ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 126.1

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 126.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
เรียกราคาเกินควร

 

 

 

แม่จางจู้ดีดตัว “ผึง” ขึ้นมาจากเตียง

 

 

อาสะใภ้รองของจางจู้นึกว่าดีใจถึงได้ลุกขึ้นมา พูดอย่างหน้าชื่นตาบาน “เมื่อครู่พอข้าได้ยินเฉ่าเอ๋อร์พูด ก็ดีใจไม่แพ้พี่สะใภ้ใหญ่ ถึงได้รีบมาก่อน ชิงเอ๋อร์กำลังพาเฉ่าเอ๋อร์ตามมา”

 

 

เมิ่งเสียนตะลึงงัน เมิ่งชื่อตกตะลึง เมิ่งเชี่ยนโยวกลับมุ่นหัวคิ้ว

 

 

ตามหลักแล้วไม่ว่าใครมาพูดทาบทามให้ลูกหลาน ล้วนเป็นเรื่องดี เป็นเรื่องมงคล แต่พอเห็นอาสะใภ้รองของจางจู้เข้ามา แม่จางจู้ก็รู้สึกสะอิดสะเอือนราวกับกินแมลงวันเข้าไป อาหารกลางวันมื้อนี้เดิมก็ทำให้แม่จางจู้โมโหแทบคลั่งแล้ว หากไม่เพราะเห็นว่าลูกสาวลูกเขยอยู่ด้วย ได้อาละวาดไปนานแล้ว ตอนนี้เห็นนางได้คืบจะเอาศอก จะมาทำลายชีวิตหลานชายคนโตของตนเอง พลันสูญสิ้นสติสัมปชัญญะ

 

 

แม่จางจู้ถ่มน้ำลายใส่หน้าอาสะใภ้รองของจางจู้ ร้องด่า “เจ้าฝันไปเถอะ ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้”

 

 

อาสะใภ้รองของจางจู้เช็ดน้ำลายบนหน้า โมโหไม่พอใจแล้ว ร้องเอ็ดตะโรดังลั่น “ข้าฝันไปอย่างไร เฉ่าเอ๋อร์ของข้าหน้าตาสะสวย รูปร่างก็อรชร หากไม่เพราะเห็นว่าหลานเอ๋อร์มีโรงงานสองแห่ง ข้าไม่มีทางยอมให้เฉ่าเอ๋อร์แต่งเข้าบ้านพวกเขา รู้ไว้ด้วยว่าเฉ่าเอ๋อร์ของพวกเรา ภายหน้าจะต้องเป็นคุณนายเศรษฐี”

 

 

แม่จางจู้โมโหจนสั่นไปทั้งตัว คว้าถ้วยชาบนโต๊ะได้ก็ปาออกไป ตวาดเสียงดังสนั่น “ไสหัวไป!”

 

 

อาสะใภ้รองของจางจู้หลบไม่พ้น ถ้วยชาปะทะเข้าที่หน้าผากนาง เลือดสดๆ ไหลออกมาทันใด

 

 

ทุกคนในบ้านตะลึงงัน

 

 

อาสะใภ้รองของจางจู้รู้สึกได้ว่ามีสสารอุ่นเหลวไหลลงมา ใช้มือสัมผัส ทั้งมือเต็มไปด้วยเลือด ตกใจเกือบเป็นลมสลบไป ทิ้งก้นนั่งลงกับพื้น กรีดร้องอาละวาด “มีคนจะถูกฆ่า รีบมาช่วยข้าด้วย”

 

 

จางจู้ ภรรยาจางจู้และภรรยาจางเกินกำลังทำบะหมี่อยู่ในครัว ได้ยินเสียงร้องเวทนานี้ สะดุ้งตกใจรีบวิ่งออกมาจากครัว เห็นอาสะใภ้รองของจางจู้นอนแผ่หลาใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด ก็ตกใจขวัญผวา

 

 

แม่จางจู้เขวี้ยงถ้วยชาออกไปเพราะความโมโห ไม่คิดว่าจะไปโดนหน้าผากนางแตก พลันตะลึงค้างอยู่ตรงนั้น

 

 

อาสะใภ้รองของจางจู้ร้องอาละวาดต่อ “เถี่ยเอ๋อร์ ชิงเอ๋อร์ พวกเจ้ารีบมาช่วยแม่เร็ว แม่จะถูกตีตายแล้ว”

 

 

ชิงเอ๋อร์พาบุตรสาวตนเองเข้ามาในลานบ้านอย่างหน้าชื่นตาบาน ได้ยินเสียงร้องโหยหวน รีบสาวเท้าเข้าไปในบ้าน เห็นแม่ตนเองนอนแผ่หลาใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดอยู่บนพื้น ร้องโหวกเหวกเสียงหลง “ท่านแม่ ท่านเป็นอะไร”

 

 

อาสะใภ้รองของจางจู้รีบร้อนพูดกับบุตรสาว “ชิงเอ๋อร์ เจ้ารีบไปบอกพ่อและพี่ชายเจ้า บอกว่าแม่ใกล้จะตายแล้ว ถูกคนตีใกล้ตายแล้ว”

 

 

ชิงเอ๋อร์ลนลานพยักหน้า หันไปพูดกับเฉ่าเอ๋อร์ที่ยืนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก “ยังจะยืนเซ่ออะไรอีก ยังไม่รีบไปเรียกคน”

 

 

เฉ่าเอ๋อร์ผลุนผลันวิ่งออกไป

 

 

ชิงเอ๋อร์นั่งยองถามอย่างร้อนรุ่มใจ “ท่านแม่ ใครที่โหดเ**้ยมเช่นนี้ ทำร้ายท่านจนกลายเป็นเช่นนี้ ท่านบอกข้ามา พวกเราจะไม่ไว้หน้าเขาเด็ดขาด”

 

 

อาสะใภ้รองของจางจู้ตอบ “ป้าใหญ่ใจยักษ์ของเจ้าอย่างไร แม่ปรารถนาดีจะยกเฉ่าเอ๋อร์ให้หลายชายคนโตของเขา ไม่คิดว่านางไม่เพียงไม่รับน้ำใจ ยังทำร้ายแม่จนเป็นแบบนี้ ชิงเอ๋อร์ หากแม่ตายไป ลูกจะต้องช่วยทวงคืนความยุติธรรมให้แม่”

 

 

“วางใจเถอะ บาดแผลเล็กน้อยแค่ทำให้เลือดไหล ไม่ถึงกับตาย” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเย็นเยียบ

 

 

อาสะใภ้รองของจางจู้พลันหันหน้าไปที่นาง พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เด็กไม่ประสาอย่างเจ้าจะไปรู้อะไร จะไม่ถึงกับตายได้อย่างไร ตอนนี้ข้ารู้สึกล่องลอยไร้เรี่ยวแรงแล้ว” พูดจบ หันไปคว้ามือชิงเอ๋อร์แล้วพูด “ชิงเอ๋อร์ แม่ไม่ไหวแล้ว ตอนนี้แม่มึนหัวเหลือเกิน”

 

 

ชิงเอ๋อร์เข้าไปพยุงแม่ตนเองขึ้นอย่างเหนื่อยยากพลางพูดว่า “ท่านแม่ ท่านลุกขึ้นก่อน ข้าจะพยุงท่านขึ้นไปนอนบนเตียง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยืนขวางตรงหน้าพวกเขา พูดอย่างเย็นเยียบ “พวกเจ้าชำระล้างตัวก่อนเถอะ เดี๋ยวจะทำเตียงท่านยายข้าเลอะ”

 

 

อาสะใภ้รองของจางจู้บันดาลโทสะ ยกมือฟาดลงมาพร้อมก่นด่า “นังเด็กไม่ประสาแส่หาเรื่องนัก!”

 

 

เมิ่งชื่อคิดจะเข้าไปห้ามก็ไม่ทันการแล้ว ร้องอุทานขวัญผวา “โยวเอ๋อร์!”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเบี่ยงตัวหลบ ยกเท้าถีบอาสะใภ้รองของจางจู้

 

 

อาสะใภ้รองของจางจู้เจ็บปวดร้องโอดโอย ยืนโงนๆ เงนๆ ล้มไปด้านหลัง ชิงเอ๋อร์เหนี่ยวรั้งไว้ไม่ทัน ล้มถอยหลังตามไปด้วย สองแม่ลูกล้มไปโดนโต๊ะกินอาหารกลางวันที่ยังไม่ได้เก็บกวาด ถ้วยจานบนโต๊ะเอียงตกใส่คนทั้งสอง น้ำซุปในชามเทราดเลอะเทอะไปทั้งตัว

 

 

คนทั้งหมดตื่นตะลึงกับเหตุการณ์พลิกผันตรงหน้า ตาค้างทำอะไรไม่ถูก

 

 

อาสะใภ้รองของจางจู้แผดเสียงร้องเหมือนหมูถูกเชือด “ฆ่าคนแล้ว ฆ่าคน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแสยะยิ้มเดินมาตรงหน้านาง ยกเท้าหมายจะถีบตัวนาง

 

 

อาสะใภ้รองของจางจู้กลับหมุนตัวหลบได้อย่างคล่องแคล่ว คลานออกไปนอกประตูแผดเสียงร้องสุดชีวิต “ฆ่าคนแล้ว ใครก็ได้มาช่วยที”

 

 

จางเถี่ยที่ได้รับทราบข่าวเพิ่งจะก้าวพ้นประตูลานบ้านเข้ามา ก็เห็นแม่ตนเองใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดคลานออกจากประตูแผดเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ตกใจตัวลอย รีบวิ่งเข้าไปถามไถ่ “ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้นกับท่าน”

 

 

อาสะใภ้รองของจางจู้เห็นมีคนมาช่วยแล้ว คว้ามือจางเถี่ยแน่น ร้องไห้ฟูมฟาย “เถี่ยเอ๋อร์ เจ้ามาเสียที แม่จะถูกพวกมันฆ่าตายแล้ว”

 

 

ชิงเอ๋อร์ที่อยู่ในสภาพน่าสังเวชก็คลานออกมาจากในบ้าน พูดกับจางเถี่ยด้วยเสียงสั่นเครือ “ท่านพี่ หากท่านยังไม่มา ข้ากับท่านแม่ได้ถูกพวกเขาฆ่าตายไปจริงๆ แล้ว”

 

 

ภรรยาจางจู้พูดโต้แย้ง “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร พวกเราไม่มีใครลงมือทำร้ายเจ้า”

 

 

ชิงเอ๋อร์กะพริบตาปริบ ไม่พูดอะไร

 

 

อาสะใภ้รองของจางจู้ชี้หน้าเมิ่งเชี่ยนโยวพูดขึ้น “นังตัวดีนั่นที่ทำร้ายพวกเรา” พูดจบ แผดเสียงร้องดังลั่น “โอ๊ย เจ็บจะตายแล้ว กระดูกข้าจะต้องถูกนางถีบจนหักไปแล้ว”

 

 

แม่จางจู้พูดอย่างเกรี้ยวกราด “สมน้ำหน้า คิดจะตบโยวเอ๋อร์ของพวกเรา ไม่หักเล็บเจ้าทิ้ง ถือว่ายอมเสียเปรียบพวกเจ้าแล้ว”

 

 

อาสะใภ้รองของจางจู้กำลังจะด่ากลับ

 

 

อารองของจางจู้ก็นำคนที่เหลือเดินหอบเข้ามาในลานบ้าน เห็นภรรยาและบุตรสาวตนเองคลานอยู่บนพื้นในสภาพน่าสมเพศ ร้อนรนถามไถ่ “เกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้า”

 

 

ต้าเป่า เสียวเป่าเห็นใบหน้าอาสะใภ้รองของจางจู้เต็มไปด้วยเลือด ตกใจจนร้องไห้จ้า “ท่านยายจะตายแล้ว ท่านยายจะตายแล้ว”

 

 

สามีชิงเอ๋อร์รีบเข้าไปปิดปากพวกเขา

 

 

อาสะใภ้รองของจางจู้ร้องไห้ฟูมฟาย “ตาเฒ่า เจ้ามาเสียที ข้าจะถูกตีตายแล้ว”

 

 

อารองของจางจู้ขมวดคิ้วมุ่น พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้เกิดเรื่องอันใดขึ้น”

 

 

แม่จางจู้ตอบอย่างฉุนเฉียว “นังคนหน้าด้านไร้ยางอายเข้ามาพูดเหลวไหล ข้าบันดาลโทสะคว้าถ้วยชาเขวี้ยงใส่นาง”

 

 

อาสะใภ้รองของจางจู้โต้กลับ “ข้าพูดเหลวไหลตรงไหน ข้าตั้งใจมาทาบทามหลานชายคนโตของเจ้า เจ้ากลับไม่แยกแยะถูกผิดคว้าถ้วยชาเขวี้ยงใส่ข้า จะบอกให้นะ หากวันนี้เจ้าไม่มีคำตอบที่ข้าพอใจ ข้าจะเอาเรื่องเจ้าให้ถึงที่สุด”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินหน้า ถามด้วยใบหน้าอึมครึม “เจ้าจะเอาเรื่องเช่นไร”

 

 

อาสะใภ้รองของจางจู้หวาดผวาขดตัวเข้าไปอยู่อ้อมกอดจางเถี่ย ฝืนพูดขึ้น “ข้าจะให้คนทั้งหมู่บ้านรู้ว่า เป็นนังเด็กไม่ประสาอย่างเจ้าที่ทำร้ายข้าจนเป็นเช่นนี้ ให้ต่อไปเจ้าไม่มีหน้าไปพบเจอคนอีก”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองกลุ่มคนที่พอได้ยินข่าวก็รีบมาดูเรื่องสนุกในลานบ้าน พูดกับอาสะใภ้รองของจางจู้อย่างลุ่มลึกอำมหิต “เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะสงเคราะห์ให้เจ้าเอง” พูดจบ ก็ยกเท้าขึ้น

 

 

อาสะใภ้รองของจางจู้กรีดร้อง “เจ้ากล้า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดอะไร เตะเข้าใส่ตัวนาง อาสะใภ้รองของจางจู้เจ็บจนเปล่งเสียงร้องโอดโอย

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวคิดจะเตะอีก เมิ่งเสียนรีบเข้ามาห้ามนาง

 

 

จางเถี่ยสติหลุดแล้ว ลุกขึ้นยืน พุ่งตรงมาที่เมิ่งเชี่ยนโยวง้างมือตบลงมาเต็มแรง พลางพูดก่นด่า “นังตัวดีไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ แม้แต่ผู้อาวุโสก็กล้าตี ไร้การอบรมสั่งสอน”

 

 

เมิ่งเสียนยืนบังหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว ฝ่ามือจางเถี่ยตบเข้ามาที่ใบหน้าเขาพอดี ใบหน้าเมิ่งเสียนบวมแดงฉับพลัน

 

 

“พี่ใหญ่!” เมิ่งฉีร้องอุทาน พุ่งตัวเข้ามา เตะอัดจางเถี่ยเต็มแรง

 

 

จางเถี่ยถูกแตะจนล้มไปกองกับพื้น

 

 

ภรรยาจางเถี่ยแผดเสียงกรีดร้อง “จางเถี่ย!” พาลูกๆ วิ่งมาตรงหน้าเขา

 

 

อารองของจางจู้โมโหจนตัวสั่น หันไปพูดกับพ่อจางจู้อย่างโมโหสุดขีด “พี่ใหญ่ ท่านยอมให้พวกเขาทำร้ายคนได้อย่างไร”

 

 

พ่อจางจู้ไม่คิดว่าเมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉีจะลงมือทำร้ายคน ยืนตะลึงพรึงเพริด ได้ยินน้องชายตนเองถามเช่นนี้ ก็พูดไม่ออก

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นรีบเข้ามาต่อว่า “ฉีเอ๋อร์ ใครให้เจ้าทำร้ายคน ยังไม่รีบขอโทษ”

 

 

เมิ่งฉีไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ ยังคงถลึงตาใส่ครอบครัวนั้นอย่างเคืองขุ่น พ่อจางเถี่ยรู้ว่าเรื่องในวันนี้ด้วยครอบครัวตนเองไม่มีทางได้เรื่อง หันไปตะโกนบอกภรรยาจางเถี่ย “เจ้ารีบไปเรียกผู้ใหญ่บ้านมา บอกว่าเกิดเรื่องคอขาดบาดตายที่นี่”

 

 

ภรรยาจางเถี่ยรีบวิ่งออกไปหาผู้ใหญ่บ้าน

 

 

เมิ่งชื่อเดินขึ้นหน้า มองใบหน้าแดงบวมของเมิ่งเสียน เจ็บปวดใจน้ำตาไหลเผาะ

 

 

แม่จางจู้ก็ปวดใจแทบทนไม่ไหว หันไปด่าจางเถี่ยอย่างโกรธเกรี้ยว “น่าจะเตะหญิงไร้ยางอายนั่นให้ตายไปซะ”

 

 

พ่อจางจู้ดุว่า “ไม่ต้องพูดแล้ว เรื่องเกิดเพราะเจ้าทั้งนั้น”

 

 

แม่จางจู้พูดอย่างไม่ยอม “เรื่องเกิดเพราะข้าได้อย่างไร หากไม่เพราะคางคกอย่างพวกเขาคิดจะกินเนื้อหงส์ จะเกิดเรื่องเช่นนี้หรือ จะบอกให้นะ ประเดี๋ยวพอผู้ใหญ่บ้านมา เจ้าจงตัดขาดความสัมพันธ์กับพวกเขาไปด้วยเลย”

 

 

ภรรยาจางจู้และภรรยาจางเกินก็ปวดใจไม่น้อย ล้อมถามเมิ่งเสียนเป็นอะไรมากหรือไม่ จะให้ตามหมอมาดูหรือไม่

 

 

เมิ่งเสียนใบหน้าบวมแดง พูดปลอบใจ “ท่านป้าใหญ่ ท่านป้ารอง พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่เป็นอะไร อีกสองวันก็หายดีแล้ว ไม่ต้องเชิญหมอมา”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองใบหน้าเมิ่งเสียน ใบหน้าอึมครึมไม่พูดอะไร

 

 

ผู้ใหญ่บ้านได้ยินว่าเกิดเรื่องคอขาดบาดตาย ตะลีตะลานตามภรรยาจางเถี่ยมาทันที พอเห็นเหตุการณ์ในลานบ้าน ก็ตกใจตัวโยน ถามอย่างวางอำนาจ “เกิดเรื่องอันใดขึ้น”

 

 

อาสะใภ้รองของจางจู้คลานไปตรงหน้าผู้ใหญ่บ้าน ร้องไห้ฟูมฟาย “ท่านผู้ใหญ่บ้าน ท่านต้องให้ความยุติธรรมพวกเราด้วย พวกเราจะถูกฆ่าตายทั้งครอบครัวแล้ว”

 

 

ผู้ใหญ่บ้านมุ่นหัวคิ้ว พูดตวาด “มีอะไรค่อยพูดค่อยจา ร้องไห้ฟูมฟายข้าฟังไม่รู้เรื่อง”

 

 

อาสะใภ้รองของจางจู้หยุดร้องไห้ ใส่สีตีไข่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอีกรอบ สุดท้ายพูดว่า “ผู้ใหญ่บ้าน พวกเขาลงมือเ**้ยมโหดนัก ตอนนี้ข้าเจ็บไปหมดทั้งตัวแล้ว”

 

 

ผู้ใหญ่บ้านมองชิงเอ๋อร์และจางเถี่ยที่นอนล้มอยู่ในลานบ้าน แล้วมองคนในครอบครัวภรรยาจางจู้ที่เต็มไปด้วยความเคืองแค้น พอจะเข้าใจเรื่องโดยรวมแล้ว ถามขึ้น “พ่อจางจู้ เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

 

 

แม่จางจู้ตอบ “ไม่ใช่อย่างที่นางพูดสักนิด ทุกคนต่างก็เห็นกับตา เป็นพวกเขาที่ลงมือทำร้ายคนก่อน เด็กๆ เพียงแค่โต้กลับพวกเขา หาได้ร้ายแรงอย่างที่นางพูดไม่ นางต้องการจะป้ายสีพวกเรา”

 

 

อาสะใภ้รองของจางจู้โต้กลับ “ผู้ใหญ่สั่งสอนเด็กเป็นเรื่องสมควร พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดแม้แต่น้อย”

 

 

แม่จางจู้ตอบ “ลูกหลานของพวกเราไยต้องให้พวกเจ้ามาสั่งสอน เจ้าเป็นใครมาจากไหน”

 

 

ผู้ใหญ่บ้านตวาดคนทั้งสอง “พอแล้ว จะทะเลาะกันไปถึงไหน”

 

 

ทั้งสองเงียบปาก

 

 

ผู้ใหญ่บ้านหันไปพูดกับพ่อจางจู้ “ไม่ว่าอย่างไรพวกเจ้าก็ทำร้ายคนจนมีสภาพนี้ หากไม่ชดใช้ เรื่องจะจบไม่ลง”

 

 

แม่จางจู้คิดจะพูดอีก เมิ่งชื่อหันไปส่ายหน้าให้นาง

 

 

ผู้ใหญ่บ้านพูดกับอาสะใภ้รองของจางจู้ “ข้าเห็นเจ้าไม่ได้เป็นอะไรมาก…”

 

 

อาสะใภ้รองของจางจู้พูดแทรกเขา “ท่านผู้ใหญ่บ้าน ต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้าน ท่านจะลำเอียงเช่นนี้ไม่ได้ เห็นไหมว่าหน้าข้าเต็มไปด้วยเลือด ยืนก็ยืนไม่ไหวแล้ว จะไม่เป็นอะไรมากได้อย่างไร”

 

 

ผู้ใหญ่บ้านโมโหเดือดดาล พูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากเจ้าเป็นอะไรจริง รีบไปหาหมอนานแล้ว ยังจะมาตีโพยตีพายอยู่เช่นนี้ได้หรือ”

 

 

อาสะใภ้รองของจางจู้ผ่อนน้ำเสียงอ่อนลง “ข้าก็เพียงกัดฟันทนไว้ คิดว่าพอพวกเขาชดใช้เสร็จค่อยไปหาหมอ อย่างไรเลือดก็ไหลแค่เล็กน้อยไม่ทำให้ถึงแก่ชีวิตได้”

 

 

แม้เสียงจะไม่ดังมาก แต่คนหูดีที่ได้ยินชัดเจน แอบหลุดขำ หันไปพูดให้คนข้างๆ ฟัง กลุ่มคนพากันหัวเราะร่วน

 

 

ผู้ใหญ่บ้านก็โมโหจนหัวเราะตาม ถามอย่างแหนงหน่าย “เจ้าจะให้พวกเขาชดใช้อย่างไร”

 

 

อาสะใภ้รองของจางจู้กลิ้งกลอกนัยน์ตา คิดใคร่ครวญ แล้วหันไปพูดกับผู้ใหญ่บ้านเสียงดัง “หากพวกเขาต้องการจบเรื่องในวันนี้ จะต้องรับปากพวกเราสามข้อ ไม่เช่นนั้นข้าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด