ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 138.2

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 138.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
 เมิ่งเสียนหวั่นไหว

 

 

 

 

เมิ่งชื่อฟังจบตำหนิเมิ่งเชี่ยนโยวทันที “อี้เซวียนยังเด็ก เจ้าให้เขาทำเช่นนี้ได้อย่างไร หากถูกเด็กพวกนั้นทำร้ายสาหัสจะทำอย่างไร” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองบนกรอกตาขาว พูดอธิบายอย่างอ่อนใจ “ท่านแม่ ข้าสอนวรยุทธ์พวกเขามาตั้งนาน ฝีมือของเขาข้าจะไม่รู้หรือ การรับมือกับเด็กอันธพาลพวกนั้นไม่คณามือเขา ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่เห็นชอบให้พวกเขาต่อสู้กัน” 

 

 

เมิ่งชื่อถามเสียงแหลม “เช่นนั้นบาดแผลบนหน้าอี้เซวียนมาได้อย่างไร ไม่ใช่เพราะถูกชกหรือ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถอนใจพูดอย่างเรียบง่าย “ท่านแม่ ท่านเพียงเห็นบาดแผลบนใบหน้าอี้เซวียน ท่านยังไม่เห็นว่าเด็กคนอื่นแย่ยิ่งกว่าเขาแค่ไหน ถูกเขาสู้จนฟุบไปกับพื้นลุกไม่ไหวไปตามๆ กัน หลังจากวันนี้ไป ข้ารับประกันว่าที่โรงเรียนจะไม่มีใครกล้ารังแกเขาอีก” 

 

 

เมิ่งชื่อฟังแล้ว ถึงไม่ตำหนิว่านางอีก พูดกับเมิ่งอี้เซวียนอย่างอ่อนโยน “เจ้าเข้าบ้านไปกับแม่ แม่จะทายาให้” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้าเชื่อฟัง 

 

 

เมิ่งชื่อพาเมิ่งอี้เซวียนเดินเข้าบ้าน เมิ่งเสียนกลับร้องเรียกอย่างร้อนรน “ท่านแม่! ข้ามีเรื่องจะพูดกับท่าน” 

 

 

เมิ่งชื่อหันกลับมาถาม “เรื่องอันใด” 

 

 

เมิ่งเสียนกำลังจะพูดเรื่องที่คุณหนูบ้านอวี้ต้องการหมั้นหมายกับตัวเองออกมา เมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามาห้ามเขาไว้ “พี่ใหญ่ ท่านเอารถม้าไปเก็บเข้าที่ก่อนเถอะ ในบ้านคนเยอะ เรื่องนี้รอพูดตอนค่ำดีกว่า” 

 

 

เมิ่งเสียนก็คิดได้ว่าในบ้านคนเยอะ ตอนนี้ไม่เหมาะจะพูดเรื่องนี้จริงๆ จึงขยี้ศีรษะ บังคับรถม้าเดินหน้าแดงไปหลังเรือน 

 

 

เมิ่งชื่อเห็นท่าทีเมิ่งเสียน ถามเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างกังขา “โยวเอ๋อร์ ทำไมแม่รู้สึกว่าพี่ชายเจ้าผิดปกติ วันนี้พวกเจ้ายังเจอเข้ากับเรื่องอื่นหรือ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “เจอเข้ากับเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร รอตอนกลางคืนค่อยให้พี่ใหญ่บอกท่าน” 

 

 

เมิ่งชื่อได้ยินว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ จึงไม่เก็บมาใส่ใจ พาเมิ่งอี้เซวียนเข้ามาในบ้าน หยิบยาในมือเมิ่งเชี่ยนโยวมา ทาให้เขาอย่างตั้งใจ แล้วกำชับให้เขาไปพักผ่อน 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนกลับเข้าไปที่ห้องตัวเองอย่างว่านอนสอนง่าย นอนลงบนเตียงเตา คิดจะหลับตาพักสักครู่ ไม่ทันไรก็หลับสนิทไป 

 

 

เมิ่งชื่อกลับมาที่ห้องครัว ลงมือทำอาหารกลางวันให้คนงานต่อ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งขมวดคิ้วมุ่นบนเก้าอี้ในห้องเมิ่งชื่อ เอาแต่ขบคิดว่า คุณหนูสกุลอวี้มีตรงไหนผิดปกติ 

 

 

กินอาหารเที่ยงเสร็จ เมิ่งเสียนก็ไม่มีแก่ใจทำน้ำมันพริก เอาแต่เดินไปโน่นมานี่ไม่หยุด คอยแหงนหน้ามองดูท้องฟ้า รอคอยให้ท้องฟ้ารีบมืดเร็วๆ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นท่าทางของเขา ยิ่งขมวดคิ้วมุ่น 

 

 

เมิ่งชื่อมองดูอาการเมิ่งเสียน ถามเขาว่ามีเรื่องอะไรหรือไม่ 

 

 

เมิ่งเสียนมองเมิ่งเชี่ยนโยวแล้วส่ายหน้าไม่พูดอะไร 

 

 

เมิ่งชื่อมองเขาอย่างคับข้องใจ 

 

 

เมิ่งเสียนกลัวตัวเองจะทนไม่ไหวพูดออกไปตอนนี้ หันหลังเดินไปหลังเรือน 

 

 

เมิ่งชื่อส่ายหน้า ปักลวดลายงดงามบนกระเป๋านักเรียนที่ตัวเองเย็บเสร็จแล้วต่อ 

 

 

กระทั่งคนงานกลับไปหมดแล้ว เมิ่งเสียนปิดประตูใหญ่อย่างอดใจรอไม่ไหว วิ่งมาตรงหน้าเมิ่งชื่อที่กำลังเตรียมทำอาหารค่ำ พูดอย่างเก็บงำความดีใจไม่ไหว “ท่านแม่ ข้ามีเรื่องจะบอกท่าน” 

 

 

เมิ่งชื่อล้างผักไปพลางถาม “เรื่องอันใด” 

 

 

เมิ่งเสียนถามนางอย่างยินดี “ท่านแม่ยังจำแม่นางที่ตกใจเพราะรถม้าของพวกเราเมื่อตอนก่อนปีใหม่ได้หรือไม่” 

 

 

เมิ่งชื่อพยักหน้า “จำได้ หากไม่เพราะสาวใช้นางบอกว่าจะหมั้นหมายกับคุณชายมั่งคั่งคนหนึ่งหลังปีใหม่ แม่คงให้แม่สื่อไปทาบทามสู่ขอแล้ว” 

 

 

เมิ่งเสียนพูดอย่างยินดี “วันนี้พ่อแม่ของนางเชิญพวกเราไปที่บ้านพวกเขา บอกว่าจะยกคุณหนูนางนั้นให้แต่งงานกับข้า” 

 

 

ผักในเมิ่งชื่อร่วงหล่นพื้น เงยหน้าถามอย่างยินดีแกมประหลาดใจ “เสียนเอ๋อร์ เจ้าพูดเป็นความจริง” 

 

 

เมิ่งเสียนพยักหน้าเต็มแรง พูดว่า “น้องสาวและอี้เซวียนก็ทราบเรื่อง” 

 

 

เมิ่งชื่อถูมือดีใจพูดว่า “เช่นนั้นก็ดีมากจริงๆ ถึงว่าตอนที่แม่เห็นคุณหนูนางนี้ครั้งแรกก็ชอบใจเป็นอย่างมาก ที่แท้จะได้มาเป็นคนในครอบครัวของพวกเรา” พูดจบร้องตะโกนเสียงดังอย่างระงับไม่อยู่ “พ่อเอ๊ย เจ้ามาตรงนี้หน่อย บ้านเราจะมีเรื่องมงคลแล้ว” 

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นได้ยินเดินออกมาจากในบ้าน ถามเสียงลั่น “เรื่องมงคลอะไร” 

 

 

เมิ่งชื่อตอบอย่างดีใจ “เสียนเอ๋อร์ของเราจะหมั้นหมายแล้ว!” 

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นชะงันงันเล็กน้อย ถามนางอย่างสงสัย “เสียนเอ๋อร์จะหมั้นหมาย เป็นบุตรสาวบ้านไหน ก่อนหน้านี้เหตุใดไม่เคยได้ยินเจ้าเอ่ยถึง” 

 

 

เมิ่งชื่อตอบอย่างยินดี “มิใช่บุตรสาวคนละแวกนี้ แต่เป็นคุณหนูผู้ดีมีเงินในเมือง วันนี้พ่อแม่ของนางเชิญพวกเสียนเอ๋อร์ไปที่บ้าน บอกว่าพึงพอใจเสียนเอ๋อร์ของเรา ต้องการยกบุตรสาวของตนให้แต่งงานกับเขา” 

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นฟังไม่เข้าใจ ถามอย่างข้องใจ “เหตุใดข้าถึงฟังที่เจ้าพูดไม่เข้าใจ คุณหนูผู้ดีมีเงินอะไร” 

 

 

เมิ่งชื่อพูดอย่างร้อนใจ “ทำไมพูดแล้วเจ้าไม่เข้าใจ ก็คุณหนูผู้ดีมีเงินในเมืองคนนั้นอย่างไร” 

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นเริ่มร้อนรน พูดว่า “เจ้ายิ่งพูดข้าก็ยิ่งงง คุณหนูผู้ดีมีเงินในเมืองคนไหนกันแน่” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นทั้งสองคนพูดกันเหมือนฝึกออกเสียงคำพูดลิ้นพันกัน ส่งเสียงหัวเราะ “พรืด” ออกมา พูดว่า “ท่านแม่ ท่านไม่ได้เล่าเรื่องที่รถม้าของพวกเราทำคุณหนูคนนั้นตกใจตอนก่อนปีใหม่ให้ท่านพ่อฟัง” 

 

 

เมิ่งชื่อตบหน้าผาก พูดว่า “ข้าดีใจเกินไป ลืมบอกเรื่องที่เจ้าไม่รู้” พูดจบ ก็รีบเล่าเรื่องที่พวกเขาไปซื้อของใช้ปีใหม่ก่อนถึงวันปีใหม่ เมิ่งเสียนเป็นคนเฝ้ารถม้า ม้าตื่นตกใจ แผดเสียงร้อง ทำเอาคุณหนูคนหนึ่งตกใจล้มไปกองกับพื้น ข้อเท้าแพลง พวกเขาทำใจไม่ได้ พาคุณหนูขึ้นรถม้าไปหาหมอที่ร้านยาเต๋อเหริน พอหาหมอเสร็จก็พานางไปส่งบ้านอย่างคร่าวๆ อีกรอบ พูดจบยังพูดอย่างดีอกดีใจ “ตอนนั้นข้ายังพูดกับเสียนเอ๋อร์และโยวเอ๋อร์ว่า ถ้าคุณหนูคนนี้มาเป็นสะใภ้ของพวกเราได้ก็คงดี ไม่คิดเลยว่าข้าจะได้สมปรารถนา” 

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นได้ยินคร่าวๆ รู้ถึงความเป็นมาเป็นไปของเรื่อง กลับไม่ได้ดีใจเหมือนเมิ่งชื่อ กลับถามขึ้นว่า “เมื่อเจ้าพูดว่าคุณหนูคนนั้นดีขนาดนั้น เหตุใดถึงมาต้องตามเสียนเอ๋อร์ของพวกเราได้” 

 

 

เมิ่งชื่อพูดเอ็ดเขาอย่างไม่พอใจ “เสียนเอ๋อร์ของพวกเราเป็นอย่างไร หน้าตาก็มี รูปร่างก็ได้ มีตรงไหนที่แย่กว่าพวกคุณชายเศรษฐีพวกนั้น” 

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นโบกมือพูดว่า “ข้าไม่ได้บอกว่าเสียนเอ๋อร์ของเราไม่ดี ข้าเพียงแปลกใจเหตุใดบ้านพวกเขาถึงยกบุตรสาวให้เขากะทันหันเช่นนี้” 

 

 

เมิ่งเสียนพูดกับเมิ่งเอ้ออิ๋นด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ท่านพ่อ เดิมคุณหนูนางนั้นถูกทาบทามให้คุณชายมั่งคั่งคนหนึ่ง พ้นปีใหม่ก็จะจัดงานหมั้นหมาย แต่ม้าของพวกเราทำนางตกใจ จนนางล้มไปกับพื้น ตอนนั้นข้าร้อนใจ รีบเข้าไปประคองนาง ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะหลุดไปถึงหูคุณชายมั่งคั่งคนนั้น อีกฝ่ายกล่าวว่านางไม่รักนวลสงวนตัว จึงไม่มาหมั้นหมายกับนาง และเรื่องนี้ก็แพร่สะพัดไปทั้งตัวเมือง ไม่มีแม่สื่อคนไหนกล้ามาทาบทามสู่ขออีก คุณหนูคนนั้นทนรับแรงกระทำนี้ไม่ได้ กินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่นานก็ล้มป่วย วันนี้ตอนที่พวกเราเห็นนาง นางซูบผอมจนไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว” 

 

 

“พูดเช่นนี้แปลว่าบ้านสกุลนั้นหาได้พึงใจต่อเจ้า เพียงแค่ต้องการให้เจ้ารับผิดชอบคุณหนูนางนั้น” เมิ่งเอ้ออิ๋นถาม 

 

 

เมิ่งเสียนหน้าแดงกว่าเดิม รีบพูดกับเมิ่งเอ้ออิ๋น “ไม่ใช่อย่างนั้น คุณหนูนางนั้นพูดกับพ่อแม่นางว่า ตอนที่เห็นข้าครั้งแรก ก็รู้สึก ก็รู้สึก…” พูดถึงตรงนี้เสียงของเมิ่งเสียนก็ขาดหาย 

 

 

เมิ่งชื่อพูดอย่างกระวนกระวายใจ “เจ้าลูกคนนี้อยากให้แม่ร้อนใจตายหรือไร เจ้ารีบพูดออกมา รู้สึกอย่างไรกับเจ้า” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบแทนเขา “คุณหนูคนนั้นบอกว่าตอนที่ได้เห็นพี่ใหญ่ครั้งแรก ก็แอบรู้สึกพึงใจในตัวเขาแล้ว” 

 

 

เมิ่งชื่อตบมือดังฉาด พูดยินดี “เช่นนั้นก็ดีมากจริงๆ พรุ่งนี้แม่จะให้แม่สื่อไปทาบทามสู่ขอ ไม่แน่ว่าปลายปีเราก็จะได้อุ้มหลานตัวอ้วนพีแล้ว” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถลึงตาโตฉับพลัน หุนหันเข้าไปพูดกับเมิ่งชื่อ “ท่านแม่ เมื่อครู่ท่านพูดอะไร” 

 

 

เมิ่งชื่อตอบอย่างดีใจ “แม่บอกว่าพรุ่งนี้จะหาคนไปทาบทามสู่ขอ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างว้าวุ่นใจ “ไม่ใช่ประโยคนี้ ประโยคต่อจากนี้” 

 

 

เมิ่งชื่อตอบ “ประโยคต่อจากนี้คือไม่แน่ว่าปลายปีเราก็จะได้อุ้มหลานตัวอ้วนพีแล้ว” พูดจบถามนาง “แม่พูดอะไรผิดหรือ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกว่าเรื่องที่ตัวเองขับข้องใจมาตลอดทั้งวันในที่สุดก็กระจ่างแจ้ง น้ำเสียงทุ้มเข้ม พูดอย่างฉุนเฉียว “เป็นอย่างนี้เอง” 

 

 

เมิ่งชื่อเห็นปฏิกิริยาของนางผิดปกติ ถามอย่างสงสัย “โยวเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไร แม่พูดผิดหรือ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวได้สติกลับมา พูดว่า “ท่านแม่ไม่ได้พูดผิด” 

 

 

เมิ่งชื่อถอนหายใจ พูดอย่างปิติ “เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้ พรุ่งนี้แม่จะหาแม่สื่อไปทาบทามสู่ขอ” 

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นยับยั้งนาง “ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติ เจ้าอย่าเพิ่งใจร้อน พวกเราสืบให้แน่ชัดก่อนค่อยว่ากัน” 

 

 

เมิ่งชื่อพูดอย่างร้อนรน “คุณหนูบ้านนั้นพึงใจเสียนเอ๋อร์เป็นเรื่องดี มีสิ่งใดผิดปกติกัน เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่ง ข้าจะจัดการเอง” 

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นพูดว่า “ต่อให้คุณหนูนางนั้นพึงพอใจเสียนเอ๋อร์ พวกเขาก็ควรจะส่งคนมาสืบความว่าพวกเราเป็นคนอย่างไร จากนั้นค่อยหาแม่สื่อมาส่งข่าวแก่พวกเรา ไม่ใช่มาเชิญเสียนเอ๋อร์ไปที่บ้าน หารือกันต่อหน้า ทำเช่นนี้ประหลาดเกินไป” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าเห็นพ้อง “ข้าคิดว่าท่านพ่อพูดถูก เรื่องนี้แปลกประหลาดเกินไป พวกเราสืบความดูก่อน ค่อยตัดสินใจเถอะ” 

 

 

เมิ่งเสียนรีบพูด “ได้อย่างไร คุณหนูอวี้ซูบผอมจนไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว หากพวกเราถ่วงเวลาต่อไป นางล้มป่วยไปจะทำอย่างไร” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถามเขา “ความหมายของพี่ใหญ่คือ” 

 

 

เมิ่งเสียนขยี้เส้นผม พูดอย่างกระดากเขิน “ข้ามีความคิดเหมือนท่านแม่ พรุ่งนี้หาแม่สื่อไปทาบทามสู่ขอ ให้คุณหนูอวี้วางใจลง รักษาตัวอย่างสบายใจ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่น ถามต่อ “พี่ใหญ่ ก็มีรักแรกพบกับคุณหนูอวี้หรือ” 

 

 

เมิ่งเสียนหน้าแดง รีบร้อนโบกมือพูด “น้องสาว เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้ามิได้พึงใจคุณหนูอวี้ ข้าเพียงรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะข้า หากไม่ใช่ข้า ไม่แน่ว่าตอนนี้คุณหนูอวี้คงมีการแต่งงานที่สมฐานะ และไม่ต้องถูกคนในเมืองวิจารณ์กันสนุกปาก จนล้มป่วย ผ่ายผอมจนไม่เหลือเค้าเดิม เมื่อคุณหนูอวี้เห็นชอบกับการแต่งงานนี้ พวกเรารีบหมั้นหมายให้เรียบร้อย ลบคำครหา คุณหนูอวี้จะได้รักษาตัวอย่างสบายใจ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงถามเขา “พี่ใหญ่แน่ใจว่าไม่ได้หวั่นไหวเพราะได้ยินคุณหนูอวี้บอกว่าแอบหลงรักท่านตั้งแต่แรกเห็นหรอกนะ” 

 

 

เมิ่งเสียนยิ่งหน้าแดง พูดอึกๆ อักๆ เสียงแผ่ว “มะ มีบ้างนิดหน่อย” 

 

 

เมิ่งชื่อพูดอย่างยินดี “เมื่อพวกเจ้าทั้งสองฝ่ายชอบพอกัน ก็ยิ่งเป็นเรื่องดี” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดโน้มน้าว “ท่านแม่ การแต่งงานเป็นเรื่องทั้งชีวิต หากแต่งเอาสะใภ้ไม่ดีกลับมา พี่ใหญ่จะมีชีวิตที่ไม่มีความสุขไปทั้งชาติ ท่านแน่ใจว่าจะไม่สืบสาวราวเรื่อง ก็หุนหันให้พี่ใหญ่ไปหมั้นหมาย” 

 

 

เมิ่งชื่อโบกมือ “ไม่ต้องสืบเรื่องแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่เคยพบคุณหนูนางนั้น เห็นปุ๊ปก็รู้ว่าเป็นหญิงมีการศึกษา อ่อนโยนเป็นกุลสตรี เป็นเด็กสาวที่ดีที่หาได้ยากยิ่งในบ้านนอกของเรา หากเป็นเมื่อก่อนพวกเราไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะวิงวอน” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดโน้มน้าวต่อ “ท่านแม่ ตอนนี้ธุรกิจโรงงานของครอบครัวเราใหญ่โต ต่อไปยังจะมีการค้าอื่นทยอยออกมา เหล่านี้ต้องให้พี่ใหญ่จัดการดูแล ดังนั้นสะใภ้ในอนาคตไม่เพียงต้องอ่อนโยนเป็นกุลสตรี ยังต้องช่วยพี่ใหญ่ดูแลกิจการได้ด้วย ท่านคิดดูว่าสภาพอย่างคุณหนูอวี้ ต่อไปจะช่วยพี่ใหญ่อย่างไร” 

 

 

เมิ่งชื่อพูดอย่างไม่สนใจ “ทำการค้าไม่ได้ รอให้พวกเขาแต่งงานกันแล้ว ให้พี่ใหญ่เจ้าค่อยๆ สอนนางก็ได้ มีใครที่ไหนเกิดมาก็ทำเป็นทุกอย่าง” 

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นอ้าปากจะพูดบ้าง 

 

 

เมิ่งชื่อหันไปโบกมือใส่เขา “เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว เรื่องหมั้นหมายข้าจัดการเอง เจ้าเพียงรอเสียนเอ๋อร์แต่งงานอย่างสบายใจก็พอ” พูดจบก็หันหลังไปล้างผักทำอาหาร 

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นถอนใจแหนงหน่าย เดินกลับเข้าบ้าน 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่นยืนอยู่ที่เดิม 

 

 

เมิ่งชื่อพูดกับนาง “โยวเอ๋อร์ หากเจ้าไม่มีธุระ ก็มาช่วยแม่ติดไฟ วันนี้แม่ดีใจ จะทำอาหารเพิ่มให้พวกเจ้าสองอย่าง” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองเมิ่งเสียนที่ดีใจจนไม่รู้จะทำอะไรแล้วตอบกลับ “ท่านแม่ ให้พี่ใหญ่ช่วยเถอะ วันนี้ข้าเหนื่อย อยากกลับไปพักในห้อง” พูดจบก็หันหลังเดินเข้าบ้าน 

 

 

เมิ่งเสียนรีบย่อตัวลงข้างเตาช่วยเมิ่งชื่อติดไฟ 

 

 

เมิ่งชื่อมองร่างเมิ่งเชี่ยนโยว พูดอย่างไม่เข้าใจ “วันนี้สองพ่อลูกเป็นอะไร แต่ละคนแปลกไม่แพ้กัน” 

 

 

เมิ่งเสียนยังคงจมดิ่งอยู่ในห้วงความสุข ไม่ได้พูดอะไร 

 

 

เมิ่งชื่อมองเมิ่งเสียนที่ดีใจเป็นหนักเป็นหนาแวบหนึ่ง คิดว่าพรุ่งนี้จะมีแม่สื่อไปพูดทาบทามสู่ขอ ก็ดีใจแย้มยิ้มออกมา 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด