ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 149.3

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 149.3 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ซื้อภูเขาร้าง

 

 

 

 

กระทั่งรถเทียมเกวียนจากไป ผู้ใหญ่บ้านถึงถามขึ้นอย่างอดใจรอไม่ไหว “แม่นางเมิ่ง พวกเราจะเริ่มหาคนมาแผ้วถางภูเขาร้างเมื่อใด?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “พรุ่งนี้ข้าก็จะปิดโรงงานรมควันเนื้อแล้ว ข้าต้องจัดแจงเรื่องคนงานในโรงงาน และคิดเงินค่าแรงให้พวกเขา เกรงจะยังไม่มีเวลาว่าง ท่านช่วยคัดเลือกให้ข้าก่อน เอาครอบครัวที่ทำงานหนักเอาเบาสู้ วันมะรืนพอข้ามาถึงจะให้พวกเขาไปแผ้วถางทันที” 

 

 

ผู้ใหญ่บ้านได้ฟังย้อนถามอย่างประหลาดใจ “ครอบครัว? แม่นางต้องการได้คนที่ถูกเลือกมาทำงานทั้งครอบครัวหรือ?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ข้าเตรียมจะจ้างคนมาทำงานสองแบบ แบบแรก จ้างคนที่ทำงานใช้แรงได้ จ่ายเงินค่าแรงโดยคิดเป็นวัน ยังมีอีกแบบคือ ให้มาวาดแบ่งเขตพื้นที่ ทั้งครอบครัวสามารถมาทำได้ โดยจะจ่ายค่าแรงตามพื้นที่ที่แบ่งได้” 

 

 

ผู้ใหญ่บ้านได้ฟังก็ปิติยินดี “เช่นนั้นก็ดีมาก แบบนี้คนในหมู่บ้านพวกเราจะมีงานทำเกือบทั้งหมด” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ประมาณนั้น ท่านไปบอกวิธีการทำงานทั้งสองแบบนี้กับทุกคนก่อน ดูว่าพวกเขาอยากทำแบบไหน? แล้วท่านจดไว้ ข้าจะดูว่าจะแบ่งเขตแดนหรือจ้างคนมาทำชั่วคราว” 

 

 

ผู้ใหญ่บ้านพยักหน้า ทั้งสองปรึกษารายละเอียดอีกครู่หนึ่ง เมิ่งเชี่ยนโยวถึงนั่งรถม้าเดินทางกลับ ระหว่างทางพูดกับจางจู้ว่า “ลุงใหญ่ ที่ข้าพูดกับผู้ใหญ่บ้านไปเมื่อครู่ท่านคงได้ยินแล้ว คืนนี้ระหว่างทางกลับบ้านท่านถามคนงานในหมู่บ้าน พวกเขายินดีจะกลับบ้านมาแผ้วถางภูเขาร้างหรือจะทำงานในโรงงานต่อ พรุ่งนี้เช้าขอคำตอบที่แน่ชัด ข้าจะได้จัดการถูก” 

 

 

จางจู้รับคำ “ได้ ข้าจะถามให้ พรุ่งนี้จะต้องมีคำตอบแน่ชัดให้เจ้า” 

 

 

ตอนเย็นยังเป็นเมิ่งเสียนและเมิ่งฉีเข้าเมืองไปรับเมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉกลับมา 

 

 

ซุนเหลียงไฉยังถือเงินที่ขายกระเป๋านักเรียนได้ห้าสิบตำลึง เตรียมจะโอ้อวดกับเมิ่งเชี่ยนโยว เห็นนางไม่ได้มา ก็ให้ผิดหวังเป็นอย่างมาก ระหว่างทางกลับเอาแต่นั่งซึมเศร้า พูดน้อยลงไปมาก 

 

 

รถม้าเพิ่งจะถึงหน้าประตู ก็รีบลงจากรถม้าก่อนใคร วิ่งเข้าไปในลานบ้านร้องตะโกน “ข้ากลับมาแล้ว!” 

 

 

เมิ่งชื่อออกมาจากครัว ยิ้มพูด “เหลียงไฉกลับมาแล้ว รีบเข้าไปพักในบ้านก่อน อีกเดี๋ยวอาหารก็เสร็จแล้ว” 

 

 

ซุนเหลียงไฉพูดว่า “นางเล่า?” 

 

 

เมิ่งชื่อนิ่งอึ้งเล็กน้อย ถาม “ใคร?” 

 

 

ซุนเหลียงไฉรีบพูด “ยังมีใคร ก็นังตัวแสบนั่นอย่างไร?” 

 

 

เมิ่งชื่อหัวเราะ “เจ้าพูดถึงโยวเอ๋อร์รึ นางอยู่” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวออกมาจากห้องตัวเอง พูดตัดบทเมิ่งชื่อด้วยน้ำเสียงเ**้ยมเกรียม “นังตัวแสบอยู่ที่นี่แล้ว?” 

 

 

เสียงเ**้ยมเกรียมนั้นทำเอาซุนเหลียงไฉตกใจจนตัวสั่นสะท้าน 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ข้าจำได้ว่าข้าเคยเตือนเจ้าไว้แล้ว อย่าได้เรียกข้าว่านังตัวแสบอีก เจ้าลืมเร็วเช่นนี้เลย? ต้องให้ข้าช่วยนึกให้หรือไม่?” 

 

 

ซุนเหลียงไฉพลันโบกมือ “ไม่ต้องๆ ครั้งนี้ข้าจำได้จริงๆ ต่อไปจะไม่เรียกเจ้าเช่นนี้อีกแล้ว” 

 

 

“เจ้าแน่ใจ?” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม 

 

 

ซุนเหลียงไฉพยักหน้าเต็มแรง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “เห็นแก่ที่สองวันมานี้เจ้าทำตัวดี เรื่องในวันนี้ข้าจะไม่คิดหยุมหยิมกับเจ้า หากครั้งหน้าเจ้าเรียกข้าเช่นนี้อีก ข้าจะลงโทษไม่ให้เจ้ากินข้าวสองวัน” 

 

 

ไม่ได้กินข้าวมื้อเดียวก็แทบจะเอาชีวิตซุนเหลียงไฉแล้ว นี่ไม่ได้กินสองมื้อไม่หิวตายหรือ ซุนเหลียงไฉตกใจพูดรับประกันอีกครั้ง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถามเขา “เจ้าเรียกหาข้ามีเรื่องอันใด?” 

 

 

ซุนเหลียงไฉถึงนึกได้ว่าตัวเองเรียกหาเมิ่งเชี่ยนโยวทำไม รีบวางกระเป๋านักเรียนลง ล้วงเงินห้าสิบตำลึงออกมาจากด้านใน พูดกับนางอย่างมีความสุข “ดูสิ ข้าขายกระเป๋านักเรียนได้แล้ว นี่คือเงินห้าสิบตำลึง” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาตรงหน้าเขา พูดชื่นชม “คุณชายน้อยซุนเก่งมาก ขายกระเป๋านักเรียนห้าใบได้จริงๆ” 

 

 

ซุนเหลียงไฉพูดอย่างได้ใจ “ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขาหลายคนยังชอบกระเป๋านักเรียนลายอื่นด้วย บอกให้วันพรุ่งข้าเอาไปเพิ่ม พวกเขาจะซื้อเพิ่มอีกสองสามใบ อยากเป็นเหมือนข้า เปลี่ยนกระเป๋านักเรียนที่ไม่เหมือนกันทุกวัน” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งยินดี “ดีมาก พรุ่งนี้ตอนจะไปโรงเรียนจงนำกระเป๋านักเรียนไปมากหน่อย ให้พวกเขาเลือกตามใจ” 

 

 

ซุนเหลียงไฉก็พยักหน้าดีใจ ส่งเงินให้เมิ่งเชี่ยนโยว “นี่เป็นเงินที่ขายกระเป๋านักเรียนได้ ให้เจ้า แต่เจ้าอย่าลืมให้เงินค่าขนมข้านะ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรับเงินมา หันไปพูดกับเมิ่งอี้เซวียน “อี้เซวียน เจ้าไปเอาสมุดบัญชีมา จดยอดเงินที่ซุนเหลียงไฉขายได้วันนี้ไว้” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้าห้อง วางเงินห้าสิบตำลึงลง หยิบเงินหนึ่งร้อยอีแปะออกมา มอบให้ซุนเหลียงไฉ ซุนเหลียงไฉดีใจออกไปกระโดดโลดเต้นในลานบ้าน 

 

 

รอจนเขาสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวถึงพูดว่า “เพื่อเป็นรางวัลที่วันนี้เจ้าขายกระเป๋านักเรียนได้ห้าใบ ประเดี๋ยวจะหั่นกุนเชียงมาให้กิน” 

 

 

วันแรกที่ซุนเหลียงไฉวิ่งในลานใหญ่ ก็เห็นสิ่งของที่ตนเองไม่รู้จักแขวนอยู่ในลานโล่งแล้ว หลังจากถามเมิ่งเสียน ถึงได้รู้ว่าเป็นอาหารชนิดหนึ่ง ชื่อว่ากุนเชียง พอได้ยินว่าเป็นอาหาร ซุนเหลียงไฉก็น้ำลายสอนานแล้ว แอบเว้าวอนเมิ่งชื่อว่าตัวเองอยากกินบ้าง เมิ่งชื่อยิ้มบอกเขา กุนเชียงยังไม่แห้งดี ยังกินไม่ได้ ซุนเหลียงไฉผิดหวังหมดอาลัย ตอนนี้ได้ยินว่าคืนนี้ตนเองจะได้กินกุนเชียงที่อยากกินมานาน ซุนเหลียงไฉก็ดีใจกระโดดตัวลอยอีกครั้ง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไปที่ลานใหญ่ หยิบกุนเชียงมารสชาติละเส้น นำไปต้มจนสุก หั่นเป็นแผ่น วางลงในจาน 

 

 

ตอนกินข้าว ซุนเหลียงไฉคีบใส่ปากอย่างรอต่อไปไม่ไหว กินไปพลางพูดไม่หยุดว่า “อร่อยมาก ข้าไม่เคยกินของอร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย” 

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งชื่อโพล่งหัวเราะ 

 

 

หลังจากเลิกงานตอนค่ำ ระหว่างทางกลับบ้าน จางจู้บอกเรื่องที่เมิ่งเชี่ยนโยวซื้อภูเขาร้างของหมู่บ้านตัวเอง ทั้งคิดจะหาคนไปแผ้วถาง ถามพวกเขาว่า ยินดีจะมาแผ้วถางในหมู่บ้านตนเองหรือไม่ หรือว่าจะอยู่ทำงานในโรงงานต่อ 

 

 

พอได้ยินว่าไปทำงานแผ้วถางได้ทั้งครอบครัว ก็มีคนพูดว่ายินดีกลับมาทำงานในหมู่บ้านเป็นจำนวนมาก มีเพียงไม่กี่คนที่ยังลังเล จางจู้ให้คืนนี้พวกเขากลับไปคิดทบทวนให้ดี เมื่อคิดได้แล้ว พรุ่งนี้ตอนที่มาเข้างานค่อยบอกเขา 

 

 

วันถัดมาตอนมาเข้างาน คนในหมู่บ้านทั้งหมดบอกกับจางจู้ว่า ยินดีจะกลับไปทำงานในหมู่บ้านตนเอง 

 

 

หลังจากมาถึงโรงงาน จางจู้ก็นำการตัดสินใจของทุกคนบอกกับเมิ่งเชี่ยนโยว 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวคาดเอาไว้แล้วว่าพวกเขาจะต้องตัดสินใจเช่นนี้ จึงไม่ได้ประหลาดใจอะไร บอกทุกคนว่าวันนี้จะให้พวกเขาเลิกงานเร็วขึ้น แล้วตัดบัญชีค่าแรงของหลายวันนี้ให้พวกเรา พรุ่งนี้พวกเขาก็ไม่ต้องมาแล้ว 

 

 

คนหมู่บ้านหลี่ซาบซึ้งใจยิ่งนัก ต่างบอกว่าเมื่อตนเองกลับไปแล้วจะตั้งใจทำงาน แผ้วถางภูเขาร้างให้อย่างดี 

 

 

เมื่อคนงานไปเข้างาน เมิ่งเชี่ยนโยวก็หยิบสมุดบัญชีออกมา คำนวณเงินค่าแรงของคนงานหมู่บ้านหลี่และคนงานโรงงานรมควันเนื้อ 

 

 

กระทั่งยามบ่ายคนงานโรงงานรมควันเนื้อก็ทำงานในวันสุดท้ายเสร็จแต่หัววัน มายืนอออยู่หน้าประตูบ้านเมิ่งเอ้ออิ๋นด้วยใจตุ๊มๆ ต่อมๆ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยืนบนโต๊ะที่เมิ่งเสียนวางจัดเตรียมไว้แล้ว เปล่งเสียงดังพูดกับทุกคน “วันนี้โรงงานรมควันเนื้อของพวกเราจะปิดอย่างเป็นทางการแล้ว ขอบคุณทุกคนที่ตั้งใจทำงานมายาวนานเช่นนี้ ดังนั้นวันนี้นอกจากเงินค่าแรงตลอดหลายวันที่ผ่านมาที่ข้าจะมอบให้กับทุกคนโดยไม่ขาดสักแดงแล้ว ข้ายังมีข่าวดีจะบอกกับทุกคนด้วย” 

 

 

ป้าหวังเป็นผู้นำถามอย่างอดใจรอไม่ไหว “ข่าวดีอะไร?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “คนงานที่ทำงานโรงงานรมควันเนื้อหมู่บ้านพวกเรา นับแต่วันพรุ่งนี้ให้เริ่มมาทำงานที่โรงงานกุนเชียง” 

 

 

แม้เมิ่งเชี่ยนโยวจะบอกว่าหลังจากปิดโรงงานรมควันเนื้อจะมีงานอื่นให้พวกเขาทำต่อ แต่ว่าเป็นอะไรกันแน่นางไม่เคยบอก คนในโรงงานใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ มาหลายวัน ในที่สุดตอนนี้ก็รู้ว่าตัวเองจะได้มาทำงานโรงงานกุนเชียง ต่างยินดีไชโยโห่ร้อง 

 

 

กระทั่งทุกคนสงบเงียบลง เมิ่งเชี่ยนโยวก็พูดอีกว่า “หากมีคนไม่ยินดีมาทำงานโรงงาน จะไปเก็บทำความสะอาดที่ดินก็ได้ ค่าแรงเหมือนกัน ให้วันละสามสิบอีแปะ” 

 

 

ทุกคนต่างบอกว่ายินดีจะมาทำงานโรงงานกุนเชียง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวให้เมิ่งเสียนจ่ายเงินค่าแรงให้คนหมู่บ้านตนเองก่อน กำชับให้พรุ่งนี้พวกเขามาเข้างานแต่เช้า แล้วให้พวกเขาแยกย้ายไป 

 

 

คนงานโรงงานกุนเชียงก็ทำงานทั้งหมดเสร็จแล้ว ออกมาด้านนอกประตูใหญ่ เมิ่งเชี่ยนโยวก็ให้เมิ่งเสียนจ่ายเงินค่าแรงให้พวกเขา คนในหมู่บ้านหลี่กล่าวขอบคุณแล้วกลับไป 

 

 

เมื่อเสร็จเรื่องทั้งหมด เมิ่งเชี่ยนโยวร้องบอกเมิ่งชื่อ แล้วจึงมาที่โรงงานรมควันเนื้อ 

 

 

หลี่ต้าฉุยและภรรยาคุ้นชินกับช่วงเวลาที่คึกคักทุกวันเสียแล้ว พอคิดว่านับแต่วันพรุ่งนี้ก็จะไม่มีคนเข้ามาอีก รู้สึกหมดอาลัยอย่างบอกไม่ถูก 

 

 

ตอนที่เมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามา สองผู้เฒ่ากำลังจัดเก็บเครื่องมือรมควันเนื้อเงียบๆ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินข้ามาถึงลานบ้าน แย้มยิ้มร้องเรียก “ท่านยายหลี่ ท่านตาหลี่!” 

 

 

สองสามีภรรยาเงยหน้าขึ้น ฝืนแสยะยิ้มให้นาง พูดว่า “โยวเอ๋อร์มาแล้ว” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า หาข้ออ้างพูดว่า “ข้าเข้ามาดูว่าพวกเขาจัดเก็บอุปกรณ์รมควันเนื้อดีหรือเปล่า?” 

 

 

ภรรยาหลี่ต้าฉุยตอบว่า “ไม่ต้องให้พวกเขาเก็บ ต่อไปพวกเราสองคนว่างงานแล้ว ค่อยๆ เก็บก็ได้” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแสร้งถลึงตาโต “ใครบอกว่าพวกท่านจะว่างงาน ข้ายังมีเรื่องสำคัญจะให้พวกท่านทำนะ” 

 

 

หลี่ต้าฉุยและภรรยาถามอย่างยินดี “เรื่องอะไร?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “เรื่องที่ข้าจะปลูกเรือนให้ท่านปู่ท่านย่า พวกท่านคงรู้แล้ว ตอนนี้คนในหมู่บ้านกำลังไปเก็บทำความสะอาดที่ดิน อีกไม่วันพอทำความความสะอาดเสร็จ ปรับหน้าดินเรียบเสมอกันแล้ว ก็จะลงมือปลูกเรือน ถึงตอนนั้นข้าอยากให้เหล่าคนงานที่มาทำงานมากินข้าวกลางวันบ้านพวกท่าน ประมาณสิบกว่าคนได้ พวกท่านว่าพอได้หรือไม่?” 

 

 

สองสามีภรรยาได้ยินว่าบ้านตัวเองจะคึกคักเช่นนั้นอีก ก็พยักหน้ายินดี “ย่อมได้” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “เช่นนั้นข้าขอขอบใจท่านตาหลี่ ท่านยายหลี่ก่อน” 

 

 

ภรรยาหลี่ต้าฉุยพูดตำหนิ “เจ้าเด็กคนนี้ ขอบใจอะไรกัน พวกเราเป็นขอบครัวเดียวกัน ไม่ว่าทำอะไรก็สมควรแล้ว เจ้าวางใจ พรุ่งนี้ข้าจะให้ตาหลี่ของเจ้าก่อเตาไฟเพิ่มอีกสองสามอัน ไม่ว่าจะมากี่คน เราก็จะทำอาหารให้เขากินได้ตรงตามเวลา” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าพูด “พรุ่งนี้จะให้พวกอู๋ต้ามาช่วยพวกท่าน” 

 

 

หลี่ต้าฉุยโบกมือ “ไม่ต้อง งานเล็กน้อยแค่นี้ข้ากับยายหลี่ทำกันเองก็พอ ให้พวกเขาไปทำงานอย่างอื่นเถอะ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เห็นด้วย “การก่อเตาไฟเหนื่อยเกินไป ท่านกับยายหลี่อายุมากแล้ว จะให้ท่านทำงานเหนื่อยเช่นนี้ได้อย่างไร ให้พวกอู๋ต้ามาช่วยเถอะ พวกท่านคอยดูอยู่ข้างๆ ก็พอ” 

 

 

หลี่ต้าฉุยตบหน้าอกตัวเอง พูดว่า “ข้ากับยายหลี่เจ้ายังแข็งแรงดี งานเล็กน้อยแค่นี้ไม่ทำพวกเราเหนื่อยได้ ไม่ต้องให้พวกเขามา” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นพวกเขาเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ จึงพูดอย่างจนใจ “เช่นนั้นพวกท่านก็ค่อยๆ ก่อ ที่ดินยังต้องเก็บทำความสะอาดอีกหลายวันถึงจะเสร็จ ไม่ต้องรีบร้อน อย่าให้เหนื่อยเกินไป” 

 

 

สองสามีภรรยาพยักหน้า “พวกเรารู้แล้ว” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยังกำชับพวกเขาอีกสองสามคำ ถึงกลับบ้าน 

 

 

เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีผลิตน้ำมันพริกเสร็จ กำลังบังคับรถม้าไปรับเมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉ เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นพวกเขารีบร้อนลนลาน ขมวดคิ้วมุ่น ขบคิดในใจ เรื่องในบ้านกำลังจะเพิ่มมากขึ้นแล้ว พี่ใหญ่กับพี่รองต้องไปรับพวกเขาทุกวันแบบนี้เสียเวลาเกินไป ดูท่าตัวเองคงต้องรีบไปซื้อหาคนกลับมาจำนวนหนึ่งจริงๆ แล้ว 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด