ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 132.1

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 132.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
จุดจบของเฉียวหมิ่น

 

 

 

จูหลานทิ้งตัวอ่อนระทวยเข้าหาเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

เปาอีฝานกระโจนออกจากในบ้าน เตะชายค้ามนุษย์ลอยกระเด็น

 

 

ชายค้ามนุษย์ถูกเตะตัวลอยชนเข้ากับกำแพงบ้าน เด้งสะท้อนกลับมา เจ็บปวดจนหมดสติไป

 

 

เปาอีฝานเข้าไปโอบจูหลานอย่างระวัง ร้องถามเสียงหลง “จูหลาน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

 

 

จูหลานลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดขึ้น “ไม่ต้องพูด เก็บแรงไว้ พวกเราจะพาเจ้าไปหาหมอเดี๋ยวนี้”

 

 

พูดจบอุ้มเมิ่งเจี๋ยหันหลังเดินออกไป

 

 

เปาอีฝานอุ้มจูหลานตามออกมา

 

 

ทั้งสองมาถึงที่พักม้าอย่างรวดเร็ว เปาอีฝานหันไปพูดกับเฉียวเอ้อ “ในบ้านยังมีเด็กอีกสองคน เจ้าเข้าไปอุ้มพวกเขาออกมาตามพวกเราเข้าเมือง กลับไปข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”

 

 

เฉียวเอ้อเห็นจูหลานถูกกริชปักคาร่าง เปาอีฝานอุ้มนำตัวออกมา หัวใจหล่นวูบ พอได้ยินคำพูดเปาอีฝาน ไม่แม้แต่จะลังเล รีบวิ่งเข้าไปในบ้านซอมซ่ออุ้มเด็กสองคนออกมา

 

 

ทั้งสามขึ้นหลังม้า มุ่งหน้าฮ้อทะยานกลับอำเภอชิงซี

 

 

ทหารยามที่เฝ้าประตูเมืองเห็นม้าสามตัวมุ่งตรงเข้ามาลิบๆ ต่างรีบร้อนเปิดประตูเมือง ทั้งสามทะลุผ่านเข้าเมืองโดนไม่รอช้า

 

 

เปาอีฝานที่ควบตะบึงม้าหันไปพูดกับเฉียวเอ้อ “เจ้าพาเด็กส่งไปจวนเฉียว บอกพ่อข้าว่าพวกเราช่วยเด็กออกมาได้แล้ว”

 

 

เฉียวเอ้อพยักหน้า หักเลี้ยวบังเ**ยนไปจวนเฉียว

 

 

เปาอีฝานพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “เจ้าตามข้ามา” พูดจบ ขี่นำมาถึงโรงหมอที่ใกล้ที่สุด อุ้มจูหลานลงจากหลังม้าอย่างระวัง บุกเข้ามาในโรงหมออย่างไม่รอรี

 

 

หมอในโรงหมอช่วยเฉียวหมิ่นจัดการบาดแผลเสร็จเพิ่งกลับมา กำลังจะล้างหน้าล้างตาพักผ่อน ประตูโรงหมอกลับถูกคนถีบเข้ามา ตามด้วยคนบุกเข้ามา หมอตกใจขวัญผวา กำลังจะร้องถาม เปาอีฝานรีบพูดขึ้นก่อน “ช่วยห้ามเลือดให้เขาเร็ว”

 

 

หมอเห็นเป็นเขา กลืนคำถามลงไป รีบร้อนพูด “รีบพาคนไปวางที่เตียงรักษา”

 

 

เปาอีฝานรีบรุดเดินมาข้างเตียงรักษา วางจูหลานลงอย่างระวัง

 

 

หมอลอบมองแวบหนึ่ง พอเห็นว่าคนที่บาดเจ็บคือจูหลาน หัวใจก็หล่นวูบ พอเห็นว่ามีกริชเล่มหนึ่งปักอยู่ในร่างจูหลาน ก็สูดลมหายใจเข้าปาก พูดตะกุกตะกัก “คะ คุณชายเปา กะ กริชนี้ข้าไม่กล้าดึงออก”

 

 

เปาอีฝานคำราม “เจ้าเป็นหมอแต่ไม่กล้าดึงกริช”

 

 

หมอตกใจถอยหลังไปหนึ่งก้าว

 

 

“ข้าเอง!” เสียงเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้นด้านข้าง

 

 

หมอมองนางอย่างตกตะลึง

 

 

เปาอีฝานพลันยินดี รีบร้อนพูด “เร็วเข้า!”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยววางเมิ่งเจี๋ยบนเตียงรักษาอีกตัว หันไปพูดกับหมอ “ไปนำยาห้ามเลือดมาอีก”

 

 

หมอเปิดกล่องยาหยิบยาห้ามเลือดทั้งหมดออกมามอบให้นาง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปวางใส่มือเปาอีฝาน พูดอย่างขึงขัง “ข้านับหนึ่ง สอง สาม เมื่อข้าดึงกริชออก เจ้าจงใช้ยาห้ามเลือดพวกนี้โรยไปที่บาดแผลเขาทันที”

 

 

เปาอีฝานพยักหน้า เปิดจุกปิดขวดยาห้ามเลือดทั้งหมดออก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวใช้สองมือกำกริชแน่น นับเสียงเบา “หนึ่ง สอง สาม” นับเสร็จดึงกริชออกฉับพลัน

 

 

เปาอีฝานนำยาห้ามเลือดทั้งหมดสาดใส่บาดแผลจูหลานอย่างเร็วรี่

 

 

เลือดกลับไหลออกมา เปาอีฝานหันไปตะเบ็งเสียงใส่หมอ “ไปเอายาห้ามเลือดออกมาอีก”

 

 

หมอวิ่งเงอะๆ งะๆ ไปที่ตู้จ่ายยา หยิบขวดยาจำนวนหนึ่งออกมาอย่างสั่นเทิ้ม

 

 

เปาอีฝานเปิดทั้งหมดออก เทราดไปที่บาดแผลจูหลาน

 

 

เลือดหยุดไหล ไม่มีเลือดทะลักออกมาอีก

 

 

เปาอีฝานถอนใจโล่งอก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังเดินมาที่โต๊ะตรวจรักษา หยิบพู่กันเขียนใบสั่งยามอบให้หมอชรา พูดว่า “ต้มยาตามใบสั่งนี้แล้วยกเข้ามา”

 

 

หมอจัดยาตามใบสั่ง รีบรุดเข้าไปหลังร้าน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลับมานั่งข้างเตียง อังหน้าผากจูหลาน รู้สึกมีไข้เล็กน้อย จิตใจกระสับกระส่ายพูดว่า “สถานการณ์ไม่ค่อยดี เริ่มมีไข้แล้ว เจ้ารีบคิดหาวิธีแจ้งข่าวคนในครอบครัวจูหลาน ให้พวกเขามาคอยเฝ้าดูอาการเขา”

 

 

พอดีกับที่หมอสั่งคนงานต้มยาเสร็จเดินกลับเข้ามา เปาอีฝานหันไปพูดกับเขา “เจ้ารีบส่งคนงานไปจวนจู บอกว่าจูหลานได้รับบาดเจ็บ ให้พวกเขารีบส่งคนมารับใช้ดูแล”

 

 

หมอกลับไปหลังร้านสั่งคนงานไปแจ้งข่าวอีกครั้ง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถึงเดินมาข้างเตียงรักษาอีกเตียง ลูบคลำใบหน้าบวมแดงของเมิ่งเจี๋ยอย่างปวดใจ

 

 

เปาอีฝานเดินเข้ามาพูดปลอบใจ “เขาคงจะถูกพวกค้ามนุษย์เอายาให้กิน เวลาผ่านไปก็จะฟื้นขึ้นมาเอง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ยังคงลูบคลำใบหน้าเมิ่งเจี๋ยอย่างแผ่วเบา

 

 

เปาอีฝานไม่รู้ว่าควรพูดปลอบอย่างไร ทำได้เพียงอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ

 

 

โรงหมอพลันสงัดเงียบ

 

 

คนงานของโรงหมอวิ่งตรงมาจวนจู บอกกับเวรยามว่าคุณชายของพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้รับการรักษาอยู่ที่โรงหมอของพวกเขา สถานการณ์ไม่ค่อยดี ให้คนในครอบครัวรีบเร่งตามไป

 

 

พอได้ยินคำพูดของคนงาน เวรยามตกใจวิ่งแจ้นเข้าบ้านร้องตะโกนไปตลอดทาง

 

 

พ่อจูออกไปตรวจร้านสาขาค่ำมืดถึงกลับมา พอเข้าบ้านแม่จูก็เล่าเรื่องให้เขาฟังอย่างอดใจรอไม่ไหว พ่อจูก็ตกใจหนัก ไม่คิดว่าลูกสะใภ้ที่ยังไม่ตบแต่งที่เห็นมาตั้งแต่เด็กจะมีจิตใจเ**้ยมโหดได้เช่นนี้ ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน เวรยามก็ร้องตะโกนวิ่งเข้ามา

 

 

พ่อจูบันดาลโทสะ กำลังจะตวาดที่เขาไร้มารยาท เวรยามกลับละล่ำละลักพูดก่อน “นายท่าน ฮูหยิน แย่แล้ว คนงานโรงหมอมาแจ้งข่าว บอกว่าคุณชายได้รับบาดเจ็บสาหัส ให้พวกเรารีบส่งคนไปดูแล”

 

 

พ่อจูกระเด้งตัว “ผึง” ขึ้นจากเก้าอี้ ถามอย่างไม่เชื่อ “เจ้าว่าอะไรนะ”

 

 

เวรยามพูดคำพูดเมื่อครู่อีกครั้ง

 

 

แม่จูร่างกายโงนเงน กรีดร้องเสียงหลง “ลูกแม่”

 

 

พ่อจูร้องตวาดเสียงลั่น “เวลาไหนแล้วยังจะร้องไห้ ยังไม่รีบตามข้าไปดูลูกอีก”

 

 

แม่จูเลิกลั่กพยักหน้า ร้องเรียกบ่าวรับใช้จำนวนหนึ่งตามไปด้วย

 

 

คนทั้งหมดใจร้อนดั่งไฟตามคนงานมาถึงโรงหมอ

 

 

แม่จูเห็นเปาอีฝานอยู่ในโรงหมอ รีบร้อนถาม “คุณชายเปา หลานเอ๋อร์เล่า”

 

 

เปาอีฝานเบี่ยงตัว แม่จูเห็นจูหลานนอนใบหน้าซีดขาว ดวงตาปิดสนิทอยู่บนเตียงรักษา กระโจนเข้าหาแผดเสียงร้องเรียก “หลานเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

 

 

ไม่มีเสียงตอบรับจากจูหลาน

 

 

แม่จูยิ่งร้อนรน ใช้มือเขย่ามือจูหลาน พูดด้วยเสียงสั่นเครือ “หลานเอ๋อร์ เจ้าฟื้นสิ อย่าทำแม่ตกใจ”

 

 

เปาอีฝานรีบเข้าพูดห้ามปราม “ท่านป้า เราเพิ่งจะห้ามเลือดให้จูหลาน ท่านเขย่าตัวเขาเช่นนี้จะทำให้บาดแผลเปิดได้”

 

 

แม่จูตกใจหยุดชะงักพลัน อยากจะดูบาดแผลของบุตรชายก็ไม่กล้าทำ

 

 

พ่อจูที่พอจะสงบนิ่งกว่า หันไปถามเปาอีฝาน “หลานเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร”

 

 

เปาอีฝานตอบกลับ “พวกเรารู้ที่ซ่อนของน้องชายแม่นางเมิ่งจากปากเวรยามจวนเฉียว รีบรุดไปช่วยเหลือ จูหลานบอกว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเขา ไม่ได้เห็นน้องชายแม่นางเมิ่งปลอดภัยกลับมากับตาเขาไม่วางใจ รั้นตามพวกเราไป หลังจากที่พวกเราช่วยเด็กๆ ออกมาได้ กลับไม่ระวังถูกพวกค้ามนุษย์แทงเข้าด้วยกริช”

 

 

แม่จูคร่ำครวญ “เจ้าลูกโง่ เรื่องพวกนี้จะเกี่ยวข้องกับเจ้าได้อย่างไร ล้วนเกิดจากคนไร้มนุษยธรรมอย่างเฉียวหมิ่นต่างหากที่เป็นคนทำ หากเจ้าเป็นอะไรขึ้นมา แม่จะให้นางชดใช้ด้วยชีวิต”

 

 

พ่อจูเอ็ดนาง “พูดซี้ซั้วอะไร หลานเอ๋อร์จะเป็นอะไรได้อย่างไร”

 

 

แม่จูโหยไห้น้ำตาริน

 

 

พ่อจูปลอบประโลมนาง “เจ้าไม่ต้องเสียใจแล้ว หลานเอ๋อร์ของเราเป็นคนดีสวรรค์คุ้มครอง จะต้องไม่เป็นอะไร”

 

 

แม่จูคร่ำครวญร้องไห้โฮ

 

 

พ่อจูถอนหายใจยาว

 

 

คนงานยกยาที่ต้มเสร็จเข้ามา แม่จูรับมาป้อนให้จูหลานด้วยตัวเอง

 

 

ไม่นานหน้าผากจูหลานก็มีเหงื่อซึมผุดออกมา

 

 

เปาอีฝานแอบถอนหายใจโล่งอก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวที่เอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาหันไปพูดกับคนงาน “ต้มยานี้ออกมาอีกสองสามเทียบแล้วตั้งอุ่นไว้บนเตา ทุกสองชั่วยามยกออกมาป้อนเขาหนึ่งครั้ง”

 

 

คนงานพยักหน้า เดินไปที่ตู้จัดยาแบบเดียวกันออกมาอีกสองสามเทียบ นำไปต้มหลังร้าน

 

 

พ่อจูถึงเห็นว่าเมิ่งเชี่ยนโยวก็อยู่ในโรงหมอ ส่งเสียงร้องทัก “แม่นางเมิ่ง…” กลับได้เห็นเมิ่งเจี๋ยที่นอนใบหน้าบวมเป่งอยู่บนเตียงรักษา ตกใจร้องถาม “เหตุใดเด็กถึงถูกตีจนมีสภาพเช่นนี้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวลูบใบหน้าเมิ่งเจี๋ย ไม่พูดอะไร

 

 

แม่จูหันหลังกลับมา เห็นสภาพน่าเวทนาของเมิ่งเจี๋ย ปิดปากตนเองอย่างตกใจ

 

 

เปาอีฝานพูดขึ้น “หลังจากน้องชายแม่นางเมิ่งถูกพวกค้ามนุษย์จับไป ก็เอาแต่ร้องโวยวาย ยังกัดมือของพวกค้ามนุษย์ พวกเขาก็เลยบันดาลโทสะลงมือรุนแรงกับเขา”

 

 

“พวกสัตว์เดรัจฉาน ไร้มนุษยธรรม จับได้จะต้องแล่เนื้อเป็นร้อยเป็นพันชิ้น” แม่จูพูดอย่างแค้นเคือง

 

 

พ่อจูพยักหน้าสนับสนุน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดอะไร

 

 

พ่อจูลองหยั่งเชิงพูด “แม่นางเมิ่ง เหตุใดน้องชายเจ้ายังไม่ฟื้น ต้องการให้หมอมาช่วยดูหรือไม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงไม่พูดสิ่งใด

 

 

พ่อจูมองเปาอีฝานอย่างกระอักอ่วนแวบหนึ่ง

 

 

เปาอีฝานรีบพูด “พวกค้ามนุษย์คงจะกลัวเขาร้องอาละวาดอีก จึงป้อนยานอนหลับให้เขา เพื่อยาหมดฤทธิ์ เขาจะฟื้นขึ้นมาเอง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวอุ้มเมิ่งเจี๋ยขึ้น หันไปพูดกับเปาอีฝาน “ข้าจะกลับโรงเตี๊ยม ยาที่ให้คนงานต้มจะต้องป้อนให้เขาทุกๆ สองชั่วยาม หากฟ้าสางแล้วไม่มีไข้อีกก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”

 

 

เปาอีฝานพยักหน้าพูด “เจ้าไม่คุ้นชินเส้นทาง ข้าจะไปส่งเจ้า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ไม่ต้องแล้ว เจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่เถอะ หากจูหลานสถานการณ์เลวร้าย เจ้าจะได้มาเรียกข้าที่โรงเตี๊ยมได้”

 

 

พูดจบ ก็อุ้มเมิ่งเจี๋ยออกไปจากโรงหมอ

 

 

พ่อจูถอนหายใจยาว พูดว่า “แม่นางเมิ่งยังคงตำหนิโทษพวกเรา”

 

 

เปาอีฝานรีบร้อนพูด “ท่านลุงอย่าคิดเช่นนี้เป็นอันขาด แม่นางเพียงเห็นว่าน้องชายตนเองถูกตีจนมีสภาพเช่นนั้น เสียใจรับไม่ได้ ถึงมีกิริยาเย็นชาเช่นนั้น ความจริงใจของนางรู้จักแยกแยะถูกผิด ไม่เช่นนั้นคงไม่ช่วยชีวิตจูหลาน”

 

 

แม่จูถามอย่างตะลึงลาน “นางเป็นคนช่วยชีวิตหลานเอ๋อร์”

 

 

เปาอีฝานพยักหน้าพูด “พอพวกเรามาถึงโรงหมอ อย่างไรหมอก็ไม่กล้าดึงกริชออกจากตัวจูหลาน แม่นางเมิ่งวางน้องชายตัวเองลง แล้วมาช่วยดึงกริชออกให้จูหลาน ยังเขียนใบสั่งยา ให้หมอนำไปต้ม ทั้งบอกให้ข้าหาวิธีตามตัวพวกท่านมา ตอนนี้นางเห็นจูหลานพ้นขีดอันตรายแล้ว ถึงจากไป”

 

 

แม่จูพูดอย่างตื้นตันใจ “ต่อไปแม่นางเมิ่งก็คือผู้มีคุณที่ช่วยชีวิตหลานเอ๋อร์ของพวกเรา ภายหน้าหากมีสิ่งใดที่พวกเราช่วยได้ พวกเราไม่มีทางปฏิเสธเด็ดขาด”

 

 

เปาอีฝานกะพริบตาสะท้อนแววตา ไม่ได้พูดสิ่งใด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวอุ้มเมิ่งเจี๋ยขึ้นหลังม้า ค่อยๆ เดินกลับโรงเตี๊ยม

 

 

หลงจู๊โรงเตี๊ยมเห็นนางอุ้มเด็กกลับมาก็ยินดี รีบออกมาจากโต๊ะเก็บเงินเข้าถามไถ่นาง กลับเห็นสภาพน่าเวทนาของเมิ่งเจี๋ยจนต้องสูดลมหายใจเข้าปาก ไม่กล้าพูดอะไรอีก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจเขา อุ้มเมิ่งเจี๋ยขึ้นไปชั้นสอง

 

 

เมิ่งชื่อใกล้จะเสียสติแล้ว เอาแต่หวีผมล้างหน้าซ้ำไปซ้ำมา ปากพูดพึมพำ “ข้าต้องทำเนื้อทำตัวให้สะอาด เจี๋ยเอ๋อร์กลับมาจะได้ไม่ตกใจ”

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นมองนางอย่างไม่ให้คลาดสายตา

 

 

เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีก็คอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆ

 

 

เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนคอยอยู่กับพวกเขาเงียบๆ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาถึงชั้นสอง เซี่ยเจียงเฟิงที่ยืนอยู่หน้าประตูเห็นนางก่อน เห็นนางอุ้มเด็กกลับมา ก็พูดอย่างปิติ “แม่นางเมิ่ง หาน้องชายเจอแล้ว”

 

 

เมิ่งชื่อได้ยินคำพูดเขา พุ่งทะยานออกมาชนเซี่ยเจียงเฟิงกระเจิง สองมืออุ้มเมิ่งเจี๋ยแน่น ร่ำไห้คร่ำครวญ “เจี๋ยเอ๋อร์ของแม่กลับมาแล้ว”

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋น เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีก็รีบวิ่งออกมา พอเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวอุ้มเมิ่งเจี๋ยกลับมา พูดขึ้นอย่างยินดีพร้อมกัน “เจี๋ยเอ๋อร์กลับมาแล้ว!”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับเมิ่งชื่อแผ่วเบา “ท่านแม่ น้องออกไปเล่นมาทั้งวัน เหนื่อยมากแล้ว พวกเราพาเขาไปนอนพักที่เตียงก่อนเถอะ”

 

 

เมิ่งชื่อพยักหน้างุด หลีกทางให้พูดว่า “ดีๆๆ ให้เจี๋ยเอ๋อร์พักผ่อนก่อน”

 

 

คนทั้งหมดถึงเห็นใบหน้าเมิ่งเจี๋ยบวมเป่งจนแทบจะไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว ต่างยืนตะลึงงันอยู่ตรงนั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด