ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 182-2 ตัดขาดความสัมพันธ์

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 182-2 ตัดขาดความสัมพันธ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซุนเชี่ยนก็ไม่สนใจ โยนไม้คานลงไปบนพื้น พูดกับคนที่หาบของหมั้นมา “พวกเจ้าหาบมาอย่างไร ก็กลับไปเช่นนั้น” 

 

 

คนที่หาบของหมั้นรีบเก็บข้าวของ หาบของหมั้นเดินหายไปไม่เห็นฝุ่น 

 

 

ซุนซ่านเหรินก็ตกใจกับพฤติกรรมของซุนเชี่ยน ร้อนรนถาม “เชี่ยนเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นอะไรนะ?” 

 

 

ซุนเชี่ยนส่ายหน้า พูดว่า “ท่านปู่ พวกเราเข้าไปเถิด ข้ามีเรื่องจะพูดกับท่าน” 

 

 

ซุนซ่านเหรินพยักหน้า ตวาดซุนวั่งเสียงเข้ม “เจ้าไสหัวเข้ามาเดี๋ยวนี้” 

 

 

ซุนวั่งเบ้ปาก เดินตามเข้าไปในบ้าน 

 

 

กลุ่มคนที่มามุงดูไม่มีเรื่องสนุกดูแล้ว แยกย้ายกันจากไป 

 

 

คนทั้งหมดเดินเข้ามาในบ้าน ซุนซ่านเหรินนั่งประจำที่บนเก้าอี้ ถามขึ้น “เชี่ยนเอ๋อร์ เจ้ามีเรื่องอะไรจะพูดกับปู่รึ?” 

 

 

ซุนเชี่ยนเลิกชายกระโปรงขึ้น ทิ้งตัวคุกเข่าต่อหน้าซุนซ่านเหริน “ท่านปู่ ขอท่านตัดสินให้ข้าด้วย ข้าต้องการตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูกกับเขา” 

 

 

ซุนซ่านเหรินตกใจตัวโยน กำลังจะพูด ซุนวั่งกลับพูดอย่างเกรี้ยวกราด “นังตัวดี เจ้ากล้า?” 

 

 

ซุนซ่านเหรินตวาดเขา “หุบปาก!” 

 

 

ซุนเชี่ยนไม่สนใจซุนวั่ง พูดกับซุนซ่านเหรินต่อ “ท่านปู่ ข้ายึดมั่นคำสอนของท่านมาตลอด แม้ว่าหลายปีมานี้เขาจะไม่สนใจไยดีข้าเลย ข้าก็มิเคยโอดครวญ คิดว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำมาตลอด ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางกระทำเรื่องเลวร้ายต่อข้า แต่ไม่คิดว่าเขาจะแอบนำใบบันทึกวันเดือนปีเกิดของข้าไปแลกกับคนอื่น หมายจะยกข้าให้ครอบครัวเช่นนั้น เขาต้องผลักบุตรสาวเข้ากองเพลิงถึงจะดีใจ ในเมื่อเขาไม่เห็นข้าเป็นบุตรสาว นับจากนี้ไปข้าก็ไม่มีบิดาเช่นเขาอีก ขอท่านปู่รับปากคำขอร้องของหลานด้วย” 

 

 

ซุนซ่านเหรินจะรับปากได้อย่างไร รีบร้อนพูด “เชี่ยนเอ๋อร์ เจ้าจักพูดเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด เจ้าถึงวัยที่จะต้องดูตัวแล้ว หากตัดขาดความสัมพันธ์ตอนนี้ เรื่องแพร่งพรายออกไปภายหน้าจะไม่มีใครยอมมาทาบทามสู่ขอเป็นแน่แท้” 

 

 

ซุนเชี่ยนพูดว่า “ท่านปู่ หลังจากผ่านเรื่องวุ่นวายเมื่อครู่ ท่านคิดว่าหลานยังจะมีชื่อเสียงอะไรเหลืออีกหรือ? ต่อให้ไม่ตัดขาดความสัมพันธ์กับเขา ภายหน้าก็ไม่มีใครมาทาบทามสู่ขอแล้ว หลานตัดสินใจจะครองตัวเป็นโสดไปทั้งชีวิต” 

 

 

ซุนซ่านเหรินเจ็บปวดใจยิ่งนัก “เชี่ยนเอ๋อร์ อย่าพูดเช่นนี้ ต่อให้หาคนที่เหมาะสมในเมืองนี้ไม่ได้ พวกเราไปหาในชนบทก็ได้ เจ้าอย่าได้ท้อแท้สิ้นหวังเช่นนี้ ปู่จะต้องช่วยหาคู่ครองที่ดีให้เจ้าให้ได้” 

 

 

ซุนเชี่ยนส่ายหน้า “มีบิดาเช่นนี้ ต่อให้ท่านช่วยหาคู่ครองที่ดีให้ข้าได้ หากไม่ตัดขาดความสัมพันธ์กับเขา งานแต่งงานก็จะต้องถูกเขาทำพังพินาศ ดังนั้นท่านปู่ ขอท่านรับปากคำขอร้องขอหลานด้วยเถอะ” 

 

 

ซุนซ่านเหรินไม่รับปาก “เชี่ยนเอ๋อร์ เจ้าวางใจ นับแต่วันนี้เป็นต้นไปปู่จะให้คนจับตาดูเขา จะไม่ให้เกิดเรื่องเช่นในวันนี้ขึ้นอีก เรื่องตัดขาดความสัมพันธ์ก็อย่าได้ยกขึ้นมาพูดอีก ปู่อายุปูนนี้แล้ว ไม่อยากเห็นเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริงๆ” 

 

 

ซุนซ่านเหรินรักใคร่เอ็นดูซุนเชี่ยนมาแต่เยาว์ รักดั่งไข่ในหิน ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ หัวใจซุนเชี่ยนก็ให้เจ็บแปลบ พลันก้มหน้าไม่ปริปากพูดอีก 

 

 

ซุนวั่งแค่นเสียงหัวเราะเยาะ “เจ้ามันก็ดีแต่พูดข่มขู่คน คิดจะตัดขาดความสัมพันธ์กับข้า แล้วเจ้าจะต้องอดยาก เจ้าทำใจได้หรือไร?” 

 

 

ซุนซ่านเหรินอุตส่าห์พูดโน้มน้าวซุนเชี่ยนได้ เห็นซุนวั่งกลับราดน้ำมันใส่กองเพลิงอย่างไม่ลืมหูลืมตา โมโหลุกขึ้นยืน หยิบไม้ขนไก่บนโต๊ะ บรรเลงฟาดไปที่ตัวซุนวั่งไม่ยั้ง “เจ้าอัปรีย์จัญไร กระทำผิดมหันต์แล้วยังไม่รู้สำนึก วันนี้ข้าจะตีเจ้าให้ตาย” 

 

 

ซุนวั่งถูกตีร้องครวญครางโอดโอย 

 

 

หญิงชราซุนได้ยินเสียงร้องเหมือนหมูถูกเชือดของซุนวั่ง ให้ร้อนใจวิ่งพรวดพราดเข้ามา เห็นซุนซ่านเหรินยังตีซุนวั่งอยู่ ก็ปวดใจ รีบเข้าไปห้ามปราม “ท่านมีเรื่องอะไรค่อยพูดค่อยจากันไม่ได้หรือ? วั่งเอ๋อร์เป็นบุตรชายแท้ๆ ของท่านนะ เหตุใดท่านถึงต้องลงมือรุนแรงเช่นนี้” 

 

 

ซุนซ่านเหรินเหนื่อยจนหายใจหอบแล้ว ได้ฟังก็หยุดมือ เข้าไปประคองซุนเชี่ยนลุกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ ซุนซ่านเหรินสูดลมหายใจเข้าลึกหลายครั้งถึงพูดกับหญิงชราซุน “เชี่ยนเอ๋อร์มิใช่บุตรสาวแท้ๆ ของเขาเรอะ? เขากลับผลักนางเข้าไปสู่กองเพลิง” 

 

 

หญิงชราซุนอยู่ในเรือนมาตลอด ไม่ได้ยินความเคลื่อนไหวด้านนอก จึงไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ได้ฟังก็ถามอย่างประหลาดใจ “เขาผลักนางเข้าสู่กองเพลิงอย่างไรอีกเล่า?” 

 

 

ซุนซ่านเหรินไม่ได้ตอบนาง กลับถามขึ้น “ข้าถามเจ้า ใบบันทึกวันเดือนปีเกิดของเชี่ยนเอ๋อร์เล่า?” 

 

 

หญิงชราตอบ “หลายวันก่อนซุนวั่งบอกว่าจะหาคู่ครองที่ดีให้เชี่ยนเอ๋อร์ ต้องการเวลาตกฟากของนางไปคำนวณตัวเลข ข้าจึงมอบใบบันทึกวันเดือนปีเกิดให้เขาไป” 

 

 

“เจ้าเลอะเลือนไปแล้ว! ใบบันทึกวันเดือนปีเกิดนี้จะให้ใครมั่วๆ ก็ได้เรอะ?” ซุนซ่านเหรินพูด 

 

 

หญิงชราไม่เข้าใจ “วั่งเอ๋อร์หาใช่คนนอก มอบใบบันทึกวันเดือนปีเกิดของเชี่ยนเอ๋อร์ให้เขาผิดตรงไหนกัน?” 

 

 

ซุนซ่านเหรินชี้ซุนวั่งที่นั่งตัวหงออยู่อีกด้านพูดว่า “เจ้าสารเลวนั่น แอบเอาใบบันทึกวันเดือนปีเกิดไปให้คนอื่น จนเขาตีฆ้องร้องป่าวมาส่งของหมั้นหมายแล้ว” 

 

 

หญิงชราตกตะลึง “วั่งเอ๋อร์ เป็นความจริงเรอะ?” 

 

 

ซุนวั่งทำตาล่อกแล่ก ไม่กล้าปริปาก 

 

 

หญิงชราโมโหพูดว่า “นี่เป็นเรื่องสำคัญของชีวิตเชี่ยนเอ๋อร์ เจ้าเลอะเลือนไปถึงขั้นนี้ได้อย่างไร? สมแล้วที่ถูกพ่อเจ้าตี” 

 

 

ซุนซ่านเหรินพูดต่อ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาไปตกลงให้เชี่ยนเอ๋อร์แต่งกับครอบครัวไหน? ก็คือบุตรชายของเพื่อนเกเรที่เขาพูดครั้งก่อน” 

 

 

หญิงชราได้ฟังก็ให้เดือดดาล ครั้งนี้เปล่งเสียงก่นด่า “เจ้าลูกสารเลว ครั้งก่อนก็พูดแล้วว่าการแต่งงานนี้ใช้ไม่ได้ ภายหน้าไม่ต้องยกมาเอ่ยอีก เจ้ากลับกล้ามาหลอกเอาใบบันทึกวันเดือนปีเกิดจากข้าไปแลกเปลี่ยน ต่อให้พ่อตีเจ้าจนตายก็สมควรแล้ว” 

 

 

ซุนวั่งเห็นมารดาที่ถนอมรักใคร่ตนเองมาตลอดก็ด่าตนเองแล้ว ตกใจกลัวจนไม่กล้าปริปาก 

 

 

“เช่นนั้นตอนนี้จะทำอย่างไร?” หญิงชราร้อนใจถาม 

 

 

ซุนซ่านเหรินถอนหายใจยาว 

 

 

หญิงชราโมโหหยิบไม้ขนไก่ที่ซุนซ่านเหรินเพิ่งจะวางลงเดินไปตรงหน้าซุนวั่งแล้วหวดเต็มแรง “เจ้าลูกไม่รักดี เสือร้ายยังไม่กินลูกตัวเอง เจ้าคิดจะบีบให้เชี่ยนเอ๋อร์ไปตายหรือไร” 

 

 

หญิงชรามีซุนวั่งเป็นบุตรชายเพียงคนเดียว แต่เยาว์สองมือถนอมกลัวจะโบกปลิว อมไว้ในปากด้วยกลัวจะละลาย ตามใจไม่เคยขัด อย่าว่าแต่ตีเขาเลย แม้แต่คำพูดแรงๆ ก็ไม่เคยเอ่ย วันนี้เพราะว่าโกรธมากจริงๆ ถึงลงมือหนักกับซุนวั่งเช่นนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต 

 

 

ซุนวั่งก็เพิ่งเคยถูกหญิงชราตีเป็นครั้งแรก ตกใจจนลืมจะหลบหลีก ยืนเซื่องๆ ให้นางตีตามอำเภอใจ 

 

 

หญิงชราเห็นเขาไม่ขัดขืนต่อต้าน แรงโทสะก็ให้อ่อนคลายลง ตีไม่กี่ครั้งก็หยุดมือ พูดเสียงเข้ม “นับแต่วันนี้ไป ห้ามเจ้าเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องใดๆ ของเชี่ยนเอ๋อร์อีก หากเจ้ายังทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้อีก ข้าและท่านพ่อเจ้าจะไล่เจ้าออกไปจากบ้าน” 

 

 

ซุนวั่งพยักหน้าหงึกๆ 

 

 

ซุนเชี่ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้ตลอดไม่ได้พูดอะไร 

 

 

ซุนซ่านเหรินเงยหน้ามองนางแวบหนึ่ง สั่งบ่าวรับใช้ “ไป บอกว่าเกิดเรื่องกับคุณหนู ไปรับนายน้อยซุนจากบ้านแม่นางเมิ่งกลับมา” 

 

 

ซุนวั่งได้ฟังว่าไปรับซุนเหลียงไฉ ลืมความเจ็บปวดตามร่างกาย ร้องโวยวาย “ข้าไปด้วย” 

 

 

ซุนซ่านเหรินถลึงตาใส่เขา พูดตวาด “เจ้ากลับไปอยู่อย่างสงบเสงี่ยมที่เรือนตัวเอง ไม่มีคำอนุญาตจากข้าห้ามไปไหนทั้งนั้น” 

 

 

ซุนวั่งคิดจะต่อต้าน หญิงชราก็ถลึงตาใส่เขา “เจ้าก่อเรื่องใหญ่เช่นนี้ รีบกลับไปกักตัวทบทวนตัวเองที่เรือน เมื่อไหร่ที่เจ้าคิดได้แล้วค่อยออกมา” 

 

 

ซุนวั่งไม่มีทางเลือก มองบ่าวรับใช้เดินออกไปตาปริบๆ 

 

 

กลับมาพูดถึงซุนเหลียงไฉที่นั่งรถม้ากลับมาอย่างฉุกละหุก เอาแต่คิดตลอดทางว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับซุนเชี่ยนกันแน่ 

 

 

รถม้าเพิ่งจะมาถึงหน้าประตูใหญ่ ยังไม่ทันจอดสนิทดี ซุนเหลียงไฉก็เลิกม่านบังรถออกกระโดดลงมา สาวเท้าวิ่งเข้าไปในเรือน 

 

 

บ่าวรับใช้เห็นเขากลับมา ทักทายอย่างอ่อนน้อม “นายน้อยซุน ท่านกลับมาแล้ว?” 

 

 

“ท่านปู่ข้าเล่า?” 

 

 

บ่าวรับใช้ตอบ “นายท่านอยู่ในห้องรับแขกขอรับ” 

 

 

ซุนเหลียงไฉวิ่งตรงไปห้องรับแขกทันที เห็นซุนซ่านเหริน หญิงชรารวมถึงซุนเชี่ยนต่างก็อยู่ข้างใน ร้อนรนถามขึ้น “ท่านปู่ เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับท่านพี่ข้าหรือ?” 

 

 

หญิงชราเห็นเขากลับมา ลุกขึ้นด้วยความยินดี เดินไปตรงหน้าเขา มองประเมินขึ้นลง เห็นเขาคล้ายว่าจะสูงขึ้นอีก ก็ให้ดีใจพูดว่า “ไฉเอ๋อร์ของพวกเราตอนนี้กลายเป็นหนุ่มน้อยรูปงามแล้ว” 

 

 

ซุนเหลียงไฉไม่ได้กระโจนเข้าสู่อ้อมอกนางร้องเรียกท่านย่าอย่างรักใคร่เหมือนแต่ก่อน แต่ถามขึ้นอีกครั้งด้วยความร้อนใจ “เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับท่านพี่กันแน่?” 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด