ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 167-2 รับคน

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 167-2 รับคน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนเช้าเมิ่งเชี่ยนโยวสั่งการภรรยาเหวินเปียวแล้ว งานในวันนี้ค่อยข้างเหนื่อย ตอนทำซาลาเปาให้ใส่เนื้อเข้าไปเยอะหน่อย อย่าเอาเปรียบคนที่มาทำงาน ดังนั้นซาลาเปาเนื้อที่ส่งมาวันนี้แทบจะกัดหนึ่งคำก็ชุ่มฉ่ำเต็มคำ

 

 

คนในหมู่บ้านเดียวกันยังดี คนต่างหมู่บ้านเป็นครั้งแรกที่ได้กินซาลาเนื้อแบบนี้ ตอนที่กัดเข้าไปคำแรกก็ตื่นตะลึง มองไส้ที่ทะลักออกมาจากซาลาเปาในมือตัวเองอย่างไม่เชื่อ แล้วหันมองคนหมู่บ้านเดียวกันที่กินอย่างเอร็ดอร่อย กระเถิบเข้าหาพูดเสียงเบา “ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ที่พวกเรากินคือซาลาเปาเนื้อ”

 

 

อีกคนพยักหน้าพูด “ข้าก็คิดว่าเป็นความฝัน ไม่งั้นเจ้าลองหยิกข้าดู ว่าข้าจะเจ็บหรือไม่”

 

 

คนข้างๆ ยื่นมือมาหยิกเขา คนผู้นั้นหวีดร้องทันควัน “เจ็บๆๆ ข้าไม่ได้ฝันไป พวกเราได้กินซาลาเปาเนื้อจริงๆ”

 

 

คนอื่นๆ ได้ยินเสียงหวีดร้องของเขา ต่างเบือนหน้าหันมามองพวกเขา

 

 

คนทั้งหมดรู้สึกว่าตัวเองทำเรื่องเขลา เขินหน้าแดง รีบก้มหน้างุดกัดซาลาเปาในมือตัวเอง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหูไว ได้ยินบทสนทนาของพวกเขา เม้มปากขบขัน

 

 

ซาลาเปาอร่อยมากจริงๆ สามสี่ลูกที่ลงท้องไปไม่ได้รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย คิดจะเข้าไปหยิบมาอีกสองสามลูก ก็กลัวเมิ่งเชี่ยนโยวจะหาว่าพวกเขาตะกละ แต่ละคนต่างลังเลอิดออด เสียงเมิ่งเชี่ยนโยวก็เปล่งดังขึ้น “รู้ว่าพวกท่านต้องกินอาหารในแต่ละมื้อมาก ตั้งใจสั่งพวกเขาให้ทำมามากหน่อย พวกท่านเข้ามาหยิบไปกินตามสบายเถอะ”

 

 

คนทั้งหมดเดินเข้ามา หยิบไปคนละสองสามลูกอย่างเกรงใจ เดินไปกินไป เพียงสองสามคำก็กินหมดไปหนึ่งลูก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองอย่างตกตะลึงอ้าปากค้าง ยามนางฝึกฝนในชาติก่อน ไม่ได้กินข้าวหนึ่งวันหนึ่งคืน ยังเร็วเทียบพวกเขาไม่ได้

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นและคนอื่นๆ คุ้นชินเสียแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร

 

 

คนผู้หนึ่งกินซาลาเปาลูกใหญ่เจ็ดแปดลูก ทั้งดื่มน้ำซุปร้อนอีกสองถ้วย ถึงลูบหนังท้องตัวเองพูดอย่างเก้อเขินว่าอิ่มแล้ว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูซาลาเปาเต็มเข่งใบใหญ่สองใบที่ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่ลูก ถลึงตาอ้าปากค้างอีกครั้ง

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นเห็นคนงานกินกันอิ่มแล้ว ถึงเรียกคนในครอบครัวตัวเอง “พวกเราก็ไม่ต้องกลับบ้านแล้ว กินแก้ขัดไปก่อนเถอะ กินอิ่มแล้วจะได้ทำงาน”

 

 

คนทั้งหมดพยักหน้า ต่างหยิบซาลาเปาขึ้นมากิน แม้แต่เมิ่งเชี่ยนโยวก็หยิบซาลาเปาลูกหนึ่งขึ้นมากัด ภรรยาเหวินเปียวรีบไปตักน้ำซุปร้อนมาให้นาง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลืนซาลาเปาในปาก ร้องชมเชย “วันนี้ใครเป็นคนทำซาลาเปา อร่อยมากเลย อร่อยกว่าร้านขายซาลาเปาในเมืองเสียอีก”

 

 

ภรรยาเหวินเปียวหน้าแดง “แม่นางกล่าวเกินไปแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกระเซ้านาง “ข้าไม่ได้กล่าวเกินไปนะ ซาลาเปาของเจ้าทำได้อร่อยมาก ข้าตัดสินใจแล้ว วันไหนที่บ้านเราไม่มีเงิน จะไปเปิดร้านซาลาเปา ถึงตอนนั้นต้องอาศัยเจ้าเลี้ยงดูพวกเราแล้ว”

 

 

ภรรยาเหวินเปียวยิ่งหน้าแดง ร้อนรนพูด “แม่นางพูดหยอกแล้ว”

 

 

เมิ่งเสียนและคนอื่นๆ ยังดี เมิ่งอี้ทำงานในภัตตาคารมาตลอด ได้กินแต่ผัดผักไม่กี่อย่างซ้ำไปซ้ำมา ทั้งไม่เคยกินซาลาเปาเนื้อที่อร่อยขนาดนี้ เกิดอดใจไม่ไหว กินเพิ่มเป็นสองลูก พอกินอิ่มถึงรู้สึกพุงป่องบวม ให้เขินอายหน้าแดง ฉวยโอกาสที่คนไม่สังเกต แอบลูบพุงของตัวเอง

 

 

หลังกินอาหารเที่ยง และพักผ่อนอีกครู่หนึ่ง ทุกคนก็ลงมือทำงานต่อ

 

 

เพราะทำมาตลอดทั้งเช้าแล้ว เริ่มคุ้นเคยกับงาน แต่ละคนต่างรู้ว่าต้องทำยังไง ความเร็วในช่วงบ่ายจึงเร็วกว่าช่วงเช้าอย่างเห็นได้ชัด ไม่ทันฟ้ามืด ที่ดินร้างหนึ่งร้อยกว่าหมู่ก็ไถพรวนเสร็จ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวคอยตรวจตราอยู่ข้างๆ ตลอด พึงพอใจกับการไถพรวนของพวกเขาเป็นอย่างมาก บอกเมิ่งเสียนให้คิดเงินค่าแรงให้คนทั้งหมดทันที

 

 

วันเดียวก็หาเงินได้ห้าสิบอีแปะ คนทั้งหมดดีใจยกใหญ่ พูดประจบเอาใจ “ต่อไปหากท่านมีงานเช่นนี้อีก ให้คนไปแจ้งข่าวพวกเรา พวกเราจะเข้ามาทันที รับรองว่าจะทำได้ทั้งเร็วและดี”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยกยิ้มพยักหน้า

 

 

คนทั้งหมดเก็บเครื่องมือไถพรวน บังคับรถเทียมเกวียนจากไปอย่างหน้าชื่นตาบาน

 

 

คนสกุลเมิ่งก็เก็บเครื่องมือกลับบ้าน

 

 

หนึ่งคืนผ่านไป

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้นยังคงตื่นแต่เช้า กินอาหารเช้าเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวให้เมิ่งเสียนบังคับรถเทียมเกวียนมา คนทั้งครอบครัวนำมันฝรั่งที่หั่นแล้วหันหน่ออ่อนชี้ขึ้นบนขนไปวางบนรถเทียมเกวียนอย่างระมัดระวัง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับเมิ่งเสียนให้บังคับรถเทียมเกวียนช้าๆ บอกเขาว่าหากหน่ออ่อนถูกทับเสียหาย มันฝรั่งจะไม่งอกออกมา

 

 

เมิ่งเสียนบังคับรถเทียมเกวียนอย่างเชื่องช้ามาถึงข้างที่ดินร้าง คนในหมู่บ้านมารอข้างที่ดินนานแล้ว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบมันฝรั่งลูกหนึ่งจากรถเทียมเกวียน ชี้หน่ออ่อนแล้วพูดกับทุกคน “ตอนที่พวกท่านปลูก หน่ออ่อนนี้จะต้องชี้ขึ้น ความลึกของการฝังกลบให้กำหนดจากการงอกของหน่ออ่อน ไม่ว่าจะสั้นหรือยาว ให้ถือหลักไม่เห็นหน่ออ่อนโผล่พ้นดินออกมา” พูดจบ ลงมือสาธิตการปลูกด้วยตัวเอง

 

 

งานนี้ไม่ยาก คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่แค่เห็นก็ทำเป็นแล้ว ทยอยกันเดินไปข้างรถเทียมเกวียนหยิบมันฝรั่งขึ้นมาคนละชิ้นอย่างระวัง ปลูกลงไปตามวิธีที่เมิ่งเชี่ยนโยวสอน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวคอยจับจ้องพวกเขา พอเห็นว่ามีใครทำไม่ถูกต้อง ก็จะรีบห้ามปราบ แล้วสอนเขาอย่างละเอียดรอบหนึ่ง

 

 

ชาวบ้านกลัวตัวเองจะทำไม่ถูก ถึงเวลามันฝรั่งไม่งอกออกมา เมิ่งเชี่ยนโยวจะตำหนิโทษพวกเขา ดังนั้นตอนทำงานจึงช้ามาก หมดหนึ่งวัน คนจำนวนมากนี้แม้แต่หนึ่งในสามของมันฝรั่งก็ปลูกไม่เสร็จ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่รีบร้อน บอกพวกเขาให้กลับไปพักผ่อนที่บ้านให้สบาย พรุ่งนี้ค่อยมาปลูกต่อ

 

 

ปลูกอีกหนึ่งวัน มันฝรั่งทั้งหมดถึงปลูกเสร็จ

 

 

ที่ดินร้างยังเหลือที่อีกครึ่งกว่าไม่ได้เพาะปลูก

 

 

พอคิดว่าใช้เงินจ้างคนมาแผ้วถางไปตั้งมากกลับไม่ได้ปลูกมันฝรั่ง เมิ่งเอ้ออิ๋นก็ให้รู้สึกปวดใจ เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่มีมันฝรั่งให้ปลูกพวกเราปลูกอย่างอื่นก็ได้ อย่างเช่นข้าวโพดวสันต์ ถึงตอนนั้นไม่แน่ว่าพวกเราจะหาเงินได้อีกก้อนใหญ่”

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นไม่เคยได้ยินยังมีการปลูกข้าวโพดวสันต์ นึกกังขา ถามขึ้น “ไม่ใช่ฤดูกาลของของสิ่งนี้ จะปลูกได้หรือ?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างไม่แยแส “ที่ดินมากมายนี้ทิ้งไว้ก็เสียเปล่า พวกเราลองปลูกดูก็ได้ หากว่าปลูกไม่ขึ้น พวกเราก็เสียหายแค่เมล็ดพันธุ์ แต่ถ้าถ้าปลูกขึ้น พวกเราก็เอาข้าวโพดอ่อนไปขายเหลาจวี้เสียนได้”

 

 

พอคิดว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะเอาข้าวโพดอ่อนไปขายเหลาจวี้เสียน จะต้องได้เงินมาอีกไม่น้อย เมิ่งเอ้ออิ๋นก็ไม่ลังเลอีก “ได้ แล้วแต่เจ้า พวกเรามาลองดู”

 

 

พูดปุ๊ปทำปั๊ป เมิ่งเอ้ออิ๋นหาคนมาจำนวนหนึ่งปรับหน้าดินที่ไถพรวนแล้วให้เรียบเสมอกัน แล้วโรยเมล็ดข้าวโพดลงไปเต็มพื้นที่

 

 

คนในหมู่บ้านต่างสนเท่ห์ บ้านสกุลเมิ่งเกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมา ถึงมาปลูกข้าวโพดในฤดูกาลนี้

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่มีเวลาสนใจเรื่องพวกนี้ เตรียมตัวพาเมิ่งอี้เซวียนเข้าสอบระดับจังหวัด

 

 

วันสุดท้าย ตรงกับวันที่เมิ่งเชี่ยนโยวรับปากจะจูงมือเมิ่งอี้เซวียนไปส่งเข้าเรียนพอดี

 

 

กินอาหารเช้าเสร็จ เมิ่งอี้เซวียนสะพายกระเป๋านักเรียนรออยู่ในลานบ้าน เมิ่งเชี่ยนโยวออกมาจากตัวบ้าน เหมือนกับครั้งก่อน จูงมือเขาเดินออกไปนอกลาน ก้าวเท้าขึ้นรถม้า

 

 

ซุนเหลียงไฉเบ้ปาก ก้าวขึ้นรถม้าอย่างไม่เต็มใจ

 

 

เหวินเปียวและเหวินหู่นั่งบนคานรถม้าด้านหน้าคนละด้าน บังคับรถม้ามาถึงประตูโรงเรียนอย่างชำนาญและเร็วไว

 

 

อาจารย์เวรไม่ได้เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวหลายวันแล้ว วันนี้ได้เจอนางจึงกระตือรือร้นเป็นพิเศษ “แม่นางเมิ่ง ปีนี้เมิ่งอี้เซวียนเป็นนักเรียนคนเดียวของโรงเรียนพวกเราที่ได้เข้าสอบถงเซิงระดับจังหวัด ได้ยินอาจารย์ผู้สอนเขากล่าวว่า ครั้งนี้เขามีความเป็นไปได้สูงมาก ข้าขอแสดงความยินดีกับพวกท่านไว้ตรงนี้ก่อน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวได้ฟังก็ให้ยินดี พูดให้สัญญา “หากอี้เซวียนสอบผ่านระดับจังหวัดได้จริงๆ ข้าจักมีของขวัญมอบให้แก่อาจารย์ทุกท่าน”

 

 

อาจารย์เวรยิ่งดีใจ บอกนางอย่างละเอียดว่าจะต้องเตรียมอะไรยามเมื่อเข้าไปสอบระดับจังหวัด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตั้งใจฟังจนจบ กล่าวขอบคุณด้วยใจจริง “ขอบคุณท่านอาจารย์”

 

 

อาจารย์โบกมือ “ไม่ต้อง เหล่านี้อาจารย์ผู้สอนของพวกเขาน่าจะบอกพวกเขาหมดแล้ว ข้าเพียงพูดเพิ่มในสิ่งไม่จำเป็น เพราะอยากให้เมิ่งอี้เซวียนสอบผ่านจริงๆ เพื่อสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนของพวกเราเพิ่มมากขึ้น”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณด้วยใจจริงอีกครั้ง

 

 

หลังยืนมองทั้งสองเข้าไปในโรงเรียนแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วบอกพิกัดเหวินเปียว สั่งเขาให้ไปหอน้ำชา

 

 

ครั้งก่อนซุนวั่งนำคนมาทำร้ายเมิ่งเชี่ยนโยว ซุนซ่านเหรินเดือดดาลสั่งกักบริเวณเขา ทั้งออกคำสั่งต่อไปห้ามเขาข้องเกี่ยวกิจการของหอน้ำชาอีก ไม่มีซุนวั่งคอยเชื้อเชิญเพื่อนเกกมะเหรกมากินดื่มแถมหยิบฉวยกลับบ้าน บวกกับหลงจู๊รู้จักดำเนินกิจการ การค้าของหอน้ำชาไม่นานก็ฟื้นคืนชีพกลับมา แต่ละวันมีคนเข้ามาดื่มน้ำชาไม่ขาดสาย

 

 

เหวินเปียวบังคับรถม้ามาจอดหน้าประตูหอน้ำชา เสี่ยวเอ้อหน้าประตูนึกว่าพวกเขาจะมาดื่มน้ำชา วิ่งเข้ามาอย่างเอาใจใส่ ถามอย่างกระตือรือร้น “ทุกท่านมาถึงแล้ว ต้องการห้องน้ำชาธรรมดาหรือห้องน้ำชาหรูหรา?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวลงมาจากรถม้า พูดว่า “พวกเราไม่ได้มาดื่มน้ำชา แต่มาหาหลงจู๊ของพวกเจ้า รบกวนเจ้าไปรายงานเขา ให้เขาออกมาหน่อย ข้ามีเรื่องจะฝากเขาไปบอกนายท่านของพวกเจ้า”

 

 

เสี่ยวเอ้อจำเมิ่งเชี่ยนโยวได้ รีบร้อนพูด “แม่นางเมิ่ง หลงจู๊ของพวกเราสั่งเอาไว้ ขอเพียงท่านมาถึง ให้เชิญท่านเข้าไปดื่มชาในห้องน้ำชาก่อน ค่อยไปรายงานเขา”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ไม่ต้องแล้ว ข้ายังมีธุระที่บ้าน พูดกับเขาไม่กี่คำก็จะไป”

 

 

ครั้งก่อนเสี่ยวเอ้อถูกลงโทษไม่น้อย ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่กล้าให้เกิดความผิดพลาดขึ้นอีก พูดวิงวอน “แม่นางเมิ่ง หลงจู๊บอกพวกเราแล้ว หากท่านมาแล้วกลับไม่เชิญท่านไปห้องน้ำชา ก็ไม่ต้องทำงานที่นี่ต่อ ให้ม้วนเสื่อกลับบ้านไปได้เลย”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวได้ฟังก็คาดเดาว่าคงเพราะเรื่องครั้งก่อนทำให้เสี่ยวเอ้อถูกคาดโทษ จึงพยักหน้ารับคำ “ได้ ข้าจะตามเจ้าเข้าไป” แล้วหันหลังไปสั่งเหวินเปียวและเหวินหู่ “พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ ประเดี๋ยวข้าก็ออกมา”

 

 

ทั้งสองรับคำอย่างอ่อนน้อม

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตามเสี่ยวเอ้อเข้ามาในห้องน้ำชาหรูห้องหนึ่ง เสี่ยวเอ้อชงชาให้นางเสร็จถึงรีบวิ่งออกไปรายงานหลงจู๊

 

 

หลงจู๊ได้ยินเร่งรีบมายังห้องน้ำชา ถามอย่างอ่อนน้อม “แม่นางเมิ่งมาวันนี้มีเรื่องอันใดจะฝากข้าแจ้งแก่นายท่าน?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบยิ้มๆ “พรุ่งนี้ข้าต้องตามน้องชายเข้าเมืองไปสอบถงเซิงระดับจังหวัด ไปกลับประมาณสามสี่วัน ข้าคิดว่านายน้อยซุนไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว ใช้ช่วงเวลานี้ให้เขาได้ลาพัก กลับไปอยู่กับคนในครอบครัว”

 

 

แม้ซุนซ่านเหรินจะยอมตัดใจให้เมิ่งเชี่ยนโยวช่วยอบรมซุนเหลียงไฉ แต่อย่างไรก็เป็นหลานเพียงคนเดียวที่ทะนุถนอมมาแต่อ้อนแต่ออก ในใจยังคงอาลัยไม่คลาย มีหลายครั้งที่ทนไม่ไหวคิดจะไปลอบดูหน้าโรงเรียน แต่ก็กลัวเมิ่งเชี่ยนโยวจะพบเข้า เกิดบันดาลโทสะหอบซุนเหลียงไฉกลับมาคืน จำต้องฝืนข่มกลั้นความคิดถึง แอบมานั่งที่หอน้ำชาเงียบๆ ครึ่งค่อนวัน

 

 

หลงจู๊ติดตามเขามานานหลายปี รับรู้ความรู้สึกนึกคิดของเขา แต่ก็พูดคำปลอบใจไม่ออก ทำได้เพียงนั่งข้างๆ เขาอย่างเงียบงัน

 

 

ตอนนี้ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวบอกว่าให้รับซุนเหลียงไฉกลับไปอยู่บ้านได้สองสามวัน หลงจู๊ที่อายุค่อนข้างมากแล้วยังดีใจจนเกือบจะกระโดด สะกดกลั้นความปิติยินดีในใจไม่อยู่ เปล่งเสียงร้องตะโกนไปด้านนอก “ใครก็ได้เข้ามาหน่อย!”

 

 

เสี่ยวเอ้อขานรับเดินเข้ามา ร้องพูดอย่างนบนอบ “ท่านหลงจู๊”

 

 

หลงจู๊สั่งเขา “เร็วๆ เจ้ารีบไปแจ้งข่าวนายท่าน บอกว่าแม่นางเมิ่งมารออยู่หอน้ำชา มีข่าวดีจะบอกเขา”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรีบห้ามปราบเขา “หลงจู๊ ข้ายังมีธุระที่บ้าน ไม่รอนายท่านของพวกท่านแล้ว ยามเลิกเรียนช่วงบ่ายท่านให้เขาตรงไปรับนายน้อยของพวกเขาก็พอ”

 

 

หลงจู๊ตบหน้าผากตัวเอง พูดอย่างรู้สึกผิด “ขออภัยแม่นางเมิ่งด้วย พอข้าได้ยินว่าไปรับนายน้อยซุนกลับบ้านได้ ก็ดีใจลืมตัว ลืมถามว่าท่านยังมีธุระอื่นหรือไม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบ “ก็มิใช่เรื่องใหญ่อันใด แค่ให้คนในหมู่บ้านเขียนจดหมายแนะนำให้สองสามฉบับ ช่วงเวลานี้ข้ายุ่งมาก ไม่ได้สนใจจัดการ ไม่เช่นนั้นข้าจะรอซุนซ่านเหรินเข้ามา นั่งพูดคุยกับเขาให้สบาย ขอคำชี้แนะเรื่องการค้าขาย”

 

 

หลงจู๊ก็ยิ้มตอบกลับ “แม่นางถ่อมตนเกินไปแล้ว ข้าได้ยินนายท่านบอกว่า การค้าของท่านถึงจะเรียกว่าเก่งกาจอย่างแท้จริง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือยิ้มๆ

 

 

ทั้งสองโอภาปราศรัยอีกเล็กน้อย เมิ่งเชี่ยนโยวก็ออกมาจากหอน้ำชา กลับไปนั่งบนรถม้า สั่งการเหวินเปียวให้เดินทางกลับ

 

 

หลงจู๊ยืนหน้าประตูมองรถม้าของพวกเขาจากไปไกลแล้ว ถึงให้เสี่ยวเอ้อไปเตรียมรถม้าหลังเรือน เขาจะไปแจ้งข่าวดีนี้แก่นายท่านด้วยตัวเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด