ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 177-2 พระกระโดดกำแพง

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 177-2 พระกระโดดกำแพง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้มาที่เหลาจวี้เสียนเป็นเวลานานแล้ว เสี่ยวเอ้อที่หน้าประตูเห็นนาง รีบเข้ามาต้อนรับ พูดอย่างกระตือรือร้น “แม่นาง ท่านมาแล้ว ท่านพ่อครัวของพวกเรามายืนคอยท่านที่หน้าประตูทุกวัน รอคอยให้ท่านเข้ามา” 

 

 

สิ้นเสียง เสียงดังกังวานของพ่อครัวก็ดังแว่วมา “แม่นางเมิ่ง เจ้ามาเสียที หากเจ้าไม่มา ข้าจะไปหาเจ้าถึงบ้านแล้ว” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ช่วงที่ผ่านมานี้ ในบ้านค่อนข้างยุ่ง ไม่มีเวลามา ไม่ทราบว่าท่านพ่อครัวมีเรื่องสำคัญอันใดอยากพบข้า?” 

 

 

พ่อครัวตอบกลับ “ย่อมต้องมีเรื่องสำคัญ เจ้าบอกว่าจะทำพระกระโดดกำแพงไม่ใช่หรือ? จะเริ่มทำเมื่อใดเล่า?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวชี้วัตถุดิบบนรถม้า “วันนี้ข้าก็มาหาท่านเพราะเรื่องนี้ วัตถุดิบหลักของพระกระโดดกำแพงยังขาดไปบางส่วน ท่านดูหน่อยเถิดว่าเหลาจวี้เสียนของพวกท่านพอจะมีหรือไม่” 

 

 

พอพ่อครัวได้ฟังว่าจะทำพระกระโดดกำแพง ก็ให้ดีใจลิงโลด พูดขึ้นทันควัน “ข้าบอกเจ้าแต่แรกแล้ว ต้องการวัตถุดิบอะไรก็ให้มาเอาจากเหลาจวี้เสียน ข้ามิได้จะโอ้อวดนะ ขอเพียงเป็นวัตถุดิบสำหรับทำอาหาร เหลาจวี้เสียนของพวกเรามีทุกอย่าง เจ้าขาดอะไร ตามข้าเข้าไปในครัวก็พอ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนำกระดาษที่เขียนวัตถุดิบออกมา ชี้สิ่งของที่หาซื้อไม่ได้ให้เขาดู พูดว่า “ข้าคงไม่เข้าไปแล้ว ท่านดูเถิดว่าของที่ข้าขาดพอจะหาได้หรือไม่? หากว่ามี รบกวนท่านช่วยเตรียมออกมาให้ข้าตามปริมาณในกระดาษนี้ด้วยเถอะ” 

 

 

พ่อครัวรับคำอย่างเบิกบาน “มีๆๆ มีทั้งหมด เจ้ารอประเดี๋ยว ข้าจะไปเอามาให้เจ้าเดี๋ยวนี้” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มกล่าวขอบคุณ พ่อครัวโบกมือ หุนหันเข้าไปในครัว 

 

 

เสี่ยวเอ้อถามนางอย่างนบนอบ “แม่นาง ข้าต้องไปเรียนหลงจู๊ของพวกเราหรือไม่ว่าท่านมาแล้ว?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “วันนี้ข้าเพียงเข้ามาเอาสิ่งของบางส่วนกลับไปทำอาหาร ไม่มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษ ไม่ต้องไปบอกหลงจู๊หรอก” 

 

 

เสี่ยวเอ้อรับคำ ถอยกลับไปอีกด้าน 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลับไปรอข้างรถม้า 

 

 

เวลาผ่านไปได้ครู่ใหญ่ พ่อครัวถึงเดินออกมา ไม่เพียงนำสิ่งของที่จำเป็นออกมา ยังถือห่อผ้าเล็กๆ ห่อหนึ่งออกมาด้วย 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถามอย่างสงสัย “นี่ท่าน…?” 

 

 

พ่อครัวตอบกลับ “เจ้ามิได้บอกว่าจะสอนข้าทำพระกระโดดกำแพงหรือ? ข้าจะไปกับเจ้าเดี๋ยวนี้” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า รับสิ่งของในมือพ่อครัว ให้เขาขึ้นรถม้า 

 

 

หลงจู๊วิ่งกระวีกระวาดตามออกมาจากด้านหลัง ขวางเขาไว้ พูดอย่างโมโหเดือดดาล “เหล่าอู๋ เจ้าบอกจะไปก็ไป ลูกค้าที่สั่งอาหารไว้จะทำอย่างไร?” 

 

 

พ่อครัวตอบกลับ “ไม่เป็นไร ข้าสั่งการไว้หมดแล้ว ให้ศิษย์พวกนั้นของข้าไปผัดอาหารแทน” พูดจบก็จะขึ้นรถม้า 

 

 

หลงจู๊ยิ่งเดือดเนื้อร้อนใจ รั้งเขาไว้ไม่ยอมปล่อย “พวกเขาเป็นศิษย์เจ้าไม่นาน อาหารที่ผัดออกมาจะเหมือนเจ้าหรือ? อีกอย่าง เจ้าไปแล้ว ก็ไม่มีใครควบคุมดูแลห้องครัว หากเกิดเรื่องยุ่งยากจะทำอย่างไร? ไม่ได้ เจ้าห้ามไป หากเจ้าอยากเรียนจริงๆ ก็ให้แม่นางเมิ่งมาสอนเจ้าที่เหลาจวี้เสียนก็ได้” 

 

 

พ่อครัวถูกเขากระชากจนขยับไม่ได้ เริ่มร้อนรน “เจ้าจะไปรู้อะไร แม่นางเมิ่งบอกว่าพระกระโดดกำแพงนี้ต้องใช้เวลาทำหลายวัน พวกเราจะทำใจให้นางมาทุกวันได้อย่างไร” 

 

 

หลงจู๊ยังคงไม่ปล่อยมือ “เช่นนั้นเอาไว้ภายหน้ามีโอกาสค่อยว่ากัน สรุปคือ ตอนนี้เจ้าจะไปไม่ได้” 

 

 

พ่อครัวออกแรงสะบัดมือของหลงจู๊ออก แทรกมุดขึ้นไปบนรถม้า พูดว่า “ไม่ได้ ไม่ง่ายที่จะมีโอกาสเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะไป” 

 

 

หลงจู๊ร้อนรนกระทืบเท้ารัว “ข้าจะเขียนจดหมายหานายท่านเดี๋ยวนี้ บอกว่าเจ้าทิ้งลูกค้าไปอย่างไม่ไยดี ดูว่านายท่านจะลงโทษเจ้าอย่างไร?” 

 

 

พ่อครัวยื่นศีรษะออกมา พูดโต้แย้ง “เหล่าหลิว ท่านทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง ท่านลองคิดดู ช่วงเวลานี้เหล่าจวี้เสียนของเราทำมาค้าขึ้นชื่อเสียงโด่งดัง มิใช่เพราะสูตรอาหารที่แม่นางเมิ่งสอนหรอกรึ นี่ก็นานแล้วที่ไม่มีรายการอาหารใหม่ ลูกค้าเก่าเริ่มมีความเห็นต่างแล้ว ข้าไม่เรียนทำอาหาร ท่านจะโดดเด่นกว่าหลงจู๊ตั้งมากมายเหล่านั้น ได้รับคำชื่นชมจากนายท่านได้อย่างไร อีกอย่าง ข้าไปแค่ไม่กี่วัน ท่านช่วยรับมือไปก่อน รอให้ข้าเรียนเป็นแล้วกลับมา เหล่าจวี้เสียนของเราจะต้องยิ่งดังระเบิด ไม่แน่ว่านายท่านจะให้รางวัลท่านด้วย” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเอ่ยปากขึ้นในเวลาที่เหมาะสม “คือว่า พวกท่านพอจะรับฟังข้าได้หรือไม่?” 

 

 

ในตอนนี้หลงจู๊ถึงเห็นว่าเมิ่งเชี่ยนโยวอยู่ข้างๆ คิดถึงพฤติกรรมเมื่อครู่ของตัวเอง ใบหน้าชราพลันแดงอ่อน พูดกลบเกลื่อนทันควัน “แม่นางเมิ่ง เจ้าก็มาด้วย” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยกยิ้มพยักหน้า “หลงจู๊ ข้าขอร้องแทนท่านพ่อครัวได้หรือไม่?” 

 

 

พ่อครัวปิติยินดี หลงจู๊ชะงักงัน 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ข้ารับปากว่าจะมาทำอาหารให้พวกคุณชายเปาทุกเดือน และมอบสูตรอาหารให้พวกท่าน แต่ตอนนี้ทุกคนต่างมีเรื่องยุ่ง ปลีกตัวมาไม่ได้ พระกระโดดกำแพงนี้ใช้วัตถุดิบจำนวนมาก แค่เครื่องเคียงก็สิบกว่าชนิดแล้ว ต้องใช้เวลาสองสามวันถึงจะทำเสร็จ คนที่จะเรียนทำอาหารจานนี้จักต้องเรียนให้ครบทุกขั้นตอน พระกระโดดกำแพงถึงจะทำออกมาได้อย่างหอมกรุ่นตลบอบอวล ทำให้ลูกค้าเจริญอาหาร และอาหารนี้ก็มิใช่ทำเป็นจานๆ แต่ในหนึ่งครั้งสามารถทำออกมาได้จำนวนมาก รอให้พ่อครัวเรียนทำอาหารจานนี้เป็น ไม่แน่ว่าเหล่าจวี้เสียนของพวกท่านจะยิ่งมีชื่อเสียงขจรขจาย” 

 

 

หลงจู๊เริ่มหวั่นไหว 

 

 

พ่อครัวยิ่งไม่ต้องพูดถึง เข้าไปนั่งอยู่ในห้องโดยสารแล้ว 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดจาซุกซนกับหลงจู๊ “ข้าจะบอกท่านให้นะ นี่เป็นอาหารที่ข้าชำนาญมากที่สุด ไม่แน่ว่าจะทำแค่ครั้งนี้ ต่อไปคงไม่มีเวลาทำอีกแล้ว ท่านแน่ใจว่าจะไม่ให้พ่อครัวไปเรียนทำอาหารนี้กับข้า?” 

 

 

หลงจู๊ไม่พูดอะไร เสียงเร่งเร้าของพ่อครัวดังออกมาจากห้องโดยสาร “แม่นางเมิ่ง ไม่ต้องพูดพร่ำกับเขาแล้ว พวกเรารีบไปเถอะ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ 

 

 

หลงจู๊รู้ว่าวันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็รั้งพ่อครัวกลับมาไม่ได้แล้ว จึงกัดฟันพูดว่า “ได้ ให้เขาไปเรียนกับท่าน แต่ให้เวลาสามวันเท่านั้น เกินกว่าสามวัน เหลาจวี้เสียนของข้าได้เกิดเรื่องโกลาหลแน่” 

 

 

เสียงพ่อครัวดังลอยออกมา “เจ้ารับคำแต่เนิ่นๆ เช่นนี้ก็จบแล้ว ไม่แน่ว่าข้าถึงบ้านแม่นางเมิ่งนางแล้ว” 

 

 

หลงจู๊โมโหพลุ่งพล่าน หากไม่เพราะเมิ่งเชี่ยนโยวอยู่ด้วย คาดว่าจะกระชากพ่อครัวออกมาจากรถม้าด้วยความโมโหไปแล้ว 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรีบร้อนพูด “เมื่อหลงจู๊รับปากแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็ขอตัวก่อน” 

 

 

หลงจู๊คลายโทสะลง บอกลาเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างมีมารยาท 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก้าวขึ้นรถม้า เห็นพ่อครัวร่างใหญ่กำยำ วางห่อผ้าใบย่อมลง รู้สึกเป็นภาพที่น่าขบขัน แอบโพล่งหัวเราะออกมา 

 

 

พ่อครัวที่กำลังกระดี้กระด๊าไม่สังเกตเห็นนางหลุดขำ พูดเร่งเร้านาง “แม่นางเมิ่ง พวกเรารีบไปเถอะ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขึ้นนั่งบนรถม้าเรียบร้อย ถึงพูดขึ้น “พวกเรายังต้องซื้อโถใหญ่สองสามใบ ถึงจะกลับบ้านได้” 

 

 

พ่อครัวใจร้อนรุ่ม พูดว่า “ไม่ต้องซื้อแล้ว ในภัตตาคารมี พวกเราเอาไปสักโถก็ได้” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ข้าซื้อโถมาทำพระกระโดดกำแพง คนในครอบครัวข้ามาก แค่โถใบเดียวไม่พอใช้ ต้องซื้อหลายโถ ท่านพอจะทราบหรือไม่ว่าในเมืองนี้มีขายที่ไหน?” 

 

 

พอได้ยินว่าใช้ทำพระกระโดดกำแพง พ่อครัวก็พูดขึ้นทันควัน “รู้ ข้าจะพาพวกท่านไป” 

 

 

ภายใต้การบอกทางของพ่อครัว เหวินเปียวก็บังคับรถม้ามาถึงหน้าร้านขายโถโดยเฉพาะ เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้า เดินเข้ามาในร้าน ทำการเลือกโถขนาดใหญ่เล็กไม่เท่ากันสี่ใบอย่างละเอียด พอจ่ายเงินเสร็จ ก็บอกหลงจู๊ว่า “ในรถม้าของพวกเรามีคนมาก บรรจุโถเหล่านี้ไปไม่หมด รบกวนจัดส่งไปให้ข้าด้วยเถอะ” 

 

 

หลงจู๊ของร้านค้ารับคำอย่างยินดี ถามที่อยู่ชัดเจนแล้วก็สั่งการพนักงานรีบนำของไปส่ง 

 

 

เมื่อซื้อสิ่งของที่ต้องการได้หมดครบถ้วนแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็สั่งเหวินเปียวให้กลับบ้าน 

 

 

เมิ่งชื่อเห็นชายตุ้ยนุ้ยคนหนึ่งกลับมากับเมิ่งเชี่ยนโยวด้วย ก็ให้ตกใจ เมิ่งเชี่ยนโยวรีบแนะนำว่าเป็นพ่อครัวเหลาจวี้เสียน มาเรียนทำอาหารให้ตนเอง เมิ่งชื่อถึงวางใจลงได้ 

 

 

พ่อครัวเป็นคนเถรตรง และไม่เกรงใจคนสกุลเมิ่ง ให้เมิ่งเชี่ยนโยวเริ่มลงมือทำอาหารทันที 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งการเหวินเปียวและเหวินหู่ให้นำวัตถุดิบที่ซื้อมาวางไว้ในลานใหญ่ และให้ทั้งสองคนไปหาบน้ำถังใหญ่เข้ามา เพื่อล้างวัตถุดิบให้สะอาด 

 

 

เมิ่งชื่อเห็นวัตถุดิบจำนวนมากมายนี้ ก็ให้ตกอกตกใจ รีบร้อนถาม จะมีแขกมาบ้านหรืออย่างไร เหตุใดถึงทำอาหารมากมายเช่นนี้ 

 

 

ลิ้มยิ้มพูด “ท่านแม่ นี่เป็นวัตถุดิบสำหรับทำอาหารหนึ่งชนิด ข้าคิดจะทำเยอะหน่อย ให้คนในบ้านได้ลิ้มรสด้วย” 

 

 

เมิ่งชื่อร้องอุทาน “อาหารอะไรถึงต้องใช้วัตถุดิบมากมายเช่นนี้” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตาหยีบอกนาง “อาหารชนิดนี้มีชื่อว่าพระกระโดดกำแพง ความหมายก็คือหลังจากทำอาหารจานนี้เสร็จ แม้แต่เทพเซียนก็ยังทนไม่ไหวต้องกระโดดกำแพงออกมากิน” 

 

 

เมิ่งชื่อขบขันไปกับนางพูดว่า “เจ้าลูกคนนี้ พูดจาแก่แดดแก่ลมขึ้นทุกวัน จะมีอาหารอร่อยขนาดนั้นที่ไหนกัน”  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด