ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 187-1 เสวนาอย่างลึกซึ้ง

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 187-1 เสวนาอย่างลึกซึ้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ท่านอาจารย์มองนาง ถามอย่างลึกซึ้ง “แม่นางอยากให้อี้เซวียนรับราชการเป็นขุนนาง?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “นี่เป็นปณิธานของเขา ข้าทำได้เพียงช่วยเขาอย่างสุดความสามารถ”

 

 

“แม่นางรู้หรือไม่ว่า หากเขาปรากฏตัวอยู่ในราชสำนัก จะก่อเกิดความปั่นป่วนโกลาหลอย่างไร ทั้งจะทำให้เกิดเหตุการณ์อย่างไรขึ้นบ้าง?” ท่านอาจารย์ถามอย่างมีนัยแฝง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือสิ่งที่เขาปรารถนา ข้าจะต้องทำให้ได้สมความปรารถนา”

 

 

ท่านอาจารย์เงียบขรึม พินิจมองอากัปกิริยาแน่วแน่เด็ดเดี่ยวของนาง ครู่ใหญ่ถึงส่ายหน้า “อภัยที่ข้าไม่อาจรับปากคำขอของแม่นางได้ ดั่งเช่นที่แม่นางเคยกล่าวไว้ ข้าออกห่างจากราชสำนักมาแล้ว ข้าไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับเรื่องจริงๆ เท็จๆ ของที่นั่นอีก ข้าเพียงต้องการเป็นอาจารย์ให้อี้เซวียนสามปี แล้วกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้านอย่างสงบ นับจากนี้ไปจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องทางโลก ขอใช้ชีวิตอยู่เยี่ยงเทพเซียน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มอ่อน “ท่านอาจารย์ผิดแล้ว นับแต่วินาทีที่ท่านรับปากจะสอนสั่งอี้เซวียน ไม่สิ นับแต่วินาทีที่ท่านได้พบอี้เซวียน ท่านก็พัวพันเข้ามาอยู่ในเรื่องจริงเท็จนี้แล้ว ท่านลองคิดดู หากมีวันหนึ่งอี้เซวียนปรากฏกายขึ้นท่ามกลางสายตาผู้คน ก็จะต้องมีคนสืบหาอดีตยิบย่อยของเขาอย่างละเอียดยิบ เรื่องที่ท่านมาเป็นท่านอาจารย์ให้เขาก็จะต้องมีคนรับรู้ ถึงตอนนั้น ท่านยังจะใช้ชีวิตบั้นปลายได้อย่างสงบอีกหรือ?”

 

 

ท่านอาจารย์ตกตะลึง แล้วพูดว่า “ก็แล้วอย่างไร ข้าก็เพียงตอบแทนบุญคุณท่านแม่ทัพฉู่ ถึงสอนสั่งเขา หาได้กระทำสิ่งอื่นไม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวย้อนถาม “ท่านเพิ่งจะออกจากวังหลวง ก็ตรงมาที่นี่ ท่านคิดว่าจะมีคนเชื่อว่าท่านมาเพื่อสอนหนังสือเขาเพียงเท่านั้น?”

 

 

ท่านอาจารย์เริ่มโมโห “แม่นางกำลังข่มขู่ข้าหรือ?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ท่านอาจารย์อยู่ในราชสำนักมานาน น่าจะเข้าใจการเปลี่ยนแปลงทางโลกดีกว่าข้า ดั่งคำกล่าวที่ว่าบุคคลในสถานการณ์นั้นจะมองไม่เห็นรอบด้าน ข้าเพียงแยกแยะข้อดีข้อเสียให้ท่านอาจารย์ก็เท่านั้น”

 

 

ท่านอาจารย์ถามอย่างเย็นเยียบ “แม่นางใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเช่นนี้ ไม่กลัวข้าแพร่งพรายเรื่องชาติกำเนิดของอี้เซวียนหรือ?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเริ่มมีท่าทีขึงขังดุดัน “ชาติกำเนิดของอี้เซวียน สักวันจะต้องถูกเปิดเผย หากท่านอาจารย์ไม่พูด พวกเรายังจะได้อยู่อย่างสงบอีกหลายปี หากท่านพูดออกมา อี้เซวียนก็เพียงต้องกลับไปเร็วขึ้น ข้ามิได้สูญเสียอันใด ไม่แน่ว่าครอบครัวพวกเราจะยังได้รับปูนบำเหน็จอีกเล่า แต่กับท่านก็ไม่เหมือนกันแล้ว บางทีท่านอาจจะต้องกลับไปราชสำนัก หรืออาจจะถูกคนสะกดรอยตามทุกฝีก้าว ชีวิตอย่างสงบสุขคงไม่ได้มีอีก”

 

 

ท่านอาจารย์แค่นเสียงหึ “แม่นางคิดอ่านแยบยลนัก หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ เจ้าคงไม่มาขอร้องให้ข้าสอนวิชาการวางแผนให้เขาหรอก”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถอนหายใจ “ท่านอาจารย์คงยังไม่รู้ บิดาข้าเป็นคนเก็บอี้เซวียนกลับมา เพราะโชคชะตาเล่นตลก บังเอิญช่วยเหลือชีวิตข้าเอาไว้ บิดามารดาข้าซาบซึ้งใจ จึงหมั้นหมายพวกเราเอาไว้ แต่ตอนนี้สถานะของพวกเราแตกต่างกันมาก วันที่ชาติกำเนิดของเขาปรากฎ ก็คือเวลายกเลิกการแต่งงานของพวกเรา ที่ข้าให้ท่านอาจารย์สอนวิชาการวางแผนให้เขา เพราะไม่อยากให้หลังจากที่เขากลับคืนสู่ฐานันดรศักดิ์แล้ว ต้องถูกคนลอบวางแผนเพียงฝ่ายเดียว บิดามารดาข้าฟูมฟักเลี้ยงดูเขามา พวกเราพี่น้องก็รักใคร่กันมาก หากเกิดสิ่งใดขึ้นกับเขา หัวใจของพวกเราก็คงไม่อาจะเป็นสุขไปได้”

 

 

ท่านอาจารย์ไม่เชื่อ “แม่นางคิดเช่นนี้จริงๆ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ข้าขอสาบานต่อฟ้า แต่ละคำที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริง ข้าเกิดในชนบท โตในชนบท เกี่ยวกับเรื่องราวจริงเท็จในเมืองหลวง ข้าไม่เคยสนใจ และไม่อยากข้องเกี่ยว ข้าเพียงต้องการอยู่ดูแลท่านพ่อท่านแม่และคนในครอบครัวใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ขอเพียงเขาสุขสบายดี พวกเราก็จะสบายใจไปด้วย หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเขา เกรงว่าพวกเราก็คงไม่อาจเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนได้ ดังนั้นขอร้องท่านอาจารย์สอนวิชาการวางแผนให้เขา ไม่เพียงเพื่อภายหน้าเขาจะได้มีชีวิตที่สงบสุข ยังได้สร้างความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งให้กับพวกเราด้วย”

 

 

ท่านอาจารย์แค่นเสียงหึอีกครั้ง “พูดมาพูดไป แม่นางก็ยังคงทำเพื่อตัวเอง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “ท่านอาจารย์อย่าได้คิดเช่นนี้ ข้าก็ไม่ขอโต้แย้ง สรุปคือตอนนี้พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว หากต้องการให้คลื่นลมสงบ ก็จักต้องเตรียมการเอาไว้ก่อน”

 

 

ท่านอาจารย์มองประเมินนางอย่างละเอียดอีกครั้ง พูดว่า “ข้าประเมินเจ้าต่ำไปแล้ว ไม่รู้เลยว่าแม่นางจะมีความคิดที่แยบยลเช่นนี้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วส่ายหน้า “ท่านอาจารย์กล่าวเกินไปแล้ว ข้าไฉนเลยจะมีความคิดแยบยล เพียงแค่เตรียมการไว้ล่วงหน้า กันไว้ดีกว่าแก้ก็เท่านั้น”

 

 

ท่านอาจารย์ไม่ได้พูดอะไร นั่งลงขบคิดบนเก้าอี้

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่รบกวนเขา นั่งสงบนิ่งอยู่ข้างๆ

 

 

ผ่านไปชั่วเวลาหนึ่งก้านธูป คล้ายว่าท่านอาจารย์จะตัดสินใจได้แล้ว ถามขึ้น “หากข้าสอนวิชาการวางแผน เมื่อชาติกำเนิดของอี้เซวียนปรากฏ แม่นางพอจะรับปากคำขอร้องสักข้อจากข้าได้หรือไม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวลอบถอนใจโล่งอก ยิ้มพูด “เป็นครูหนึ่งวัน ดั่งบิดาชั่วชีวิต ท่านมีคำขออะไร ขอให้กล่าวมาเถิด อี้เซวียนเป็นคนจิตใจดี จะต้องยอมรับปากท่าน”

 

 

ท่านอาจารย์พยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี ข้ารับปากจะสอนวิชาการวางแผนให้เขา ทว่าข้ามีเงื่อนไข”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทเขา “ข้าทราบ ท่านเพียงสอนเขาว่าต้องคิดอ่านวางแผนอย่างไรก็พอ สำหรับเรื่องอื่นคิดว่าเขาก็คงไม่ได้ใช้”

 

 

ท่านอาจารย์ก็ให้โล่งอก “ได้ นับแต่พรุ่งนี้ไปข้าจะสอนวิชาการวางแผนให้เขา ทว่าเวลาเรียนจำกัด ระเบียบการพักเรียนสองวันคงต้องยกเลิกแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “สองวันนี้จักต้องให้พัก นอกจากเรียนกลอนกวี การวางแผนแล้ว ข้ายังอยากให้เขาเป็นพ่อค้าที่โดดเด่น ภายหน้าแม้นเขาได้กลับคืนสู่ฐานันดรศักดิ์ ก็ไม่แน่ว่าจะเกิดเหตุการณ์พลิกผัน มีการค้าไว้ติดตัว ย่อมจะต้องดีกว่า”

 

 

ท่านอาจารย์กล่าวชื่นชม “แม่นางคิดการณ์ให้อี้เซวียนมากมายนัก เรียกได้ว่าเจ้าได้ปูเส้นทางในอนาคตไว้ให้เขาเป็นอย่างดีแล้ว ไม่ว่าเขาเดินไปทางไหน ก็จะราบรื่นไร้อุปสรรค”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ท่านอาจารย์กล่าวผิดแล้ว ไม่เพียงอี้เซวียน ทั้งพี่ชาย น้องชายของข้า ข้าก็คิดการณ์ไว้ให้พวกเขาหมดแล้ว”

 

 

ท่านอาจารย์กล่าวชื่นชมอีกครั้ง “ครอบครัวชาวนาเล็กๆ ครอบครัวหนึ่ง มีหญิงสาวอัศจรรย์เยี่ยงเจ้ามาเกิดได้ ไม่รู้ว่าต้องสะสมบุญบารมีมากี่ภพชาติ”

 

 

เห็นท่านอาจารย์ยอมรับปากคำขอร้องของตนเองแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็กล่าวลาจากไป ท่านอาจารย์มองดูแผ่นหลังนางจากไปไกล ทอดถอนใจฟ้าดินช่างเล่นตลกนัก คิดว่าหากผู้หญิงเช่นนี้เติบโตอยู่ในเมืองหลวง ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตที่รุ่งโรจน์เพียงใด จากนั้นก็กล่าวเตือนคนในครอบครัวตัวเอง ต่อไปเมื่อพบเมิ่งเชี่ยนโยวจะต้องเคารพเกรงใจ อ่อนน้อมมีมารยาท ไม่ว่าใครก็ห้ามล่วงเกินนางเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะถูกลงโทษด้วยกฎบ้าน

 

 

วันถัดมา ท่านอาจารย์บอกเมิ่งอี้เซวียนนับจากนี้ไปตอนเช้าเรียนหนังสือ ตอนบ่ายเรียนวิชาการวางแผน

 

 

เมิ่งอี้เซวียนมุ่งมั่นแต่จะเดินตามเส้นทางขุนนาง ย่อมรู้ว่าวิชาการวางแผนสำคัญต่อตนเองเป็นที่สุด ได้ฟังท่านอาจารย์พูดจบก็ให้ยินดีปรีดา รีบกล่าวขอบคุณอย่างมีมารยาท

 

 

ท่านอาจารย์ไม่ได้บอกว่านี่เป็นคำขอร้องของเมิ่งเชี่ยนโยว เพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย พูดว่า “เจ้าต้องจำไว้ให้ดี วิชาการวางแผน มิได้นำมาวางแผนหาประโยชน์ แต่มีไว้เพื่อวางแผนรับมือต่อจิตใจคน ไม่ว่าภายหน้าเจ้าจะอยู่ในตำแหน่งใด ก็ห้ามสูญเสียความเป็นคน และต้องระวังอย่าให้ใครมาคิดวางแผนต่อเจ้าได้”

 

 

อี้เซวียนพยักหน้าเหมือนเข้าใจเหมือนไม่เข้าใจ

 

 

ผ่านไปอีกสิบกว่าวัน อาคารเรือนสร้างเสร็จหมดแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวทำเหมือนครั้งก่อน จ่ายเงินค่าแรงให้ทุกคนในวันเดียวกันนั้นเลย ช่างใหญ่ช่างเล็กที่โหย่วเหรินพามาต่างพากันปิติยินดี

 

 

โหย่วเหรินก็ดีใจพูดอย่างเกรงใจ “แม่นางเมิ่ง ต่อไปบ้านพวกท่านปลูกเรือนอีกก็ให้คนมาส่งข่าวบอกข้า ข้ารับประกันจะสร้างให้สวยสดงดงามทีเดียว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะพูด “ท่านอาโหย่วเหริน ข้ามีเรือนมากพอแล้ว ข้าคงไม่เชิญท่านมาอีกแล้ว”

 

 

โหย่วเหรินลูบหัวแก้เก้อ หัวเราะแหะๆ

 

 

คนที่มาทำงานจากหมู่บ้านข้างๆ ก็ดีใจลิงโลด เดิมทีบอกเพียงว่าให้มาทำความสะอาดที่ดิน ไม่คิดว่าทำความสะอาดที่ดินเสร็จแล้ว ยังได้ปลูกเรือนต่อด้วย ไม่เพียงได้กินผัดผักรวมที่มีเนื้อ แต่ละคนยังหาเงินได้หนึ่งตำลึงกว่า นี่เป็นเรื่องดีที่จุดโคมไฟก็ยังหาไม่เจอ

 

 

คนในหมู่บ้านมองดูเรือนหลังใหญ่ซ้อนเป็นแถว แม้จะริษยาเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่รู้ว่ามีไว้ใช้ทำอะไร ต่างวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา

 

 

คนบ้านเมิ่งไม่มีใครได้ยินเสียงวิพากษ์เหล่านี้ ยังคงทำงานในมือตนอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด