ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 154.2

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 154.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ความจริง

 

 

 

เปาชิงเหอพยักหน้า แสร้งถามอย่างเกรงขาม “แม่นางเมิ่ง เมื่อครู่คุณชายจางได้บอกกล่าวต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้แล้ว ไม่รู้ว่าเจ้ายังมีอะไรจะเพิ่มเติมหรือไม่?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “ท่านใต้เท้า เมื่อครู่ข้าไม่ได้อยู่ในศาล ย่อมไม่ได้ยินคำพูดของคุณชายจาง ไม่ทราบว่าจะขอให้เขาพูดใหม่อีกครั้งได้หรือไม่?”

 

 

เปาชิงเหอพยักหน้า สั่งการคุณชายจาง “เจ้าจงพูดซ้ำอีกครั้ง”

 

 

คุณชายจางไม่กล้าขัดขืน จำต้องพูดคำพูดเมื่อครู่อีกครั้ง ทว่าน้ำเสียงไม่เห่อเหิมเหมือนเมื่อครู่แล้ว

 

 

ฟังคำพูดเขาจบ เมิ่งเชี่ยนโยวทำความเคารพเปาชิงเหอแล้วพูด “ท่านใต้เท้าได้ยินแล้ว เป็นเขาที่ใช้วาจาหมิ่นเกียรติข้า ทำลายชื่อเสียงของข้าก่อน ข้าโมโหที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมถึงได้ลงมือกับเขา ขอใต้เท้าพิจารณา คืนความยุติธรรมให้ผู้น้อยด้วย”

 

 

เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเตะลูกบอลหนังมาที่ตัวเอง เปาชิงเหอยิ่งให้กลัดกลุ้ม รู้ว่าคดีในวันนี้หากไม่มีคำตอบที่นางพอใจ สาวน้อยนางนี้ไม่มีทางรามือง่ายๆ จึงใช้แท่งไม้ตบบัลลังก์ เปล่งเสียงพูดดังสนั่น “คุณชายจาง เจ้าสำนึกผิดหรือไม่?”

 

 

คุณชายจางถือว่าครอบครัวร่ำรวย เที่ยวระรานใช้อำนาจบาตรใหญ่ ก่อเรื่องผิดเหลือคณานับ จำนวนครั้งที่มาศาลาว่าการก็นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ทุกครั้งเปาชิงเหอจะซักถามอย่างละมุนละม่อม ไม่เคยใช้น้ำเสียงเช่นนี้ถามเขามาก่อน พลันตกใจขาระทวย คุกเข่าลงกับพื้น

 

 

เปาชิงเหอพูดอย่างเกรงขาม “กลางวันแสกๆ เจ้าเกี้ยวพาราสีแม่นางน้อยต่อหน้าผู้คนมากมาย นี่คือความผิดที่หนึ่ง พอเกี้ยวพาไม่สำเร็จ เกิดอับอายกลายเป็นความโมโห สั่งการกลุ่มคนรับใช้ใช้ไม้กระบองเข้ารุมทำร้ายแม่นางน้อยและคนในครอบครัว ถือเป็นความผิดที่สอง ความผิดสองกระทงนี้ เจ้าจะรับหรือไม่รับ”

 

 

หากเป็นในอดีต คุณชายจางคงเถียงคอเป็นเอ็นแล้วว่า “ข้ารับแล้วอย่างไร ไม่รับแล้วอย่างไร” แต่ตอนนี้เห็นอากัปกิริยาเช่นนี้ของเปาชิงเหอ ต่อให้เขาโง่ก็รับรู้ได้ถึงความโกรธเกรี้ยวของเขา ไม่กล้าเห่อเหิมใจอีก คุกเข่าแล้วตอบแต่โดยดี “ท่านใต้เท้า ข้ารับ ข้ารับแล้ว”

 

 

เปาชิงเหอเห็นเขายังนับว่ารู้ความ พยักหน้าพึงพอใจ เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงตัดสินโทษ “คนรับใช้ทั้งหมดให้รับโทษโบยสิบไม้ ปรับเงินคุณชายจางห้าสิบตำลึง เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป”

 

 

คุณชายจางถอนใจโล่งอก ตัวเองไม่ถูกโบยก็พอ

 

 

เปาชิงเหอพูดจบถามเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางเมิ่งพอใจการตัดสินคดีของข้าหรือไม่?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า ตอบอย่างนอบน้อม “เรียนใต้เท้า ไม่พอใจ”

 

 

เปาชิงเหอสะอึกกึก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวชี้หน้าคุณชายจางแล้วพูดต่อ “เขาเริ่มจากใช้วาจาจาบจ้วงข้า แล้วสั่งการคนรับใช้รุมทำร้ายพวกเราสองพี่น้อง เหตุใดคนรับใช้ถูกโบย เขากลับแค่ถูกปรับเงินห้าสิบตำลึง?”

 

 

เปาชิงเหอก่นด่าคุณชายจางในใจเป็นร้องครั้ง เจ้ามีเรื่องกับใครไม่มี จะต้องมามีกับแม่นางน้อยที่ไม่เคยอ่อนข้อให้ใคร ครานี้ดีแล้ว ต่อให้ข้ามีใจอยากช่วยเจ้า ก็ไม่ได้แล้ว

 

 

คุณชายจางเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ยอมรับคำตัดสินนี้ โมโหเดือดดาล พูดอย่างเคืองขุ่น “นังตัวดี อย่าได้ดีแล้วไม่รู้จักดี เงินห้าสิบตำลึงนี้เพียงพอให้คนบ้านนอกอย่างพวกเจ้าสุขสบายไปทั้งชีวิต เจ้ายังมีอะไรไม่พอใจอีก?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแสร้งตบหน้าอก พูดกับเปาชิงเหออย่างหวาดกลัว “ท่านใต้เท้า เขาข่มขู่ข้า! ข้าตกใจหมดเลย”

 

 

คุณชายจางเห็นท่าทีของนาง โมโหจนจมูกเบี้ยว

 

 

เจ้าหน้าที่ทั้งหมดก็เกือบจะล้มไม่เป็นท่า

 

 

เปาชิงเหอเกือบจะพ่นหัวเราะออกมา รู้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวต้องการจะแกล้งคุณชายจาง ยังแอบรอคอยในใจ ฝืนกลั้นความขบขันไว้ ดึงหน้า ใช้แท่งไม้ตบบัลลังก์อย่างน่ายำเกรง พูดสนับสนุน “คุณชายจาง เจ้าอยู่ในศาลยังกล้าข่มขู่ผู้เคราะห์ร้ายเช่นนี้ ไม่เห็นนายอำเภออย่างข้าอยู่ในสายตาเลยใช่หรือไม่?”

 

 

ถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม คุณชายจางหวาดกลัวลนลาน เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดซึมออกมาจากหน้าผาก พูดอย่างสั่นกลัว “ผู้น้อยไม่กล้า”

 

 

เปาชิงเหอส่งเสียง “อือ” ด้วยใบหน้าเมินเฉยแล้วพูดว่า “เชื่อว่าเจ้าก็ไม่กล้า!”

 

 

พูดจบถามเมิ่งเชี่ยนโยว “ต้องลงโทษพวกเขาอย่างไรเจ้าถึงจะพอใจ?”

 

 

คุณชายจางได้ยินคำพูดเปาชิงเหอ เหงื่อเริ่มซึมออกมาตามตัว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวครุ่นคิดเล็กน้อย พูดอย่างไม่แยแส “เงินห้าสิบตำลึงไม่ต้องแล้ว โบยเขายี่สิบไม้เถอะ”

 

 

คุณชายจางตกใจนั่งซึมกระทื่อไปกับพื้น ตาลอยมองเปาชิงเหอ กลัวเขาจะรับปากคำขอของเมิ่งเชี่ยนโยว ให้ตัวเองถูกโบยยี่สิบไม้

 

 

เปาชิงเหอตรึกตรองอย่างลำบากใจครู่หนึ่ง พูดว่า “แม่นางเมิ่ง แม้คุณชายจางจะสั่งให้คนรับใช้ลงมือกับพวกเจ้าสองพี่น้อง อย่างไรพวกเจ้าก็ไม่บาดเจ็บอะไร เจ้าลองดูว่าพอจะลงโทษเขาสถานเบาได้หรือไม่”

 

 

คุณชายจางพยักหน้าพัลวัน มองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างมีความหวัง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเปาชิงเหอขอร้องแทนคุณชายจาง รู้ว่าครอบครัวคุณชายจางจะต้องมีพื้นเพไม่ธรรมดา เขาไม่กล้าล่วงเกินโดยใช่เหตุ และรู้ว่าเปาชิงเหอเห็นแก่หน้าเปาอีฝานถึงเกรงใจตนเอง ถามความคิดเห็นของตนเองเช่นนี้ หากตนเองยังดึงรั้นต่อไป จะต้องทำให้เขาไม่พอใจ จึงพูดเออออตาม “เมื่อใต้เท้าขอร้องแทนเขาเช่นนี้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องโบยยี่สิบไม้แล้ว ให้เขาชดใช้เงินห้าร้อยตำลึงเถอะ”

 

 

เปาชิงเหอเห็นนางยอมอ่อนข้อให้ตนเอง ก็โล่งอก พูดต่อจากนาง “คุณชายจาง เจ้าได้ยินชัดหรือไม่? แม่นางเมิ่งเรียกร้องให้เจ้าจ่ายเงินชดใช้ห้าร้อยตำลึง เจ้าจะยินดีหรือไม่?”

 

 

ตั้งแต่ที่เมิ่งเชี่ยนโยวร้องขอให้โบกเขายี่สิบไม้ คุณชายจางก็หายใจไม่ทั่วท้องมาพักใหญ่แล้ว กลัวเปาชิงเหอจะรับปากข้อเสนอของนาง ให้เจ้าหน้าที่โบยเขาจริงๆ เช่นนั้นชีวิตเขาได้หาไม่เป็นแน่ ตอนนี้ได้ยินเปาชิงเหอถามเขาว่ายินดีจะชดใช้เงินห้าร้อยตำลึงหรือไม่ ไหนเลยจะกล้าลังเล รับปากโดยพลัน “ผู้น้อยยินดี”

 

 

เปาชิงเหอพยักหน้าพึงพอใจ พูดว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะตัดสินสินอย่างเป็นทางการ ให้โบยคนรับใช้คนละสิบไม้ ส่วนคุณชายจางให้ชดใช้แม่นางเมิ่งห้าร้อยตำลึง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ “ใต้เท้าพูดผิดแล้ว เงินห้าร้อยตำลึงนี้ข้าไม่ได้ต้องการเอง แต่ข้าพูดขอแทนหลงจู๊ของภัตตาคาร พวกเราวิวาทกันที่ภัตตาคาร ทำให้ลูกค้าในภัตตาคารหนีหายไปโดยไม่ทันได้คิดเงิน ยังมีโต๊ะเก้าอี้ที่พวกเราทำเสียหาย พวกเราสมควรชดใช้ ใต้เท้าสั่งการให้ชดใช้เงินนี้ให้หลงจู๊เถอะ”

 

 

คุณชายจางไม่คิดว่าเมิ่งเชี่ยนโยวเรียกร้องเงินก้อนโตเช่นนี้ ไม่ได้เพื่อให้ตัวเอง งุนงงตกตะลึงอยู่ตรงนั้น

 

 

เปาชิงเหอพยักหน้าอย่างพอใจอีกครั้ง กำชับเจ้าหน้าที่ไปนำตัวหลงจู๊ของภัตตาคารมา

 

 

หลงจู๊ของภัตตาคารเร่งรีบตามเจ้าหน้าที่มา พอได้ยินว่าใต้เท้าเปาตัดสินให้คุณชายจางชดใช้เงินให้ตัวเองห้าร้อยตำลึง ตื้นตันใจจนน้ำตาเกือบไหล กล่าวขอบคุณเปาชิงเหออย่างซาบซึ้งใจ “ขอบคุณใต้เท้าเปาเป็นปากเสียงแทนข้า แต่เงินนี้มากเกินไป เมื่อครู่ผู้น้อยคำนวณดูแล้ว ความเสียหายทั้งหมดคือสองร้อยตำลึง ไม่ต้องให้มากขนาดนี้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเตือนเขา “พวกเราวิวาทที่ภัตตาคารของท่าน ไม่เพียงทำลูกค้าที่มากินข้าววันนี้ตกใจหนีไป วันสองวันนี้เกรงว่าก็จะไม่มีคนเข้ามากินข้าว เงินที่เหลือถือว่าชดเชยความเสียหายในอีกวันสองวันนี้ ท่านอย่าได้ปฏิเสธอีกเลย รับไว้เถอะ”

 

 

หลงจู๊เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวคิดแทนตนเองเช่นนี้ ก็กล่าวขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจอีกครั้ง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ

 

 

หลงจู๊แสดงความเคารพเปาชิงเหอ รับเงินห้าร้อยตำลึงจากไปอย่างยินดี

 

 

สองพี่น้องตู้เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวให้เงินห้าร้อยตำลึงกับคนอื่นไปโดยไม่กะพริบตา สบตากันแวบหนึ่ง ต่างเข้าใจความหมายกันและกัน ทั้งสองมองเมิ่งเหรินอย่างเร่าร้อน ราวกับมองเห็นภูเขาเงินภูเขาทอง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวจับจ้องพฤติกรรมทั้งหมดของพวกเขา เผยอยิ้มเล็กน้อย หันไปพูดกับเปาชิงเหอ “ใต้เท้าเปา แม้ท่านจะลงโทษคุณชายจางและคนรับใช้แล้ว แต่ต้นเหตุที่แท้จริงของเรื่องนี้ท่านคงยังไม่รู้”

 

 

เปาชิงเหอก็คร่ำหวอดรับราชการมานานหลายปี ได้ยินคำพูดเมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้ทันทีว่านางยังมีเรื่องจะพูด เออออซักถามนางทันควัน “หรือว่าเรื่องนี้ยังมีต้นเหตุอื่น?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ข้าและพี่ใหญ่ น้องเล็กเดิมนั่งกินข้าวอยู่ในห้องรับรองดีๆ ได้ยินเสียงโวยวายด้านนอก เดิมพวกเราไม่คิดจะสนใจ แต่เสียงโวยวายที่ลอยเข้ามากลับเป็นเสียงของพี่ใหญ่บุตรชายลุงใหญ่ข้า ท่านพี่ข้าตื่นตกใจ ถึงได้ออกไปดูว่าเกิดเรื่องอันใด ทำให้บัณฑิตธรรมดาคนหนึ่ง กล้ามาร้องเอ็ดตะโรเรียกร้องความยุติธรรมอย่างไม่สนใจสถานะต่อหน้าผู้คนมากมายในภัตตาคาร” พูดถึงตรงนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปมองสองพี่น้องตู้แวบหนึ่ง

 

 

สอนพี่น้องตู้สะท้อนแววตาปริบๆ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อ “ข้าสอบถามความจากคนอื่นถึงได้รู้ว่า ที่แท้พวกเขาสองพี่น้องเอาการหมั้นหมายมาบังหน้าหลอกลวงต้มตุ๋นคนไปทั่ว พี่ใหญ่ข้าหน้ามืดตามัวไปชั่วขณะ ถูกพวกเขาหลอกต้มตุ๋น นำทุกสิ่งทุกอย่างของตนเองมาเอาใจคุณหนูตู้ แต่พอนางจะอาจเอื้อมเข้าหาคุณชายจาง ก็ถีบเขาทิ้งอย่างไม่ไยดี พี่ใหญ่ข้าใช้โอกาสตอนที่ไม่มีคาบเรียน ออกมาซื้อเครื่องเขียน เห็นพวกเขาเดินเข้าภัตตาคารไปพร้อมคุณชายจาง ถึงไม่สนใจสถานะตามหลังพวกเขาไป แต่คุณชายตู้กลับเห็นเข้า ทั้งสองฝ่ายถึงได้มีปากเสียงกันในภัตตาคาร แล้วเกิดเรื่องราวหลังจากนั้นขึ้น”

 

 

เปาชิงเหอได้ฟังถามสองพี่น้องตู้ “ที่แม่นางเมิ่งพูดเป็นความจริงหรือไม่?”

 

 

สองพี่น้องตู้ปฏิเสธทันควัน คุณหนูตู้พูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “ใต้เท้าเปา ผู้น้อยถูกใส่ร้าย พี่ใหญ่นางและพี่ชายข้าเป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนกัน มีครั้งหนึ่งข้ามาเยี่ยมพี่ชายแล้วเขาเห็นเข้า เกิดเป็นรักแรกพบ คอยสอบถามกับพี่ชายข้าหลายครั้ง พี่ชายข้าคิดว่าพวกเราไม่คู่ควรกัน ห้ามปราบหลายครั้ง แต่เขาไม่ฟัง คอยตามตอแยข้าไม่วาย ข้าไม่ยินยอม เขาทำใจไม่ได้ ถึงได้สะกดรอยตามพวกเรา”

 

 

สิ้นเสียงเขา เมิ่งเหรินโต้แย้งด้วยโทสะเสียงลั่น “เหลวไหลทั้งเพ พี่ชายเจ้าต่างหากที่พูดว่า ตอนที่เจ้ามาเยี่ยมเขาครั้งแรก ก็เกิดรักแรกพบต่อข้าที่อยู่กับเขาด้วย ถามข้าว่ายินดีรับเจ้าไว้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเห็นเจ้าอ่อนโยนสุภาพ ถึงได้ตบปากรับคำ ไม่เพียงเท่านั้น พวกเจ้ายังให้คำสัญญาข้า หากข้าสอบซิ่วไฉได้ จะให้ไปสู่ขอที่บ้านพวกเจ้าได้ พ่อแม่เจ้าเห็นแก่ที่ข้าเป็นซิ่วไฉ จะต้องยอมรับปากเรื่องหมั้นหมายของเรา ถึงตอนนั้นเจ้ายังจะใช้โอกาสนี้ขอให้บิดามารดาเจ้าสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการสอบเคอจวี่ให้ข้าด้วย”

 

 

คุณหนูตู้โต้กลับพลัน “เจ้าพูดโกหก ข้าเป็นถึงคุณหนูสกุลสูงศักดิ์ จะพึงพอใจคนบ้านนอกแร้นแค้นอย่างเจ้าได้อย่างไร ยิ่งไม่เคยให้สัญญาหมั้นหมายกับเจ้า”

 

 

ได้ยินคำพูดนาง เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะเล็กน้อย ถามขึ้น “ขอถามคุณหนูสกุลสูงศักดิ์ เมื่อเจ้าไม่ได้พึงพอใจพี่ใหญ่ข้า เหตุใดต้องหลอกให้เขาซื้อปิ่นปักผมราคาแพง มอบให้เจ้าแทนของหมั้นหมายด้วย”

 

 

ปิ่นปักผมขายทิ้งไปแล้ว ให้ตายคุณหนูตู้ก็ไม่ยอมรับ “พวกเจ้าอย่าใส่ร้ายข้า แม้ข้าจะไม่เคยเรียนหนังสือ แต่ชายหญิงห้ามลักลอบคบหากันข้ายังพอรู้บ้าง พวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ข้าจะไปรับปิ่นของเขามาได้อย่างไร อีกอย่าง ด้วยการแต่งเนื้อแต่งตัวของเจ้า จะมีปัญหาซื้อปิ่นราคาแพงหรือ? ใครได้ยิน ก็รู้ว่าเจ้าพูดโกหก”

 

 

เมิ่งเหรินคัดค้านเสียงแข็ง “ข้าไม่ได้พูดโกหก ตอนที่เราพบกันตามลำพังเจ้าพูดกับข้าเอง หากข้ามีใจต่อเจ้าจริง ก็ให้ซื้อปิ่นปักผมมาเป็นของหมั้นหมาย ข้าถึงได้หัวร้อน นำเงินค่าแรงครึ่งปีที่น้องชายข้าฝากข้านำกลับบ้านตอนปีใหม่มาซื้อปิ่นปักผมให้เจ้า”

 

 

คุณหนูตู้พูดเยาะหยัน “คำพูดเจ้ายิ่งน่าขบขันนัก ข้าเป็นคุณหนูสกุลสูงศักดิ์ ปกติไม่เยื้องย่างกายออกไปไหน จะไปพบเจ้าลำพังได้อย่างไร หากคำพูดเช่นนี้แพร่งพรายออกไปข้าจะมีหน้าอยู่ต่อไปได้อย่างไร?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มกรุ่มกริ่ม พูดเหยียดหยัน “เมื่อคุณหนูตู้เอาแต่พูดว่าตัวเองเป็นคุณหนูสกุลสูงศักดิ์ ไม่พบกับชายหนุ่มตามลำพัง ข้าก็อยากถามเจ้า วันนี้เจ้าปรากฏตัวพร้อมคุณชายจางที่ภัตตาคารได้อย่างไร?”

 

 

คุณหนูตู้ไม่คิดว่านางจะถามเช่นนี้ พลันพูดไม่ออก

 

 

คุณชายตู้ก็กะพริบตาปริบอย่างร้อนตัว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปถามคุณชายจาง “ไม่ทราบว่าคุณชายจางพอจะตอบคำถามนี้ได้หรือไม่?”

 

 

คุณชายจางก็ไม่ได้โง่ ได้ฟังมานานพอจะจับจุดบางอย่างได้ เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวถามเขา จึงตอบว่า “ข้ากับพวกเขาก็ไม่ได้รู้จักมักจี่กัน วันนี้สาวงามนางนี้ไม่ตั้งใจเดินมาชนข้า ข้าเห็นนางหน้าตาสะสวย เกิดความคิดอยากให้นางกลับจวนไปกับข้า นางมิได้ตอบตกลง บอกว่ารับไม่ได้กับกฎระเบียบเคร่งครัดของสกุลใหญ่ บอกว่าหากข้าหมายปองนางจริงๆ ให้ซื้อเรือนสักหลังให้นาง เลี้ยงดูนางข้างนอก เรือนหลังหนึ่งใช้เงินไม่กี่มากน้อย บวกกับสาวงามนางนี้ก็ดูสง่างามอรชร ข้าคิดว่านางจะต้องไม่ธรรมดา จึงได้ตบปากรับคำไป ตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงพอดี ข้าจึงไปกินอาหารกับพวกเขาที่ภัตตาคาร เตรียมจะให้เด็กรับใช้ไปซื้อเรือนหลังกินอาหารเสร็จ แต่พวกเรามาถึงภัตตาคารเพิ่งจะสั่งอาหารเสร็จ พี่ชายของสาวงามนางนี้ก็บอกว่ามีคนสะกดรอยตาม พวกเขาจะออกไปสั่งสอนเขาเสียหน่อย ตอนนั้นข้าบอกจะให้คนรับใช้ลงมือสั่งสอนคนที่สะกดรอยตาม พวกเขาไม่ยอม ข้าก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร พอพวกเขาออกไป เกิดเรื่องเอะอะโวยวายด้านนอก ข้าก็ยังไม่สนใจ กระทั่งข้ารอไม่ไหวแล้ว ออกมาดู ถึงเกิดเรื่องเหล่านั้นตามมา”

 

 

คุณชายจางพูดจบ เมิ่งเชี่ยนโยวถามอย่างเหยียดหยัน “เกี้ยวพาผู้ชายข้างถนนก็คือลักษณะของคุณหนูสกุลสูงศักดิ์ที่คุณหนูตู้พูดถึง?”

 

 

สองพี่น้องตู้พูดไม่ออกโดยสิ้นเชิง

 

 

เปาชิงเหอก็จับใจความเรื่องราวทั้งหมดได้แล้ว ใช้แท่งไม้ตบบัลลังก์ “สองพี่น้องตู้บังอาจนัก ยังไม่ยอมสารภาพพฤติกรรมต้มตุ๋นของพวกเจ้าออกมาอีก?”

 

 

เรื่องมาถึงตอนนี้ สองพี่น้องตู้ยังคิดจะเล่นลิ้น “ใต้เท้า ข้าถูกปรักปรำ พวกเราไม่ได้รับปิ่นจากเขามาจริงๆ ขอใต้เท้าตรวจสอบด้วย!”

 

 

ไม่มีพยานหลักฐาน สองพี่น้องตู้ให้ตายก็ไม่ยอมรับ เปาชิงเหอเองก็ยากจะตัดสินความได้

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลับพูดว่า “เรื่องนี้ไม่ยาก ใต้เท้าให้พี่ใหญ่ข้าวาดรูปปิ่นปักผมออกมา ให้เจ้าหน้าที่นำไปถามที่ร้านเครื่องประดับในอำเภอ ดูว่าพวกเขาได้รับซื้อปิ่นแบบนี้ไว้หรือไม่ หากว่ามี ก็นำตัวพวกเขามายืนยัน ว่าใครที่นำปิ่นนี้มาขาย หากไม่มี ก็แปลว่าพี่ใหญ่ข้าพูดปด ปรักปรำคุณหนูตู้ ถึงตอนนั้นจะโบยหรือปรับพวกเราก็ยินดี”

 

 

เปาชิงเหอพยักหน้า ให้กุนซือนำกระดาษพู่กันมอบให้เมิ่งเหริน ให้เขาวาดรูปปิ่นออกมา

 

 

เมิ่งเหรินคุกเข่าลง วาดรูปปิ่นอย่างละเอียดออกมา มอบให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ถือแล้วรีบเดินออกไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด