ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 170-1 รนหาที่ตาย

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 170-1 รนหาที่ตาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสี่ยวเอ้อกระวีกระวาดวิ่งไปที่โรงเตี๊ยมซิงหลง 

 

 

หลงจู๊ของโรงเตี๊ยมซิงหลงได้ยินเสียงตีฆ้อง พูดอย่างตื่นเต้น “เร็วๆๆ แม่นาง ท่านรีบนั่งให้ดี เสี่ยวเอ้อ เจ้ามานี่ มายืนหน้าประตูกับข้า รอต้อนรับเจ้าหน้าที่ทางการ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะมองหลงจู๊ที่ดีใจยิ่งกว่าตัวเอง ทำตามที่เขาบอก นั่งลงบนเก้าอี้กับเมิ่งอี้เซวียน เหวินเปียวและเหวินหู่ยืนข้างหลังพวกเขา เสี่ยวเอ้อก็จัดแจงเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย ยืนหน้าประตูพร้อมหลงจู๊ 

 

 

คนที่เตรียมมาร่วมอวยพรแย่งเงินอีแปะต่างมายืนออหน้าประตูโรงเตี๊ยมจิ้นป่างแล้ว พอเห็นเจ้าหน้าที่ตีฆ้องเดินไปโรงเตี๊ยมซิงหลง ชะงักงันเล็กน้อย แล้วรีบวิ่งตามไป 

 

 

เจ้าหน้าที่สองนายตีฆ้องมาหยุดหน้าประตูถึงโรงเตี๊ยมซิงหลง ร้องตะโกน “ขอแสดงความยินดีกับเมิ่งอี้เซวียนจากอำเภอชิงเหอที่สอบระดับจังหวัดได้ที่หนึ่ง” พูดจบก็ตีฆ้องอีกสองสามครั้ง แล้วตะโกนต่อเนื่องไปอีกสามครั้ง หลงจู๊ถึงสาวเท้าเร็วรี่เดินไปตรงหน้าเจ้าหน้าที่ทั้งสองนาย ยกยิ้มพูด “เชิญเจ้าหน้าที่ทั้งสองด้านใน แม่นางเมิ่งรออยู่ข้างในแล้วขอรับ” 

 

 

เจ้าหน้าที่ทั้งสองนายล้วนเป็นคนเก่าคนแก่ ไฉนเลยจะไม่เข้าใจนัยแฝงของเขา เดินตามหลงจู๊พ้นประตูเข้าไป 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มหวานนั่งอยู่บนเก้าอี้ หลงจู๊แนะนำ “นี่ก็คือแม่นางเมิ่งและน้องชายของนางเมิ่งอี้เซวียน” 

 

 

เจ้าหน้าที่สองนายรับทราบแล้วว่าเมิ่งอี้เซวียนเป็นนักเรียนที่อายุน้อยที่สุดในการสอบครั้งนี้ แต่ไม่คิดว่าคนที่ติดตามเขามาสอบด้วยจะเป็นเพียงแม่นางน้อย ตะลึงงันไปชั่วขณะ ทว่าทั้งสองพานพบอะไรมามากแล้ว สนองกลับคืนได้ไว พูดอย่างพร้อมเพรียงอีกครั้ง “ขอแสดงความยินดีกับเมิ่งอี้เซวียนที่สอบระดับจังหวัดได้ที่หนึ่ง” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวที่พอกลับมาก็เอาแต่ดีใจ ลืมเรื่องซองแดงไปเสียสนิท กระทั่งเจ้าหน้าที่สองนายกล่าวคำอวยพรถึงนึกขึ้นได้ จึงล้วงเงินสิบตำลึงออกมาวางบนโต๊ะดื้อๆ “ขอบพระคุณพี่ชายเจ้าหน้าที่ทั้งสองท่านที่มาแสดงความยินดี เงินสิบตำลึงนี้พวกท่านนำไปซื้อเหล้าดื่มเถอะ” 

 

 

ทั้งสองไม่เคยเห็นผู้ปกครองคนไหนให้เงินอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ พลันตะลึงค้างจังงัง ลืมกระทั่งหยิบเงินที่วางอยู่บนโต๊ะ 

 

 

หลงจู๊กระวีกระวาดเข้าไป หยิบเงินสิบตำลึงวางใส่มือเจ้าหน้าที่นายหนึ่ง แย้มยิ้มพูด “แม่นางเมิ่งอายุยังน้อย ไม่รู้จักขนบธรรมเนียมพวกนี้ ขอทั้งสองท่านอย่าได้ถือสา” 

 

 

ในอดีตเจ้าหน้าที่แจ้งข่าวจะได้เงินอย่างมากเพียงคนละสองตำลึง ในตอนนี้เมิ่งเชี่ยนโยวกลับให้พรวดเดียวสิบตำลึง ต่างสูดลมหายใจเข้าปากพร้อมกัน แล้วรอคอยให้เจ้าหน้าที่จากไปอย่างตื่นเต้น ตัวเองจะได้เข้าไปแสดงความยินดีรับเงินมงคล 

 

 

เจ้าหน้าที่สองนายรับเงินแล้วเดินจากไปอย่างมีความสุข 

 

 

หลงจู๊ปาดเหงื่อที่หน้าผาก ตำหนิเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางเมิ่ง ท่านก็จริงๆ เลย บอกให้เตรียมซองแดงใส่เงินสองตำลึงไว้แล้วไม่ใช่หรือ? ครานี้ดีแล้ว ให้ทีสิบตำลึง คาดว่าคนที่มาแสดงความยินดีจะต้องคลาคล่ำไปถึงกลางดึก” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวดีใจลืมตัว ไม่ทันได้คิดก็ล้วงเงินออกไปสิบตำลึง ตอนนี้ได้ยินหลงจู๊พูดเช่นนี้ ก็พูดอย่างรู้สึกผิด “ขออภัยหลงจู๊ด้วย ข้ามัวแต่ดีใจ ไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้ คงไม่สร้างความยุ่งยากให้ท่านหรอกนะ” 

 

 

หลงจู๊โบกมือ “ข้าไม่ยุ่งยากหรอก ข้าเพียงเป็นห่วงพวกท่านที่ต้องรับมือกับคนมาแสดงความยินดีมากมายจะเหนื่อยเกินไป” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “หลงจู๊ไม่ต้องเป็นห่วง ข้ามีวิธีรับมือกับพวกเขา” 

 

 

สิ้นเสียง นอกประตูมีเสียงแสดงความยินดีดังแว่วมาอีก 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวคิดจะหยิบเงินออกมา หลงจู๊ลนลานเข้าไปห้ามนาง “ข้าช่วยให้แทนแม่นางดีกว่า” พูดจบเดินไปยก**บเงินออกมาจากโต๊ะเก็บเงิน นำซองแดงที่ใส่เงินไว้แล้วออกมา เดินไปด้านนอก มอบให้คนที่แสดงความยินดีทีละคน 

 

 

คนที่มาแสดงความยินดีลูบคลำด้านในมีเงินอีแปะไม่น้อย ก็จากไปอย่างชื่นบาน 

 

 

มาเช่นนี้อีกหลายชุด ต่อมาก็เป็นคนที่แต่งกายเสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่ง หลงจู๊ค่อยโล่งใจ กำเงินไม่กี่อีแปะคิดจะมอบให้คนด้านนอก เมิ่งเชี่ยนโยวรั้งเขาไว้ หันไปพูดกับเมิ่งอี้เซวียน “เจ้าไปเถอะ อยากให้เท่าไหร่ก็ให้” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า ลุกขึ้นยืน หยิบเงินอีแปะจำนวนหนึ่งออกไป เหวินเปียวและเหวินหู่เดินตามหลัง 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนเดินมาถึงด้านนอก เห็นคนหกเจ็ดคนยืนอยู่ด้านนอก คาดว่าจะเป็นครอบครัวเดียวกัน มีทั้งชายหญิงเด็กคนแก่ พอเห็นเขาออกมา ต่างก็มองเงินอีแปะในมือเขาด้วยสายตาละห้อย 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนหยุดชะงักเล็กน้อย ถึงเดินไปตรงหน้าพวกเขา มอบให้ไปคนละสองอีแปะ 

 

 

คงเพราะครอบครัวนี้ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เงินอีแปะมากเท่านี้ กล่าวขอบคุณด้วยความดีใจไม่หยุด 

 

 

ด้านหลังมีคนทยอยเดินเข้ามา เมิ่งอี้เซวียนคอยยืนอยู่หน้าประตูไม่ได้เดินเข้าไป แต่ละคนล้วนได้รับคนละสองอีแปะ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวคิดว่าทำแบบนี้ไม่ค่อยดี ร้องเรียกเมิ่งอี้เซวียน “อี้เซวียน เจ้าเข้ามาหน่อย” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยม 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างปวดใจ “เหนื่อยแล้วสิ เจ้าพักก่อน ข้าจะคิดหาวิธีให้เอง” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า นั่งลงบนเก้าอี้ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับหลงจู๊ “ข้าคิดวิธีหนึ่งได้แล้ว ท่านดูว่าพอจะทำได้หรือไม่” 

 

 

ยืนมาตลอดทั้งเช้า หลงจู๊ก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว ได้ฟังก็พูดขึ้น “แม่นางพูดมาเถิด” 

 

 

“ท่านติดประกาศไว้หน้าประตูโรงเตี๊ยม ให้คนที่มาอวยพรบอกต่อๆ กันไป บอกว่าทุกๆ ต้นชั่วยามพวกเราจะแจกเงินสองร้อยอีแปะ แจกไปจนถึงยามซวี[1] ช่วงระหว่างนี้ก็ไม่ต้องเข้ามาแล้ว แบบนี้ทั้งได้ป่าวประกาศชื่อเสียงโรงเตี๊ยมของพวกท่าน พวกเราก็จะได้พักผ่อนด้วย” 

 

 

หลงจู๊ฟังจบก็พูดชื่นชม “ความคิดนี้ของแม่นางดีมากจริงๆ ข้าจะไปเขียนเดี๋ยวนี้” พูดจบ ก็วิ่งสำราญใจไปข้างโต๊ะเก็บเงิน เขียนประกาศอย่างรวดเร็ว ให้เสี่ยวเอ้อนำไปติดไว้ด้านนอก ทั้งกำชับเสี่ยวเอ้อให้ยืนหน้าแผ่นประกาศ แล้วอ่านเสียงดังให้ผู้คนที่มุ่งหน้ามาแสดงความยินดีฟังหลายรอบ 

 

 

เสี่ยวเอ้อนำประกาศไปติดไว้ด้านนอกโรงเตี๊ยม ร้องเรียกผู้คนที่มุ่งหน้ามาแสดงความยินดีให้มายืนหน้าประกาศ บอกเนื้อหาในนั้นกับพวกเขา ให้พวกเขากลับไปแล้วนำไปบอกต่อๆ กัน 

 

 

คนที่ได้เงินมงคลวิ่งหน้าบานกลับไปบอกต่อคนอื่นๆ คนที่ไม่ได้เงินกลับยืนรอเวลาหน้าโรงเตี๊ยมจะได้กล่าวคำอวยพรแล้วรับเงินมงคล 

 

 

หลงจู๊เห็นว่าวิธีนี้ใช้ได้ผลจริงๆ ก็กล่าวชมเชยอย่างยินดี “แม่นางเมิ่งหลักแหลมนัก แม้แต่วิธีที่ดีเช่นนี้ก็คิดออกมาได้” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มโบกมือ “ท่านหลงจู๊อย่าได้ชมข้าเลย ข้าไม่สร้างเรื่องยุ่งยากให้พวกท่านก็พอแล้ว” 

 

 

หลงจู๊ตอบกลับอย่างเบิกบาน “ที่ไหนกัน ท่านดูด้านนอกมีคนมายืนออกันมากมาย แม้แต่โรงเตี๊ยมจิ้นป่างยังไม่คึกคักเท่ากับที่นี่ ครานี้โรงเตี๊ยมของข้าจะมีชื่อเสียงแล้ว ไม่แน่ว่าปีหน้าในช่วงเวลานี้บรรดานักเรียนจะแห่กันมาพักที่โรงเตี๊ยมของข้า” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ยิ้มพูด “จักต้องเป็นเช่นนั้น” 

 

 

พอได้ยินว่ามากล่าวอวยพรทุกต้นชั่วยามก็จะได้รับเงินมงคล คนมากมายต่างมุ่งหน้ามารอหน้าประตูโรงเตี๊ยมกันด้วยความยินดี เป็นการประชาสัมพันธ์ให้โรงเตี๊ยมอย่างไร้ตัวตนโดยแท้ ลูกค้าที่ต้องการหาที่พักต่างตรงมาพักที่นี่ 

 

 

โรงเตี๊ยมไม่เคยโด่งดังเท่านี้มาก่อน หลงจู๊ดีใจจนปากหุบไม่ลง เอาแต่พูดว่าเป็นโชคลาภที่พวกเมิ่งเชี่ยนโยวนำพามา 

 

 

ไม่ถึงตอนค่ำ โรงเตี๊ยมก็มีคนเข้าพักเต็ม หลงจู๊ยิ่งสุขใจเป็นทวีคูณ ยกเว้นค่าอาหารให้พวกเขา 

 

 

กระทั่งถึงยามซวี คนที่มารอกล่าวคำอวยพรด้านนอกโรงเตี๊ยมถึงแยกย้ายไปกันหมด ใน**บเหลือเงินอีแปะไม่กี่มากน้อย 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวให้เหวินเปียวนำ**บเงินไปวางไว้บนโต๊ะเก็บเงิน พูดสัพยอกเขา “หลงจู๊ ทั้งหมดนี้ถือเป็นเงินค่าอาหารของพวกเรา” 

 

 

หลงจู๊ปฏิเสธทันควัน “เงินค่าอาหารของพวกท่านไม่ต้องแล้ว เงินอีแปะพวกนี้ท่านเอากลับไปเถอะ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “เงินอีแปะนี้เยอะเกินไป พวกเรานำติดตัวไปด้วยไม่สะดวก หากท่านไม่ยินยอมรับเป็นเงินค่าอาหาร ก็ถือเป็นเงินมงคลกล่าวคำอวยพรก็แล้วกัน ข้าเพิ่งนึกได้ ท่านเป็นคนแรกที่กล่าวคำอวยพร พวกเรายังไม่ได้ให้เงินมงคลเลย” 

 

 

หลงจู๊ลนลานโบกมือ “แม่นางพูดล้อเล่นแล้ว พวกเราจะรับเงินมงคลได้อย่างไร?” 

 

 

“ใครที่กล่าวคำอวยพรก็จะได้รับเงินมงคล จะตกหล่นพวกท่านได้อย่างไร ท่านอย่าได้ปฏิเสธอีกเลย” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ 

 

 

หลงจู๊รู้สึกซาบซึ้งใจ “แม่นางเมิ่ง แม้ท่านจะอายุน้อย กลับเป็นคนที่มีเมตตาธรรมที่สุดที่ข้าเคยคบหามา อนาคตของท่านจะต้องไม่อาจคาดเดาได้” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ขอบคุณ ขอให้สมพรปากหลงจู๊” 

 

 

รับมือคนมากล่าวคำอวยพรตลอดทั้งวัน เมิ่งเชี่ยนโยวและพวกเหนื่อยล้าอ่อนแรง กลับเข้ามาล้างหน้าล้างตาในห้องเสร็จ ก็ล้มตัวนอนพักผ่อน 

 

 

 

 

 

 

 

 

[1] ยามซวี คือเวลา 19.00-21.00 น. 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด