ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 163-2 ร้องเท็จ

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 163-2 ร้องเท็จ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมิ่งเชี่ยนโยวและพี่ๆ เดินไปบนที่ดินรกร้างค่อนข้างไกลถึงเดินมาถึงสุดปลายที่ดิน เมิ่งเสียนประหลาดใจ พูดว่า “ปกติจะเดินผ่านไปผ่านมาประจำ ก็ไม่เคยรู้สึกว่าที่ดินร้างกว้างยาวแค่ไหน ทำไมวันนี้ต้องใช้เวลานานถึงเดินผ่านมาได้หมด”

 

 

เมิ่งฉีก็พยักหน้าสมทบ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “นั่นเพราะสภาพจิตใจต่างกัน เมื่อก่อนเพื่อให้ทำงานได้มากขึ้น ทุกครั้งจะรีบเดินผ่านไป ไหนเลยจะมีอารมณ์มองดูที่ดินร้างนี้ วันนี้ไม่เหมือนกัน พวกเรามาเพื่อซื้อที่ดินร้างนี้ อารมณ์เบาสบายขึ้น ย่อมต้องรู้สึกว่าที่ดินร้างนี้กว้างใหญ่ขึ้น”

 

 

คนทั้งสองถึงเข้าใจแจ่มแจ้ง

 

 

แม้เหวินเปียวและเหวินหู่จะทำงานไว แต่ที่ดินร้างผืนนี้ก็กว้างพอให้วัดตลอดทั้งบ่ายถึงจะวัดเสร็จ

 

 

เมิ่งต้าจินปิดสมุดบันทึก พูดว่า “พรุ่งนี้เช้าข้าจะไปขึ้นทะเบียนกับทางการ พอทำโฉนดเสร็จ ก็หาคนมาทำความสะอาดได้ทันที”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “พรุ่งนี้ให้พี่ใหญ่ไปกับท่านด้วย ที่ดินร้างผืนนี้ให้เขียนเป็นชื่อของพี่ใหญ่”

 

 

เมิ่งเสียนสะดุ้งตกใจ ลนลานโบกมือ “น้องสาว ได้อย่างไรกัน เจ้าเป็นคนซื้อที่ดินร้าง ควรเขียนเป็นชื่อเจ้าถึงจะถูก”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “พี่ใหญ่ผิดแล้ว ที่ดินร้างนี้ครอบครัวเราเป็นคนซื้อ ย่อมต้องเขียนเป็นชื่อท่าน ข้าไม่เอาดอก”

 

 

ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ แม้เมิ่งต้าจินจะยอมศิโรราบให้เมิ่งเชี่ยนโยวหมดหัวใจแล้ว แต่ในใจลึกๆ ก็ยังคิดว่าเด็กผู้หญิงอย่างไรสักวันก็ต้องเป็นของคนอื่น ที่ดินร้างกว้างใหญ่เช่นนี้ย่อมไม่ยินดีให้เขียนเป็นชื่อนาง เห็นเมิ่งเสียนยังไม่ยอมรับ จึงเอ่ยปากพูดหว่านล้อม “เมิ่งเชี่ยนโยวพูดถูกต้อง เจ้าเป็นบุตรชายคนโตของครอบครัว ที่ดินผืนนี้สมควรเขียนเป็นชื่อเจ้า สำหรับโยวเอ๋อร์ สักวันก็ต้องแต่งงานออกไป ถึงตอนนั้นต้องมาเปลี่ยนชื่อไปมามีแต่ความยุ่งยาก”

 

 

สิ้นเสียง เมิ่งเชี่ยนโยวก็หัวเราะมองเขาแวบหนึ่ง

 

 

“แต่ว่า” เมิ่งเสียนยังคิดจะปฏิเสธ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดตัดบทเขา “เรื่องนี้ว่าตามนี้เถอะ พี่ใหญ่ไม่ต้องพูดอีก กลับบ้านไปเตรียมเงินดีกว่า พรุ่งนี้เช้าจะได้ไปทางการรับโฉนดกลับมาพร้อมลุงใหญ่ ข้าจะได้หาคนมาแผ้วถางที่ดิน”

 

 

เมิ่งเสียนจนใจ กลืนคำพูดลงไป

 

 

กลับถึงบ้าน เมิ่งเสียนรีบบอกเรื่องนี้กับสองสามีภรรยาเมิ่ง

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งชื่อต่างไม่มีความเห็นต่าง ที่ดินเป็นของครอบครัวตัวเอง ลูกทั้งสามคนจะเขียนชื่อใครก็ได้

 

 

เมิ่งเสียนไม่ยินยอม ยืนหยัดจะให้เขียนเป็นชื่อเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

เมิ่งชื่อบอกเขา “โยวเอ๋อร์บอกให้เขียนเป็นชื่อเจ้า ก็เขียนเถอะ หากเจ้ารู้สึกทำใจไม่ได้ เอาไว้พอนางแต่งงานค่อยมอบให้นางก็ได้แล้ว”

 

 

เมิ่งเสียนเข้าใจทันที จริงด้วย ตอนน้องสาวแต่งงานข้าค่อยให้นางก็ได้ อย่างไรนางก็ไม่แต่งไปไหนไกล อย่างมากก็ออกไปปลูกเรือนข้างนอกอีกหลังเท่านั้น พอคิดตกแล้ว เมิ่งเสียนก็ไม่ปฏิเสธอีก รับคำอย่างดีอกดีใจ

 

 

วันรุ่งนี้เมิ่งเสียนและเมิ่งต้าจินนั่งรถม้าที่ส่งเมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉเข้าไปเรียนในเมือง พอส่งพวกเขาเข้าโรงเรียนแล้ว เหวินเปียวก็บังคับรถม้ามาศาลาว่าการตำบล

 

 

เมิ่งต้าจินเป็นผู้ใหญ่บ้าน มีสิทธิ์ซื้อขายที่ดินร้างได้ บวกกับที่ดินร้างผืนใหญ่เช่นนี้ ผู้ว่าการตำบลได้ประโยชน์ไปไม่น้อย ย่อมไม่กลั่นแกล้ง บอกให้กุนซือทำโฉนดให้เมิ่งเสียนอย่างหน้าชื่นตาบาน

 

 

เมิ่งต้าจินไม่คิดว่าจะราบรื่นเช่นนี้ กล่าวขอบคุณผู้ว่าการตำบลยกใหญ่

 

 

ผู้ว่าการตำบลโบกมือ พูดว่า “หากที่ดินรกร้างในหมู่บ้านพวกเจ้าไม่พอ หมู่บ้านละแวกใกล้เคียงก็ยังมีอีกไม่น้อย ถ้าต้องการข้าจะไปช่วยพูดกับผู้ใหญ่บ้านพวกนั้นให้เจ้าเอง”

 

 

เมิ่งต้าจินกล่าวขอบคุณอีกครั้ง “ขอบคุณท่านผู้ว่าการ ตอนนี้ยังไม่ต้องการ ภายหน้าหากพวกเขาต้องการซื้อ ข้าจะต้องมาขอให้ท่านช่วย”

 

 

ผู้ว่าการตำบลพยักหน้า ส่งสัญญาณให้กุนชือคืนเงินที่เก็บส่วนต่างออกไปแล้วให้เมิ่งต้าจิน

 

 

เมิ่งต้าจินรีบร้อนพูด “ท่านกับท่านกุนซือวุ่นวายครึ่งค่อนวัน เงินเล็กน้อยนี้เก็บไว้เลี้ยงข้าวพวกท่านก็แล้วกัน”

 

 

ผู้ว่าการตำบลเห็นเขาทำงานเป็น พูดอย่างพึงพอใจ “ต่อไปมีเรื่องอะไรให้มาหาข้าโดยตรง ข้าจะจัดการให้เอง”

 

 

เมิ่งต้าจินรีบกล่าวขอบคุณอีกครั้ง

 

 

ออกมาจากศาลาว่าการตำบล เมิ่งเสียนถอนหายใจยาวเฮือกใหญ่

 

 

เมิ่งต้าจินหัวเราะเขา “ตอนโยวเอ๋อร์มาสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอาการใดๆ แต่ดูเจ้าเถิด ตกใจจนถึงตอนนี้ขายังสั่นไม่หยุด”

 

 

เมิ่งเสียนหน้าแดง

 

 

ทั้งสองกลับมาถึงบ้าน เมิ่งชื่อนำโฉนดที่ดินมาพลิกดูซ้ำไปมาหลายครั้ง ก็ทำใจวางลงไม่ได้ พูดอย่างตื่นเต้น “แม่เคยฝันอยากให้บ้านเรามีที่ดินมากมายเช่นนี้ ไม่คิดว่าในที่สุดก็เป็นความจริงแล้ว”

 

 

คนทั้งบ้านหัวเราะครื้นเครง

 

 

ครั้งนี้เมิ่งเชี่ยนโยวให้เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีรับผิดชอบการรับสมัครคน ตนเองและเมิ่งชื่อไปบ้านเก่าขนย้ายมันฝรั่งทั้งหมดออกมา วางทิ้งไว้ในจุดที่มีอุณหภูมิเหมาะสม

 

 

เมิ่งชื่อไม่เข้าใจ ถามนางเหตุใดต้องทำเช่นนี้?

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวอธิบาย “เมล็ดพันธุ์ของมันฝรั่งก็คือหน่ออ่อนที่งอกออกมาจากมันฝรั่ง พวกเราเอามันฝรั่งวางไว้ตรงนี้ เพื่อให้พวกมันงอกหน่ออ่อนออกมาเยอะๆ เราจะได้เอาไปปลูกได้มากขึ้น”

 

 

เมิ่งชื่อไม่เคยได้ยินว่าหน่ออ่อนที่งอกออกมาเป็นเมล็ดพันธุ์ได้ รู้สึกอัศจรรย์ใจ ทุกวันจะทำตัวเหมือนเด็ก พอว่างไม่มีอะไรทำก็จะเดินมาดูว่ามันฝรั่งจะงอกหน่ออ่อนแบบไหนออกมา

 

 

เพราะมีประสบการณ์มาหลายครั้ง ครั้งนี้เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีรับสมัครคนงานได้ชำนาญมากขึ้น ใช้เวลาไม่นานก็ได้คนมาสมัครทำงานไม่น้อย

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวทำเหมือนงานแผ้วถางภูเขาร้าง แบ่งการทำความสะอาดที่ดินร้างเป็นสองแบบ เป็นแบบรายวัน และแบบรายแปลง แบบรายวันจะได้วันละสามสิบอีแปะ แบบรายแปลงจะคิดเงินให้ตามขนาดแปลงที่ดิน แต่สามารถทำความสะอาดได้ทั้งครอบครัว

 

 

พอได้ยินว่าสามารถทำความสะอาดได้ทั้งครอบครัว คนในหมู่บ้านต่างเลือกแบบรายแปลงอย่างไม่ลังเล

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวบอกความต้องการในการทำความสะอาดของตัวเองกับทุกคน คนในหมู่บ้านจะต้องทำให้ตรงตามความต้องการของตัวเอง ใครที่ทำไม่ตรงตามหลักเกณฑ์จะไม่จ่ายเงินค่าแรง

 

 

คนในหมู่บ้านล้วนทำงานตลอดทั้งปี ย่อมไม่สนใจขอเรียกร้องเล็กๆ น้อยๆ นี้ ต่างพยักหน้ายอมรับ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับอู๋ต้าและพวกให้ถือเครื่องมือทำรังวัดให้ดี แล้วแบ่งที่ดินเป็นแปลงขนาดๆ ต่างๆ ตามที่ตัวเองต้องการ ให้เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีคอยควบคุมดูแล ทั้งบอกพวกเขาว่าจะต้องตรวจตราอย่างเคร่งครัด ไม่เช่นนั้น จะปลูกมันฝรั่งไม่ขึ้น

 

 

ทั้งสองพยักหน้าแข็งขัน ให้คนในหมู่บ้านพกพาอุปกรณ์ทำความสะอาดมา แล้วนำทุกคนมายังที่ดินรกร้าง

 

 

อู๋ต้าและพวกแบ่งเสร็จบางส่วนแล้ว เมิ่งเสียนให้คนที่มาลงสมัครก่อนมีสิทธิ์เลือกก่อน ครอบครัวที่มีสมาชิกมากย่อมเลือกที่แปลงใหญ่ สมาชิกน้อยก็เลือกที่แปลงเล็ก

 

 

คนที่ได้เลือกก่อนเริ่มลงมือทำงานแล้ว ทำเอาคนที่ต้องรอเริ่มกระสับกระส่าย กระทั่งถึงตาครอบครัวตัวเองได้เลือก ทั้งครอบครัวก็ทุ่มเทกำลังลงมือทำความสะอาด

 

 

อู๋ต้าและพวกวัดที่ดินเสร็จ ประมวลดูแล้ว ทั้งห้าคนก็เลือกทำความสะอาดที่แปลงใหญ่ จางมู่และพวกก็เลือกที่ดินแปลงหนึ่งเลียนแบบพวกเขา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตระเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย กลับเข้าห้องค้นคว้ายารักษารอยแผลเป็นต่อ ด้านนอกมีคนร้องเสียงสั่น “แม่นางเมิ่งอยู่หรือไม่?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกมาดู พ่อแม่หลีโก่วเซิ่งกำลังยืนกระสับกระส่ายอยู่ในลานบ้าน แย้มยิ้มถามพวกเขา “พวกท่านมีธุระอันใด?”

 

 

แม่หลีโก่วเซิ่งถามเสียงสั่น “พวกเราก็อยากแผ้วถางที่รกร้าง ได้หรือไม่?”

 

 

หลีโก่วเซิ่งเป็นบุตรชายโทน หลังจากถูกตัดสินให้ไปใช้แรงงาน ในบ้านจึงเหลือเพียงบิดามารดาและสะใภ้รวมถึงเด็กเล็กสองคน ครอบครัวไม่มีรายรับอะไร ต้องใช้ชีวิตอย่างแร้นแค้น วันนี้เห็นคนในหมู่บ้านเกือบทั้งหมดไปทำความสะอาดที่ดินร้าง ก็มีใจปรารถนา แต่หลีโก่วเซิ่งกระทำเรื่องต่ำช้ากับเมิ่งเชี่ยนโยวไว้มาก ทำให้เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เห็นแก่ความเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันส่งเขาไปทำงานใช้แรงงาน พ่อแม่หลีโก่วเซิ่งกลัวนางจะไม่รับปาก จึงไม่เคยกล้าเข้ามา กระทั่งเห็นคนในหมู่บ้านต่างไปกันหมด ทั้งสองจึงนั่งไม่ติดแล้ว กัดฟันแบกหน้าเข้ามาถามไถ่

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบ “ย่อมได้อยู่แล้ว ขอเพียงทำความตามความต้องการของข้า ใครจะทำก็ได้”

 

 

พ่อแม่หลีโก่วเซิ่งนึกว่าทั้งสองจะต้องรบเร้าวิงวอน ไม่คิดว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะตอบตกลงอย่างง่ายดายเช่นนี้ มองนางอย่างไม่เชื่อ ถามอย่างระแวดระวัง “เจ้ารับปากพวกเราแล้ว? เจ้าไม่โกรธแค้นที่โก่วเซิ่งเคยกระทำกับเจ้า?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบ “แม้พวกท่านจะเป็นพ่อแม่หลีโก่วเซิ่ง แต่ความผิดที่เขาก่อไม่เกี่ยวกับพวกท่าน ในสายตาข้า สถานะของพวกท่านไม่แตกต่างกับคนในหมู่บ้าน”

 

 

พ่อแม่หลีโก่วเซิ่งหันหน้ามองกันแวบหนึ่ง กล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณแม่นางเมิ่งๆ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “กลับบ้านไปเอาอุปกรณ์ แล้วรีบไปเถอะ”

 

 

ทั้งสองกล่าวขอบคุณอีกครั้ง กลับบ้านไปเรียกสะใภ้หลีโก่วเซิ่งและเด็กๆ ทั้งสอง ไปแผ้วถางด้วยกัน

 

 

เมิ่งเสียนก็ไม่ได้สนใจอะไร ให้พวกเขาเลือกที่แปลงหนึ่ง แล้วลงมือทำความสะอาด

 

 

เพราะทำงานรายแปลง เหนื่อยมากแต่ก็ได้มาก คนงานต่างทำงานถวายหัว แข็งขันขะมักเขม้น ผ่านไปหนึ่งวัน ที่ดินร้างทำความสะอาดไปได้ค่อนหนึ่งแล้ว

 

 

วันรุ่งขึ้น คนงานที่พักผ่อนมาหนึ่งคืนเติมพลังมาเต็มเปี่ยม ไม่ถึงยามเที่ยง มีบางครอบครัวทำความสะอาดแปลงของตัวเองเสร็จเรียบร้อย พอเมิ่งเสียนตรวจสอบว่าผ่านเกณฑ์ ก็ไปเลือกแปลงอื่นต่อ คนที่เหลือเห็นพวกเขาเริ่มแผ้วถางแปลงที่สองแล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความเร็วในมือ

 

 

คนงานบนที่ดินร้างกำลังทำงานแข็งขัน ไกลออกไปมีเจ้าหน้าที่หลายนายวิ่งเข้ามา ร้องตวาดใส่คนงานบนที่ดินร้าง “หยุด หยุดเดี๋ยวนี้!”

 

 

คนในหมู่บ้านไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ต่างวางงานในมือลง มองเจ้าหน้าที่อย่างหวาดกลัว

 

 

เมิ่งเสียนก็ตกใจกลัว แข็งใจเดินขึ้นหน้า ถามเจ้าหน้าที่อย่างระวัง “ไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใด พวกท่านถึงให้พวกเราหยุดงาน?”

 

 

หัวหน้าเจ้าหน้าที่กล่าวว่า “มีคนมาร้องเรียนพวกเจ้ากับทางการ บอกว่าตอนที่พวกเจ้าซื้อที่ดินร้างรายงานตัวเลขที่ดินเป็นเท็จ ท่านผู้ว่าการตำบลส่งพวกเราและท่านกุนซือมาตรวจสอบ”

 

 

เมิ่งเสียนตอบกลับ “ไม่มีทาง ที่ดินร้างนี้ข้าตรวจดูตอนทำรังวัดด้วยตัวเอง ไม่ขาดไม่เกินแม้แต่นิดเดียว”

 

 

เจ้าหน้าที่มองเขาแวบหนึ่ง ถามขึ้น “เจ้าเป็นผู้ซื้อที่ดินร้างนี้?”

 

 

เมิ่งเสียนพยักหน้า

 

 

เจ้าหน้าที่พูด “การรายงานตัวเลขที่ดินเป็นเท็จหรือไม่ ประเดี๋ยวกุนซือเข้ามาทำรังวัดก็จะได้รู้ เจ้าให้พวกเขาหยุดงาน ยังไม่ต้องทำความสะอาด อีกอย่าง ไปเรียกผู้ใหญ่บ้านของพวกเจ้ามา”

 

 

เมิ่งเสียนไม่กล้ารอช้า บอกเมิ่งฉีไปตามเมิ่งต้าจินมา ส่วนตนเองหันไปพูดกับคนทั้งหมด “ทุกคนหยุดพักก่อนเถอะ รอให้เรื่องกระจ่างค่อยทำความสะอาดต่อ”

 

 

คนทั้งหมดได้ยินวางอุปกรณ์ในมือ นั่งรอบนพื้นที่ส่วนที่พวกตนทำความสะอาดแล้วเงียบๆ

 

 

เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ กุนซือและเจ้าหน้าที่อีกคนถึงเร่งรีบเข้ามา

 

 

กุนซือเดินมาหน้าที่ดิน เห็นทุกคนหยุดงานแล้ว พยักหน้าพอใจ ถามว่า “ผู้ใหญ่บ้านเข้ามาหรือยัง”

 

 

หัวหน้าเจ้าหน้าที่โค้งคำนับอ่อนน้อมตอบว่า “ให้คนไปตามมาแล้วขอรับ น่าจะใกล้มาถึงแล้ว”

 

 

เมิ่งต้าจินกำลังตรวจตราคนงานก่อสร้าง ได้ฟังคำจากปากเมิ่งฉีก็ตกใจ ไม่เข้าใจว่าใครกันที่อาจหาญ กล้าฟ้องเท็จตนเองต่อทางการ แต่ยังดีที่ตนเองมิได้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงไม่กลัวเกรงอะไร ให้เมิ่งฉีไปเรียกเมิ่งเชี่ยนโยว ตนเองรีบไปยังที่ดินร้าง เห็นกุนซือและเจ้าหน้าที่กำลังยืนใบหน้าไม่สบอารมณ์ รีบร้อนเข้าไปถามไถ่ “ไม่ทราบว่าท่านกุนซือและเจ้าหน้าที่ทุกท่านมาที่นี่ ด้วยเหตุอันใด?”

 

 

กุนซือแค่นเสียงหึ “ผู้ใหญ่บ้านเมิ่ง เสียแรงที่ท่านผู้ว่าการชื่นชมยกยอท่าน บอกว่าท่านรู้จักทำงาน ไม่คิดว่าท่านจะต่อหน้าอย่างลับหลังอีกอย่าง แอบซุกซ่อนตัวเลขที่ดินร้างไว้ไม่น้อย”

 

 

เมิ่งต้าจินกุลีกุจอตอบอย่างอ่อนน้อม “ท่านกุนซือเอาที่ไหนมาพูด ข้าแอบซุกซ่อนตัวเลขที่ดินร้างเมื่อใดกัน?”

 

 

กุนซือแค่นเสียงหึอีกครั้ง พูดว่า “อย่าคิดว่าข้ากับท่านผู้ว่าการไม่รู้ ที่ดินนี้ซื้อให้หลานชายเจ้า เจ้าจะไม่ฉ้อฉลได้อย่างไร?”

 

 

เมิ่งต้าจินโต้แย้ง “ที่ดินร้างนี้ซื้อให้หลานชายข้าก็จริง แต่ข้าหาได้ฉ้อฉลไม่ สักเฟินเดียวข้าก็ไม่ได้วัดเกินให้เขา”

 

 

กุนซือไม่เชื่อ “ฉ้อฉลหรือไม่เจ้าไม่มีสิทธิ์พูด รอพวกเราวัดเสร็จคอยพูด” พูดจบ โบกมือให้เจ้าหน้าที่ “พวกเจ้าทั้งหมดทำรังวัดเดี๋ยวนี้”

 

 

เจ้าหน้าที่ขานรับคำ เสียงเมิ่งเชี่ยนโยวดังลอยมา “ช้าก่อน!”

 

 

บรรดาเจ้าหน้าที่ไม่ขยับ

 

 

กุนซือเห็นนางเข้ามา ใบหน้าสะท้อนสีหน้ากังขา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาตรงหน้ากุนซือ แย้มยิ้มถามขึ้น “จะทำรังวัดใหม่ก็ได้ แต่ข้าอยากรู้ว่า ใครที่ร้องเท็จพวกเรา?”

 

 

กุนซือสะท้อนแววตา พูดว่า “เรื่องนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ หากพวกเจ้าไม่ได้รายงานตัวเลขที่ดินเป็นเท็จพวกเราวัดใหม่พวกเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “จะพูดเช่นนี้ก็ไม่ได้ ลุงใหญ่ข้าเพิ่งจะดำรงตำแหน่งไม่นาน อยู่ในช่วงสร้างบารมีความน่าเชื่อถือต่อลูกบ้าน ตอนนี้มีคนร้องเท็จว่าเขาฉ้อฉล จะต้องแฝงเจตนาร้าย พวกเราจะปล่อยเขาไปง่ายๆ เช่นนี้ไม่ได้”

 

 

ตอนซื้อภูเขาร้างที่หมู่บ้านหลี่ กุนซือเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวใจใหญ่ไม่หยุมหยิม ทั้งรู้จักมักคุ้นกับผู้ว่าการตำบล ยอมเห็นแก่หน้านาง แอบวัดที่ดินบนภูเขาร้างเกินให้นางไปไม่น้อย คิดว่าภายหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวพบเห็นเขาอย่างไรก็ต้องกริ่งเกรงใจบ้าง ไม่คิดว่าวันนี้ต่อหน้าคนจำนวนมากกลับไม่ไว้หน้าเขาเลยสักนิด จิตใจขุ่นมัว พูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวดุดัน “ผู้ใหญ่บ้านเมิ่งยังไม่มีข้อโต้แย้ง พวกเราจะทำรังวัดใหม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย รีบถอยออกไป ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่เกรงใจแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ขุ่นเคือง ยังคงพูดด้วยรอยยิ้มหวาน “ท่านกุนซือเข้าใจผิดแล้ว ที่ดินร้างนี้เป็นครอบครัวข้าที่ซื้อ ผู้ใหญ่บ้านเมิ่งก็เป็นลุงใหญ่ข้า ทั้งสองเรื่องนี้ล้วนเกี่ยวพันถึงข้า ข้าไม่อยากยุ่งก็คงไม่ได้”

 

 

กุนซือตกตะลึง “เจ้าเป็นคนซื้อ?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า

 

 

กุนซือถามอีก “เช่นนั้นเหตุใดถึงไม่เขียนเป็นชื่อเจ้า?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบ “พี่ใหญ่เป็นบุตรคนโตของครอบครัว ที่ดินนี้สมควรลงนามเป็นชื่อเขา”

 

 

กุนซือมองเมิ่งเสียนแวบหนึ่ง ถึงพูดอย่างลำบากใจ “แม่นางเมิ่ง ข้าไม่ใช่จะไม่บอกเจ้าว่าใครที่ฟ้องร้องพวกเจ้า แต่ท่านผู้ว่าการมีคำสั่ง ห้ามบอกผู้ที่มาร้องเท็จกับพวกเจ้า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถาม “เพราะเหตุใด?”

 

 

กุนซือมองคนโดยรอบ ก้มศีรษะพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวเสียงเบา “ไม่ขอปิดบัง คนที่ฟ้องร้องพวกเจ้าให้เงินผู้ว่าการหนึ่งร้อยตำลึง หลังจากตรวจสอบได้แล้วว่าพวกเจ้ารายงานตัวเลขที่ดินร้างเป็นเท็จ ให้ไล่เมิ่งต้าจินออกจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน เขาจะได้ดำรงตำแหน่งอีกครั้ง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวย่นหัวคิ้ว “อีกครั้ง?”

 

 

กุนซือพยักหน้า

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าใจแจ่มแจ้ง

 

 

กุนซือเก็บคืนสีหน้า หันไปพูดกับเจ้าหน้าที่ “ยังไม่รีบไป?”

 

 

เจ้าหน้าที่ถืออุปกรณ์ทำรังวัดที่เตรียมมาตรงเข้าวัดที่ดิน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ห้ามปราม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด