ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 186-1 วิชาการวางแผน

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 186-1 วิชาการวางแผน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ “บิดาเจ้าบอกว่า เขาไม่มีความเห็นต่างกับเรื่องการแต่งงานของคุณหนูซุนโดยสิ้นเชิง ภายหน้าก็จะไม่แทรกแซง แล้วกระวีกระวาดกลับบ้านไปทันที”

 

 

ซุนเหลียงไฉถามอย่างเป็นห่วง “ท่านพ่อไม่เป็นอะไรหรอกนะ?”

 

 

“ด้วยร่างกายของคุณชายซุน คาดว่ากลับไปคงต้องนอนหลายวัน ทว่าพวกท่านวางใจ ไม่เป็นอะไรหนักหนาแน่นอน” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด

 

 

ซุนเหลียงไฉถึงวางใจลง

 

 

ซุนซ่านเหรินถอนใจโล่งอก แล้วกล่าวขอบคุณเมิ่งเชี่ยนโยวอีกครั้ง “แม่นางเมิ่ง ขอบใจเจ้ามากจริงๆ หากไม่เพราะเจ้าสั่งสอนเขาจนเข็ดหลาบ เกรงว่าเรื่องการแต่งงานของเชี่ยนเอ๋อร์และคุณชายเมิ่งได้ถูกเขาก่อกวนจนพังพินาศเป็นแน่แท้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ท่านเกรงใจแล้ว ที่วันนี้ข้าปฏิบัติกับคุณชายซุนเช่นนี้ ก็เพราะไม่มีทางเลือก ท่านอย่าถือสาข้าก็เป็นพอ”

 

 

ไม่ว่าซุนวั่งจะเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดเขาก็คือบุตรชายเพียงคนเดียวของตนเอง การเห็นเขาถูกแขวนใต้ต้นไม้กับตา ซุนซ่านเหรินก็ให้เจ็บแปลบในใจ ได้ยินว่าเขากลับบ้านไปแล้ว ก็นั่งไม่ติดอีก หลังจากตกลงหารือเรื่องทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย ก็พูดว่ายังมีธุระที่บ้าน ลุกขึ้นบอกลากลับบ้าน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ความคิดอ่านของเขา ไม่ได้ดึงรั้งเขาไว้อีก ออกมาส่งเขาที่ด้านนอกประตูใหญ่พร้อมสองสามีภรรยาเมิ่ง

 

 

ซุนเหลียงไฉก็เป็นห่วงซุนวั่ง จึงตามขึ้นไปบนรถม้ากลับไปด้วย

 

 

เห็นพวกเขาไปไกลแล้ว เมิ่งชื่อถึงถอนใจเฮือกใหญ่ พูดว่า “โยวเอ๋อร์ วันนี้เจ้ากระทำเช่นนี้ แม้ซุนซ่านเหรินจะไม่พูดออกมา แต่ภายในใจจะต้องมีช่องว่าง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดปลอบนาง “ท่านแม่ ไม่หรอก ซุนซ่านเหรินเป็นคนฉลาดเฉลียว แบ่งแยกถูกผิดได้ชัดแจ้ง อย่างไรซุนวั่งก็เป็นบุตรชายเขา เขาก็เพียงปวดใจชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น มิได้มีความเห็นต่างต่อการกระทำของข้าหรอก”

 

 

เมิ่งชื่อถอนหายใจยาวอีกเฮือกใหญ่ “ขอให้เป็นอย่างที่เจ้าพูดเถิด ไม่เช่นนั้นพอพี่ใหญ่เจ้าและแม่นางซุนแต่งงานกันแล้ว เกรงจะต้องตัดขาดกับญาติฝ่ายสะใภ้ไปเสียเปล่า”

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นก็เห็นด้วยกับคำกล่าวของเมิ่งเชี่ยนโยว พูดว่า “โยวเอ๋อร์พูดถูกต้อง ซุนซ่านเหรินไม่คิดหยุมหยิมกับเรื่องนี้หรอก เจ้าเลิกกังวลใจไปเปล่าได้แล้ว รีบไปเตรียมสิ่งของสำหรับงานหมั้นเถอะ”

 

 

พอพูดถึงงานหมั้น เมิ่งชื่อก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที ความกังวลเมื่อครู่มลายหายไปสิ้น พูดอย่างยินดี “ใช่ๆๆ ข้าต้องไปเตรียมตัวให้ดีๆ ข้าจะไปหาพี่สะใภ้ใหญ่เดี๋ยวนี้ ให้พรุ่งนี้นางเข้าเมืองไปซื้อของกับข้าด้วย”

 

 

พูดจบ เดินจากไปอย่างกระฉับกระเฉง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองแผ่นหลังนางแล้วหัวเราะพูด “ท่านแม่นี่จริงๆ เลย พอเอ่ยถึงงานหมั้นของพี่ใหญ่ ก็มีชีวิตชีวาเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนทันที”

 

 

เมิ่งเสียนยืนอยู่ข้างๆ สีหน้าประดักประเดิด “น้องสาว พี่ใหญ่สร้างเรื่องยุ่งยากให้เจ้าอีกแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดหยอกล้อกับเขา “ความยุ่งยากนี้ไม่หนักหนาอะไร ขอเพียงท่านแต่งงานกับแม่นางซุนแล้ว ไม่สร้างเรื่องยุ่งยากให้ข้าอีกก็พอ”

 

 

เมิ่งเสียนหน้าแดงระเรื่อ

 

 

ต่อจากนั้นอีกสามวัน เมิ่งชื่อและสะใภ้เมิ่งต้าจินก็เอาแต่ตระเตรียมสิ่งของสำหรับหมั้นหมายมาตลอด นอกจากขนมชั้นดีและผ้าละเอียดเนื้อดีอีกหนึ่งเท่าตัวตามที่สะใภ้ใหญ่โจวบอก แม้แต่เครื่องประดับก็ซื้อครบชุด ยังมีเนื้อหมู หากไม่เพราะเมิ่งเอ้ออิ๋นห้ามปรามไว้ เมิ่งชื่อคงได้หาบหมูไปทั้งตัวแล้ว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยอกเย้านาง “ท่านแม่รอคอยสะใภ้จนเสียสติไปแล้ว แทบอยากจะแต่งกลับมาเสียวันนี้พรุ่งนี้”

 

 

เดิมทีเป็นคำพูดหยอกเย้า ไม่คิดว่าเมิ่งชื่อจะคิดเป็นจริง ถึงกับพูดว่า “จริงด้วย ทำไมแม่ถึงคิดไม่ถึงนะ เอาไว้ตอนหมั้นจะให้แม่สื่อหลิวแอบกระซิบถามพวกเขา ดูว่าพอจะให้พี่ใหญ่และคุณหนูซุนแต่งงานกันเร็วขึ้นได้หรือไม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตบหน้าผาก แสร้งพูดอย่างขวัญผวา “ท่านพ่อ แย่แล้ว ท่านแม่ธาตุไฟเข้าแทรกแล้ว”

 

 

ทั้งครอบครัวหัวเราะครื้นเครง

 

 

เมิ่งชื่อก็รู้สึกว่าตนเองใจร้อนไปบ้าง หัวเราะตามด้วยความเก้อเขิน

 

 

กระทั่งถึงวันหมั้นอย่างเป็นทางการ เมิ่งชื่อที่ตื่นเต้นดีใจจนนอนไม่หลับทั้งคืนก็ลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าแต่เช้าตรู่ หลังจากเร่งเร้าให้คนทั้งครอบครัวกินข้าว ก็บอกเมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งฉีให้บรรจุสิ่งของสำหรับหมั้นหมายให้เรียบร้อย

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยืนข้างประตู พูดอย่างเกียจคร้านว่า “ท่านแม่ ตอนนี้ยังเช้าเกินไป บ้านคนอื่นยังไม่ได้กินข้าวกันเลย ท่านให้พวกเราบรรจุของหมั้นตอนนี้จะเร็วเกินไปหรือไม่”

 

 

เมิ่งชื่อตอบกลับ “ไม่เช้าแล้ว ไม่เช้าแล้ว รอให้บรรจุของเสร็จ พวกเราทำการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนอีกรอบ ดูว่ามีอะไรตกหล่นหรือไม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างแหนงหน่าย “ท่านแม่ ท่านเอาแต่เฝ้าดูของหมั้นพวกนี้ทุกวัน ตอนนี้หลับตาก็ยังรู้ว่ามีอะไรบ้าง จะยังตกหล่นสิ่งใดได้อีก”

 

 

“ก็ตอนนี้แม่ตื่นเต้นนี่นา พอตื่นเต้นก็จะขาดตกบกพร่อง เจ้าอย่าเอาแต่ยืนพูด รีบมาช่วยแม่ดูของหมั้นพวกนี้ว่าถูกต้องครบถ้วนหรือไม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวจนใจ จำต้องเดินขึ้นหน้า กวาดตามองผ่านๆ แวบหนึ่ง พูดอย่างขอไปที “ถูกต้องแล้ว ไม่ขาดเลยสักชิ้น”

 

 

เมิ่งชื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกรอบ นับมานับไป ถึงวางใจลงได้

 

 

หลังจากบรรจุของทั้งหมดดีแล้ว เมิ่งชื่อก็ร้องเรียกเหวินเปียว “เจ้ารีบไปรับแม่สื่อหลิวมา พวกเรารีบไปแต่เนิ่นๆ ทางเข้าเมืองยาวไกล อย่าให้ล่าช้า”

 

 

เหวินเปียวขานรับคำ บังคับรถม้าไปรับแม่สื่อหลิว

 

 

เมิ่งชื่อรบเร้าเมิ่งเชี่ยนโยวอีกครั้ง “รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้าแต่งตัว ประเดี๋ยวแม่สื่อหลิวมาพวกเราจะได้ออกเดินทาง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามาในห้อง เปลี่ยนชุดสีชมพูด แล้วประดับผมด้วยปิ่นผีเสื้อเงินที่เมิ่งฉีซื้อให้ ถึงเดินออกมา

 

 

เมิ่งชื่อไม่พอใจการแต่งตัวของนาง “ปิ่นผีเสื้อเงินดูไร้ราคาเกินไป ไปเปลี่ยนเป็นปิ่นผีเสื้อทองที่อี้เซวียนซื้อให้เจ้าด้ามนั้นดีกว่า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ขยับ “ท่านแม่ วันนี้เป็นวันหมั้นหมายของพี่ใหญ่ ข้าประดับปิ่นปักผมทองจะเด่นสะดุดตาเกินไป”

 

 

“เจ้าจะไปรู้อะไร วันนี้พวกเรามิได้ไปเพื่อหมั้นหมายเท่านั้น ยังไปกู้หน้าคืนให้แม่นางซุนด้วย เราต้องทำให้คนในเมืองรู้ว่า แม่นางซุนได้ครอบครัวที่ดี ภายหน้าพวกเราจะต้องปฏิบัติดีต่อนาง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขบคิดเล็กน้อย รู้สึกว่าเมิ่งชื่อพูดมีเหตุผล จึงเข้าไปเปลี่ยนปิ่นผีเสื้อทองมาประดับบนศีรษะแทน หลังจากเดินออกมา ยืนอยู่หน้าประตู พระอาทิตย์ที่เพิ่งจะพ้นขอบฟ้าสาดแสงกระทบศีรษะนาง เปล่งประกายระยิบระยับไปทั้งเรือนร่าง

 

 

เมิ่งอี้เซวียนสะพายกระเป๋านักเรียนกำลังจะไปเรียนหนังสือ เห็นนางประดับปิ่นผีเสื้อทองที่ตนเองมอบให้ ดวงตาทาบทอแสง ยินดีปรีดา หยุดชะงักฝีเท้า จ้องมองนางเขม็ง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถูกมองจนเริ่มรู้สึกไม่เป็นตัวเอง จงใจพูดเอ็ดเขา “ยังจะยืนเซ่อทำอะไร ยังไม่รีบไปเรียนหนังสือ?”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนเผยรอยยิ้มสุกสกาวเจิดจ้า หันหลังเดินจากไปอย่างอิ่มอกอิ่มใจ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวบ่นอุบอิบ “ตัวเสนียด มาไม้นี้อีกแล้ว”

 

 

เมิ่งชื่อได้ยินนางพูดเอ็ดอี้เซวียน รู้สึกไม่พอใจ “โยวเอ๋อร์ ต่อไปเจ้าดีกับอี้เซวียนให้มากหน่อย อย่าเอาแต่ดุว่าเขา”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลอกตาขาวขึ้นฟ้าอย่างระอาใจ

 

 

เหวินเปียวรับแม่สื่อหลิวเข้ามา สะใภ้เมิ่งต้าจินก็แต่งกายด้วยชุดใหม่เข้ามาพอดี หลังจากที่คนทั้งหมดขึ้นไปบนรถม้า เหวินเปียวและเหวินหู่ก็บังคับรถม้าคนละคันมุ่งหน้าเข้าเมือง

 

 

ซุนซ่านเหรินก็สั่งการบ่าวรับใช้ให้ปัดกวาดเช็ดถูทั่วทั้งเรือนจนสะอาดเอี่ยมแต่เช้าตรู่ จัดวางสิ่งของ รอคนสกุลเมิ่งเข้ามา

 

 

บนรถม้ามีของหมั้นหมาย เหวินหู่ไม่กล้าบังคับรถม้าเร็วเกินไป ใช้เวลาหนึ่งชั่วยามครึ่งถึงมาถึงหน้าประตูบ้านซุนซ่านเหริน

 

 

บ่าวเฝ้าประตูเห็นรถม้าเข้ามา รีบวิ่งเข้าไปรายงาน

 

 

หญิงชราและซุนซ่านเหรินรีบร้อนออกมา ซุนวั่งและภรรยาเดินตามติดมาอย่างไม่ยินดี

 

 

เมิ่งชื่อและคนทั้งหมดลงจากรถม้า หญิงชราเข้าไปต้อนรับอย่างชื่นบาน กล่าวว่า “พวกท่านมาแล้ว เดินทางเหนื่อยสินะ รีบเข้าไปนั่งในบ้านเถอะ”

 

 

แม่สื่อหลิวเอ่ยปาก “อ๊ายโยว ฮูหยินชรา ธรรมเนียมปฏิบัติของพวกเราชนบทคือต้องกางของหมั้นหมายก่อน จากนั้นถึงจะผ่านเข้าประตูได้”

 

 

หญิงชราย่อมเข้าใจเรื่องพวกนี้ดี ที่เชิญพวกเขาเข้าไปเป็นเพียงคำพูดตามมารยาท ได้ฟังก็เอื้อนเอ่ยด้วยความยินดี “ได้ๆๆ กางของหมั้นหมายก่อน”

 

 

สองวันก่อนซุนเชี่ยนขับไล่ขบวนขันหมากของบ้านหูต่อหน้าทุกคน คนในเมืองต่างส่ายหน้าเสียดาย คิดว่าต่อไปแม่นางสกุลซุนคนนี้คงไม่มีใครกล้ามาทาบทามสู่ขอแล้ว ไม่คิดว่าผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ก็มีคนปล่อยข่าวลือว่า คุณหนูสกุลซุนกำลังจะหมั้นหมายแล้ว ผู้คนต่างแตกตื่น คาดเดากันว่านางได้หมั้นหมายกับคนเช่นไร บางคนก็คาดเดาว่าชื่อเสียงซุนเชี่ยนย่อยยับไปแล้ว จะต้องแต่งกับพ่อหม้ายสูงวัย บางคนก็คาดเดาว่าต่อให้หาคู่ที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ก็จะต้องเป็นคนที่มีโรคประจำตัว

 

 

ต่อมาได้ยินว่าเป็นคนชนบท การคาดเดาต่างๆ นานา ก็ยิ่งทวีความรุนแรง ดังนั้นแต่เช้าตรู่ ผู้ปรารถนาดีทั้งหลายจึงมาออกันอยู่หน้าประตูเรือนซุน มาดูว่าซุนเชี่ยนจะได้คนเช่นไรมาสู่ขอ

 

 

เมิ่งชื่อและคนทั้งหมดลงจากรถม้า กลุ่มคนเห็นชายหนุ่มรูปงามใบหน้าเกลี้ยงเกลาหมดจด แต่งกายเหมาะสมเรียบร้อยลงมาจากรถม้า ก็เริ่มส่งเสียงกระซิบกระซาบ กระทั่งแม่สื่อหลิวกางของหมั้นหมายออก ทุกคนต่างก็ถลึงตาโต เพ่งดูว่ามีของสิ่งใดบ้าง

 

 

เหวินเปียวและเหวินหู่จอดรถม้าดีแล้ว นำสิ่งของทั้งหมดบนรถม้าลงมา จัดวางเรียงไว้ทีละอย่างด้านนอกประตู

 

 

กลุ่มคนต่างตาลายกับสิ่งของที่ถูกนำลงมา เป็นผู้ชายดี แค่ผ้าละเอียดเนื้อดีก็แปดพับแล้ว จัดวางเรียงเป็นพับๆ ที่หน้าประตู ภายใต้แสงกระทบสาดส่องของดวงอาทิตย์ ระยิบระยับจนใครก็ลืมตาไม่ขึ้น

 

 

ยังมีขนมชั้นดีเหล่านั้น คนส่วนใหญ่อย่าว่าแต่กินเลย แค่เห็นก็ยังไม่เคยเห็น

 

 

เมิ่งชื่อมองกลุ่มคนด้วยความพึงพอใจ ส่งสัญญาณให้แม่สื่อหลิวเดินไปเปิดกล่องบรรจุเครื่องประดับออก

 

 

แม่สื่อหลิวเดินขึ้นหน้าไปเปิดกล่องเครื่องประดับออก เครื่องประดับครบชุดวางเปิดหลาต่อหน้ากลุ่มคนที่มามุงดู

 

 

กลุ่มคนส่งเสียงสูดลมหายใจเข้าปาก

 

 

แม่สื่อหลิวเปล่งเสียงดังพูด “เดิมทีพวกเราคิดจะสั่งทำเครื่องประดับชุดนี้เป็นพิเศษให้แม่นางซุน แต่เวลากระชั้นชิดเกินไป พวกเราทำได้เพียงซื้อเครื่องประดับชุดนี้มา”

 

 

กลุ่มคนยิ่งสูดลมหายใจแรงกว่าเดิม ต่างคาดเดาว่าซุนเชี่ยนได้คนเช่นไรมาสู่ขอกันแน่

 

 

หญิงชราและซุนซ่านเหรินเห็นบ้านเมิ่งให้เกียรติพวกเขามากเช่นนี้ ต่างดีใจจนยิ้มไม่หุบ

 

 

ซุนวั่งเห็นของหมั้นหมาย กะพริบตาปริบๆ ไม่รู้ว่าคิดอะไร

 

 

เมื่อกางของหมั้นหมายเสร็จ ท่าทีของหญิงชรายิ่งทวีความสนิทสนมเป็นกันเอง นำเมิ่งชื่อและคนทั้งหมดเข้าไปในบ้านด้วยตัวเอง

 

 

ซุนซ่านเหรินกำชับบ่าวรับใช้ให้เก็บของหมั้นหมายเข้ามา

 

 

บรรดาบ่าวรับใช้เข้าๆ ออกๆ หลายรอบ ถึงขนย้ายข้าวของทั้งหมดเข้ามาเสร็จ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด