ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 174-2 ตี้ซือ

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 174-2 ตี้ซือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ช่วงเช้าวันนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวปรุงยาอยู่ในห้องเหมือนปกติ เมิ่งเสียนที่เพิ่งจะไปแปลงปลูกมันฝรั่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ร้องดังลั่น “น้องสาว เจ้ารีบไปดูเถิด มันฝรั่งงอกใบออกมาแล้ว” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวดีใจลุกพรวด วางยาสมุนไพรในมือลง รีบร้อนเดินออกไปจากห้อง 

 

 

เมิ่งเสียนรบเร้านางอย่างดีใจ “เร็วๆ ใบงอกออกมาแล้ว” 

 

 

ทั้งสองวิ่งแล่นมาถึงแปลงดิน แวบเดียวเมิ่งเชี่ยนโยวก็เห็นคันดินสูงเป็นลูกๆ มีใบสีเขียวสดงอกออกมาหนึ่งชั้น เดินเข้าไปอย่างยินดี ตรวจดูอย่างละเอียด 

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นก็ตื่นเต้นดีใจจนกลั้นไม่อยู่ “เมื่อวานนี้คืนเดียวใบพวกนี้ก็งอกออกมาแล้ว ตอนที่พวกเรามาถึงก็ดีใจกันยกใหญ่” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า พูดหน้าบาน “มีใบงอกออกมาแล้ว แสดงว่ามันฝรั่งทั้งหมดกำลังเติบโต จากนี้ไปพวกเราต้องยิ่งประคบประหงมให้ดี” 

 

 

คนทั้งหมดพยักหน้า 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินวนรอบแปลงดินหนึ่งรอบ เห็นสีเขียวเต็มรอบคันดิน ให้ปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมาก 

 

 

ใบมันฝรั่งโตเร็วมาก ไม่กี่วันก็เลื้อยเต็มทั้งคันดิน ทอดมองไกลๆ สีเขียวชอุ่มไปทั้งผืน เห็นแล้วก็ให้มีความสุข 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวปรุงยาเสร็จแล้ว เตรียมไว้ว่าวันไหนไปส่งเมิ่งอี้เซวียนที่โรงเรียนจะเอาไปให้เหวินซื่อ 

 

 

ไม่คิดว่าวันนี้ตอนเช้า พนักงานร้านยาเต๋อเหรินจะบังคับรถม้าตรงมาบ้านเมิ่งเชี่ยนโยว พูดกับนางอย่างอ่อนน้อม “แม่นาง นายท่านของพวกเรามีเรื่องด่วน ให้ข้ามารับท่านเข้าไป” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมุ่นหัวคิ้ว ถามทันควัน “เกิดเรื่องกับนายท่านของพวกเจ้า?” 

 

 

พนักงานโบกมือเป็นพัลวัน “หาไม่ๆ” 

 

 

“เช่นนั้นเป็นเรื่องด่วนอะไร?” 

 

 

พนักงานรีบโบกปัดมือ “ข้าก็ไม่ทราบ นายท่านเพียงให้ข้าเข้ามารับท่าน ไม่ได้บอกข้าว่ามีเรื่องอะไร” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “รู้แล้ว เจ้ารอประเดี๋ยว ข้ากลับเข้าไปเอาของในบ้านพวกเราค่อยไป” 

 

 

พนักงานรับคำเสียงอ่อน ยืนรอด้านนอกอย่างสุภาพเรียบร้อย 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้ามาเอายาในบ้าน บอกเมิ่งชื่อว่านายท่านร้านยาเต๋อเหรินมีธุระอยากพบตัวเอง ส่งรถม้ามารับนาง นางจะออกไปสักหน่อย 

 

 

เมิ่งชื่อไม่เห็นด้วย จะให้เหวินเปียวไปส่งนางให้ได้ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่าเมิ่งชื่อเป็นห่วงตัวเอง พยักหน้ารับคำ 

 

 

เมิ่งชื่อออกไปเรียกเหวินเปียวและเหวินหู่ด้วยตัวเอง กำชับพวกเขาหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นต้องคุ้มครองเมิ่งเชี่ยนโยวให้ดี 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูท่าทีราวกับจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น คลี่ยิ้มพูดว่า “ท่านแม่ ข้าถามพนักงานแล้ว บอกว่ามิได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนายท่านของพวกเขา คงจะมีโรคประหลาดที่รักษาไม่ได้อยากให้ข้าเข้าไปช่วย ท่านไม่ต้องห่วงหรอก” 

 

 

เมิ่งชื่อขมวดคิ้วมุ่น “วันนี้แม่รู้สึกใจคอไม่ดีเลย เอาแต่รู้สึกว่าจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น ระหว่างทางไปพวกเจ้าระมัดระวังด้วย รีบไปรีบกลับ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูดปลอบประโลมนาง ทั้งรับประกันว่าจะรีบไปรีบกลับ ถึงขึ้นรถม้าไปท่ามกลางแววตาพะวักพะวงใจของเมิ่งชื่อ 

 

 

เหวินเปียวบังคับรถม้านำหน้าไปอย่างมั่นคง พนักงานร้านยาเต๋อเหรินตามหลังมาในระยะห่างตามสมควร 

 

 

 มาถึงร้านยาเต๋อเหริน เหวินเปียวและเหวินหู่ยังคงรออยู่ด้านนอก เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าไปในร้านยาเต๋อเหริน 

 

 

พนักงานได้รับคำสั่งจากเหวินซื่อแล้ว เห็นนางเข้ามา ตรงเข้าไปพูดอย่างอ่อนน้อม “แม่นาง นายท่านของพวกเราสั่งเอาไว้แล้ว พอท่านมาให้ตรงขึ้นไปหาเขาบนชั้นสอง” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า เดินขึ้นไปชั้นสอง 

 

 

เหวินซื่อกำลังนั่งไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์อยู่บนเก้าอี้ เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวขึ้นมา หยิบจดหมายบนโต๊ะขึ้นพูดอย่างลำพองใจ “ท่านพี่ฉู่ตอบจดหมายมาแล้ว” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขึงตาใส่เขา นั่งบนเก้าอี้ พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ตอบจดหมายมาแล้วเจ้าก็บอกสิ ต้องให้พนักงานไปบอกว่ามีเรื่องด่วนกับข้า ทำเอาข้าพะวักพะวงใจมาตลอดทาง” 

 

 

เหวินซื่อชักเท้าที่ไขว่ห้างกลับ พูดอย่างไม่พอใจ “ยายตัวแสบ ข้าไม่บอกว่ามีจดหมายตอบกลับมาเพราะหวังดีกับเจ้า หากให้คนอื่นรู้ว่าเจ้าติดต่อกับท่านพี่ฉู่ เจ้าเองที่จะลำบาก” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่าที่เขาพูดเป็นความสัตย์ จึงไม่คิดหยุมหยิมกับเขา พูดอย่างรำคาญ “ก็ได้ รีบอ่านมาว่าท่านแม่ทัพฉู่ว่าอย่างไร” 

 

 

เหวินซื่อกลับแสดงท่าทีเห่อเหิม ชูจดหมายในมือ ต่อรองเงื่อนไข “ข้าอ่านจดหมายให้เจ้าก็ได้ แต่เจ้าต้องรับปากข้าว่าต่อไปจะไม่ยั่วโมโหข้าอีก” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเอนตัวไปด้านหลัง นั่งบนเก้าอี้อย่างสบายใจ เอ่ยถามเสียงเนิบ “รู้ไหมว่าข้าเกลียดอะไรที่สุด?” 

 

 

เหวินซื่อย้อนถาม “เกลียดอะไร?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบถ้วยชาบนโต๊ะขึ้น แย้มยิ้มพูด “ข้าเกลียดที่สุดก็คือคนที่มาข่มขู่ข้า” พูดจบ ก็ขว้างถ้วยชาในมือใส่เหวินซื่อ 

 

 

เหวินซื่อเบี่ยงตัวหลบได้ กำลังจะพูด ถ้วยชาด้านหลังกลับบินลอยเข้ามา 

 

 

เหวินซื่อไม่ทันระวัง ถูกถ้วยชาปะทะเข้าอย่างจัง เจ็บร้องเสียงลั่น “ยายตัวแสบ เจ้ากล้าลงมือหนักกับข้าเรอะ?” 

 

 

หมอชราที่กำลังเขียนใบสั่งยาให้คนป่วยชั้นล่างรีบตวัดมือเขียนให้เสร็จ กำชับพนักงานไปจัดยา แล้วเร่งรุดขึ้นมาชั้นบน เห็นถ้วยชาแตกกระจายเต็มพื้นก็ตกใจตัวลอย 

 

 

เหวินซื่อยังร้องโวยวาย 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตวาดเขาอย่างสุดทน “หุบปาก!” 

 

 

เหวินซื่อหุบปากเงียบฉับพลัน 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปข้างโต๊ะ หยิบจดหมายขึ้น ฉีกออก วางใส่มือเขา พูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “อ่าน!” 

 

 

เหวินซื่อตัวสั่นเทิ้ม ถือจดหมายให้ดี อ่านออกมาแต่โดยดี กลับยิ่งอ่านเสียงยิ่งเบา สุดท้ายก็หยุดอ่าน กวาดตาอ่านเนื้อความในจดหมายจนจบ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมุ่นหัวคิ้ว 

 

 

เหวินซื่อมองนางอย่างตื่นตระหนก ถามขึ้น “เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านพี่ฉู่เขียนว่าอย่างไร?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูเขาที่หาเรื่องใส่ตัวอีก พูดอย่างแหนงหน่าย “ถ้าข้ารู้ว่าเขียนว่าอะไร จะให้เจ้าอ่านเรอะ?” 

 

 

เหวินซื่อไม่ใส่ใจท่าทีของนาง แต่มองไปโดยรอบ แน่ใจว่าไม่มีใครได้ยิน ถึงกดเสียงต่ำพูดอย่างแผ่วเบา “ท่านพี่ฉู่เชิญตี้ซือ[1]มาให้น้องชายเจ้า!” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถลึงตัวลุกขึ้นพลัน คว้าจดหมายในมือเขามา อ่านตั้งแต่ต้นจนจบอย่างละเอียดถี่ถ้วน ใจความในจดหมายคร่าวๆ คือ ด้วยเหตุผลหลายประการ ตี้ซือเกษียณตัวกลับบ้านเกิด จดหมายของเมิ่งเชี่ยนโยวมาถึงพอดี ฉู่เหวินเจี๋ยจึงไปขอร้องตี้ซือให้มาประสิทธิ์ประสาทความรู้ให้น้องชายนาง หลายปีก่อนตี้ซือติดค้างหนี้บุญคุณเขา จึงรับปากทันควัน แต่เสนอเงื่อนไขสองประการ หนึ่ง หากศิษย์ไม่คู่ควรให้สอนสั่ง เขาจะไม่ไว้หน้าเขา เดินทางกลับบ้านเกิดทันที สอง เขาจะสอนเพียงสามปี สามปีให้หลังจะกลับไปใช้บั้นปลายชีวิตที่บ้านเกิด ฉู่เหวินเจี๋ยบอกนางว่าตนเองตบปากรับคำต่อข้อเสนอของเขาแล้ว อีกสองวันตี้ซือจะเดินทางออกจากเมืองหลวง ทั้งครอบครัวรวมถึงสาวใช้และบ่าวรับใช้มีประมาณสิบกว่าคน ถึงตอนนั้นเขาจะส่งคนคอยคุ้มกันมาตลอดทาง หวังว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อม 

 

 

อ่านจดหมายจบ เมิ่งเชี่ยนโยวก็ตะลึงงัน หันไปมองเหวินซื่ออย่างเลื่อนลอย 

 

 

เหวินซื่อได้สติกลับมาแล้ว ลูบคางตัวเองครุ่นคิดแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ห้ามป่าวประกาศออกไปเด็ดขาด ให้มีเพียงเราสามคนที่รู้เท่านั้น” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ไม่ได้ พวกเขาพากันมาทั้งครอบครัวและบ่าวไพร่สิบกว่าชีวิต ไม่อยากให้เป็นเป้าสายตาใครคงยาก” 

 

 

เหวินซื่อไม่มีความคิดแล้ว ถามขึ้น “เช่นนั้นจะทำอย่างไร หากให้คนอื่นรู้เรื่อง นับจากนี้ไปครอบครัวพวกเจ้าอย่าหวังจะได้สงบสุขอีก” พูดจบ ก็พูดตำหนิฉู่เหวินเจี๋ย “ท่านพี่ฉู่ก็จริงๆ เลย คนมีความรู้ในเมืองหลวงตั้งมากมาย เขาเชิญใครมาสักคนก็ได้แล้ว ทำไมต้องเชิญตี้ซือมาด้วย? เขาไม่คิดบ้างว่าหากมีคนรู้สถานะของพวกเขา ครอบครัวพวกเจ้าจะเกิดเรื่องยุ่งแค่ไหน?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวได้ฟังไม่พูดอะไร หันหลังเดินออกไป 

 

 

เหวินซื่อถามนางไล่หลัง “เจ้าคิดจะทำอย่างไร?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันกลับมากะทันหัน 

 

 

เหวินซื่อตกใจสะดุ้ง ถอยหลังกรูดไปหลายก้าว “เจ้า เจ้าจะทำอะไร?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวล้วงขวดยาและกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อวางลงบนโต๊ะ “นี่คือยารักษารอยแผลเป็น ข้าเขียนวิธีใช้ลงในกระดาษแล้ว เจ้าคอยทาให้ตรงตามเวลาทุกวันก็พอ” 

 

 

เหวินซื่อปิติยินดี คว้าขวดยามาไว้ในมือ “นับว่ายายตัวแสบอย่างเจ้ายังเป็นคนดีอยู่บ้าง ไม่ลืมปรุงยาให้ข้า” 

 

 

เสียงเ**้ยมเกรียมของเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้นด้านข้าง “ต่อไปอย่าให้ข้าได้ยินเจ้าเรียกข้าว่ายายตัวแสบอีก ไม่เช่นนั้นข้าไม่รังเกียจที่จะเพิ่มรอยแผลบนใบหน้าเจ้าเพิ่มอีกสองรอย” 

 

 

พูดจบหันหลังสืบเท้าออกไป 

 

 

ทิ้งเหวินซื่อให้ยืนตะลึงงันอยู่ที่เดิม 

 

 

หมอชราก็ปลาบปลื้มยินดี พูดด้วยความดีใจ “นายท่าน ครานี้ดีแล้ว ท่านไม่ต้องไม่กล้าออกจากบ้านเพราะรอยแผลเป็นบนใบหน้าอีกแล้ว” 

 

 

เหวินซื่อไม่ได้ดีใจไปกับเขาด้วย แต่กลับถามเขา “เหล่าอวี๋ เมื่อครู่ยายตัวแสบนั่นกำลังข่มขู่ข้าใช่หรือไม่?” 

 

 

หมอชรารีบร้อนพูด “นายท่าน แม่นางเมิ่งบอกแล้วไง ห้ามท่านเรียกนางเช่นนั้นอีก ท่านต้องจำให้ดี หากทำให้นางโมโหขึ้นมาไม่แน่ว่านางจะกล้าลงมือกับท่านจริงๆ” 

 

 

เหวินซื่อไม่เข้าใจ “ข้ามิได้เรียกนางเช่นนี้มาตลอดหรือ?” 

 

 

หมอชราพูดอย่างแหนงหน่าย “นายท่าน เมื่อก่อนเพราะใบหน้าท่านมีรอยแผลเป็น แม่นางเมิ่งทราบว่าท่านอารมณ์ไม่ดีถึงไม่คิดหยุมหยิมกับท่าน ตอนนี้มียารักษาแผลเป็นแล้ว ใบหน้าท่านจะต้องหายวันหายคืน ถึงตอนนั้นท่านเรียกนางเช่นนั้น นางจะต้องไม่ปล่อยท่านไปแน่ ต่อไปท่านอย่าเรียกนางเช่นนั้นจะดีที่สุด” 

 

 

เหวินซื่อแคลงใจ “เป็นเช่นนั้นหรือ?” 

 

 

หมอชราพยักหน้าหนักแน่น 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวออกจากร้านยาเต๋อเหริน ขึ้นบนรถม้า สั่งการเหวินเปียว “กลับบ้านใหญ่” 

 

 

เหวินเปียวเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของนาง รู้ว่ามีเรื่องเร่งด่วน จึงเพิ่มความเร็วรถม้า ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็กลับมาถึงบ้านใหญ่สกุลเมิ่ง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้า เดินอาดๆ เข้าไปในลานบ้าน 

 

 

ภรรยาเมิ่งต้าจินกำลังซักผ้าอยู่ในลานบ้าน เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามา แย้มยิ้มทักทายนาง “โยวเอ๋อร์ เจ้ามาแล้ว” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้รับคำ กลับถามว่า “ท่านปู่และลุงใหญ่อยู่บ้านหรือไม่?” 

 

 

ภรรยาเมิ่งต้าจินตอบนาง “ท่านปู่ฝึกเขียนอักษรอยู่ในห้อง ลุงใหญ่เจ้า เหรินเอ๋อร์และอี้เอ๋อร์ออกไปรดน้ำที่แปลงมันฝรั่งด้วยกัน” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวย้อนกลับไปทางประตู สั่งการเหวินเปียว “ไปแปลงมันฝรั่งเรียกลุงใหญ่ข้ากลับมา บอกว่าข้ามีเรื่องด่วนจะปรึกษา หลังจากกลับมาแล้ว จงกลับไปบอกมารดาข้า ว่าข้ากลับมาแล้ว มีเรื่องมาปรึกษาท่านปู่และลุงใหญ่” 

 

 

เหวินเปียวรับคำบังคับรถม้าไปยังแปลงดินโดยไว 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้ามาในลานบ้าน 

 

 

ภรรยาเมิ่งต้าจินเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของนาง ถามอย่างเป็นห่วง “โยวเอ๋อร์ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ไม่มีอะไร ข้าคิดจะเชิญอาจารย์มาสอนเป็นการส่วนตัว เลยมาถามท่านปู่และลุงใหญ่ว่าได้หรือไม่?” 

 

 

ภรรยาเมิ่งต้าจินไม่สงสัยอะไร พูดขึ้นว่า “รีบเข้าไปในบ้านเถอะ ข้าจะไปเรียกลุงใหญ่เจ้าให้” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยับยั้งนาง “ไม่ต้องแล้ว ข้าให้เหวินเปียวไปรับแล้ว ประเดี๋ยวลุงใหญ่ก็คงกลับมา” 

 

 

ภรรยาเมิ่งต้าจินพยักหน้า 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก้าวเท้าเดินเข้าไปในบ้าน 

 

 

ภรรยาเมิ่งต้าจินซักผ้าในลานบ้านต่อ 

 

 

สองผู้เฒ่าได้ยินเสียงเมิ่งเชี่ยนโยวแล้ว เห็นนางเข้ามา หญิงชราเมิ่งยิ้มกวักมือเรียกนาง “โยวเอ๋อร์ รีบมานั่งข้างๆ ย่า” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวผ่อนคลายความรู้สึก แย้มยิ้มเข้าไปนั่งข้างหญิงชราเมิ่ง พูดกับเมิ่งจงจวี่ว่า “ท่านปู่ ข้ามีเรื่องอยากปรึกษาท่าน” 

 

 

เมิ่งจงจวี่กำลังฝึกเขียนอักษร ได้ฟังก็วางพู่กันในมือลง ล้างไม้ล้างมือ นั่งบนเก้าอี้แล้วพูดว่า “เรื่องอะไร?” 

 

 

“หลายวันก่อนตอนที่ข้าไปส่งอี้เซวียนไปโรงเรียน อาจารย์ของพวกเขาบอกว่าอี้เซวียนฉลาดปราดเปรื่อง อยู่ในโรงเรียนเกรงจะถ่วงอนาคตของเขา ให้ข้าหาอาจารย์ที่มีความรู้สูงมาสอนสั่งเขาเป็นการส่วนตัว ข้าจึงให้เพื่อนช่วยหาอาจารย์จากเมืองหลวงมาท่านหนึ่ง วันนี้เขาตอบจดหมายมาแล้ว ข้ากลับไม่รู้ว่าควรให้พวกเขามาหรือไม่ ดังนั้นจึงเข้ามาถามความคิดเห็นจากท่านปู่” 

 

 

เมิ่งจงจวี่ได้ฟังก็พยักหน้า “นี่เป็นเรื่องดี ปู่ไม่มีความคิดเห็นต่าง” 

 

 

“แต่ว่าอาจารย์ท่านนั้นมีภูมิหลังไม่ธรรมดา ข้ากลัวจะนำพาความยุ่งยากมาสู่ครอบครัวเรา” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด 

 

 

เมิ่งจงจวี่ลูบเคราแล้วยิ้มพูด “คนที่มีความรู้ดีในเมืองหลวง มีใครที่มีภูมิหลังธรรมดาบ้าง ในเมื่อเขารับปากจะมาอยู่บ้านพวกเรา จักต้องเป็นคนที่อัธยาศัยดีเข้าหาได้ง่าย เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลหรอก” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปาก หยิบจดหมายออกมายื่นให้เมิ่งจงจวี่ “ท่านปู่อ่านจดหมายนี้ก่อนเถอะ” 

 

 

เมิ่งจงจวี่รับจดหมายมาเปิดออก อ่านอย่างละเอียด เพิ่งจะดูได้อึดใจเดียว ก็ถลึงตาโต กระทั่งอ่านจบ ก็ตกใจลุกพรวด แม้แต่จานฝนหมึกที่ถูกชนล้มก็ไม่สนใจ พูดเสียงสั่น “นี่ๆๆ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ข้าตัดสินใจไม่ได้ จึงได้เข้ามาถามท่านปู่” 

 

 

หญิงชราเมิ่งเห็นจานฝนหมึกล้มคว่ำ รีบลงจากเตียงเข้าไปเก็บขึ้นพลางพูดบ่น “เจ้าก็อายุขนาดนี้แล้ว ยังจะตื่นเต้นตกใจ ครานี้ดีแล้ว กระดาษเซวียนมีแต่น้ำหมึก ดูสิว่าต่อไปเจ้าจะใช้สิ่งใดมาฝึกเขียนอักษร” 

 

 

เมิ่งจงจวี่ไม่ได้ยินเลยว่านางพูดอะไร ได้แต่ถามเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างไม่มั่นใจ “นี่ นี่เป็นความจริง?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า 

 

 

เมิ่งจงจวี่เผยอปากค้างอยู่เป็นนานก็พูดไม่ออก 

 

 

 

 

 

 

 

 

[1] พระอาจารย์ของฮ่องเต้หรือพระราชโอรสก่อนจะขึ้นครองราชย์ 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด