนแก่หลายคนในเขาเว่ยอวิ๋นต่างก็เห็นว่าควรตกลงกันเงียบๆ แม้กระทั่งกู้จิ้งเองก็ยังรู้สึกว่า ถึงอย่างไรก็เป็นบรรพบุรุษของเขาเว่ยอวิ๋น คนที่เธอเคยเรียกอาเรียกอาสะใภ้ล้วนเป็นลูกหลานของคนเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องทำให้ท่านบรรพบุรุษลำบากใจ ปล่อยพวกเขาไปเถิด

ยิ่งไปกว่านั้น เธอกับเซียวเถี่ยเฟิงยังต้องอาศัยอยู่ที่นี่ต่อไป หลังจากเกิดเรื่องครั้งนี้ จ้าวฝูชางคงไม่กล้าคิดร้ายอะไรอีก

แต่เซียวเถี่ยเฟิงกลับไม่เห็นด้วย เขายืนกรานจะแจ้งทางการให้ได้ แม้คนตระกูลเซียวจะช่วยกันเกลี้ยกล่อม เซียวเถี่ยเฟิงก็ยังยืนกรานจะแจ้งทางการอยู่ดี

“เถี่ยเฟิง ถึงอย่างไรก็เป็นผู้อาวุโสของเขาเว่ยอวิ๋น อย่างน้อยก็ไว้หน้าเขาสักครั้งเถิด?”

เซียวเถี่ยเฟิงแค่นหัวเราะเสียงเย็น “นี่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็จะให้ข้าไว้หน้าเขา แต่ถ้าเมียของข้าเป็นอะไรไป ใครจะคืนเมียให้ข้า?”

แววตาทั้งคู่ของเขาเยียบเย็นราวคมธนู ทำให้เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายแทบจะไม่กล้ามองตรงๆ

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+