ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 156.1

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 156.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
พี่ใหญ่อยากให้ข้าใช้แผนการหรือ?

 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินผ่านทาสหลวงที่ได้รับการสั่งสอนดีแล้วหนึ่งรอบ ไม่เจอที่เหมาะสม จึงเดินมาหน้าทาสหลวงที่ยังไม่ได้รับการสั่งสอน พินิจพิจารณา

 

 

ยายหวังงุ่นง่านใจ คิดจะเข้าไปพูดเตือน ถูกเปาอีฝานรั้งไว้ “เจ้าไม่ต้องปากมาก ให้นางเลือกของนางเอง”

 

 

ยายหวังจนใจ ทำได้เพียงยืนว้าวุ่นใจข้างๆ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินผ่านทาสหลวงที่ยังไม่ได้รับการสั่งสอนหนึ่งรอบ ยายหวังเห็นนางไม่ถูกชะตาใคร ถอนใจโล่งอก คาดไม่ถึงว่าเมิ่งเชี่ยนโยวกลับหมุนตัวกลับมาหยุดตรงหน้าชายฉกรรจ์ที่ถูกเฆี่ยนเมื่อวาน เพ่งพินิจเขาอย่างถี่ถ้วน

 

 

ยายหวังตื่นเต้นจนใจจะหลุดออกมาแล้ว ไม่สนใจเปาอีฝานที่อยู่ข้างๆ รีบเดินไปพูดต่อหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นาง คนผู้นี้เจ้าซื้อไม่ได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแสร้งถามอย่างกังขา “เหตุใดถึงซื้อไม่ได้?”

 

 

ยายหวังพูด “คนผู้นี้เป็นทาสหลวงที่เพิ่งถูกส่งตัวมาเมื่อวาน ข้ายังไม่ทันได้สั่งสอนเขา ได้ยินว่าเมื่อก่อนเขาเป็นคุณชายของสำนักคุ้มภัยมีชื่อแห่งหนึ่ง รู้วรยุทธ์เป็นอย่างดี จากการแต่งกายของแม่นางก็ไม่เหมือนเป็นคนในเมือง ซื้อพวกเขากลับไปก็ไร้ประโยชน์ สู้เลือกทาสหลวงที่ซื่อสัตย์เชื่อใจได้กลับไปดีกว่า เอาไปเป็นคนรับใช้ทั้งทำไร่ไถ่นาก็ได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า

 

 

ยายหวังนึกว่านางเชื่อความคิดตนเอง ก็ให้โล่งอก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวใช้น้ำเสียงเด็กน้อยไร้เดียงสาพูดขึ้น “แต่ข้าอยากซื้อเขาจะทำอย่างไรดี?”

 

 

ยายหวังลื่นพรืด เกือบจะล้มหัวคะมำ ร้อนรนคิดจะพูดเตือนอีก “แม่นาง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจนางแล้ว เบือนหน้าหันไปพูดกับอ้อนวอนเปาอีฝาน “คุณชายเปา ข้าอยากซื้อเขา”

 

 

เปาอีฝานเห็นนางแสร้งทำเป็นไม่รู้ความ ลอบขบขันในใจ ใบหน้ากลับพยักหน้าให้ความร่วมมือ “ได้ เช่นนั้นก็ซื้อเขา”

 

 

ยายหวังร้อนใจเร่าๆ รีบพูดกับเปาอีฝาน “คุณชายเปา ฟังข้าก่อน แม่นางท่านนี้ไม่เหมาะจะซื้อคนผู้นี้จริงๆ”

 

 

เปาอีฝานขมวดคิ้ว พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ตลาดกลางแห่งนี้มีไว้ซื้อขายมนุษย์ ตอนนี้สหายข้าพึงพอใจคนผู้นั้น เจ้ากลับไม่ยินยอมขาย หรือเจ้ามีเส้นสนกลในที่บอกคนอื่นไม่ได้?”

 

 

ยายหวังโบกมืออุตลุด “คุณชายเปา มิได้เป็นอย่างที่ท่านคิด คนตามท้องถนนก็เห็นแล้ว คนผู้นี้ถูกคุมตัวส่งมาเมื่อวานจริงๆ ข้ายังไม่ทันได้สั่งสอนเขา ข้ามิได้คิดจะห้ามแม่นางท่านนี้ซื้อตัวเขา ข้าแค่เป็นกังวลว่าพอนางซื้อกลับแล้วเกิดเรื่องขึ้น ข้าจะรับผิดชอบไม่ไหว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ท่านเพียงขายคนผู้นี้ให้ข้า ต่อไปจะดีหรือร้ายไม่เกี่ยวกับท่าน ท่านไม่ต้องรับผิดชอบ หากท่านเป็นกังวลจริงๆ เราเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรก็ได้”

 

 

“เอ่อ” ยายหวังพูดไม่ออก

 

 

เปาอีฝานชักสีหน้าเข้ม

 

 

ยายหวังเห็นสีหน้าเขา ครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วกัดฟันพูด “แม่นางอยากซื้อคนผู้นี้ก็ได้ ต้องจ่ายเงินมาหนึ่งร้อยตำลึง”

 

 

เปาอีฝานโกรธเกรี้ยว “ยายหวังตัวดี เจ้าเห็นว่าสหายข้าอยากซื้อ ถึงจงใจตั้งราคาสูงลิบใช่หรือไม่? มีใครไม่รู้บ้างว่าทาสหลวงชั้นดีที่สุดหนึ่งคนเพิ่งจะมีราคาเพียงสิบตำลึง เจ้าเรียกราคาเกินควรเช่นนี้ อยากบีบให้พวกเราล้มเลิกใช่หรือไม่?”

 

 

ยายหวังเห็นเปาอีฝานโมโหจริงๆ แล้ว รีบร้อนโบกมือ “คุณชายเปาอาจจะยังไม่รู้ ข้าไม่ได้คิดจะเรียกราคาเกินควร แต่คนผู้นี้มีคนจับจองไว้แล้ว ให้ค่ามัดจำไว้ห้าสิบตำลึง บอกว่าวันนี้ยามบ่ายจะเข้ามารับคน ตอนนี้อยู่ๆ พวกท่านก็จะมาซื้อเขาไป พอลูกค้าท่านนั้นมาถึงข้าจะตอบพวกเขาไม่ได้”

 

 

เปาอีฝานไม่เชื่อ พูดอย่างฉุนเฉียว “เหลวไหล พวกเขาเพิ่งจะถูกคุมตัวมาตอนบ่ายวานนี้ จะมีคนมาซื้อล่วงหน้าได้อย่างไร?”

 

 

ยายหวังเห็นเขาไม่เชื่อ สาบานต่อฟ้า “คุณชายเปา ข้าพูดล้วนเป็นความจริง เมื่อวานตอนเที่ยง มีคนนำภาพวาดหนึ่งมาหาข้า บอกว่ายามบ่ายจะมีคนกลุ่มหนึ่งถูกคุมตัวมา ให้ข้าจักต้องเก็บคนในภาพวาดนี้ไว้ ทั้งมอบเงินมัดจำให้ข้าห้าสิบตำลึง บอกว่าพอซื้อคนเสร็จจะให้ข้าอีกห้าสิบตำลึง ข้าทำการค้ามนุษย์มานานหลายปี ไม่เคยเจอผู้ซื้อใจถึงเช่นนี้มาก่อน เกิดเป็นความละโมบ จึงรับเงินเขาไว้ รับปากว่าจะเก็บคนไว้ให้เขา”

 

 

ฟังยายหวังพูดจบ เมิ่งเชี่ยนโยวและเปาอีฝานหันหน้ามองกัน จากนั้นเมิ่งเชี่ยนโยวก็รับคำอย่างชื่นบาน “ได้ ข้าจะให้ท่านหนึ่งร้อยตำลึง แต่ข้ามีเงื่อนไข”

 

 

ได้ยินนางบอกว่าจะจ่ายเงินหนึ่งร้อยตำลึง ยายหวังปิติยินดี รีบร้อนพูด “เงื่อนไขอะไร เจ้าพูดมา”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ท่านต้องบอกข้า คนที่คิดจะซื้อเขานอกจากให้เงินท่านหนึ่งร้อยตำลึงเพื่อซื้อเขาแล้ว ยังพูดอะไรกับท่านอีก?”

 

 

ได้ยินนางถามเช่นนี้ ยายหวังสะท้อนแววตา ตะกุกตะกักพูดไม่ออก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับเปาอีฝาน “คุณชายเปา ดูท่าท่านคงต้องไปบอกใต้เท้าเปา ยายหวังอายุมากแล้ว ตลาดซื้อขายมนุษย์นี้สมควรจะเปลี่ยนคนมาทำได้แล้ว”

 

 

เปาอีฝานขมวดคิ้วยู่ย่น มองยายหวังด้วยใบหน้าคาดเดาไม่ได้แวบหนึ่ง

 

 

ยายหวังตกใจสะท้าน ลนลานพูด “ข้าพูดๆ คนผู้นั้นยังพูดว่า หลังจากที่เขาซื้อตัวคนผู้นี้ไป คนที่เหลือในครอบครัวพวกเขาหากเป็นหญิงให้คิดหาวิธีนำไปขายหอโคมเขียว ส่วนผู้ชายนำไปขายให้โรงรับชำเราบุรุษ” พูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงยายหวังเริ่มกระเส่า “ทว่า ข้าไม่ได้รับปาก แม้ข้าจะมีอาชีพค้ามนุษย์ แต่ข้าก็อยากให้คนที่ออกไปจากมือข้าได้มีทางไปที่ดี ไม่ยินดีทำเรื่องที่ผิดต่อฟ้าดินเช่นนี้”

 

 

เปาอีฝานแค่นเสียงหึ

 

 

ยายหวังนึกว่าเขาไม่เชื่อที่ตัวเองพูด ใบหน้าขาวซีด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาตรงหน้าชายฉกรรจ์ แหงนหน้าพูดกับเขา “เจ้าได้ยินคำที่ยายหวังเพิ่งพูดไปแล้ว คาดว่าคนที่พวกเจ้าล่วงเกินยังไม่ยอมรามือง่ายๆ ถึงคิดแผนอำมหิตเช่นนี้ ตอนนี้ข้าอยากถามเจ้า เจ้ายินดีจะไปกับข้า ต่อไปเชื่อฟังแต่ข้าเพียงผู้เดียวหรือไม่”

 

 

ชายฉกรรจ์พิจารณานางอย่างละเอียด ถามขึ้น “แม่นางซื้อข้าไป ไม่กลัวจะเกิดเรื่องยุ่งยากหรือ?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มอ่อน พูดว่า “ข้าชอบให้มีคนมาหาเรื่องยุ่งยาก”

 

 

ชายฉกรรจ์ตะลึงงัน ครู่ใหญ่ถึงพูดว่า “หากแม่นางซื้อพวกเราทั้งหมดไป ข้าขอสาบานต่อฟ้า ต่อไปชีวิตข้าจะเป็นของท่าน แม่นางให้ข้าทำอะไรข้าก็จะทำ จะไม่ฝ่าฝืนต่อต้านเด็ดขาด”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มถาม “ฆ่าคนวางเพลิงเจ้าก็ยินดี?”

 

 

ชายฉกรรจ์ตอบอย่างไม่ลังเล “ขอเพียงเป็นแม่นางสั่ง ข้าก็จะทำ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ได้ ตกลงตามนี้!”

 

 

ไม่คิดว่านางจะยอมรับข้อเสนอของตนเองง่ายดายเช่นนี้ ชายฉกรรจ์นิ่งงัน แต่คนในครอบครัวเขากลับเผยแววตาปลาบปลื้มใจ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันกลับไปพูดกับยายหวัง “ข้าจะซื้อคนทั้งหมดนี้ ท่านดูว่าต้องใช้เงินเท่าใด?”

 

 

ยายหวังทั้งตกใจระคนดีใจ ตกใจที่ตัวเองมองพลาดไป ไม่คิดว่าเด็กสาวบ้านนาอย่างเมิ่งเชี่ยนโยวจะมือเติบเช่นนี้ พริบตาเดียวก็ซื้อคนมากมายเหล่านี้ ทั้งดีใจที่ตัวเองไม่ต้องลงแรงอะไรก็หาเงินได้มากกว่าปกติหลายเท่าตัว จึงไม่ค้ากำไรเกินควรอีก พูดอย่างตรงไปตรงมา “ผู้หญิงและเด็กโตราคาห้าตำลึง เด็กเล็กสามตำลึง ส่วนผู้ชายที่เหลือคิดราคาสิบตำลึง ทั้งหมดเป็นผู้ชายสามคน ผู้หญิงสามคนเด็กโตสี่คน เด็กเล็กหนึ่ง รวมทั้งหมดเจ็บสิบแปดตำลึง แม่นางซื้อเยอะ ข้าจะลดราคาให้เหลือเจ็บสิบห้าตำลึงก็พอ”

 

 

ยายหวังนึกว่าเมิ่งเชี่ยนโยวรับปากเป็นมั่นเหมาะ การค้านี้ของตัวเองจะถือว่าสำเร็จแล้ว ไม่คิดว่าเมิ่งเชี่ยนโยวกลับส่ายหน้า พูดว่า “เจ็ดสิบห้าตำลึงมากเกินไป พวกเราไม่มีเงินจ่ายให้มากเช่นนั้น”

 

 

รอยยิ้มที่คิดคำนวณไว้แล้วของยายหวังพังครืน พูดว่า “จะมากได้อย่างไร? ที่ข้าให้เป็นราคาตามจริง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มเล็กน้อยแล้วพูด “ท่านให้ราคาตามจริงก็จริง ทว่านั่นเป็นราคาของคนที่ถูกสั่งสอนมาแล้ว พวกเขาเพิ่งมาถึงเมื่อวาน ท่านยังไม่ทันได้สั่งสอนเขา ข้าเอากลับไปแล้วยังต้องสิ้นเปลืองแรงพลังอบรมสั่งสอนพวกเขาด้วยตัวเอง ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่ราคาตามจริง”

 

 

ยายหวังแทบอยากจะเอามือตบปากตัวเองแรงๆ สักสองสามที เมื่อครู่เพื่อไม่ขายชายผู้นั้น ถึงต้องหาข้ออ้างเหล่านั้น แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะยกก้อนหินทุ่มขาตัวเองเสียได้ ตอนนี้เมิ่งเชี่ยนโยวใช้ข้ออ้างของตัวเองมาต่อรองราคากับตัวเอง ตอนนี้ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไร

 

 

ขบคิดได้พักใหญ่ ยายหวังถึงหยั่งเชิงถามอย่างจนใจ “เช่นนั้นแม่นางต้องการราคาเท่าไหร่?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวชูนิ้วมือสองนิ้ว “ยี่สิบตำลึง!”

 

 

ยายหวังตกใจร้องลั่น “ไม่มีทาง ราคานี้ต่ำเกินไป เงินที่ข้าใช้ซื้อพวกเขามายังมากกว่านี้อีก”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวชี้ชายฉกรรจ์แล้วถาม “รวมเขาด้วยเล่า?”

 

 

ยายหวังสะอึกกึก ครู่ใหญ่ถึงพูดเสียงเบาอย่างไม่พอใจ “เช่นนั้นก็ไม่ได้ ยี่สิบตำลึงน้อยเกินไป อย่างไรเจ้าก็ควรให้สามสิบตำลึง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดทันควัน “ตกลง”

 

 

ครั้งนี้ยายหวังเสียใจตีปากตัวเองสองครั้งจริงๆ

 

 

เปาอีฝานเห็นการกระทำของนาง แอบยิ้มขบขัน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบตั๋วแลกเงินหนึ่งร้อยสามสิบตำลึงมอบให้ยายหวัง “ท่านนับก่อน” ยายหวังรับตั๋วแลกเงินมาอย่างไม่ยินดี ลองนับดู ไม่ขาดไม่เกินหนึ่งร้อยสามสิบตำลึงพอดี ปั้นหน้ายิ้มพูดทันควัน “แม่นาง ให้เยอะกว่านี้ได้หรือไม่ เงินเท่านี้น้อยเกินไปจริงๆ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ได้”

 

 

ยายหวังดีอกดีใจ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวคลำหาอยู่เป็นนานถึงล้วงเงินหนึ่งเจี่ยวออกมา มอบให้ยายหวังด้วยใบหน้าเจ็บปวด “อ่ะ มีแค่นี้แล้ว ให้ท่านหมดเลย”

 

 

ยายหวังตะลึงงัน

 

 

เปาอีฝานทนไม่ไหว หัวเราะพรืดเสียงดังลั่น

 

 

เมิ่งเสียนก็พ่นหัวเราะออกมา

 

 

แม้แต่ชายฉกรรจ์ที่ถูกซื้อตัวไปก็อดไม่ได้แย้มยิ้มออกมา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นยายหวังไม่รับ ถามอย่างไร้เดียงสา “ท่านรังเกียจว่าน้อยใช่หรือไม่? แต่ข้าไม่มีเงินแล้วจริงๆ”

 

 

ยายหวังยื่นมือออกไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเก็บเงินหนึ่งเจี่ยวกลับคืน พูดงึมงำ “เมื่อรังเกียจว่าน้อยก็ช่างเถอะ ระหว่างทางกลับพวกเรายังเอาไปซื้อซาลาเปากินได้อีกเยอะ”

 

 

ยายหวังกางมือลอยเคว้งอยู่ในอากาศ มองนางอย่างไม่อยากเชื่อ

 

 

เปาอีฝานเค้นหัวเราะเสียงดังสนั่น

 

 

หลังจากเก็บเงินดีแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็พูดกับยายหวังที่ยังยื่นมืองงงัน “เอาสัญญาทาสของพวกเขามา”

 

 

ยายหวังพูดอะไรไม่ออกแล้ว เดินเข้าไปหยิบสัญญาทาสของคนทั้งหมดในบ้านออกมามอบให้นางแต่โดยดี

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตรวจดู แน่ใจว่ามีของทุกคนครบ นำใส่อกเสื้ออย่างวางใจ แล้วหันไปพูดกับชายฉกรรจ์และคนอื่นๆ ในครอบครัว “ไปเถอะ” พูดจบหันหลังเดินออกไปจากลานโล่ง

 

 

ชายฉกรรจ์เดินตามหลังไปโดยไม่ลังเล

 

 

คนในครอบครัวเดินตามติดเขาไปอย่างไม่เป็นสุข

 

 

คนอื่นในลานบ้านมองพวกเขาอย่างอิจฉา

 

 

น้ำเสียงขุ่นเคืองของยายหวังลอยไล่หลังมา “มองอะไร ยังไม่รีบไสหัวกลับไปหลังเรือน!”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยกยอมุมปากเผยรอยยิ้มอ่อน

 

 

เปาอีฝานและเมิ่งเสียนเดินรั้งท้าย

 

 

คนทั้งหมดออกมาด้านนอกแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด