ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 130.3

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 130.3 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตามหา

 

 

 

เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีรีบเข้าไปห้ามปราม

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลับแผดเสียงดังสนั่น “ท่านแม่!”

 

 

เมิ่งชื่อหยุดการกระทำ มองนางอย่างเหม่อลอย

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ท่านแม่ ท่านดูสภาพตัวเองสิ หากเจี๋ยเอ๋อร์กลับมา จะต้องตกใจหวาดผวา”

 

 

เมิ่งชื่อถามอย่างเสียสติ “โยวเอ๋อร์ เจ้าบอกแม่ เจี๋ยเอ๋อร์จะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยใช่หรือไม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ใช่ เจี๋ยเอ๋อร์จะต้องปลอดภัยกลับมา”

 

 

เมิ่งชื่อพูดเร่งเร้า “เจ้ารับประกันกับแม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดยืนยัน “ข้าขอรับประกัน เจี๋ยเอ๋อร์จะต้องกลับมา”

 

 

เมิ่งชื่อไม่ดิ้นรนขัดขืนอีก แสยะแย้มยิ้ม “ได้ แม่เชื่อเจ้า แม่จะไปล้างหน้าล้างตา เจี๋ยเอ๋อร์กลับมาจะได้ไม่ตกใจ”

 

 

เห็นเมิ่งชื่อมีอาการเช่นนั้น เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีตกใจหนัก ร้องเรียกพร้อมกัน “น้องสาว!”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวปลอบโยนพวกเขา “พี่ใหญ่ พี่รองไม่ต้องเป็นห่วง ท่านแม่ไม่เป็นอะไร รอน้องเล็กกลับมาก็พอ”

 

 

ทั้งสองพยักหน้าอย่างหวาดผวา มองเมิ่งชื่อที่ใกล้จะเสียสติอย่างเป็นห่วง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกำชับกับเมิ่งเอ้ออิ๋น “ท่านพ่อ ท่านจะต้องเฝ้าดูท่านแม่ให้ดี ห้ามให้เกิดเรื่องอันใดกับนางเด็ดขาด”

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นพยักหน้าหนักแน่น

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ ท่านไปบอกเสี่ยวเอ้อให้ส่งอาหารขึ้นมา พวกเรากินอะไรเสียหน่อย เก็บเรี่ยวแรงเอาไว้ เมื่อได้ข่าวของเจี๋ยเอ๋อร์ พวกเราจะรีบไปทันที”

 

 

เมิ่งเสียนตกใจจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว ได้ยินคำพูดของเมิ่งเชี่ยนโยว รีบลงไปบอกเสี่ยวเอ้อให้ส่งอาหารขึ้นมา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับให้สองสามีภรรยาเมิ่ง เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีกินข้าว ตัวเองก็ยกสำรับอาหารมายังห้องข้างๆ พูดกับทั้งสองคนว่า “อี้เซวียน ชิงเอ๋อร์กินข้าวเถอะ”

 

 

เมิ่งชิงกำลังเล่นหน้ากากอยู่บนโต๊ะ เมิ่งอี้เซวียนนั่งมองเขาอยู่อีกด้านเงียบๆ เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวยกอาหารเข้ามา เมิ่งชิงรีบวางหน้ากากในมือลง

 

 

เมิ่งอี้เซวียนถามเสียงแผ่ว “ได้ข่าวแล้วหรือไม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า

 

 

เมิ่งอี้เซวียนสีหน้าหมองเศร้า

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับเขาอย่างหนักแน่น “อี้เซวียน เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง เจี๋ยเอ๋อร์จะต้องกลับมา อีกอย่าง เจ้าต้องดูแลชิงเอ๋อร์ให้ดี วันนี้พวกเจ้าสองคนอยู่แต่ในห้องนี้ ห้ามไปไหนเด็ดขาด”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพูดรับรอง “ข้ารู้แล้ว ข้าจะดูแลชิงเอ๋อร์เป็นอย่างดีเอง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าชื่นชม พูดเสียงเบา “กินข้าวเถอะ”

 

 

เมิ่งชิงยังเด็ก ตอนเช้าได้รับคำรับรองจากเมิ่งเชี่ยนโยว คิดว่าอย่างไรก็จะต้องหาเจี๋ยเอ๋อร์เจอ ดังนั้นจึงกินข้าวอย่างสุขสำราญใจ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งอี้เซวียนใจคอห่อเ**่ยว เพียงแค่กินไม่กี่คำอย่างขอไปที แล้วก็วางตะเกียบลง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบหน้ากากบนโต๊ะขึ้น มองดูส่งๆ แล้ววางกลับไปบนโต๊ะ

 

 

กินอาหารเที่ยงเสร็จ ทุกคนก็มานั่งกระสับกระส่ายรออีกครึ่งบ่าย แต่ก็ยังไม่มีข่าวส่งมา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งไม่ติดอีกต่อไปแล้ว ลุกขึ้นพูดกับเมิ่งเสียนและเมิ่งฉี “พี่ใหญ่ พี่รองพวกท่านรอฟังข่าวที่โรงเตี๊ยม ข้าจะไปที่ประตูเมืองสืบถามว่าได้ข่าวอะไรหรือไม่”

 

 

พูดจบไม่รอให้ทั้งสองคนรับคำ ก็วิ่งพรวดพราดลงไปชั้นล่าง ให้หลงจู๊สั่งการเสี่ยวเอ้อเตรียมรถม้า นางต้องการไปที่ประตูเมือง

 

 

หลงจู๊ไม่รอช้า รีบสั่งการเสี่ยวเอ้อใกล้ตัวไปเตรียมรถม้าออกมา

 

 

อึดใจเดียวเสี่ยวเอ้อก็บังคับรถม้าออกมา เมิ่งเชี่ยนโยวขึ้นนั่งบนรถม้า พนักงานกระตุกบังเ**ยนนำรถม้ามายังประตูเมือง

 

 

เปาอีฝาน เซี่ยเจียงเฟิง อันอี่หยวนและจูหลานหลังจากกินอาหารเที่ยงก็รีบรุดมาที่ประตูเมือง ทำการตรวจตรารถที่ออกนอกเมืองทุกคันอย่างละเอียด

 

 

รถม้ามาถึงประตูเมือง เมิ่งเชี่ยนโยวรีบลงจากรถ ถามพวกเขาทั้งหมด “ได้ข่าวแล้วหรือไม่”

 

 

คนทั้งหมดส่ายหน้า

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวท้อแท้สิ้นหวัง

 

 

คนทั้งหมดไม่รู้จะปลอบนางอย่างไร ทำได้เพียงมองนางเงียบๆ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองไปโดยรอบแวบหนึ่ง มีผู้คนเข้าออกประตูเมืองจำนวนมาก รถที่ออกนอกเมืองกลับมีน้อย เวลาครู่ใหญ่ถึงจะมีรถออกมาคันหนึ่ง เจ้าหน้าที่หลายนายและพวกเปาอีฝานทั้งสี่คนเฝ้าอยู่หน้าประตู ไม่มีทางปล่อยให้รถเล็ดลอดไปได้ นั้นหมายความว่าเมิ่งเจี๋ยยังอยู่ในเมือง เช่นนั้นเหตุใดถึงไม่มีใครมาส่งข่าวเล่า

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วขบคิด กวาดตามองรถม้าของจูหลานแวบหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ กลับเห็นคนงานที่บังคับรถม้าเปลี่ยนไป พลันถามขึ้นอย่างสงสัย “คุณชายจู คนงานที่เดิมบังคับรถม้าให้เจ้าเล่า”

 

 

ได้ยินนางถามถึงคนงานบังคับรถม้า จูหลานไม่เข้าใจ แต่ก็ยังตอบไปว่า “เขาบอกว่าที่บ้านมีธุระด่วน กลับบ้านเกิดไปแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่งเสียงอ่อ หันกลับมามองประตูเมือง ในสมองกลับมีบางสิ่งแว๊บเข้ามา พลันหันกลับไปถามอย่างเร่งเร้า “เขากลับไปตอนไหน”

 

 

จูหลานตอบ “กินอาหารเที่ยงเสร็จก็ไป ยังออกมาพร้อมกับรถม้าของข้าด้วย”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวผลุนผลันคว้าเสื้อของเขาถามเสียงดังลั่น “เจ้ารู้หรือไม่ว่าบ้านเกิดเขาอยู่ที่ใด”

 

 

จูหลานตกใจตัวโยน รีบตอบกลับไป “ไม่รู้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถลึงตาคำรามเสียงสนั่น “มีใครรู้หรือไม่ว่าบ้านเกิดเขาอยู่ที่ใด”

 

 

จูหลานส่ายหน้า “ข้าไม่รู้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวร้อนใจตาแดงก่ำ พูดเสียงเข้ม “รีบไปสอบถาม เขาจะต้องรู้ว่าเจี๋ยเอ๋อร์อยู่ที่ไหน”

 

 

เปาอีฝานและคนที่เหลือตกตะลึง ลนลานถาม “แม่นางรู้ได้อย่างไรว่าคนงานคนนั้นจะรู้ว่าเจี๋ยเอ๋อร์อยู่ที่ใด”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “ตอนนี้ข้าบอกพวกเจ้าได้ไม่ชัดแจ้ง รอให้เจอคนงานคนนั้นก่อนค่อยพูดเถอะ”

 

 

จูหลานหันไปพูดกับคนบังคับรถม้า “เจ้ารีบกลับไปสอบถาม มีใครรู้จักบ้านของจิ่วซื่อบ้าง”

 

 

คนงานตอบกลับ “นายท่าน ข้าเคยได้ยินจิ่วซื่อพูด เหมือนว่าบ้านเขาจะอยู่หมู่บ้านเซียงเหอไม่ไกลจากตัวอำเภอนี้ นั่งรถม้าไปไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็ถึง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหมุนตัวกลับขึ้นนั่งบนรถม้าของจูหลาน พูดกับคนงานอย่างเร็วรี่ “รีบพาพวกเราไป”

 

 

คนงานมองจูหลาน

 

 

จูหลานรีบขึ้นรถม้าพลางตวาดเขา “มองข้าทำไม ยังไม่รีบออกรถ”

 

 

คนงานรีบบังคับรถม้าออกไป

 

 

เปาอีฝาน เซี่ยเจียงเฟิงและคนที่เหลือหันหน้ามองกัน จากนั้นแยกย้ายขึ้นรถม้า ตามติดไป

 

 

ระหว่างทางจูหลานเอาแต่เร่งเร้า คนงานตะบึงฮ่อโจนทะยาน ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็มาถึงหมู่บ้านเซียงเหอ

 

 

คนในหมู่บ้านเห็นรถม้าหลายคันเข้ามาในหมู่บ้าน เกิดความสงสัยเข้ามาล้อมดู

 

 

คนงานบังคับรถม้าสอบถามว่าบ้านจิ่วซื่ออยู่ที่ไหน

 

 

มีคนชี้บอกทาง

 

 

คนงานบังคับรถม้าตรงมาถึงบ้านจิ่วซื่อ

 

 

จิ่วซื่อเองก็เพิ่งถึงบ้าน คนในบ้านต่างประหลาดใจ ซักถามเขาเหตุใดถึงไม่ตั้งใจทำงานในเมือง กลับบ้านมาด้วยเหตุใด

 

 

จิ่วซื่ออึกๆ อักๆ พูดไม่ออก

 

 

คนในบ้านกำลังจะถามต่อ กลับเห็นรถม้าหลายคันมาจอดหน้าประตูบ้าน ออกไปรับหน้าอย่างแคลงใจ

 

 

จูหลานลงจากรถม้าพูดขึ้น “ข้าเป็นนายจ้างของจิ่วซื่อ มีเรื่องด่วนต้องการพบเขา ไม่ทราบว่าเขาอยู่บ้านหรือไม่”

 

 

คนในครอบครัวพยักหน้าเลิกลั่ก “อยู่ๆๆ เขาเพิ่งกลับมา ตอนนี้อยู่ในบ้าน” พูดจบตะโกนเข้าไปในบ้าน “จิ่วซื่อ รีบออกมา นายจ้างของเจ้ามาหา”

 

 

จิ่วซื่อตกใจหน้าซีดเผือก เดินตัวสั่นออกมาจากในบ้าน ถามเสียงสั่น “นายท่าน มาหาข้ามีเรื่องอันใด”

 

 

จูหลานกำลังจะพูด เมิ่งเชี่ยนโยวกลับแย่งเขาพูดขึ้น “พรุ่งนี้นายท่านของเจ้าต้องการไปสำรวจร้านสาขา คุ้นชินกับการบังคับรถม้าของเจ้า หากในบ้านเจ้าไม่มีเรื่องอันใด ก็รีบตามพวกเรากลับไปเถอะ”

 

 

คนในครอบครัวจิ่วซื่อพอได้ยินว่าจิ่วซื่อได้รับความไว้วางใจเช่นนี้ รีบร้อนพูด “บ้านเราเดิมก็ไม่มีเรื่องอันใด ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงกลับมา ในเมื่อนายท่านขาดเขาไม่ได้ ก็ให้เขารีบกลับไปเถอะ”

 

 

จิ่วซื่อร้อนใจแทบคลั่ง ร้องพูด “ท่านแม่ ข้าไม่อยากกลับไป ข้าอยากอยู่ที่บ้านสักพักหนึ่ง”

 

 

แม่จิ่วซื่อตวาดเขา “เพิ่งจะพ้นปีใหม่มา เจ้าจะอยู่บ้านทำสิ่งใด ยังไม่รีบตามนายท่านกลับไปอีก”

 

 

จูหลานส่งสายตาให้คนงานบังคับรถม้า คนงานเข้าใจทันที เดินขึ้นหน้าไปดึงแขนจิ่วซื่อมาพูดอย่างสนิทสนม “พี่จิ่วซื่อ เจ้ารู้ไหมตลอดทั้งบ่ายนี้นายท่านเอาแต่รังเกียจว่าข้าบังคับรถม้าไม่ดี ดุว่าข้าหลายรอบแล้ว เจ้ารีบกลับไปกับพวกเราเถอะ” พูดจบลากจิ่วซื่อมาข้างรถม้าอย่างไม่รอช้า มอบบังเ**ยนในมือให้เขา

 

 

มือทั้งสองของจิ่วซื่อรับบังเ**ยนมาอย่างสั่นระริก แอบลอบมองเมิ่งเชี่ยนโยวแวบหนึ่ง เห็นนางยิ้มหวานมองมาที่ตน นึกว่าเจอเมิ่งเจี๋ยแล้ว จึงวางใจลง หันไปพูดกับคนในครอบครัว “ท่านพ่อท่านแม่ข้าจะกลับไปทำงานแล้ว”

 

 

แม่ของจิ่วซื่อยิ้มตาหยีพูด “ไปเถอะ ต่อไปไม่มีธุระอะไรไม่ต้องกลับมาบ่อยๆ ต้องรบกวนนายท่านของเจ้าเดินทางมารับเสียเปล่า”

 

 

จิ่วซื่อพยักหน้ารับคำ “ทราบแล้ว ท่านแม่”

 

 

จูหลานและคนอื่นๆ กล่าวอำลาพ่อแม่จิ่วซื่ออย่างมีมารยาท จึงเดินขึ้นรถ

 

 

จิ่วซื่อเลี้ยวหัวรถกลับ นั่งบนคานไม้หัวรถ กระตุกบังเ**ยน บังคับม้าเดินทางมุ่งหน้ากลับอำเภอ

 

 

กระทั่งมาถึงพื้นที่เปลี่ยว เมิ่งเชี่ยนโยวแผดเสียงตะคอก “หยุดรถ!”

 

 

จิ่วซื่อสะดุ้งตกใจ ตวัดดึงบังเ**ยน รถม้าหยุดฉับพลัน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถีบจิ่วซื่อลงจากรถ แผดเสียงคำรามถาม “น้องชายข้าอยู่ที่ใด” จิ่วซื่อตกจากรถม้า ล้มกลิ้งไม่เป็นท่าหลายรอบถึงหยุดสนิท

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกระโดดลงจากรถ สืบเท้ามายังเบื้องหน้าเขา เตะเขาจนพลิกตัวกลับ เหยียบไปบนร่างเขา ถามด้วยน้ำเสียงเ**้ยมอำมหิต “รีบพูด น้องชายข้าอยู่ที่ไหน”

 

 

จิ่วซื่อล้มกลิ้งจนหัวหมุน พลันพูดไม่ออก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวบดขยี้แรงใต้ฝ่าเท้า ตะเบ็งเสียงถาม “น้องชายข้าอยู่ที่ไหนกันแน่”

 

 

เปาอีฝานเดินขึ้นหน้าเข้าพูดห้าม “แม่นางเมิ่ง เจ้าอย่าเพิ่งใจร้อน รอให้พวกเราเข้าใจเรื่องทั้งหมดก่อนเถอะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่แยแส หันไปข่มขู่จิ่วซื่อ “หากเจ้าไม่พูด ข้าจะให้เจ้าอยู่ก็เหมือนตาย”

 

 

จิ่วซื่อได้ฟังคำพูดนาง ตกใจจนวิญญาณออกจากร่าง พูดขึ้นทันใด “ข้าไม่รู้ว่าน้องชายเจ้าอยู่ที่ไหน ข้ารู้เพียงว่าคุณหนูเฉียวสั่งคนให้จับตัวน้องชายเจ้าไป”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด