ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 173-2 ซุนเชี่ยนสารภาพรัก เมิ่งเสียนผวาตกใจ

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 173-2 ซุนเชี่ยนสารภาพรัก เมิ่งเสียนผวาตกใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซุนซ่านเหรินคอยอยู่ดูแลจางฟู่กุ้ยพักที่โรงเตี๊ยมเยว่ไหลในตำบลหนึ่งคืน เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากส่งพวกเขากลับไป ถึงกลับเข้ามาในบ้านตัวเอง

 

 

วันนี้ซุนเชี่ยนไม่ได้ออกไปดูแลการค้า เอาแต่รออยู่ในบ้าน ได้ยินว่าซุนซ่านเหรินกลับมาแล้ว ก็รีบเดินมายังเรือนของเขา พูดกับซุนซ่านเหรินตามตรง “ท่านปู่ ข้ามาหาท่านเพราะมีเรื่องจะพูดด้วย”

 

 

ซุนซ่านเหรินคลับคล้ายจะเดาออกว่าเป็นเรื่องอะไร โบกมือให้บ่าวรับใช้ออกไป ถามนางอย่างอ่อนโยน “เจ้าพึงใจเมิ่งเสียนหรือ?”

 

 

ซุนเชี่ยนชะงักงัน แล้วพยักหน้า “หลานรู้สึกว่าเขาเปิดเผยจริงใจ เป็นตัวเลือกที่ดีของการเป็นสามี”

 

 

ซุนซ่านเหรินพยักหน้าสนับสนุน “ปู่เคยเห็นเด็กคนนี้หลายครั้ง เป็นคนไม่เลวจริงๆ”

 

 

ซุนเชี่ยนยินดี “แปลว่าท่านปู่เห็นด้วยแล้ว?”

 

 

ซุนซ่านเหรินยิ้มพูด “เด็กโง่ ปู่เห็นด้วยจะมีประโยชน์อะไร ที่สำคัญคือคนฝ่ายนั้นต้องเห็นด้วย เข้ามาพูดทาบทามสู่ขอ”

 

 

ความยินดีบนใบหน้าซุนเชี่ยนมลายหาย “คนผู้นั้นสมองทื่อ ข้าส่งสัญญาณให้หลายครั้งแล้วก็ยังไม่ได้ผล”

 

 

ซุนซ่านเหรินพูดแนะนำนาง “ปู่ว่าแม่นางเมิ่งก็มีเจตนาจะส่งเสริมพวกเจ้า เอาไว้ตอนเย็นเจ้าไปรอนางที่ประตูโรงเรียน ขอแผนการดีๆ จากนาง”

 

 

ซุนเชี่ยนเริ่มรู้สึกไม่ดี “เช่นนี้จะไม่เหมาะสมหรือไม่? แม่นางเมิ่งยังเป็นเด็กสาว จะมีแผนการที่ดีให้ข้าได้อย่างไร?”

 

 

“แม้แม่นางเมิ่งจะเป็นเพียงเด็กสาว แต่กลับมีความคิดที่พิศดารแปลกใหม่ อีกอย่างเมิ่งเสียนก็เป็นพี่ชายนาง นางย่อมรู้ดีกว่าใคร เจ้าถามนาง ไม่มีทางพลาดแน่นอน”

 

 

ซุนเชี่ยนยังคงลังเล “หากนางหัวเราะขบขันหลานจะทำอย่างไร?”

 

 

ซุนซ่านเหรินเก็บคืนอาการ พูดอย่างตั้งใจ “เชี่ยนเอ๋อร์ ปู่เคยสอนเจ้าว่า ไม่ว่าเรื่องใดเมื่อควรลงมือก็ควรลงมือ อีกทั้งนี่ยังเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตเจ้า หากเจ้าตัดสินใจแล้วว่าจะต้องเป็นเขาเท่านั้น เจ้าก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เขามา คำหัวเราะขบขันกับการได้แต่งงานกับเขา เจ้าคิดดูเถิดว่าจะเลือกอย่างไหน?”

 

 

ซุนเชี่ยนไม่ลังเลอีก “ได้ เย็นนี้ข้าจะไปขอคำแนะนำจากนาง หากนางอยากหัวเราะเยาะข้าก็ให้นางหัวเราะเยาะไปเถอะ”

 

 

ซุนเชี่ยนฟื้นคืนสีหน้าเบิกบาน “ถูกต้องแล้ว ทางที่ดีที่สุดคือให้บ้านแม่นางเมิ่งมาทาบทามสู่ขอเลยจะยิ่งดี”

 

 

ซุนเชี่ยนหน้าแดง กระทืบเท้า “ท่านปู่ ไฉนเลยจะเร็วได้เช่นนั้น?”

 

 

เป็นครั้งแรกที่ซุนซ่านเหรินเห็นอาการเขินอายของหลานสาว หัวเราะครื้นเครง

 

 

ยามเย็น ซุนเชี่ยนให้คนรถบังคับรถม้ามารอหน้าโรงเรียนแต่เนิ่นๆ

 

 

ตอนที่เมิ่งเชี่ยนโยวมาถึงเห็นรถม้ายังนึกว่าเข้ามารับซุนเหลียงไฉ ก็ให้มุ่นหัวคิ้ว

 

 

คนรถบอกซุนเชี่ยนเสียงเบาว่าเมิ่งเชี่ยนโยวมาถึงแล้ว

 

 

ซุนเชี่ยนลงจากรถม้า เดินมาข้างรถนาง คลี่ยิ้มกล่าวทักทายเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ยิ้มถามนาง “ไม่ทราบว่าแม่นางซุนมีเรื่องอันใด?”

 

 

ซุนเชี่ยนพูดอย่างเปิดอก “วันนี้ข้ามาหาเจ้า เพราะมีเรื่องอยากขอคำแนะนำจากเจ้า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวใจกระตุก ลุกลนพูด “แม่นางซุนขึ้นมาพูดบนม้าเถอะ”

 

 

ซุนเชี่ยนพยักหน้า ขึ้นไปนั่งบนรถม้าแล้วปิดม่านรถลง

 

 

แม้ปกติซุนเชี่ยนจะเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมา แต่อย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องชีวิตคู่ครอง ให้ตัวเองพูดก็ยังรู้สึกเขินอาย ดังนั้นหลังจากขึ้นมาบนรถม้า พิจารณาถ้อยคำด้วยใบหน้าแดงเรื่อครู่หนึ่ง ถึงพูดออกไปตามตรง “ข้าพึงใจพี่ใหญ่ของเจ้า แต่คล้ายว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไรด้วย ข้าอยากถามเจ้า พอจะมีวิธีอะไรทำให้เขามาสู่ขอข้าได้?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่คิดว่านางจะตรงไปตรงมาเช่นนี้ ให้ตกใจนิ่งอึ้ง ทว่าก็ชอบในนิสัยเปิดเผยจริงใจเช่นนี้ของนาง จึงยิ้มแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่ข้าเป็นพวกทึ่มทื่อ เจ้าจะให้เขาเสนอตัวมาทาบทามสู่ขอ เหมือนจะยากไปเสียหน่อย”

 

 

สีหน้ารอคอยของซุนเชี่ยนตกวูบ เริ่มพูดอย่างสิ้นหวัง “เช่นนั้นจะทำอย่างไร?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแย้มยิ้มพูด “ข้าจะสอนวิธีหนึ่งให้เจ้า ดึงดูดความสนใจจากพี่ใหญ่ข้า เรื่องต่อจากนี้ไปก็จะพูดง่ายขึ้นเอง”

 

 

ซุนเชี่ยนดวงตาเปล่งประกาย รีบร้อนถาม “วิธีอะไร?”

 

 

“เจ้าไปสารภาพรักกับพี่ใหญ่ข้า เช่นนี้เขาก็จะสนใจเจ้าแล้ว”

 

 

ซุนเชี่ยนลนลานโบกปัดมือ “ไม่ได้เด็ดขาด หากข้าทำเช่นนั้น ภายหน้าหากพวกเราแต่งงานกัน เขาจะดูแคลนข้าได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเตือนนาง “พี่ใหญ่ข้ามีปฏิสัมพันธ์กับผู้หญิงน้อย ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของหญิงสาว หากเจ้ารอให้เขาคิดได้เอง ไม่รู้ว่าต้องรอไปอีกนานแค่ไหน หากเจ้าสารภาพรักกับเขา ดึงดูดความสนใจจากเขา ให้เขาคอยคิดพะวงถึงเจ้าทุกเช้าค่ำ เรื่องสู่ขอหลังจากนั้นก็ง่ายดายแล้ว”

 

 

ซุนเชี่ยนยิ่งหน้าแดง ถามนางเสียงเบา “หากข้าทำเช่นนั้น ภายหน้าคนในครอบครัวพวกเจ้าก็จะดูแคลนข้าหรือไม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยกมือนางขึ้นยกยิ้มพูด “ไม่หรอก บิดามารดาข้าคอยแต่จะให้พี่ใหญ่ได้แต่งงานทุกวัน หากเจ้าทำเช่นนี้ พวกเขาดีใจยังไม่ทันเล่า จะดูแคลนเจ้าได้อย่างไร สำหรับข้า ข้าเป็นออกความคิด ย่อมต้องยืนอยู่ข้างเจ้า เจ้าเพียงใช้ความกล้าทำให้เต็มที่ ข้าขอรับประกัน ต่อให้พี่ใหญ่ข้ายังไม่รู้สึกตัว บิดามารดาข้ารู้เข้าจะต้องกุมตัวเขาไปสู่ขอเจ้าถึงบ้านเอง”

 

 

ซุนเชี่ยนได้ฟังเริ่มเป็นกังวล “หากเขาถูกบังคับ ต่อไปจะไม่ชอบข้าหรือไม่?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ไม่เคยมีหญิงสาวพูดสารภาพรักกับพี่ใหญ่ข้ามาก่อน หากเขารับปาก เจ้าจะเป็นหญิงสาวคนแรกที่เข้ามาอยู่ในใจเขา ต่อไปเขาจะต้องเห็นเจ้าเป็นดั่งสมบัติล้ำค่า”

 

 

ซุนเชี่ยนถามอย่างไม่เชื่อ “จริงหรือ?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าหนักแน่น “จริงแท้แน่นอน ข้าไม่หลอกเจ้าหรอก เจ้ามีนิสัยเปิดเผยจริงใจ ข้าเห็นเจ้าครั้งแรกก็ชอบแล้ว อยากได้เจ้ามาเป็นพี่สะใภ้ใจจะขาด”

 

 

ซุนเชี่ยนตัดสินใจเด็ดขาด “ได้ ข้าเชื่อเจ้า แต่ว่า สารภาพรักต้องพูดอะไรบ้าง?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนิ่งงัน แล้วหัวเราะก๊าก

 

 

ซุนเชี่ยนถูกหัวเราะจนทำอะไรไม่ถูก ถามอย่างแคลงใจ “ข้าพูดอะไรผิดไปหรือ?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือกลั้วหัวเราะ “ไม่ ไม่มี”

 

 

ซุนเชี่ยนยิ่งให้ฉงนงงงวย

 

 

หลังจากหัวเราะพอแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวถึงกวักมือเรียกนาง “เจ้าเอียงหูมานี่ ข้าจะพูดให้เจ้าฟัง”

 

 

ซุนเชี่ยนได้ยินก็ยื่นหน้าเข้าหา เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกระซิบกระซาบที่ข้างหูนาง

 

 

ซุนเชี่ยนฟังจบตาลุกวาว ถามตะกุกตะกัก “ตะ ต้องพูดเช่นนี้?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า พูดให้กำลังใจ “ข้ายอมขายพี่ใหญ่ข้าให้เจ้าแล้ว เจ้าต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ดี”

 

 

ซุนเชี่ยนพูดอย่างจริงใจ “ขอบใจ”

 

 

ประตูโรงเรียนเปิดแล้ว หลังจากกล่าวขอบใจเมิ่งเชี่ยนโยวอีกครั้ง ซุนเชี่ยนก็กลับไปขึ้นรถม้าตัวเอง สั่งคนรถเดินทางกลับบ้าน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ลงจากรถม้าลงมา เดินมารอหน้าประตูโรงเรียน

 

 

นับตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียนมา เมิ่งอี้เซวียนเป็นถงเซิงคนแรกที่สอบระดับจังหวัดได้ที่หนึ่ง ตั้งแต่ครูใหญ่ไปถึงอาจารย์ในโรงเรียนต่างปิติยินดีแทบคลั่ง วันนี้เห็นเขาเข้ามาเรียน อาจารย์ใหญ่กล่าวชื่นชมเขาอย่างสุดหัวใจต่อหน้านักเรียนทุกคน ทำเอานักเรียนที่เริ่มมีอายุมากมองมาด้วยสายตาสะท้อนแววริษยาชิงชัง

 

 

เมิ่งอี้เซวียนรับรู้ถึงสายตาของพวกเขา รู้สึกเซ็งๆ เบื่อหน่ายทั้งวัน แม้แต่ซุนเหลียงไฉที่เป็นคนเรื่อยเปื่อยไม่คิดอะไรยังรับรู้ได้ว่าเขาผิดปกติ ถามเขาว่าเป็นอะไร

 

 

เมิ่งอี้เซวียนส่ายหน้าอย่างอ่อนล้า บอกว่าไม่เป็นอะไร

 

 

ในที่สุดก็ทนมาได้ถึงเวลาเลิกเรียน เมิ่งอี้เซวียนรีบเก็บของใส่กระเป๋านักเรียนของตัวเองเดินออกมา ไม่แม้แต่จะรอซุนเหลียงไฉ กลับเป็นซุนเหลียงไฉที่เห็นเขาเดินจ้ำอ้าวออกไป จึงรีบเก็บของใส่กระเป๋านักเรียนตัวเอง วิ่งเร็วจี๋มาข้างเขา เดินออกมาพร้อมเขา

 

 

เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวยืนรออยู่หน้าประตูโรงเรียน เมิ่งอี้เซวียนดวงตาลุกวาว ความกลัดกลุ้มใจทั้งหมดมลายหายไปสิ้น รีบวิ่งไปตรงหน้านาง แหงนหน้าแย้มยิ้ม ถามนางอย่างดีใจ “เจ้ามาได้อย่างไร?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือออกไป รอจนซุนเหลียงไฉเดินออกมาถึงเดินกลับมาข้างรถม้าพร้อมกัน “ว่างก็เลยมา วันนี้ที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง?”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนสีหน้าหมองมัวลง อึดใจหนึ่งก็ยกยิ้มพูด “ครูใหญ่กับอาจารย์ชมเชยข้าด้วย”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของสีหน้าเขา นึกคลางแคลงใจ พอนั่งบนรถม้าดีแล้วจึงถาม “เป็นอะไร? มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือ?”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนส่ายหน้า “ไม่มี”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองไปที่ซุนเหลียงไฉ

 

 

ซุนเหลียงไฉก็ติดใจสงสัยมาตลอดว่าเขาเป็นอะไร เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวมองมาที่ตัวเอง จึงพูดว่า “เขาทำหน้าเบื่อหน่ายแบบนี้ตลอดทั้งวัน ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองเมิ่งอี้เซวียนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง ถามขึ้น “มีเรื่องในใจ?”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนยังคงส่ายหน้า

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมุ่นหัวคิ้ว กลับไม่ถามเขาอีก

 

 

ซุนเหลียงไฉรู้สึกว่าบรรยากาศในห้องโดยสารไม่ค่อยดี จึงไม่กล้าพูดเอะอะมะเทิ่งเหมือนปกติ นั่งนิ่งเงียบไปกับพวกเขาด้วยตลอดทาง พอมาถึงหน้าประตูบ้าน ไม่รอให้จอดสนิทก็รีบกระโดดลงจากรถม้า สูดลมหายใจยาวเต็มปอดหลายครั้ง บ่นอุบอิบเสียงเบา “อึดอัดจะตายแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่รีบลงจากรถ ถามขึ้น “แก้ไขเองได้หรือไม่?”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนแหงนหน้าคลี่ยิ้ม พยักหน้าหนักแน่น

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพินิจมองเขาอย่างละเอียดครู่หนึ่ง ถึงลงจากรถม้า เมิ่งอี้เซวียนเดินตามลงไป

 

 

วันนี้ที่บ้านเป็นไปอย่างที่เมิ่งเชี่ยนโยวบอก ผู้มียศถาบรรดาศักดิ์จำนวนหนึ่งถือของกำนัลเข้ามาแสดงความยินดี สองสามีภรรยาเมิ่งไม่เคยพูดคุยเจรจากับผู้มียศถาบรรดาศักดิ์มาก่อน พลันทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรรับมืออย่างไร โชคดีที่เมิ่งเชี่ยนโยวบอกเมิ่งเสียนเอาไว้ก่อน หากผู้มียศถาบรรดาศักดิ์เข้ามา ให้เมิ่งต้าจินและบุตรชายคนโตของหัวหน้าสกุลเมิ่งเข้ามา

 

 

พอเห็นทั้งสองคนเข้ามา สองสามีภรรยาเมิ่งก็ให้โล่งอก

 

 

พอได้ยินว่าเมิ่งต้าจินเป็นผู้ใหญ่บ้าน เหล่าผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ก็อ่อนน้อมลงมา หลังจากพูดคุยกันพักใหญ่ ก็ยิ่งเพิ่มความเลื่อมใสต่อสกุลเมิ่ง เกิดความคิดอยากจะประสบสอพลอด้วย

 

 

ตอนที่พวกเมิ่งเชี่ยนโยวกลับมา เป็นเวลาเย็นย่ำ เหล่าผู้มียศถาบรรดาศักดิ์กลับกันไปหมดแล้ว พวกเมิ่งต้าจินก็กลับไปแล้ว

 

 

เมิ่งชื่อกำลังเตรียมอาหารค่ำอยู่ในครัว เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวกลับมา เล่าเรื่องผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ที่มาบ้านตัวเองวันนี้ให้นางฟัง สุดท้ายพูดว่า “พวกเขาล้วนเป็นบุคคลที่แม่เคยแต่ได้ยินคนอื่นเล่าให้ฟัง ไม่คิดว่าวันนี้จะมาบ้านพวกเรา ข้าและพ่อเจ้าถึงกับเซ่อไปเลย ไม่รู้ว่าควรต้อนรับพวกเขาอย่างไร โชคดีที่ลุงใหญ่เจ้าเข้ามา ไม่เช่นนั้นวันนี้ได้ขายหน้าเป็นกระบุงโกยแน่แท้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะร่วน

 

 

ตอนกินอาหารค่ำ เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับเมิ่งเสียนต่อหน้าทุกคน “พี่ใหญ่ พรุ่งนี้ท่านตามข้าไปหอน้ำชาของครอบครัวซุนซ่านเหรินหน่อยเถอะ ข้าอยากไปถามเรื่องการขายกระเป๋านักเรียนของพวกเรา ว่าเขามีคำแนะนำอะไรดีๆ หรือไม่”

 

 

เมิ่งเสียนหาได้รู้สึกกังขา พยักหน้ารับคำ “ได้”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนเงยหน้ามองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างประหลาดใจแวบหนึ่ง เห็นรอยยิ้มเจือนัยแฝงที่มุมปากนาง แน่ใจว่าเรื่องจะต้องไม่ใช่อย่างที่นางพูด หันไปมองเมิ่งเสียนอย่างเห็นใจแวบหนึ่ง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวสังเกตเห็นสายตาเขาแล้ว ถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง

 

 

เมิ่งอี้เซวียนลนลานก้มหน้ากินข้าว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด