ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 135.1

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 135.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
 ข้าก็คือผู้ปกครอง

 

 

 

ได้ยินเสียงตวาดของอาจารย์ ซุนเหลียงไฉเบ้ปากเยาะหยัน พูดงึมงำเสียงเบา “เรียกก็เรียก พรุ่งนี้จะเรียกท่านปู่มา ดูสิว่าพวกเจ้าจะกล้าทำอะไรข้า”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนก้มหน้า มองกระเป๋านักเรียนที่ไม่เหลือเค้าเดิมแล้วในมือ

 

 

นักเรียนคนอื่นมองซุนเหลียงไฉอย่างขอความช่วยเหลือ

 

 

ซุนเหลียงไฉมองอาจารย์แวบหนึ่ง แล้วพูดกับทุกคน “ไม่ต้องกลัว พรุ่งท่านปู่ข้ามา ข้าจะให้เขาพูดแทนพวกเจ้าเอง”

 

 

นักเรียนทั้งหมดต่างรู้ว่าปู่ของซุนเหลียงไฉรักใคร่เขามาก ไม่ว่าเรื่องอันใดก็ตามใจเขา ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็ถอนใจโล่งอก

 

 

อาจารย์เห็นซุนเหลียงไฉกล้าพูดจาเช่นนี้ต่อหน้าตนเอง พูดอย่างมีน้ำโห “พวกเจ้าทั้งหมดไปยืนข้างหน้าต่าง ข้าไม่อนุญาตใครก็ห้ามกลับมานั่งที่ตัวเอง”

 

 

ซุนเหลียงไฉเดินไปข้างหน้าต่างอย่างไม่แยแส นักเรียนคนอื่นเดินตามหลังไป

 

 

เมิ่งอี้เซวียนยืนอยู่ที่เดิมไม่ไหวติง

 

 

อาจารย์ค่อนข้างเอ็นดูเด็กที่หมั่นเพียรใฝ่ศึกษาอย่างเมิ่งอี้เซวียน เห็นเขาก้มหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรมมองกระเป๋านักเรียนของตัวเอง ยื่นมือออกไปหมายจะลูบหัวเขา กลับคิดถึงสถานะของตนเอง ถอนใจพูดกับเขาแผ่วเบา “เจ้าไปยืนข้างหน้าต่างเถอะ แม้พวกเขาจะทำกระเป๋านักเรียนเจ้าสกปรกก่อน แต่เจ้าก็ไม่ควรลงมือทำร้ายพวกเขา พวกเจ้าต่างก็มีความผิด อาจารย์ต้องจัดการอย่างยุติธรรม”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนไม่พูดอะไร เดินไปยืนข้างหน้าต่างเงียบๆ

 

 

ซุนเหลียงไฉเห็นเมิ่งอี้เซวียนเดินมา ส่งสายตาให้คนที่เหลือ คนพวกนั้นรู้ความหมาย แกล้งเขยิบไปทางที่เมิ่งอี้เซวียนยืน หมายจะเบียดเขาให้ไปอยู่ขอบหน้าต่าง

 

 

เมิ่งอี้เซวียนเงยหน้า ใช้สายตาเย็นเยียบมองพวกเขา

 

 

คนทั้งหมดสะพรึงกลัว หดขาที่เพิ่งจะก้าวออกไปกลับทันควัน

 

 

ซุนเหลียงไฉก็พลันตัวสั่นอย่างไม่รู้ตัว

 

 

อาจารย์สั่งนักเรียนที่เหลือจัดห้องเรียนให้เรียบร้อย

 

 

นักเรียนที่เหลือกลัวจะถูกหางเลขไปด้วย รีบวิ่งเข้ามา ช่วยกันจัดห้องเรียนคนละไม้ละมือ ใช้เวลาไปทั้งหมดหนึ่งเค่อถึงจัดห้องเสร็จ

 

 

เสียงกระดิ่งเข้าเรียนดังขึ้นพอดี อาจารย์เปิดหนังสือกลอนเริ่มทำการสอน

 

 

ตลอดทั้งคาบ อาจารย์ไม่ได้ให้เด็กเหล่านั้นกลับมานั่งประจำที่

 

 

ซุนเหลียงไฉและพวกเหนื่อยล้าแทบทนไม่ไหว อยู่ด้านหลังเดี๋ยวนั่งเดี๋ยวยืน เดี๋ยวยืนเดี๋ยวนั่งอยู่อย่างนั้น มีเพียงเมิ่งอี้เซวียนที่ยืนตัวตรงก้มหน้ามองกระเป๋านักเรียนสกปรกมอมแมมในมือ

 

 

อาจารย์แสร้งทำเป็นไม่เห็นท่าทีเหนื่อยล้าของพวกเขา เอาแต่สอนหนังสือไม่หยุด

 

 

รอจนกระดิ่งบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น ซุนเหลียงไฉและพวกถึงทิ้งตัวนั่งไปบนพื้น

 

 

เมิ่งอี้เซวียนกลับไปนั่งที่ตัวเองเงียบๆ หยิบเครื่องเขียนของตัวเอง ไม่แม้แต่จะบอกลาอาจารย์ก็เดินออกไปจากโรงเรียน

 

 

หน้าประตูโรงเรียนมีรถม้าหลายคันมาจอดรอรับลูกหลายของตัวเอง เมิ่งเสียนก็เป็นหนึ่งในนั้น เห็นเมิ่งอี้เซวียนเดินออกมา เมิ่งเสียนร้องเรียกเขาอย่างดีใจ “อี้เซวียน ทางนี้”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนก้มหน้าเดินไปข้างรถม้า

 

 

เมิ่งเสียนถามเขาอย่างเริงร่าเป็นพรวน “อี้เซวียน ไปเรียนวันแรก รู้สึกเป็นอย่างไร คุ้นเคยหรือไม่”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนไม่พูดอะไร

 

 

เมิ่งเสียนมองเขาอย่างสงสัย ถามขึ้น “อี้เซวียน เจ้าเป็นอะไร เหตุใดถึงไม่พูด”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนเงยหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผล

 

 

เมิ่งเสียนตกใจตัวลอย ร้องถามเสียงดังลั่น “อี้เซวียน เหตุใดใบหน้าเจ้าถึงกลายเป็นเช่นนี้ ไปมีเรื่องวิวาทกับใครมาหรือ”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า

 

 

“เพราะอะไร” เมิ่งเสียนถาม

 

 

เมิ่งอี้เซวียนหยิบกระเป๋านักเรียนออกมา

 

 

เมิ่งเสียนเห็นกระเป๋านักเรียนสกปรกขมุกขมัวของเขาก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น พูดปลอบใจเสียงเบา “ไม่เป็นไร กลับไปให้ท่านแม่ซักให้ก็ได้ เจ้าไม่ต้องเสียใจไป”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า

 

 

เมิ่งเสียนเข้าไปประคองใบหน้าเมิ่งอี้เซวียนขึ้น พูดอย่างปวดใจ “ข้าดูหน่อย แผลที่ใบหน้าเจ้าไม่เป็นอะไรนะ พวกเราไปโรงหมอดีหรือไม่”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนส่ายหน้าพูด “ไม่ต้อง หน้าข้าไม่เป็นอะไร พวกเรากลับบ้านเถอะ ข้าคิดถึงบ้าน”

 

 

เมิ่งเสียนเพ่งมองอย่างละเอียด พบว่าใบหน้าเขาไม่เป็นอะไรมากจริงๆ จึงพยักหน้าเห็นด้วย “เจ้าขึ้นไปนั่งบนรถม้า พวกเราจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนขึ้นไปนั่งบนรถม้าอย่างเชื่อฟัง เมิ่งเสียนบังคับรถม้าเดินทางกลับอย่างเร็วรี่

 

 

หลังจากที่เมิ่งเสียนไปรับเมิ่งอี้เซวียน เมิ่งชื่อด้านหนึ่งเย็บกระเป๋า อีกด้านก็คอยชะเง้อคอมอง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มให้นาง “ท่านแม่ ประเดี๋ยวพวกเขาก็กลับมา ท่านไม่ต้องกระวนกระวายไป ทำกระเป๋าอย่างสบายใจเถอะ”

 

 

เมิ่งชื่อตอบ “วันนี้เป็นวันแรกที่อี้เซวียนไปโรงเรียน แม่รู้สึกไม่วางใจอย่างไรไม่รู้ รู้สึกเหมือนจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะพูด “เขาไปโรงเรียน จะเกิดเรื่องอันใดได้ ท่านแม่อย่าได้เป็นห่วงเลย”

 

 

เมิ่งชื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ คิดแล้วก็เห็นด้วย จึงก้มหน้าตั้งใจเย็บกระเป๋านักเรียน

 

 

เมิ่งเสียนบังคับรถม้าอย่างเร็วรี่ ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็กลับถึงบ้าน

 

 

เมิ่งชื่อเห็นพวกเขากลับมา รีบเดินออกมาจากในบ้านถามไถ่ “พวกเจ้ากลับมาแล้ว ไม่เกิดเรื่องอันใดขึ้นนะ”

 

 

เมิ่งเสียนรีบตอบ “ท่านแม่ วันนี้อี้เซวียนมีเรื่องวิวาทกับคนที่โรงเรียน”

 

 

เมิ่งชื่อประหลาดใจ “อี้เซวียนจะไปวิวาทกับคนอื่นได้อย่างไร”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนลงจากรถม้า ร้องเรียนเมิ่งชื่อ “ท่านแม่”

 

 

เมิ่งชื่อตกใจ “อี้เซวียน เหตุใดใบหน้าเจ้าถึงเป็นเช่นนี้ เจ็บหรือไม่”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนส่ายหน้า “ไม่เจ็บ ท่านแม่”

 

 

เมิ่งชื่อเดินเข้าหาอย่างปวดใจ พินิจใบหน้าของเขา หันไปตำหนิเมิ่งเสียน “เจ้ารีบกลับมาทำไม ไม่รู้จักพาอี้เซวียนไปโรงหมอในเมืองก่อน ใบหน้าเขามีบาดแผลเยอะเช่นนี้ คงเจ็บไม่น้อย”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนรีบร้อนพูด “ท่านแม่ บาดแผลบนใบหน้าข้าไม่เป็นไร ข้าไม่เจ็บ ไม่ต้องไปหาหมอ ไม่กี่วันก็หายดี”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินเสียงร้องตกใจของเมิ่งชื่อก็เดินออกมา สาวเท้ามายืนตรงหน้าเมิ่งอี้เซวียน มองเขาเงียบๆ

 

 

เมิ่งอี้เซวียนมองเขากลับ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเอ่ยปากถาม “กี่คน”

 

 

“หกคน” เมิ่งอี้เซวียนตอบ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถามอีก “จากนั้นเล่า”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนกะพริบตาปริบ หลุบศีรษะลง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแค่นเสียงหึ พูด “สิ่งที่ข้าเคยสอนเจ้าล้วนแต่เรียนเสียเปล่าใช่หรือไม่”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนก้มหน้าไม่พูดไม่จา

 

 

เมิ่งชื่อตำหนินาง “เจ้าแสดงกิริยาอะไร อี้เซวียนถูกทำร้าย เจ้าไม่เพียงไม่ปลอบประโลม ยังจะตำหนิโทษเขาทำไม”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “ยามที่ควรลงมือกลับไม่ลงมือ สมแล้วที่ถูกทำร้าย”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนหลุบศีรษะลงต่ำกว่าเดิม

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแค่นเสียงหึ หันหลังเดินเข้าบ้าน

 

 

เมิ่งชื่อดึงมือเขามาอย่างปวดใจ พูดว่า “รีบเข้าบ้าน แม่จะทำความสะอาดบาดแผลให้”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนตามเมิ่งชื่อเข้าไปในบ้านอย่างเชื่อฟัง

 

 

เมิ่งชื่อยกน้ำสะอาดมา จุ่มปลายผ้าขนหนูมุมหนึ่งจนเปียก เช็ดบาดแผลที่ใบหน้าเขาอย่างเบามือ

 

 

เมิ่งอี้เซวียนเจ็บจนร้อง “ซี้ด”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกระแทกกระทั้น “สมน้ำหน้า!”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนไม่กล้าเปล่งเสียงอีก ทำได้เพียงขมวดคิ้วแน่น

 

 

เมิ่งชื่อช่วยเช็ดเสร็จ เห็นชัดเจนว่าแผลบนใบหน้าเขาไม่เป็นอะไร ก็ถอนใจโล่งอก พูดว่า “เจ้าเข้าไปนอนพักในห้องก่อน แม่ทำอาหารเสร็จ จะเรียกเจ้าออกมา”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า กำลังจะเดินเข้าห้องนอน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ถามขึ้น “เหตุผล”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนตอบเสียงแผ่ว “พวกเขาจงใจเหยียบกระเป๋านักเรียนใบใหม่ของข้า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนิ่งอึ้ง ลุกขึ้นยืน

 

 

เมิ่งอี้เซวียนนึกว่าจะถูกตี ตกใจกระแซะตัวเข้าหาเมิ่งชื่อ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้าไปในห้อง หยิบขวดยาออกมา พูดกับเขา “เข้ามา ข้าจะทายาให้”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนเดินไปตรงหน้านางอย่างปิติ เงยหน้าน้อยๆ ขึ้น

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นบาดแผลชัดเจนหลายรอยบนใบหน้าเขา สะท้อนแววตา เม้มริมฝีปากใส่ยาให้เขาอย่างระวัง

 

 

ตอนกินข้าวเย็น เมิ่งเอ้ออิ๋นเห็นบาดแผลบนใบหน้าเมิ่งอี้เซวียน ร้อนรนถามเกิดเรื่องอันใดขึ้น

 

 

เมิ่งอี้เซวียนจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมา

 

 

เมิ่งชื่อพูดว่า “พวกเขารังแกกันเกินไปแล้ว เด็กหกคนมารุมคนคนเดียวได้อย่างไร”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ไปเรียนวันแรกก็สร้างศัตรู ต่อไปเจ้าจะไปเรียนหนังสืออย่างไร”

 

 

เมิ่งชื่อใช้มือตีนาง พูดติเตียน “เจ้าลูกคนนี้นี่นะ เรื่องนี้จะโทษอี้เซวียนได้อย่างไร เป็นความผิดของเด็กพวกนั้นต่างหาก”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถูกตีอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ พูดทักท้วงอย่างไม่พอใจ “ท่านแม่ ข้าที่เป็นลูกแท้ๆ ของท่าน มีใครเห็นคนนอกดีกว่าลูกในไส้อย่างท่านบ้าง”

 

 

เมิ่งชื่อถลึงตาใส่นาง “แม่เห็นคนนอกดีกว่าตรงไหน เรื่องนี้เด็กพวกนั้นต่างหากที่เป็นคนผิด”

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นก็พยักหน้าเห็นพ้อง “ใช่ เด็กพวกนั้นที่ผิดจริงๆ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างจนใจ “ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านทำเช่นนี้จะทำให้เขาเสียคน พวกท่านคิดบ้างสิ นักเรียนเยอะแบบนั้น ทำไมพวกเขาถึงพุ่งเป้ามาที่เขาคนเดียว เขาจะต้องทำเรื่องที่เข้ากับคนอื่นไม่ได้ ทำให้คนเห็นแล้วขัดหูขัดตา ถึงได้ฉวยโอกาสหาเรื่องเขา”

 

 

ฟังคำพูดนางจบ เมิ่งชื่อก็ถามขึ้น “อี้เซวียน นอกจากเรื่องวิวาท เจ้ายังมีเรื่องอะไรที่ยังไม่ได้พูดหรือไม่”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนครุ่นคิด ก็เล่าเรื่องที่อาจารย์และอาจารย์ฝ่ายปกครองมาสอบวัดระดับความรู้ตัวเองออกมา

 

 

เมิ่งชื่อเข้าใจพลัน “พวกเขาจักต้องริษยาเจ้า ถึงได้ลงมือกับเจ้า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ พูดว่า “ท่านแม่ นักเรียนดีเด่นในโรงเรียนมีมากมาย ทำไมพวกเขาต้องลงมือกับเขา พูดให้ถูกก็คือ เขายังไม่รู้เลยว่าตัวเองไปหาเรื่องพวกเขาตอนไหน”

 

 

เมิ่งชื่อพูดให้ท้าย “อี้เซวียนของเรารู้ความเชื่อฟังที่สุด จะไปหาเรื่องพวกเขาได้อย่างไร พวกเขาจะต้องตั้งใจมาหาเรื่อง เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้เจ้าไปถามที่โรงเรียน ให้อี้เซวียนเปลี่ยนห้องเรียนได้หรือไม่”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนรีบฉวยโอกาสพูด “พรุ่งนี้อาจารย์เรียนให้คนในครอบครัวไปโรงเรียน หากไม่ไป จะไล่พวกเราออก”

 

 

“เช่นนั้นก็ตรงตามความปรารถนาของเจ้า ไม่ต้องไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนอีก” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม

 

 

เมิ่งอี้เซวียนก้มหน้าไม่พูดอะไร

 

 

เมิ่งชื่อร้องอุทาน “เหตุใดต้องให้คนในครอบครัวไปโรงเรียนอีก”

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นก็สะดุ้งตกใจถามขึ้น “ไป ไปทำอะไร”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “เรื่องนี้พวกท่านไม่ต้องยุ่ง พรุ่งนี้ข้าไปเอง”

 

 

สองสามีภรรยาเมิ่งต่างถอนใจโล่งอกพร้อมกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด