ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 151.2

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 151.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
 นางคือภรรยาข้า

 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนเดินหน้างอเข้ามาจากประตูด้านนอก เมิ่งชื่อเห็นเขาเศร้าสร้อย ถามอย่างเป็นห่วง “ทำไมอี้เซวียนถึงซึมๆ ไป? หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่โรงเรียน?”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนไม่ได้ตอบ แต่ใช้สายตาร้องอุทรณ์ต่อเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมุ่นหัวคิ้ว ถามอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่ได้ยินที่ท่านแม่ถามหรือไร? เหตุใดเจ้าถึงไม่ตอบ?”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพูดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “เจ้าให้เขาเรียกเจ้าว่าโยวเอ๋อร์?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตะลึงค้าง แล้วถึงนึกได้ว่าตอนที่ซุนเหลียงไฉเข้ามาเรียกตัวเองว่าโยวเอ๋อร์จริงๆ กำลังจะพูด ซุนเหลียงไฉกลับแย่งพูดก่อน “ข้าเรียกโยวเอ๋อร์แล้วยังไง? พวกเจ้าก็เรียกเช่นนี้ไม่ใช่หรือ?”

 

 

ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ เมิ่งอี้เซวียนพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แต่เจ้าเรียกนางเช่นนั้นไม่ได้”

 

 

ซุนเหลียงไฉยิ่งไม่เข้าใจ ถามเขา “เหตุใดข้าถึงเรียกนางเช่นนี้ไม่ได้?”

 

 

“เพราะภายหน้านางจะเป็นภรรยาข้า!” เมิ่งอี้เซวียนบันดาลโทสะตะเบ็งเสียงตอบ

 

 

ภายในลานบ้านเงียบสงัด

 

 

ครู่หนึ่งซุนเหลียงไฉถึงกุมท้องหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง “ฮ่าๆๆ เมิ่งอี้เซวียน เจ้าน่าขันชะมัดเลย ถึงกับเห็นพี่สาวเป็นภรรยาได้”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนโต้แย้ง “ข้าเปล่า นางไม่ได้เป็นพี่สาวข้า นางเป็นภรรยาข้า ข้าเป็นลูกที่ท่านพ่อท่านแม่รับมาเลี้ยง”

 

 

เสียงหัวเราะของซุนเหลียงไฉหยุดชะงัก อ้าปากค้างมองเขาอย่างไม่เชื่อ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดพร่ำทำเพลง เดินขึ้นหน้า จับคอเสื้อเมิ่งอี้เซวียนเดินไปที่ลานใหญ่

 

 

เมิ่งชื่อเดินตามหลัง ร้อนรนพูด “โยวเอ๋อร์ อี้เซวียนไม่ได้พูดอะไรผิด เจ้าห้ามลงมือทำร้ายเขาเด็ดขาด”

 

 

เมิ่งเสียน เมิ่งฉี ก็ตามไปด้วย

 

 

พอได้ยินว่าเมิ่งอี้เซวียนจะถูกซ้อม ซุนเหลียงไฉฮึกเหิมใจแม้แต่ฝีเท้าก็ปราดเปรียวขึ้น เดินไล่หลังทุกคนไปอย่างอดใจรอไม่ไหว

 

 

เดินผ่านประตูวงพระจันทร์ เมิ่งเชี่ยนโยวแผดเสียงตวาดพวกเขา “ทุกคนไม่ต้องตามมา!”

 

 

เมิ่งชื่อชะงักฝีเท้า มองดูเมิ่งอี้เซวียนที่ถูกลากโซซัดโซเซไปอย่างเป็นห่วง

 

 

เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีก็มองเขาอย่างเวทนา

 

 

ซุนเหลียงไฉที่พอเห็นทุกคนหยุดฝีเท้าแล้ว เดินไปพลางพูดอย่างกระสับกระส่าย “เหตุใดพวกเจ้าถึงหยุดเดินเล่า รีบเดินเข้าไปสิ”

 

 

เมิ่งฉีมองเขาที่เบิกบานใจบนความทุกข์ของคนอื่นแวบหนึ่ง พูดว่า “ถ้าเจ้าไม่กลัวจะถูกซ้อมก็เข้าไปเถอะ”

 

 

ซุนเหลียงไฉชะงักค้างขาที่ก้าวข้ามประตูวงพระจันทร์ มองเมิ่งเชี่ยนโยวที่ลากเมิ่งอี้เซวียนไปอย่างไม่ไยดีแวบหนึ่ง ค่อยๆ ชักขากลับมา ถอยกรูดไปอีกด้าน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวลากเมิ่งอี้เซวียนมาหน้าลานท่อนไม้ ปล่อยมือออก พูดเนิบนาบ “จำได้ว่าข้าเคยบอกเจ้าแล้ว ต่อไปห้ามพูดต่อหน้าคนอื่นว่าข้าเป็นภรรยาเจ้า”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนอารมณ์ขึ้นแล้ว พูดอย่างไม่ยอม “เจ้ายอมให้ซุนเหลียงไฉเรียกเจ้าว่าโยวเอ๋อร์แล้ว ทำไมข้าจะบอกเขาไม่ได้ว่าเจ้าเป็นภรรยาข้า?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่คิดว่าเขาจะกล้าเถียง บันดาลโทสะ ตบไปที่กะโหลกศีรษะเขาดัง “ป๊าบ” “รู้จักเถียงแล้วนะ ใครสอนนิสัยเสียให้เจ้า”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนไม่ขยับเขยื้อน พูดดึงดัน “เจ้าตีข้า ข้าก็จะบอกเขาว่าเจ้าเป็นภรรยาข้า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโมโหตีเขาไปอีกแปะ “อายุแค่นี้ไม่เรียนรู้สิ่งดีๆ คิดแต่เรื่องเพ้อเจ้อไม่ได้ความ”

 

 

“ข้าเรียนไม่ดีอย่างไร ในตำราซือจิงกล่าวไว้ นงครามงามตู สมคู่สุชน อีกทั้งพวกเราก็หมั้นหมายกันมาแต่เด็ก เหตุใดข้าถึงเรียกเจ้าว่าโยวเอ๋อร์ไม่ได้ เหตุใดถึงบอกเขาว่าเจ้าเป็นภรรยาข้าไม่ได้?” เมิ่งอี้เซวียนพูดด้วยโทสะ

 

 

ตั้งแต่รู้จักเมิ่งอี้เซวียนมา เขาไม่เคยพูดเสียงดังเช่นนี้กับตนเองมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องใช้อารมณ์กับนาง เมิ่งเชี่ยนโยวงุนงงชั่วขณะ ลูบหัวเขา พูดเสียงละมุน “วันนี้เจ้าผีเข้าหรือไง? เหตุใดถึงมีอารมณ์รุนแรงเช่นนี้?”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนหลบมือของนาง พูดอย่างเคืองขุ่น “เจ้าไม่ต้องยุ่ง”

 

 

ไฟโทสะของเมิ่งเชี่ยนโยวพลุ่งพล่านอีกครั้ง ตบไปที่กลางกบาลเขา “เป็นบ้าอะไร?”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพูดเสียงดัง “ข้าไม่ได้เป็นบ้า ข้าเพียงอยากเรียกเจ้าว่าโยวเอ๋อร์เหมือนคนอื่น”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโมโหพูด “ได้ ถ้าวันนี้เจ้าเอาชนะข้าได้ ต่อไปข้าจะให้เจ้าเรียกข้าว่าโยวเอ๋อร์”

 

 

“เจ้าพูดเอง ห้ามกลับคำ” เมิ่งอี้เซวียนรีบพูด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า

 

 

เมิ่งอี้เซวียนวางกระเป๋านักเรียนที่หลังลง ตั้งท่าต่อสู้ แล้วพุ่งเข้าหาเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหลบหลีก ถีบไปที่เขา

 

 

เมิ่งอี้เซวียนก็หลบได้อย่างปราดเปรียว พลิกมือชกใส่เมิ่งเชี่ยนโยว เมิ่งเชี่ยนโยวแอบชื่นชมในใจ ถอยหลังหนึ่งก้าว ตั้งมั่นร่างกาย เมิ่งอี้เซวียนไม่ผ่อนคลายลงสักนิด ตามติดเข้าไปถีบใส่นาง เมิ่งเชี่ยนโยวหลบได้หวุดหวิด พลิกตัวถีบกลับไป เมิ่งอี้เซวียนถูกถีบ ฟุบไปกับพื้น

 

 

เมิ่งชื่อร้องอุทาน จะวิ่งเข้าไป

 

 

เมิ่งอี้เซวียนร้องห้ามนาง “ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไร ท่านไม่ต้องเข้ามา!”

 

 

เมิ่งชื่อหยุดชะงัก ร้องห้าม “อี้เซวียน เลิกดื้อได้แล้ว พูดดีๆ กับโยวเอ๋อร์สองสามคำเรื่องก็ผ่านไปแล้ว”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนลุกขึ้น ส่ายหน้า “เรื่องนี้ข้าจะไม่ยอมพูดดีกับนาง”

 

 

เมิ่งชื่อรีบพูด “เจ้าเด็กคนนี้ ทำไมวันนี้ถึงรั้นนัก?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถามเขา “ยังจะสู้หรือไม่?”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า ตั้งท่าต่อสู้แล้วพุ่งเข้าหา

 

 

ผ่านไปไม่กี่กระบวนท่า ก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวอัดจนหมอบไปกับพื้น

 

 

ครั้งนี้ ทิ้งเวลาครู่ใหญ่ถึงลุกขึ้นมาได้

 

 

รอเขาลุกขึ้นได้ เมิ่งเชี่ยนโยวถามต่อ “ยังจะสู้หรือไม่?”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนกัดฟันพยักหน้า

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวย่นหัวคิ้ว

 

 

เมิ่งอี้เซวียนตั้งท่าอย่างยากลำบาก พุ่งเข้าหาเป็นครั้งที่สาม ครั้งนี้ท่าทางเชื่องช้าลงมาก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่หลบไม่หลีก รอเขาใกล้เข้ามา ยกเท้าคิดจะถีบเขา

 

 

เหมือนว่าเมิ่งอี้เซวียนจะเห็นแล้ว ตั้งใจพุ่งเข้ารับฝีเท้านาง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถอนเท้ากลับทันควัน ถอยหลังหลายก้าว พูดอย่างโมโห “เจ้าบ้าไปแล้ว?”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนไม่พูด ชักหน้าแล้วต่อสู้ต่อ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหลบหลีกหลายครั้ง เมิ่งอี้เซวียนยังคงจู่โจมนางสุดกำลัง เมิ่งเชี่ยนโยวจนใจ หาโอกาส ล้มเขาจนหมอบอีกครั้งด้วยกระบวนท่าเดียว

 

 

เมิ่งอี้เซวียนตะเกียกตะกายหลายครั้งก็ลุกไม่ขึ้น

 

 

เมิ่งชื่อทนไม่ได้อีกต่อไป วิ่งตรงเข้ามา ประคองเมิ่งอี้เซวียนอย่างระวัง หันไปตำหนิเมิ่งเชี่ยนโยว “เจ้าออมแรงหน่อยไม่ได้หรือ? อี้เซวียนถูกเจ้าตีจนแย่แล้ว”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนระเบิดอารมณ์อย่างไร้เหตุผล สู้กับตนเองโดยไม่คิดชีวิต เมิ่งเชี่ยนโยวก็โมโหเดือดดาล พูดกับเมิ่งชื่ออย่างฉุนเฉียว “ข้าออมมือให้เขาแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาจะแค่นอนหมอบเช่นนี้หรือ”

 

 

เมิ่งชื่อยังคงตำหนินาง “อี้เซวียนเป็นสามีในอนาคตเจ้า หากถูกเจ้าตีจนเป็นอะไรขึ้นมา ภายหน้าเจ้าจะทำอย่างไร?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเบ้ปาก พูดงึมงำเสียงแผ่ว “ภายหน้าจะได้เป็นสามีข้าหรือไม่ก็ยังไม่แน่?”

 

 

เมิ่งชื่อฟังไม่ถนัด ถามขึ้น “เจ้าว่ากระไร?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูด

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพูดเตือนนางเสียงเบา “ท่านแม่ ไม่เกี่ยวกับนาง ข้าอยากประลองกับนางเอง”

 

 

เมิ่งชื่อจ้องเมิ่งเชี่ยนโยวเขม็ง ร้องเรียกเมิ่งเสียนและเมิ่งฉีเข้ามา ให้พวกเขาประคองเมิ่งอี้เซวียนเข้าไปในบ้าน

 

 

ซุนเหลียงไฉก็ตามมาดูเรื่องสนุก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถูกมองเป็นผู้ก่อเหตุ จ้องถมึงเขาอย่างเคืองขุ่น

 

 

ซุนเหลียงไฉตกใจหัวไหล่หด ไม่รู้ว่าตัวเองยั่วโทสะอะไรนางเข้า

 

 

เมิ่งชื่อและเมิ่งเสียนเมิ่งฉีประคองเมิ่งอี้เซวียนจากไปแล้ว ซุนเหลียงไฉหดหัวเดินตามไปติดๆ ทิ้งเมิ่งเชี่ยนโยวยืนอยู่หน้าลานท่อนไม้คนเดียว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกมีความคับข้องใจบางอย่างในใจไม่ได้ระบายออกมา หันไปเตะต่อยท่อนไม้ด้านข้างชุดหนึ่ง

 

 

ซุนเหลียงไฉที่แอบอยู่หลังประตูเสี้ยวพระจันทร์เห็นท่าทีดุเดือดของนาง ตกใจเผ่นแน่บกลับเข้าห้อง สาบานกับตัวเองว่าชาตินี้จะไม่มีวันยั่วโมโหเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

หลังจากประคองเมิ่งอี้เซวียนเข้ามาในห้อง เมิ่งชื่อให้เมิ่งเสียนดูบาดแผลบนตัวเมิ่งอี้เซวียน เมิ่งอี้เซวียนดึงรั้งเขา “ท่านแม่ พี่ใหญ่ ข้าไม่เป็นไร โยวเอ๋อร์ลงมือไม่หนัก พักหน่อยก็หายแล้ว”

 

 

“ถูกนางซ้อมจนลุกไม่ขึ้น ยังจะบอกว่าลงมือไม่หนัก เชื่อแม่ ให้พี่ใหญ่เจ้าดู แล้วใส่ยาให้เจ้า” เมิ่งชื่อพูด

 

 

เมิ่งอี้เซวียนส่ายหน้าปฏิเสธ ดึงเสื้อผ้าตัวเองแน่นไม่ยอมให้เขาดู

 

 

เมิ่งชื่อไม่มีทางเลือก จำพูดว่า “เช่นนั้นเจ้านอนพักอยู่ในห้องก่อน ประเดี๋ยวแม่ทำอาหารเสร็จค่อยเรียกเจ้า”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้าเบาๆ

 

 

เมิ่งชื่อไปทำอาหาร

 

 

เมิ่งเสียนมองเมิ่งอี้เซวียนอย่างเห็นใจ แล้วเดินออกไป เมิ่งฉีรั้งท้ายเดินออกไป

 

 

เริ่มแรกซุนเหลียงไฉเห็นเมิ่งอี้เซวียนถูกตีก็ดีใจมาก รู้สึกว่าตัวเองได้ระบายแค้นแล้ว พอเห็นสภาพน่าเวทนาตอนนี้ของเมิ่งอี้เซวียน ไม่รู้ทำไมในใจกลับดีใจไม่ออก อยากจะพูดเตือนเขาสองสามคำ กลับไม่รู้จะพูดอะไร จึงเดินตามเมิ่งฉีออกไปเงียบๆ

 

 

เมิ่งอี้เซวียนเห็นคนออกไปหมดแล้ว หดตัวกอดตัวเอง นอนนิ่งเงียบอยู่บนเตียงเตา

 

 

ตอนที่เมิ่งเชี่ยนโยวระบายโทสะเสร็จเดินเข้ามา เห็นเมิ่งอี้เซวียนในสภาพนี้ หัวใจราวกับถูกบางสิ่งเคาะตี เจ็บปวดรวดร้าว ชะงักฝีเท้าครู่หนึ่ง ถึงเดินมาถามข้างเขา “วันนี้เจ้าเป็นบ้าอะไรกันแน่”

 

 

“ข้าจะต้องเอาชนะเจ้าได้” เมิ่งอี้เซวียนที่นอนบนเตียง พูดออกมาเสียงแผ่ว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินไม่ชัด ขมวดคิ้วถาม “เจ้าว่ากระไรนะ?”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ดันตัวลุกขึ้น สบตาเมิ่งเชี่ยนโยว พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ข้าจะต้องเอาชนะเจ้าได้!”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนิ่งอึ้ง

 

 

ครู่หนึ่งถึงพูดว่า “เจ้าเป็นบ้าอะไรกันแน่?”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนไม่พูด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโมโหวูบขึ้นมา พูดอย่างเกรี้ยวกราด “ข้าเกลียดที่สุดก็คือคนที่มีเรื่องอะไรแล้วไม่พูด เที่ยวระเบิดอารมณ์อย่างไร้ที่มาที่ไป เจ้าอย่ายั่วโมโหข้า ไม่เช่นนั้นต่อไปข้าจะไม่สนใจเจ้าอีก”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนตัวสั่นเทิ้ม ตะเบ็งเสียงพูด “ข้าไม่อยากให้ซุนเหลียงไฉเรียกเจ้าว่าโยวเอ๋อร์”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนิ่งงันอีกครั้ง ถามอย่างไม่เชื่อ “เพราะเรื่องนี้?”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้ารุนแรง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโมโหตีเขาไปทีหนึ่ง “เรื่องเล็กแค่นี้ เจ้าต้องอาละวาดใหญ่โต พูดออกมาตามตรงก็จบเรื่องแล้ว”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนยอมให้นางตบตี ถามอย่างยิ้มกริ่ม “เจ้าเห็นด้วยแล้ว?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโมโหจนอยากจะตีเขาอีก ยื่นมือออกไปเห็นท่าทีดีใจของเขาก็แอบชักมือกลับ พูดว่า “เดิมข้าก็ไม่ได้รับปากให้เขาเรียกข้าว่าโยวเอ๋อร์ เป็นเจ้าเองที่ไม่ถามสาเหตุให้แน่ชัด ก็โมโหอาละวาด สมน้ำหน้าที่ถูกข้าอัดจนน่วม”

 

 

ฟังนางพูดจบ เมิ่งอี้เซวียนแย้มยิ้ม เรี่ยวแรงฟื้นคืนในชั่วพริบตา ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยความหวัง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแอบก่นด่าในใจ “เด็กเวร เปลี่ยนหน้าเร็วยิ่งกว่าพลิกหน้าหนังสือ” ปากกลับพูดว่า “ข้าจะไปเอายา ให้พี่ใหญ่มานวดคลึงแผลที่ตัวเจ้า” พูดจบ หันหลังเดินออกไป

 

 

เมิ่งอี้เซวียนรีบร้อนพูด “อย่าลืมคำที่เจ้าพูด”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดชะงัก หันกลับมาถามอย่างประหลาดใจ “พูดอะไร?”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพูดอย่างหนักแน่นอีกครั้ง “ข้าจะต้องเอาชนะเจ้าได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าใจนัยแฝงในคำพูดเขา ตอบกลับ “รอให้เจ้าเอาชนะข้าได้ก่อนค่อยพูดเถอะ” พูดจบหันหลังเดินไปเอายา

 

 

เมิ่งอี้เซวียนเห็นนางรับปาก ไชโยโห่ร้อง ปล่อยตัวตามสบาย ถึงได้รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด