ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 132.2

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 132.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
จุดจบของเฉียวหมิ่น

 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยววางเมิ่งเจี๋ยลงบนเตียง หันไปพูดกับเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ หยิบยาในกระเป๋าข้าออกมา”

 

 

เมิ่งเสียนรีบนำยาออกมา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดจุกขวดออก เทออกมาเล็กน้อย บรรจงทาที่ใบหน้าเมิ่งเจี๋ย

 

 

อาการแดงบวมบนใบหน้าเมิ่งเจี๋ยคลายลงเล็กน้อยทันใด

 

 

เมิ่งชื่อแย่งขวดยาในมือเมิ่งเชี่ยนโยวมา ลนลานพูด “แม่ทำเอง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหลีกทางให้

 

 

เมิ่งชื่อนั่งในตำแหน่งที่นางนั่ง ทายาให้เมิ่งเจี๋ยอย่างนุ่มนวล

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นร้องถามอย่างร้อนใจ “โยวเอ๋อร์ เหตุใดเจี๋ยเอ๋อร์ยังไม่ฟื้น”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “ท่านพ่อ เจี๋ยเอ๋อร์ถูกพวกค้ามนุษย์ป้อนยานอนหลับ เมื่อถึงเวลาจะฟื้นขึ้นมาเอง ท่านไม่ต้องใจร้อน”

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นถึงวางใจลง พูดว่า “พบตัวกลับมาก็ดีแล้ว พบตัวกลับมาก็ดีแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ หาเจี๋ยเอ๋อร์เจอแล้ว ท่านและพี่รองไปห้องข้างๆ ไปพักผ่อนพร้อมอี้เซวียนและชิงเอ๋อร์ให้สบายสักงีบเถอะ ข้ายังมีธุระต้องออกไปอีก”

 

 

เมิ่งเสียนถามขึ้น “น้องสาว ดึกดื่นเช่นนี้แล้ว เจ้ายังมีเรื่องอันใด ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปากพูด “คุณชายจูได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้อยู่โรงหมอ ข้าไม่วางใจ จะไปดูเสียหน่อย ท่านไม่ต้องไป อยู่โรงเตี๊ยมคอยดูแลทุกคนให้ดี เมื่อคุณชายจูปลอดภัยดีแล้ว ข้าจะกลับมา”

 

 

เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนตกใจ ถามขึ้นพร้อมกัน “จูหลานได้รับบาดเจ็บหรือ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า

 

 

ทั้งสองรีบร้อนพูด “อยู่ที่โรงหมอไหน พวกเราจะไปดูด้วย”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดขึ้น “ข้าจะพาพวกเจ้าไป”

 

 

ทั้งสองพยักหน้า

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งการเมิ่งเสียนอีกสองสามคำ ถึงพาเซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนออกจากโรงเตี๊ยม พูดกับคนทั้งสอง “ตอนนี้จูหลานอยู่ในโรงหมอแห่งหนึ่งกลางเมือง คุณชายเปาก็อยู่ที่นั่น ข้ายังมีธุระ ไม่ไปกับพวกท่านแล้ว”

 

 

เซี่ยเจียงเฟิงซักถาม “แม่นางเมิ่งจะไปที่ใด ไม่เช่นนั้นให้พวกเราไปกับเจ้าด้วย”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ไม่ต้องแล้ว ขอบใจในน้ำใจของท่านทั้งสอง พวกเจ้าไปดูจูหลานที่โรงหมอเถอะ”

 

 

พูดจบ กระโดดขึ้นรถม้า หายวับไปในรัตติกาลมืดมิด

 

 

เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนหันหน้ามองกัน รีบขึ้นนั่งรถม้า สั่งคนงานมุ่งหน้าไปโรงหมอ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวควบม้ามาถึงบ้านเฉียวหมิ่น

 

 

หลังจากทุกคนควบม้าจากไปเปาชิงเหอก็เอาแต่รออยู่ที่จวนเฉียว ยังไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม เฉียวเอ้อก็ควบม้าพาเด็กสองคนกลับมา

 

 

พอเห็นเปาชิงเหอ เฉียวเอ้อรีบพูด “ไต้เท้าเปา เด็กทั้งหมดถูกช่วยออกมาได้แล้ว คุณชายจูได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณชายเปาอุ้มเขาไปโรงหมอ”

 

 

เปาชิงเหอร้อนรนซักถาม “อาการของคุณชายจูเป็นอย่างไรบ้าง หนักหนาหรือไม่”

 

 

เฉียวเอ้อตอบ “ถูกกริชแทง น่าจะหนักหนาไม่เบา”

 

 

เปาชิงเหอพยักหน้า สั่งเจ้าหน้าที่รับเด็กสองคนในอ้อมกอดเฉียวเอ้อมา

 

 

พ่อเฉียวได้ยินว่าจูหลานได้รับบาดเจ็บ ตกใจไม่น้อย ลุกขึ้นยืนคิดจะไปดูอาการ

 

 

เปาชิงเหอกลับพูดกับเขาว่า “ตอนนี้หลักฐานครบถ้วน แน่ชัดแล้วว่าคุณหนูเฉียวสั่งคนให้ลักพาตัวน้องชายแม่นางเมิ่งไป ทั้งบงการให้คนเฝ้ายามของพวกเจ้านำเขาไปขายให้พวกค้ามนุษย์ เจ้ารีบเข้าไปนำตัวนางออกมา พวกเราจักได้นำตัวไปดำเนินคดี”

 

 

ครั้งแรกที่พ่อเฉียวได้ยินว่าเฉียวหมิ่นกระทำเรื่องต่ำช้าเลวทรามนี้ ก็โมโหเดือดดาล อยากจะลงทัณฑ์นางอย่างสาสม แต่อย่างไรก็เป็นบุตรสาวที่ฟูมฟักมาแต่อ้อนแต่ออก ตอนนี้อารมณ์เย็นลงแล้ว เกิดความอาวรณ์ ลองหยั่งเชิงพูดวิงวอน “ไต้เท้าเปา น้องชายของแม่นางน้อยคนนั้นก็พาตัวกลับมาได้แล้ว หมิ่นเอ๋อร์ก็ถูกนางทำร้ายจนไม่เหลือชิ้นดี ท่านคิดว่าพอจะหยุดคดีความไว้เพียงเท่านี้ได้หรือไม่”

 

 

เปาชิงเหอมองเขาแวบหนึ่ง พูดอย่างวางอำนาจ “เฉียวซื่อ ข้าเห็นแก่ที่เจ้าเป็นเซียงเซิน[1]คหบดีเศรษฐีอันดับหนึ่งของที่นี่ ถึงเกรงใจกับเจ้าเช่นนี้ เจ้าอย่าให้ข้าต้องใช้ไม้แข็ง ใช้วิธีแข็งกร้าวนำตัวบุตรสาวเจ้าไป”

 

 

เฉียวซื่อได้ยินเปาชิงเหอพูดเช่นนี้ หัวใจกระตุกวูบ รีบร้อนพูด “ข้าเลอะเลือนไปเอง ขอไต้เท้าเปารอสักครู่ ข้าจะให้คนนำตัวบุตรสาวออกมาเดี๋ยวนี้”

 

 

เปาชิงเหอพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี พวกเราคบหากันมานาน ข้าเองก็ไม่ต้องการฉีกหน้าท่าน”

 

 

เฉียวซื่อรีบร้อนให้คนไปนำตัวเฉียวหมิ่นออกมาจากเรือนด้านหลัง

 

 

บ่าวรับใช้เข้าไปเรือนด้านหลัง ไม่นานก็วิ่งกระวีกระวาดออกมา พูดว่า “นายท่าน คุณหนูใกล้จะไม่ไหวแล้ว ฮูหยินให้ท่านรีบเข้าไปดู”

 

 

เฉียวซื่อตกอกตกใจ หันไปพูดกับเปาชิงเหอ “ไต้เท้าเปารอประเดี๋ยว ข้าจะเข้าไปดู”

 

 

เปาชิงเหอได้ฟังขมวดคิ้วมุ่น กลับพยักหน้ารับปาก “ไปเถอะ”

 

 

เฉียวซื่อหุนหันเดินไปที่เรือนด้านหลังอย่างร้อนรน กลับเห็นเฉียวหมิ่นกำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง มีสาวใช้กำลังป้อนอาหารให้นาง ตอนที่กำลังจะตะคอกถามว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น แม่เฉียวก็ลากตัวเขามาพูดกระซิบกระซาบ “ท่านพี่ ท่านจะให้ไต้เท้าเปานำตัวหมิ่นเอ๋อร์ไปจริงๆ หรือ”

 

 

เฉียวซื่อเข้าใจแล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พูดขึ้น “ฮูหยิน เหตุใดเจ้าถึงเลอะเลือนเช่นนี้ กล้าโป้ปดไต้เท้าเปา ทำเช่นนี้จะเป็นภัยมาถึงครอบครัวพวกเรา”

 

 

แม่เฉียวร่ำไห้พูด “ท่านพี่ ต่อให้หมิ่นเอ๋อร์ผิดอย่างไร นางก็เป็นบุตรสาวที่พวกเราฟูมฟักทะนุถนอมมาจนเติบใหญ่ พวกเราจะทนเห็นหมิ่นเอ๋อร์ถูกไต้เท้าเปานำตัวไปตกอยู่ในสภาพน่าเวทนานั้นได้อย่างไร”

 

 

เฉียวซื่อพูด “ไม่อย่างนั้นพวกเราจะทำอย่างไร จะให้ฝ่าฝืนคำสั่งอย่างนั้นหรือ”

 

 

แม่เฉียวหยุดเสียงร่ำไห้ พูดขึ้น “ข้าคิดไว้แล้ว อีกประเดี๋ยวเราวางยานอนหลับหมิ่นเอ๋อร์ แล้วบอกว่าหมิ่นเอ๋อร์สลบไสลไม่ได้สติ ต่อให้คืนวันนี้ไต้เท้าเปานำตัวกลับไปก็ขึ้นศาลซักถามไม่ได้ ไม่เช่นนั้นรอวันพรุ่งหมิ่นเอ๋อร์ฟื้นแล้ว พวกเรานำไปมอบให้ด้วยตัวเอง แต่พอวันพรุ่งประตูเมืองเปิด พวกเราจะส่งหมิ่นเอ๋อร์กลับบ้านเกิด หากไต้เท้าเปายังคิดจะเอาความ พวกเราก็เสนอทรัพย์สมบัติกึ่งหนึ่งติดสินบนเขา”

 

 

เฉียวซื่อลังเล

 

 

แม่เฉียวพูดอย่างกระวนกระวาย “ท่านรีบตัดสินใจเถอะ ช้ากว่านี้ไต้เท้าเปาได้ส่งคนเข้ามาแน่ ข้าบอกท่านไว้ก่อน หากเกิดอะไรขึ้นกับหมิ่นเอ๋อร์ ข้าก็ไม่ขอมีชีวิตอยู่”

 

 

เฉียวซื่อตัดสินใจ กัดฟันพูด “ทำตามที่เจ้าว่า เจ้ารีบให้คนป้อนยาให้หมิ่นเอ๋อร์ดื่ม ข้าจะออกไปตอบไต้เท้าเปา บอกว่าหมิ่นเอ๋อร์สลบไม่ได้สติจริงๆ หากเขาไม่เชื่อ ให้ส่งคนมาตรวจสอบได้”

 

 

แม่เฉียวพยักหน้า สั่งสาวใช้ให้ป้อนยาที่ต้มเตรียมไว้แล้วให้เฉียวหมิ่นดื่ม

 

 

เฉียวซื่อรออีกครู่หนึ่ง ถึงวิ่งกระสับกระส่ายมาเบื้องหน้าเปาชิงเหอ แกล้งพูดอย่างปวดร้าว “ไต้เท้าเปา บุตรสาวผู้น้อยบาดเจ็บจนทนไม่ไหว สลบไม่ได้สติไปแล้วจริงๆ ท่านนำตัวกลับไปก็ดำเนินคดีไม่ได้ ไม่เช่นนั้นให้นางพักรักษาตัวที่บ้านก่อนสักคืน พรุ่งนี้เมื่อนางฟื้น ข้าจะนำไปมอบให้ท่านด้วยตัวเอง”

 

 

เปาชิงเหอก็เห็นสภาพน่าสังเวชของเฉียวหมิ่นแล้ว รู้สึกเชื่อในใจลึกๆ และก็กลัวว่าเมื่อนำตัวกลับไป ยังไม่ทันได้ตัดสินคดีเฉียวหมิ่นจะถึงแก่ชีวิตไปเสียก่อน คิดว่าไม่เช่นนั้นก็ไว้หน้าเฉียวซื่อสักครั้ง รอให้คนฟื้นขึ้นมาค่อยส่งตัวมาให้ก็ยังไม่สาย จึงพยักหน้ารับคำ “เมื่อเป็นเช่นนี้ วันพรุ่งเมื่อคุณหนูเฉียวฟื้นแล้ว เจ้าจักต้องรีบนำตัวนางส่งมาจวนผู้ว่า หากผิดคำพูด อย่าโทษว่าข้าแล้งน้ำใจ”

 

 

เฉียวซื่อเห็นเปาชิงเหอเชื่อสนิทใจ ไม่แม้แต่จะส่งคนไปตรวจสอบ ลอบยินดีในใจ ตอบกลับอย่างพินอบพิเทา “ไต้เท้าเปาวางใจได้ ขอเพียงบุตรสาวผู้น้อยฟื้น ไม่ว่าเป็นยามใด ข้าจะรีบส่งนางไปที่จวนผู้ว่าทันที”

 

 

เปาชิงเหอพยักหน้าพูด “เช่นนั้นก็ดี”

 

 

พูดจบลุกขึ้นพูดกับบรรดาเจ้าหน้าที่ “คุมตัวเฉียวต้า เฉียวเอ้อไป พวกเรากลับจวน”

 

 

เจ้าหน้าที่รับคำ เดินหน้าไปลากตัวเฉียวต้าและเฉียวเอ้อที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ตะคอกใส่ให้พวกเขารีบตามไป

 

 

เฉียวเอ้อได้ยินว่าต้องเข้าคุก ตกใจหนัก รีบร้อนพูด “ไต้เท้าเปาไว้ชีวิตด้วย เมื่อครู่ตอนที่ข้าช่วยเด็กๆ ออกมา คุณชายเปาให้สัญญากับผู้น้อย ขอเพียงนำเด็กทั้งสองคนกลับมาได้อย่างปลอดภัย เขาจะไว้ชีวิตข้า”

 

 

เปาชิงเหอย่นหัวคิ้วพูด “แม้เจ้าจะทำคุณ ก็ต้องรอวันพรุ่งเมื่อข้าตัดสินโทษค่อยแจกแจง นำตัวไป!”

 

 

เฉียวเอ้อได้ฟังไม่ดึงดันอีก ก้มหน้าเดินตามเจ้าหน้าที่ไปอย่างหมดอาลัย

 

 

เปาชิงเหอนำเพิ่งจะนำเจ้าหน้าที่เดินออกมาถึงหน้าประตูจวนเฉียว เมิ่งเชี่ยนโยวก็ควบม้าห่อตะบึงมาถึง

 

 

เปาชิงเหอเห็นนางลงจากหลังม้า ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง “แม่นางเมิ่ง ดึกดื่นแล้ว เจ้ายังมีเรื่องใดต้องพบข้า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกวาดตามองแวบหนึ่ง เห็นเฉียวต้า เฉียวเอ้อถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัว กำลังจะเดินกลับไป ถามขึ้นเสียงเย็น “ไต้เท้าเปา เฉียวหมิ่นเล่า เหตุใดถึงไม่นำตัวไปด้วย”

 

 

เฉียวซื่อเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวขี่ม้ามาถึงหน้าประตูบ้านตน แอบร้อนรนกระสับกระส่าย ได้ยินนางถามว่าเหตุใดถึงไม่พาตัวเฉียวหมิ่นไปด้วยก็รีบตอบกลับ “บุตรสาวข้าสลบไสล อาการย่ำแย่ ไต้เท้าเปารับปากยอมให้นางได้พักฟื้นที่บ้านหนึ่งคืน วันพรุ่งเมื่อนางฟื้น ข้าจะนำไปส่งที่จวนผู้ว่าด้วยตนเอง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถามต่อ “เฉียวหมิ่นกระทำเรื่องต่ำช้าเลวทรามถึงขั้นนี้ ไต้เท้าเปายอมวางใจปล่อยให้นางอยู่ที่บ้านเช่นนี้หรือ หากพรุ่งนี้ไม่มีคนส่งนางมาจวนผู้ว่าจะทำอย่างไร”

 

 

เฉียวซื่อหัวใจกระตุกวูบ หลังจากหน้าเปลี่ยนสีไปหลายครั้งก็แย้มยิ้มพูดขึ้น “แม่นางน้อยคิดมากเกินไปแล้ว เมื่อฟ้าสาง หากบุตรสาวข้าฟื้น พวกเราจะรีบส่งนางไปที่จวนผู้ว่า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขา คาดคั้นถาม “หากนางไม่ฟื้นเล่า จะให้อยู่แต่ในบ้านไม่ต้องไปเข้าคุกทางการอย่างนั้นหรือ”

 

 

เฉียวซื่อรีบพูด “ไม่มีทาง ขอเพียงบุตรสาวพ้นขีดอันตรายแล้ว จะต้องฟื้นขึ้นมา ถึงตอนนั้นค่อยส่งไปจวนผู้ว่าก็ยังไม่สาย”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับเปาชิงเหอ “ไต้เท้าเปา ฮ่องเต้กระทำผิดมีโทษเท่าสามัญ ไม่ว่าเฉียวหมิ่นจะฟื้นหรือไม่ เพื่อป้องกันไว้ก่อน ควรนำตัวไปฝากขังไว้รอการไต่สวน”

 

 

ไต้เท้าเปาดำรงตำแหน่งมาหลายปี มีความสัมพันธ์อันดีกับเศรษฐีในอำเภอมาตลอด ไม่เคยล่วงเกินกันและกัน วันนี้เดิมคิดจะไว้หน้าเฉียวซื่อสักครั้ง ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวพูดสั่งสอนต่อหน้าผู้อื่น เริ่มรู้สึกไม่สบอารมณ์ พูดเจือโทสะ “คุณหนูเฉียวสลบไม่ได้สติ ต่อให้นำตัวกลับไปก็สอบสวนไม่ได้ หากนางไปตายกลางคันในคุกจะยิ่งแย่ เมื่อเฉียวซื่อรับปากข้า วันพรุ่งจะนำตัวส่งไปให้ ก็จะต้องส่งไป”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวย้อนถาม “หากวันพรุ่งเฉียวหมิ่นไม่ถูกส่งตัวไปเล่า ไต้เท้าเปาจะจัดการอย่างไร”

 

 

เปาชิงเหอโต้กลับ “ไม่มีทาง!”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดขึ้น “ไต้เท้าเปาเชื่อมั่นว่าวันพรุ่งเฉียวหมิ่นจะถูกนำตัวส่งไปที่จวนผู้ว่า”

 

 

เปาชิงเหอพยักหน้า

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างเย็นเยียบ “เช่นนั้นพวกเรามาพนันกัน หากวันพรุ่งเฉียวหมิ่นไม่ถูกส่งมาจวนผู้ว่า ไต้เท้าเปาจะยอมลาออกจากตำแหน่งเป็นอย่างไร”

 

 

เปาชิงเหอมองสายตาเย็นเยียบนั้นของเมิ่งเชี่ยนโยว อดตัวสั่นเทิ้มไม่ได้ ย้อนคิดถึงคำพูดที่คนผู้นั้นกำชับไว้ก่อนจากไป พลันได้สติคืนกลับมา พลิกลิ้นพูด “แม่นางเมิ่งพูดถูกต้อง ฮ่องเต้ทำผิดโทษเท่าสามัญ ข้าจะสั่งเจ้าหน้าให้พาคุณหนูเฉียวไปจวนผู้ว่าเดี๋ยวนี้”

 

 

เฉียวซื่อรีบเข้าขัดขวาง พูดขึ้น “ไต้เท้าเปา บุตรสาวผู้น้อยสลบไม่ได้สติจริงๆ ท่านให้นางพักฟื้นที่บ้านสักคืนเถิด”

 

 

เปาชิงเหอตวาดกลับ “เฉียวซื่อ เจ้าเลิกขัดขวางการจับกุมคนร้ายของข้าได้แล้ว ไม่เช่นนั้น ข้าจะสั่งให้คนจับเจ้าไปพร้อมกัน” พูดจบ ออกคำสั่งเจ้าหน้าที่ “เข้าไปจับคน”

 

 

เจ้าหน้าที่ขานรับเดินเข้าไป

 

 

เฉียวซื่อส่งเสียงร้องไล่หลัง “ไม่ได้เด็ดขาด ไม่ได้เด็ดขาด”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองทั้งหมดนี้อย่างเลือดเย็น

 

 

ไม่นานเจ้าหน้าที่หลายนายก็นำตัวเฉียวหมิ่นที่นอนหลับสนิทออกมา แม่เฉียวเดินตามติดมาตลอดทาง ร้องตะโกนโวยวาย “หมิ่นเอ๋อร์ หมิ่นเอ๋อร์ของแม่”

 

 

พอเห็นเปาชิงเหอ แม่เฉียวก็คุกเข่าต่อหน้าเขาพูดอ้อนวอน “ไต้เท้าเปา ปล่อยบุตรสาวข้าไปเถอะ ท่านต้องการเงินเท่าไหร่พวกเรายินดีรับปาก”

 

 

เปาชิงเหอพูดอย่างขุ่นเคือง “พูดจาเหลวไหล”

 

 

แม่เฉียวพูดขึ้น “แม้บุตรสาวผู้น้อยจะกระทำความผิด แต่โทษไม่ถึงตาย ท่านมองดูสภาพนาง เกรงว่านอนในคุกเพียงคืนเดียวก็จะทนไม่ได้แล้ว”

 

 

เปาชิงเหอมองเฉียวหมิ่นในสภาพคอตกหัวห้อย เริ่มรู้สึกลังเล

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดขึ้น “พวกท่านวางใจ ข้าพอรู้วิชาการแพทย์บ้าง ต่อให้บาดเจ็บหนักกว่านี้ ข้าก็รักษาให้หายได้ อีกทั้งสภาพของคุณหนูเฉียวนี้เห็นก็รู้ทันทีว่าถูกป้อนยานอนหลับ ข้าออกแรงเล็กน้อยก็จัดการได้แล้ว”

 

 

เปาชิงเหอได้ฟังตกตะลึง ชี้พ่อเฉียวและแม่เฉียวพูดอย่างฉุนเฉียว “พวก พวกเจ้า…” คำพูดต่อจากนั้นไม่ได้พูดออกมา

 

 

พ่อเฉียวและแม่เฉียวหลบสายตา

 

 

เปาชิงเหอโบกมือ “เอาตัวไป!” พูดจบ เดินฟึดฟัดนำหน้าจากไป

 

 

พ่อเฉียวและแม่เฉียวเดินตามไปสองก้าว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเตือนด้วยความหวังดี “พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะทำให้คุณหนูเฉียว “มีชีวิตอยู่รอด เป็นอย่างดี” พูดจบกระโดดขึ้นหลังม้า ขี่ตามหลังเกี้ยวเปาชิงเหอตามกลับไปจวนผู้ว่า

 

 

แม่เฉียวได้ยินน้ำเสียงเ**้ยมเกรียมนั้น ตกใจนั่งทรุดตัวลงกันพื้น

 

 

 

 

 

 

[1] เซียงเซิน (乡绅) ตำแหน่งผู้สอบติดหนึ่งในห้าของการสอบคัดเลือกขุนนางเคอจวี่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด