ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 154.1

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 154.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ความจริง

ถูกเขาตั้งคำถาม เจ้าหน้าที่บังเกิดโทสะ พูดด้วยน้ำเสียงไม่ดี “คุณชายจางพาคนรับใช้จำนวนมากมาอย่างโจ่งแจ้งกลางวันแสกๆ เพื่อทำร้ายแม่นางน้อยเพียงคนเดียว ก่อกวนความสงบสุขของเมืองอย่างร้ายแรง ข้ายังไม่ได้ชำระความ เหตุใดท่านยังกำเริบเหิมเกริมเช่นนี้?”

 

 

คุณชายจางไม่เคยถูกใครตวาดถามเช่นนี้มาก่อน พลันตะลึงค้าง

 

 

เจ้าหน้าที่ปากไวหลังจากตวาดถามออกไปก็ให้เสียใจฉับพลัน ด้านหนึ่งเป็นคุณชายมีเงินมีอำนาจ อีกด้านเป็นแม่นางน้อยที่มีความสัมพันธ์กับนายน้อย เขาไม่กล้าล่วงเกินทั้งสองฝั่ง หลังจากทบทวนถี่ถ้วนแล้ว พูดกับเจ้าหน้าที่ที่เหลือว่า “เรื่องในวันนี้ส่งผลกระทบรุนแรง พวกเราตัดสินใจไม่ได้ นำตัวพวกเขากลับไปให้ใต้เท้าตัดสินที่ศาลเถอะ”

 

 

เจ้าหน้าที่ทั้งหมดก็คิดว่าเรื่องนี้จัดการได้ยาก ได้ฟังคำพูดเขา ต่างทยอยพยักหน้าเห็นพ้อง

 

 

หัวหน้าเจ้าหน้าที่ประสานมือให้คุณชายจางและเมิ่งเชี่ยนโยว พูดอย่างนอบน้อม “คุณชายจาง แม่นางเมิ่ง เชิญพาคนของพวกท่านไปกับพวกเราหน่อยเถอะ”

 

 

คุณชายจางมีปฏิกิริยาตอบสนองก่อน พูดอย่างคึกคะนอง “ไปก็ไปสิ วันนี้ข้าจะให้ท่านนายอำเภอลงโทษนังตัวดีนี่ให้เข็ดหลาบ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน พูดกับเจ้าหน้าที่อย่างมีมารยาท “น้องชายข้ายังอยู่ในห้องรับรอง อนุญาตให้ข้าพาเขาไปส่งโรงเตี๊ยมก่อนค่อยตามท่านไปศาลาว่าการได้หรือไม่”

 

 

เจ้าหน้าที่มีหรือจะไม่กล้ารับปาก พูดอย่างเกรงใจ “ได้ พวกเราจะพาคนไปศาลาว่าการก่อน แม่นางเมิ่งค่อยตามภายหลัง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณ หันหลังเดินไปห้องรับรอง

 

 

คุณชายจางเห็นเช่นนั้นไม่พอใจแล้ว ซักถามหัวหน้าเจ้าหน้าที่ “นางบอกจะไปส่งน้องชายเจ้าก็ให้นางไป หากนางหนีไปเล่า? ข้าจะไปคิดบัญชีกับใคร?”

 

 

เจ้าหน้าที่ถูกซักถามอีกครั้ง เริ่มทนรับไม่ได้ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณชายจางวางใจ ข้าเอาหัวตัวเองเป็นประกัน แม่นางเมิ่งไม่มีทางหนีเด็ดขาด”

 

 

ในที่สุดคุณชายจางก็รู้สึกว่าท่าทีของเจ้าหน้าที่ผิดปกติ ถามอย่างสงสัย “พวกเจ้ารู้จักนาง?”

 

 

หัวหน้าเจ้าหน้าที่ตอบอย่างรวบรัด “ก่อนหน้านี้เคยได้รู้จักกัน”

 

 

พูดจบร้องตวาดคนรับใช้บ้านจางและสองพี่น้องตู้ให้เดินไปด้านนอก

 

 

สองพี่น้องตู้หันหน้ามองกัน พูดกับหัวหน้าเจ้าหน้าที่ “ท่านผู้ตรวจ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเรา พวกเราเพียงแค่มากินอาหารมื้อเที่ยงกับคุณชายจางเท่านั้น”

 

 

หัวหน้าเจ้าหน้าที่มองพวกเขาแวบหนึ่ง พูดอย่างแหนงหน่าย “เกี่ยวหรือไม่เกี่ยวไปพูดในศาล ตอนนี้ตามพวกเรากลับไปทั้งหมด”

 

 

สองพี่น้องตู้คิดจะพูดอะไรต่อ เจ้าหน้าที่แกว่งมีดใหญ่ในมือ เร่งเร้าพวกเขา “โอ้เอ้อะไรอีก? ยังไม่รีบไป!”

 

 

ทั้งสองไม่มีทางเลือก จำต้องตามกลุ่มคนรับใช้ลงไปชั้นล่าง

 

 

หลงจู๊เห็นคุณชายจางถูกเจ้าหน้าที่พาตัวลงมา ร้อนรนชี้ห้องโถงใหญ่ที่ว่างเปล่าซักไซ้เขา “คุณชายจาง ลูกค้าในห้องโถงใหญ่ยังไม่ได้จ่ายค่าอาหาร ก็ตกใจวิ่งหนีไป ท่านคิดว่าค่าเสียหายนี้?”

 

 

เดิมทีคุณชายจางคิดจะถือว่าตัวเองคนมากสั่งสอนเมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งเสียนให้หายแค้น ไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่จะบุกเข้ามาทำเสียเรื่อง เดิมก็งุ่นง่านใจพอแล้ว ตอนนี้ได้ยินหลงจู๊พูดเช่นนี้อีก ไม่เพียงไม่ชดใช้ค่าเสียหาย ทั้งพูดกับหลงจู๊อย่างเคืองแค้น “ใครที่ให้ความกล้ากับเจ้า ให้เจ้ากล้าไปฟ้องทางการ ทำข้าเสียเรื่อง รอข้ากลับมาจากศาลาว่าการ ดูว่าข้าจะให้คนมาพังภัตตาคารของพวกเจ้าอย่างไร”

 

 

หลงจู๊ตกใจยืนจังงังอยู่ตรงนั้น

 

 

คุณชายจางแค่นเสียงหึ ก้าวเท้าเดินนำออกไปจากภัตตาคาร

 

 

เจ้าหน้าที่นายหนึ่งเข้าไปฉุดกระชากคนรับใช้ที่ยังร้องโหยหวนไม่หยุด เดินตามออกไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาในห้องรับรอง เมิ่งเหรินกำลังเดินไปมาอย่างงุ่นง่านใจ พอเห็นนางเข้ามา ร้อนรนถาม “น้องโยวเอ๋อร์ เป็นอย่างไรบ้าง?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเอ่ยปากถามอย่างเสียดสี “ท่านถามถึงคุณหนูตู้หรือพี่ใหญ่เล่า?”

 

 

เมิ่งเหรินสะท้อนแววตา ตอบอย่างร้อนตัว “ข้า ข้าย่อมต้องถามถึงน้องเสียน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเบ้มุมปาก พูด “ไม่ว่าท่านถามถึงใคร พวกเขาล้วนถูกคุมตัวไปศาลาว่าการแล้ว อีกประเดี๋ยวท่านไปกับข้าด้วยเถอะ”

 

 

ได้ยินว่าต้องไปศาลาว่าการ เมิ่งเหรินตกใจผวา พูดอย่างไม่เป็นสุข “ข้าตัวคนเดียว จะไปศาลาว่าการได้อย่างไร หากเรื่องแพร่ออกไป จะกระทบการสอบขุนนางของข้าได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะเยาะหยัน “ตอนนี้พี่ใหญ่รู้จักกลัวแล้ว? ตอนที่เกี้ยวพาราสีคุณหนูตู้เหตุใดไม่คิดบ้างว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร? วันนี้หากไม่เพราะพวกเรามากินข้าวที่นี่พอดี ช่วยกู้สถานการณ์ให้ท่าน เกรงว่าวันนี้ท่านได้กลายเป็นตัวตลกของทุกคนไปนานแล้ว ตอนนี้กลับเพิ่งมากลัวไม่สายไปหน่อยหรือ?”

 

 

เมิ่งเหรินเป็นใบ้พูดไม่ออก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจเขาอีก หันไปพูดกับเมิ่งอี้เซวียน “ข้าจะพาเจ้าไปส่งที่โรงเตี๊ยมก่อน ค่อยไปที่ศาลาว่าการ”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวร้องบอกเสี่ยวเอ้อเก็บเงิน

 

 

เสี่ยวเอ้อรับคำเข้ามา เมิ่งเชี่ยนโยวล้วงเงินสิบห้าตำลึงออกมาวางบนโต๊ะ “นี่คือเงินสิบห้าตำลึง ส่วนที่เหลือไม่ต้องทอน”

 

 

อยู่ๆ ก็ได้เงินตบรางวัลหนึ่งตำลึง เสี่ยวเอ้อดีใจยกใหญ่ กล่าวขอบคุณไม่หยุด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ เดินออกไปจากห้องรับรอง เมิ่งอี้เซวียนเดินตามหลัง เมิ่งเหรินลังเลเล็กน้อย แล้วตามลงมา

 

 

ทั้งสามเดินลงมาชั้นล่าง

 

 

หลงจู๊กำลังสั่งเสี่ยวเอ้อเก็บกวาดห้องโถงใหญ่ เห็นทั้งสามลงมา ไม่พูดอะไร เพียงถอนหายใจยาว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดขึ้น “หลงจู๊ ท่านคำนวณมูลค่าความเสียหายเถอะ อีกประเดี๋ยวไม่แน่ว่าคุณชายจางจะให้คนนำมาให้ท่าน”

 

 

หลงจู๊ส่ายหน้า “คุณชายจางเป็นคนอย่างไรพวกเราต่างรู้ดี ขอเพียงหมดเรื่องวันนี้เขาไม่ส่งคนมาพังภัตตาคารของพวกเรา ข้าก็ไหว้ดินไหว้ฟ้าแล้ว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “มันก็ไม่แน่ ท่านนายอำเภอของพวกเรา เป็นนายอำเภอที่คิดถึงประชาชนเป็นสำคัญ เรื่องนี้ไม่มีทางเลือกปฏิบัติเพื่อประโยชน์ส่วนตน ข้าว่าท่านคำนวณความเสียหายหน่อยเถอะ”

 

 

หลงจู๊ฟังนางพูดจบ ใคร่ครวญเล็กน้อย จากนั้นประสานมือพูดอย่างยินดี “แม่นางพูดถูกต้อง ไม่แน่ว่าท่านนายอำเภอจะทำให้คุณชายจางยอมชดใช้ค่าเสียหายให้ข้าก็ได้ ข้าจะคำนวณคร่าวๆ ขอบคุณแม่นางที่เตือนสติ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้ายิ้มอ่อน พาเมิ่งอี้เซวียนมาถึงโรงเตี๊ยม

 

 

เสี่ยวเอ้อของโรงเตี๊ยมเห็นว่ามีเพียงเมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งอี้เซวียนกลับมา แม้จะรู้สึกคลางแคลงใจ กลับไม่ได้ถามอะไร เข้าทักทายเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างเป็นกันเอง “แม่นางเมิ่ง ท่านกลับมาแล้ว?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า พาเมิ่งอี้เซวียนมายังห้องพักชั้นบน

 

 

เมิ่งเหรินก็ตามขึ้นมาด้วย เห็นพวกเขาพักห้องพักชั้นดี กะพริบตาปริบ หลุบศีรษะลง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกำชับเมิ่งอี้เซวียนอีกครั้ง “อี้เซวียน เจ้าจงอยู่แต่ในห้องให้ดี ประเดี๋ยวข้ากับพี่ใหญ่ก็กลับมา ถ้าเจ้ารู้สึกเบื่อ ให้เปิดหน้าต่างมองออกไปด้านนอกได้ แต่ห้ามออกไปข้างนอกเด็ดขาด เมื่อพวกเราไปแล้ว ให้เจ้าลงสลักประตูจากด้านใน ไม่ใช่ข้ากับพี่ใหญ่มาร้องเรียก ห้ามเปิดเด็ดขาด”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับเมิ่งเหริน “ไปเถอะ”

 

 

เมิ่งเหรินเดินตามนางออกไปจากห้อง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันศีรษะมา เห็นเมิ่งอี้เซวียนลงสลักประตูห้องอย่างเชื่อฟัง ถึงเดินลงไปชั้นล่างพร้อมเมิ่งเหริน พูดกับเสี่ยวเอ้อ “พวกเรามีธุระออกไปข้างนอก มีเพียงน้องชายข้าอยู่ในห้อง ท่านช่วยสอดส่องให้ข้าด้วย”

 

 

เสี่ยวเอ้อพยักหน้า “วางใจเถอะ แม่นาง ข้าจะคอยขึ้นไปดูเป็นระยะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณอีกครั้ง พาเมิ่งเหรินออกไปจากโรงเตี๊ยม กำหนดทิศทาง มุ่งหน้าไปศาลาว่าการ

 

 

เมิ่งเหรินเดินเคียงข้าง หลายครั้งที่คิดจะพูดบางอย่างกลับไม่ได้พูดออกมา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ก้าวอาดๆ มาถึงศาลาว่าการ

 

 

เจ้าหน้าที่พาทุกคนมาถึงศาลาว่าการแล้ว

 

 

เปาชิงเหอเห็นคนที่ถูกคุมตัวมาเป็นคุณชายจางและกลุ่มคนรับใช้ รู้ทันทีว่าคุณชายจางก่อเรื่องอะไรอีกแล้ว อยู่ๆ ก็ปวดหัวตึ๊บ ถามหัวหน้าเจ้าหน้าที่ “พวกเขาก่อเรื่องเกเรอันใดอีก?”

 

 

เจ้าหน้าที่มองคุณชายจางแวบหนึ่ง เดินมาตรงหน้าแล้วก้มกระซิบที่ข้างหูเขา

 

 

เปาชิงเหอถามด้วยอารามตกใจ “เจ้าบอกว่าคนที่วิวาทกับเขาคือแม่นางเมิ่ง?”

 

 

เจ้าหน้าที่พยักหน้าพูดว่า “แม่นางเมิ่งไปส่งน้องชายกลับโรงเตี๊ยม อีกประเดี๋ยวจะตามมา”

 

 

เปาชิงเหอขมวดคิ้วมุ่น ถามเขาเสียงเบา “เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเขาวิวาทกันด้วยเรื่องใด?”

 

 

เจ้าหน้าที่ส่ายหน้า “ตอนที่ข้าไปถึง พวกเขากำลังชุลมุนต่อสู้กัน ตอนที่แยกพวกเขาออกจากกันได้ เห็นชัดเจนว่าเป็นพวกเขา ก็รีบร้อนคุมตัวพวกเขามาศาลาว่าการ ไม่ทันได้สอบสวน”

 

 

เปาชิงเหอพยักหน้า เปล่งน้ำเสียงพูด “พวกเจ้าพูดสิ เหตุใดต้องวิวาทกัน?”

 

 

คุณชายจางประสานมือคำนับลวกๆ ตอบว่า “เรียนใต้เท้า ข้าไปกินข้าวที่ภัตตาคารพร้อมพวกเขาสองพี่น้อง ไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาตอแยคุณหนูตู้ พวกเขาสองคนออกไปรับมือ ข้ารอเป็นนานพวกเขาก็ไม่กลับมา จึงออกไปดู ไม่คิดว่าจะถูกนังตัวดีนั่นถีบลอยโด่งออกไป ข้าทนความแค้นนี้ไม่ได้ ถึงไปตามคนรับใช้มาจัดการพวกเขา”

 

 

เปาชิงเหอได้ฟังแล้วก็มุ่นหัวคิ้ว ในใจคิด เจ้าก็พูดง่ายเกินไป หากเจ้าไม่ไปแหย่แม่นางเมิ่งก่อน นางจะลงมือกับเจ้าอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้? แต่คำพูดนี้เขาไม่ได้พูดออกมา กลับถามเมิ่งเสียน “ที่เขาพูดเป็นความจริง?”

 

 

เป็นครั้งแรกที่เมิ่งเสียนได้พบท่านนายอำเภอในศาล อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ กลืนน้ำลาย ตอบกลับเสียงเบา “เรียนใต้เท้า เขาโกหก เป็นเขาที่หมิ่นเกียรติน้องสาวข้าก่อน น้องสาวข้าถึงทนไม่ไหวลงมือกับเขาไป”

 

 

เปาชิงเหอพยักหน้ารู้แจ้ง

 

 

คุณชายจางพูดอย่างไม่แยแส “ข้าหมิ่นเกียรตินางอย่างไร ข้าก็แค่เห็นนางหน้าตาหมดจด อยากพานางกลับจวนด้วยก็เท่านั้น จะบอกให้นะ คนบ้านนอกอย่างพวกเจ้า ข้าพึงใจนางนับว่าเป็นวาสนาเปี่ยมล้นของนางแล้ว แต่นางกลับไม่รู้จักดีกล้าลงมือกับข้า วันนี้ข้าจะทำให้พวกเจ้าได้รู้ว่า คุณชายอย่างข้าไม่ใช่คนบ้านนอกอย่างพวกเจ้าจะมาหาเรื่องได้”

 

 

เปาชิงเหอแอบเบ้ปาก ในใจคิด ยังไม่รู้ว่าใครที่หาเรื่องใครไม่ได้

 

 

เมิ่งเสียนโมโหแล้ว “เจ้ามีความคิดอกุศลกับน้องสาวข้า ต่อให้นางหักขาเจ้าก็ไม่นับว่าเกินไป”

 

 

คุณชายจางได้ฟังบันดาลโทสะ ลืมไปว่าที่นี่เป็นศาล แผดเสียงตะคอกคนรับใช้ “พวกเจ้าลุย สั่งสอนไอ้บ้านนอกที่อยู่ดีไม่ว่าดีให้สาสม”

 

 

เห็นเขาที่อยู่ในศาลยังกำเริบเสิบสานเช่นนี้ เปาชิงเหอชักสีหน้าเข้ม

 

 

คนรับใช้ไหวพริบไวคนหนึ่งเห็นเปาชิงเหอชักสีหน้าเข้มแล้ว หันไปพูดกับคุณชายจาง “คุณชาย ที่นี่คือศาล ท่านอย่าได้วู่วามเด็ดขาด”

 

 

คุณชายจางถึงได้สติกลับมา ชำเลืองมองเปาชิงเหอ เห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของเขา ตระหนักได้ว่าตนเองทำผิดกฎข้อห้ามของเขา ตกใจจนไม่กล้าพูดอะไรอีก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งเหรินมาถึงศาล แสดงความเคารพเปาชิงเหออย่างนอบน้อม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด