ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 150.3

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 150.3 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
 อยากตายรึ ข้าจะสงเคราะห์ให้เอง

 

 

 

เสียงเย็นเยียบของเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้น “ก็ยังเคลื่อนไหวได้ไม่ใช่หรือ? ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

 

 

สามีชิงเอ๋อร์พูดอย่างเคืองขุ่น “นังตัวดีรังแกกันเกินไปแล้ว อย่าคิดว่าเจ้าซื้อภูเขาร้างของหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านเอาอกเอาใจเจ้า เจ้าก็จะทำอะไรได้ตามใจ ข้าจะบอกให้ว่า พวกเราไม่ใช่คนของหมู่บ้านนี้ พวกเราไม่กลัวเจ้า วันนี้ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องมีคำตอบให้พวกเรา ไม่เช่นนั้นพวกเราจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวร้อง “อ่อ” แล้วถาม “คำตอบอะไร?”

 

 

สามีชิงเอ๋อร์มองเฉาเอ๋อร์แวบหนึ่ง พูดว่า “ข้อแรก เฉาเอ๋อร์ถูกรถม้าชนอาการหนัก พวกเราจะพานางไปหาหมอ พวกเจ้าต้องชดใช้เงินให้พวกเรา”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ได้”

 

 

สามีชิงเอ๋อร์ชี้เมิ่งเสียนแล้วพูด “ข้อสอง หากเฉาเอ๋อร์ของพวกเราเป็นอะไรขึ้นมา มีโรคประหลาดติดตัวเพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ จักต้องให้เขารับผิดชอบ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะ มองเขาแล้วถาม “พวกเจ้าอยากให้พี่ใหญ่ข้ารับผิดชอบอย่างไร”

 

 

สามีชิงเอ๋อร์ถอยหลังไปเล็กน้อยอย่างระวัง พูดอย่างไม่กลัวตาย “เขาจะต้องแต่งงานกับเฉาเอ๋อร์”

 

 

“ถุย!” สะใภ้จางจู้ทนไม่ไหวแล้ว สบถแล้วพูดอย่างโมโห “เจ้าคนหน้าไม่อาย พวกเจ้าฝันไปเถอะ”

 

 

ชิงเอ๋อร์พูดอย่างไม่ยอม “พวกเราฝันไปอย่างไร เฉาเอ๋อร์ของเราออกมาหอบฟืนมาดีๆ เป็นรถม้าของพวกเจ้าที่ชนจนนางเป็นเช่นนี้ หากมีโรคประหลาดติดตัว ภายหน้าจะหาคนดีๆ ที่ไหนมาแต่งด้วยได้ พวกเจ้าไม่รับผิดชอบแล้วจะให้ใครรับผิดชอบ”

 

 

สะใภ้จางจู้สบถ “ถุย” อีกคำ “ด้วยนิสัยเกียจคร้านสันหลังยาวของเฉาเอ๋อร์บุตรสาวพวกเจ้า แถมให้ก็ยังไม่มีใครเอา ยังมีหน้ามาพูดว่าจะหาคนดีๆ แต่งงานด้วย”

 

 

ชิงเอ๋อร์กรีดร้อง “เฉาเอ๋อร์ของเราจะหาคนดีๆ มาแต่งด้วยไม่ได้ได้อย่างไร หมอดูก็บอกแล้ว เฉาเอ๋อร์ของพวกเราภายหน้าจะมีดวงเป็นคุณนายน้อย”

 

 

สะใภ้จางจู้พูดอย่างดูแคลน “กลางวันแสกๆ พวกเจ้าเลิกฝันได้แล้ว รีบตื่นเถอะ”

 

 

คนที่มุงดูส่งเสียงหัวเราะคิกคัก

 

 

ชิงเอ๋อร์เดือดดาล พูดข่มขู่เมิ่งเชี่ยนโยว “หากเจ้าไม่ยอมรับเงื่อนไขของพวกเรา วันนี้พวกเราทั้งหมดจะตายต่อหน้าเจ้าเดี๋ยวนี้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า แสยะยิ้มพูดอย่างเ**้ยมเกรียม “อยากตาย? ข้าจะสงเคราะห์ให้เอง!”

 

 

ชิงเอ๋อร์ตกใจผวากับท่าทีของนาง อึกอักถาม “เจ้า เจ้าคิดจะทำอะไร?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ตอบนาง เดินมาตรงหน้าเมิ่งเสียน รับบังเ**ยนจากมือเขา พูดกับเขาว่า “พี่ใหญ่ ท่านไปนั่งบนรถม้าให้ดี วันนี้ข้าจะสอนท่าน ต้องจัดการกับคน “ไม่รักชีวิต” อย่างไร”

 

 

เมิ่งเสียนไม่รู้ว่านางจะทำอะไร แต่ก็ส่งบังเ**ยนให้นางแต่โดยดี ตัวเองขึ้นไปนั่งบนรถม้า

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก้าวขึ้นรถม้า สะบัดบังเ**ยน รถม้าวิ่งพุ่งมาที่ครอบครัวชิงเอ๋อร์

 

 

คนที่มามุงดูแตกฮือถอยหลังกรูด

 

 

ชิงเอ๋อร์ไม่คิดว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะกล้าบังคับรถม้าวิ่งตรงมาที่ครอบครัวตัวเอง ตกใจลากเฉาเอ๋อร์กระเสือกกระสนวิ่งหนี สามีชิงเอ๋อร์ตกใจยิ่งกว่าล้มลุกคลุกคลานหลบไปอีกด้าน

 

 

รถม้าวิ่งผ่านร่างพวกเขาทั้งครอบครัวไป เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดรถม้า พูดกับทุกคน “พวกเจ้าอยากตายไม่ใช่หรือ? จะหลบทำไม?”

 

 

ครอบครัวชิงเอ๋อร์ตกใจจนพูดไม่ออก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองพวกเขาอย่างดูแคลนแวบหนึ่ง พูดว่า “นับตั้งแต่วันนี้ไป ข้าไม่ต้องการเห็นพวกเจ้าในหมู่บ้านนี้อีก ไม่เช่นนั้นข้าจะหักขาพวกเจ้าทั้งสองข้าง”

 

 

ครอบครัวชิงเอ๋อร์ตกใจตัวสั่นสะท้าน ไม่กล้าขยับเขยื้อน

 

 

คนในหมู่บ้านเห็นท่าทีเ**้ยมโหดของเมิ่งเชี่ยนโยว ต่างก็หวาดกลัว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวร้องเรียกสะใภ้จางจู้ สะใภ้จางเกิน และจางเชา “ป้าใหญ่ ป้ารอง พี่ใหญ่ พวกท่านขึ้นมานั่งบนรถม้า พวกเราต้องรีบกลับไป ท่านตาท่านยายคงรอพวกเราแย่แล้ว”

 

 

คนทั้งหมดขานรับ รีบขึ้นไปนั่งบนรถม้า เมิ่งเชี่ยนโยวบังคับรถม้ามุ่งหน้าตรงไปบ้าน

 

 

คนมุงเห็นรถม้าไปไกลแล้ว ถึงโล่งอก ตบหน้าอกที่ตื่นตระหนก กลับบ้านไปทำอาหาร

 

 

ครอบครัวชิงเอ๋อร์ตกใจนั่งซึมกะทื่ออยู่บนพื้น ครู่ใหญ่ก็ไม่ลุกขึ้น

 

 

สะใภ้จางจู้เปิดม่านบังรถ พูดอย่างหวาดผวา “โยวเอ๋อร์ เมื่อครู่เจ้าเกือบทำข้าตกใจตายแล้ว ถ้าพวกเขาไม่หลบ เจ้าคงไม่คิดจะชนพวกเขาจริงๆ ใช่ไหม?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะพูด “ไม่ดอก ท่านป้าใหญ่ ข้าคาดเดาไว้แล้วพวกเขารักตัวกลัวตายกันทั้งครอบครัวแบบนั้นจะต้องหลบแน่นอน ท่านก็เห็นว่ารถม้าข้าไม่ได้เร็วเลย”

 

 

สะใภ้จางจู้ถึงวางใจลง

 

 

รถม้ามาถึงหน้าประตูบ้าน พ่อแม่จางจู้กำลังชะเง้อรอหน้าประตูอย่างกระสับกระส่าย เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวบังคับรถม้าเข้ามา ร้อนใจถาม “โยวเอ๋อร์ ไม่เกิดเรื่องอะไรนะ?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดรถม้าสนิท กระโดดลงจากรถม้า ยิ้มตาหยีพูดโกหกกับสองผู้เฒ่า “ไม่เป็นอะไร แค่รถม้าวิ่งไปไกลเสียหน่อย ทำให้พวกเราเสียเวลาเลยกลับมาช้า”

 

 

สะใภ้จางจู้ลงมาจากรถม้า ช่วยพูดเสริม “ท่านพ่อ ท่านแม่ ไม่มีเรื่องอะไร พวกท่านวางใจเถอะ”

 

 

สองผู้เฒ่าถึงวางใจ

 

 

แม่จางจู้ตำหนิจางเชา “เจ้าดูตัวเอง คิดแต่จะเรียนบังคับรถม้า โชคดีไม่ชนถูกใครเข้า ไม่เช่นนั้นได้เกิดเรื่องยุ่งกับพวกเราเป็นแน่”

 

 

จางเชาเสียใจจนกลัวไปหมดแล้ว ได้ยินคำพูดท่านย่า รีบพูดรับประกัน “ต่อไปข้าไม่กล้าเรียนบังคังรถม้าอีกแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรีบพูดตัดบท “ท่านยาย ข้าหิวแล้ว อาหารทำเสร็จแล้วหรือไม่?”

 

 

แม่จางจู้พูดพลัน “ทำเสร็จแล้ว รอแค่พวกเจ้ากลับมาจะได้ผัดผัก เจ้ารอประเดี๋ยว ยายจะไปผัดให้เดี๋ยวนี้”

 

 

สะใภ้จางจู้และสะใภ้จางเกินรีบร้อนพูด “ท่านแม่ ท่านพักเถอะ พวกเราทำเอง” พูดจบทั้งสองกุลีกุจอเดินเข้าครัวไปผัดผักทันที

 

 

แม่ของจางจู้ดึงมือเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามาในห้องตัวเอง ให้นางนั่งบนตักตัวเอง หยิบขนมชั้นดีที่เมิ่งเชี่ยนโยวซื้อให้ตัวเองออกมาจากตู้ด้านข้าง เปิดกล่องออก วางไว้ตรงหน้านาง พูดอย่างรักใคร่ “กินขนมรองท้องก่อนนะ ป้าๆ เจ้าเดี๋ยวก็ทำเสร็จแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวบอกว่าตัวเองหิว เพื่อตัดบทสนทนา ไม่ให้หญิงเฒ่าดุว่าจางเชาอีก ไม่คิดว่าหญิงเฒ่าจะคิดจริงจัง นำขนมที่ตัวเองหวงแหนไม่กล้ากินออกมาให้ตัวเองกิน พูดปฏิเสธ “ท่านยาย ข้าไม่กิน ท่านเก็บไว้กินเองเถอะ”

 

 

แม่จางจู้นึกว่าเมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่กล้ากิน หยิบชิ้นหนึ่งมาใส่มือนาง พูดว่า “กินเถอะ อย่าให้ท้องหิว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแย้มยิ้มกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณท่านยาย”

 

 

แม่จางจู้พูดน้ำเสียงละมุน “เด็กโง่ ขอบคุณอะไร ขนมนี้เจ้าเป็นคนซื้อให้ยายอย่างไร”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะ หยิบขนมขึ้นมาเม้มกิน

 

 

แม่จางจู้บอกนาง “กินคำใหญ่ๆ ในกล่องยังมีอีกเยอะ”

 

 

หลังจากจางเชาพาเมิ่งเสียนเข้ามาในห้องตัวเอง ก็นั่งแน่นิ่งสติเลือนลอยอยู่บนเตียง

 

 

เมิ่งเสียนหัวเราะถามเขา “พี่ใหญ่ตกใจแย่เลยสิ?”

 

 

จางเชาพยักหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรง พูดอย่างหวาดผวา “ต่อไปข้าไม่กล้าบังคับรถม้าอีกแล้ว”

 

 

เมิ่งเสียนโน้มน้าวเขา “นี่เป็นครั้งแรก ยังไม่คล่อง บังคับอีกหลายครั้งก็จะดีเอง”

 

 

จางเชาโบกมือ “เจ้าไม่ต้องปลอบใจข้า โชคดีวันนี้เจ้าทันคน ไม่เข้าไปประคองนาง ไม่เช่นนั้นถ้านางมาไล่เบี้ยเจ้า พ่อข้าได้ตีข้าตายแน่”

 

 

สะใภ้จางจู้และสะใภ้จางเกินผัดผักเสร็จแล้ว จัดวางไว้บนโต๊ะ นำอาหารทั้งหมดวางบนโต๊ะ ร้องเรียกทุกคนมากินข้าว

 

 

แม่จางจู้จับมือเมิ่งเชี่ยนโยวมานั่งข้างโต๊ะอาหาร

 

 

พ่อจางจู้นั่งอีกด้าน

 

 

เมิ่งเสียน จางเชา จางวั่งและลูกสองคนของจางเกินนั่งถัดจากพ่อจางจู้ไป

 

 

สะใภ้จางจู้ยกเส้นหมี่หลายถ้วยออกมา วางตรงหน้าพ่อแม่จางจู้ก่อน ถ้วยที่สามถึงยกมาให้เมิ่งเชี่ยนโยว เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณ สะใภ้จางจู้พูด “เด็กคนนี้ เกรงใจทำไม รีบกินเถอะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหิวแล้วจริงๆ พอพ่อแม่จางจู้หยิบตะเกียบ ก็หยิบตะเกียบลงมือกินบ้าง กินไปชมไป “เป็นเส้นหมี่ที่อร่อยมาก”

 

 

แม่จางจู้เห็นนางชอบกิน พูดอย่างดีใจ “อร่อยก็กินเยอะๆ ในหม้อยังมีอีก”

 

 

สะใภ้จางจู้ก็พูดสมทบ “ถ้ากินแล้วอร่อย ต่อไปเจ้ามากินข้าวเที่ยงที่นี่ ป้าใหญ่กับป้ารองจะทำให้เจ้ากินทุกวัน”

 

 

สะใภ้จางเกินก็พยักหน้าเห็นพ้อง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “เกรงจะไม่ได้ เรื่องในบ้านยังอีกมากมาย นอกจากปลูกเรือนให้ท่านปู่ท่านย่าแล้ว ข้ายังเตรียมจะซื้อที่ดินร้างไว้เพาะปลูก ไม่มีเวลามาทุกวันได้”

 

 

สะใภ้จางจู้ถามอย่างตกใจ “เจ้าไม่มาทุกวัน เช่นนั้นงานแผ้วถางภูเขาจะทำอย่างไร?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “ข้ามอบหมายงานทั้งหมดให้ผู้ใหญ่บ้านและลุงใหญ่ลุงรองแล้ว และบอกความต้องการในการแผ้วถางภูเขาร้างกับพวกเขาแล้ว พวกเขาน่าจะไม่เกิดเรื่องผิดพลาดอะไร”

 

 

สะใภ้จางจู้ไม่วางใจ ยังคิดจะพูดบางอย่าง จางจู้และจางเกินกลับมาจากภูเขา ร้องพูดในลานบ้าน “พวกเรากลับมาแล้ว”

 

 

สะใภ้จางจู้และสะใภ้จางเกินรีบวางถ้วยตะเกียบในมือ สะใภ้จางจู้ออกไปตักน้ำมาให้พวกเขาล้างมือ สะใภ้จางเกินเข้าครัวไปตักเส้นหมี่มาให้พวกเขา

 

 

จางจู้สูดจมูก พูดว่า “หอมมาก วันนี้บ้านเราทำอะไรอร่อยหรือ?”

 

 

สะใภ้จางจู้ตอบ “วันนี้โยวเอ๋อร์และเสียนเอ๋อร์มากินข้าวที่บ้าน พวกเรานวดแป้งหมี่ ผัดผักสองสามอย่าง โยวเอ๋อร์บอกว่าหิวแล้ว พวกเราก็เลยไม่ได้รอพวกท่าน กินกันก่อน”

 

 

จางจู่พูดอย่างไม่สนใจ “ต่อไปพวกเจ้าหิวก็กินก่อนได้เลย ไม่ต้องรอพวกเรา พวกเราไม่รู้ว่าจะกลับมาตอนไหน”

 

 

จางจู้และจางเกินมาถึงข้างโต๊ะ สะใภ้จางเกินตักเส้นหมี่มาวางข้างพวกเขาแล้ว ทั้งสองคนนั่งลง จางจู้ยกถ้วยน้ำซุปร้อนกรุ่นขึ้นซด ถึงพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “โยวเอ๋อร์ วันนี้ช่วงเช้าพวกเราวาดแบ่งพื้นที่บนภูเขาลูกแรกเสร็จแล้ว คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ก็เริ่มลงมือทำงานแล้ว คาดว่าไม่เกินสามวัน ภูเขาลูกนี้ก็จะแผ้วถางเสร็จ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า พูดกำชับอีกครั้ง “ตอนที่พวกท่านตรวจงานจะต้องตรวจตราเคร่งครัด หากไม่ได้อย่างที่ข้าต้องการ ต้องให้พวกเขาทำซ้ำสถานเดียว ถ้าไม่ทำซ้ำจะไม่ให้เงินค่าแรง”

 

 

จางจู้และจางเกินพยักหน้า

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอีก “ข้ามอบเรื่องบันทึกการทำงานให้ผู้ใหญ่บ้าน ทุกครั้งที่แผ้วถางพื้นที่หนึ่งผืนเสร็จ พอพวกท่านตรวจสอบว่าผ่านมาตรฐานแล้ว ก็ให้ผู้ใหญ่บ้านจดบันทึกไว้ จะได้สะดวกตอนจ่ายเงินค่าแรง มาครั้งหน้าข้าจะพกเงินอีแปะติดตัวมามากสักหน่อย ถ้าตรวจสอบแล้วได้มาตรฐาน ข้าจะคิดเงินตอนนั้นเลย ท่านจ่ายเงินให้พวกเขาตามราคาขนาดพื้นที่ที่ตกลงกันไว้ก็พอ”

 

 

จางจู้โบกมือ “เรื่องนี้ไม่ได้ เจ้ามาคิดเงินให้พวกเขาด้วยตัวเองดีกว่า ข้าไม่รู้หนังสือ เดี๋ยวจะจ่ายผิด”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนำคำพูดที่เพิ่งพูดกับสะใภ้จางจู้พูดกับจางจู้ จางจู้ฟังเสร็จแล้วก็ยังไม่เห็นด้วย พูดว่า “ทำไมเจ้าต้องเอาเรื่องใหญ่เช่นนี้มอบให้พวกเรา พวกเราทำไม่ได้”

 

 

จางเกินก็เห็นพ้องด้วย

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ท่านลุงใหญ่ ลุงรอง หลังจากแผ้วถางภูเขาร้างเสร็จ ต่อมายังมีเรื่องตามมาอีกมาก ยังต้องจ้างคนเพาะปลูก ต้องจ้างคนรดน้ำ เฝ้าดู เรื่องพวกนี้ต้องมอบให้พวกท่านไปทำ”

 

 

จางจู้ถลึงตาโตถาม “ทั้งหมดนี้จะมอบให้พวกเราไปทำ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “นี่เป็นแค่แผนของปีนี้เท่านั้น ปีหน้าข้ายังคิดจะซื้อที่ดินร้างบางส่วนของหมู่บ้านพวกท่าน ยังต้องจ้างคนแผ้วถาง ถึงตอนนั้นจะมีงานมากมาย ถ้าพวกท่านไม่ช่วยข้า เรื่องพวกนี้ข้าคงทำเองไม่ไหว พี่ใหญ่ก็ไม่ว่าง แค่โรงงานสองสามแห่งที่บ้านเขาก็ยุ่งพอแล้ว”

 

 

ได้ยินนางพูดเช่นนี้ จางจู้หยั่งเชิงพูดกับจางเกิน “ไม่เช่นนั้นพวกเราก็ลองดู?”

 

 

จางเกินพยักหน้า “ข้าแล้วแต่พี่ใหญ่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ท่านลุงใหญ่ ลุงรองจะต้องไม่มีปัญหา ข้าเชื่อพวกท่าน”

 

 

จางจู้เริ่มมีแรงฮึด พูดอย่างห้าวหาญ “ได้ ลุงใหญ่จะดูแลงานทั้งหมดนี้ให้ดี เจ้าวางใจไปทำเรื่องอื่นเถอะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าพูด “ข้าว่าผู้ใหญ่บ้านเป็นคนไม่เลว รู้เรื่องเยอะ ตอนที่ข้าไม่อยู่ หากมีสิ่งไหนที่พวกท่านไม่รู้ให้ไปถามเขาได้”

 

 

จางจู้จางเกินพยักหน้า

 

 

เรื่องควบคุมดูแลภูเขาร้างเป็นอันตกลงตามนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับสะใภ้จางจู้และสะใภ้จางเกิน “ท่านป้าใหญ่ ป้ารองข้าก็มีงานอยากมอบหมายให้พวกท่าน”

 

 

พอเมิ่งเชี่ยนโยวกลับไปสะใภ้จางจู้และสะใภ้จางเกินก็เตรียมจะพาเด็กๆ ไปแผ้วถางภูเขาร้าง ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ ถามอย่างยินดี “งานอะไร? พวกเราทำไหวหรือไม่?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวบอกเรื่องที่จะจ้างคนต้มน้ำแล้วหาบขึ้นไปบนเขาออกมา

 

 

ทั้งสองย่อมดีใจมาก รีบรับประกันว่าไม่มีปัญหา ตัวเองจะต้องทำได้ พ่อแม่จางจู้ก็พูดว่าตนเองก็อยู่บ้านว่างๆ สามารถช่วยพวกเขาต้มน้ำที่บ้าน ให้พวกเขาหาบขึ้นเขา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “งานนี้ลำบากหน่อย ยังต้องไปตัดฟืนเอง ดังนั้นพวกท่านก็จะได้ค่าแรงห้าสิบอีแปะ ยังมีพี่ใหญ่และพวกท่านก็เหมือนกัน ก็ได้เงินค่าแรงห้าสิบอีแปะ”

 

 

สะใภ้จางจู้โบกมือ “โยวเอ๋อร์ เจ้าให้เงินเยอะเกินไปแล้ว แค่หาบน้ำร้อนไปส่งบนเขาเท่านั้น ป้าใหญ่จะไม่พูดว่าไม่เอา เจ้าให้วันละสามสิบอีแปะก็พอ”

 

 

สะใภ้จางเกินก็พูดสมทบ “ใช่ โยวเอ๋อร์ ให้พวกเราสามสิบอีแปะก็พอ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้าพูด “ภูเขาร้างอยู่ไกล หาบน้ำไปไม่ใช่งานง่าย พวกท่านอย่าได้บอกปัดอีกเลย ข้ายังคิดว่าค่าแรงที่ให้พวกท่านยังน้อยเกินไป”

 

 

แม่จางจู้พูดบ้าง “คนบ้านเดียวกัน โยวเอ๋อร์บอกว่าให้ห้าสิบอีแปะก็ห้าสิบอีแปะเถอะ ถึงตอนนั้นพวกเราทั้งหมดไปด้วยกัน ต้มน้ำร้อนไปส่งให้คนบนเขาเยอะหน่อยก็ได้แล้ว”

 

 

สะใภ้จางจู้ถึงไม่ยืนหยัดอีก

 

 

ทั้งครอบครัวกินอาหารเที่ยงเสร็จ สะใภ้จางจู้และสะใภ้จางเกินไปล้างถ้วยตะเกียบ เมิ่งเชี่ยนโยวพูดคุยกับจางจู้และจางเกินที่นั่งพักสักครู่ เสียงผู้ใหญ่บ้านก็ดังลอยเข้ามาจากด้านนอก “สะใภ้จู้จื่อ แม่นางเมิ่งยังอยู่บ้านพวกเจ้าหรือไม่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด