ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 202 เทียบเชิญงานมงคล

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 202 เทียบเชิญงานมงคล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมิ่งเชี่ยนโยวเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ คิดจะเอาเสื้อผ้าออกไปซัก กลับรู้สึกที่ท้องมีอาการบีบรัดรุนแรง ขมวดคิ้วนิ่วหน้า

 

 

เมิ่งชื่อกำชับนาง “เจ้ารีบไปเอนตัวนอน แม่จะไปชงน้ำตาลแดงมาให้สักถ้วย ค่อยไปซักผ้า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ล้มตัวลงนอนบนเตียงเตา

 

 

เมิ่งชื่อเดินหน้าตั้งออกมาจากห้องอีกครั้ง

 

 

เมิ่งอี้เซวียนทนไม่ไหวแล้ว เอ่ยปากถาม “ท่านแม่ โยวเอ๋อร์บาดเจ็บหนักหรือไม่?”

 

 

เมิ่งชื่อพูดอย่างหน้าระรื่น “โยวเอ๋อร์มิได้ได้รับบาดเจ็บหรอก นางโตเป็นสาวแล้ว เจ้ารู้หรือไม่?”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนย่อมไม่รู้เรื่องพวกนี้

 

 

เมิ่งชื่อก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายให้เขาฟังอย่างไร พูดรวบรัด “นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของผู้หญิง เจ้าไม่ต้องถามแล้ว”

 

 

“ข้าเข้าไปดูนางได้หรือไม่?” เมิ่งอี้เซวียนถามอย่างระวัง

 

 

เมิ่งชื่อโบกมือ “ไปเถอะ แม่จะไปชงน้ำตาลแดงให้นาง”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนเข้ามาในห้อง เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวนอนบนเตียงเตาใบหน้ามีเหงื่อเม็ดโต รีบล้วงผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมา ช่วยซับให้นางอย่างแผ่วเบา ถามด้วยเสียงละมุน “เจ็บมากหรือ?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเจ็บราวกับเนื้อตัวจะแตกเป็นเสี่ยง รวดร้าวไปหมดทั้งร่าง ไหนเลยจะมีแก่ใจตอบได้

 

 

เมิ่งอี้เซวียนมองนางอย่างปวดใจ คอยซับเหงื่อที่ซึมผุดออกมาไม่หยุดให้นาง

 

 

เมิ่งชื่อยกถ้วยน้ำตาลแดงเข้ามา เมิ่งเชี่ยนโยวฝืนยันกายลุกขึ้น ดื่มลงไปทั้งหมด แล้วล้มตัวกลับไปนอนตามเดิม

 

 

เมิ่งชื่อห่มผ้าให้นาง พูดกับเมิ่งอี้เซวียน “พวกเราออกไปเถอะ ให้นางหลับสักตื่นก็จะดีขึ้น”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนมองนางอย่างเป็นห่วงแวบหนึ่ง ลุกขึ้นเดินออกไป

 

 

เมิ่งชื่อหยิบเสื้อผ้าเปรอะเปื้อน เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับนาง “ท่านแม่ อย่าลืมว่าทำความสะอาดรถม้าด้วย”

 

 

เมิ่งชื่อพยักหน้า หลังจากทำความสะอาดเบาะนั่งในรถม้า ก็มาทำแผ่นระดูจำนวนหนึ่งให้นางอย่างว่องไว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้กินแม้แต่ข้าวเที่ยง เอาแต่นอนลุกไม่ขึ้นครึ่งค่อนวัน กระทั่งยามค่ำ ถึงรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย ฝืนผยุงตัวลุกขึ้นมาดื่มโจ๊กถ้วยหนึ่ง แล้วล้มตัวนอนบนเตียงเตา สะลึมสะลือหลับไปอีกครั้ง ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่ รู้สึกว่ามีคนจ้องมองตัวเอง พลันลืมตาโพลง กลับเห็นเมิ่งอี้เซวียนกำลังยืนข้างเตียงเตา เอาแต่มองตัวเองด้วยสีหน้าเป็นกังวล

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเอ็ดเขา “ดึกดื่นค่อนคืนไม่หลับไม่นอน เข้ามาในห้องข้าจะให้ข้าตกใจตายหรือไร”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนไม่คิดว่านางจะตื่นกะทันหัน ก็ให้ตกใจสะดุ้ง แม้จะถูกเอ็ด แต่ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ข้าเป็นห่วงเจ้า จึงเข้ามาดู”

 

 

หลังจากเข้ารับการฝึกในองค์กร นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนอยู่ใกล้ตัวเองเช่นนี้แล้วถึงสะดุ้งตื่นขึ้นมา หงุดหงิดงุ่นง่านใจ น้ำเสียงดุดันกระแทกกระทัน “ข้าจะเป็นอะไรได้ รีบกลับไปนอนที่ห้องเจ้าได้แล้ว”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนไม่ขยับ เม้มริมฝีปาก “เจ้านอนก่อนเถอะ รอให้เจ้าหลับก่อนข้าถึงจะกลับไป”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งให้บันดาลโทสะ พูดเกรี้ยวกราด “รีบไสหัวไป คราวหน้าหากไม่ได้รับการอนุญาตจากข้าก็เข้ามาในห้องข้า ข้าจะหักขาเจ้าทิ้ง”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนไม่กล้ายืนหยัดอีก หันหลังเดินออกไปจากห้อง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโล่งใจลง นอนครุ่นคิดบนเตียงเตา “หรือตนเองใช้ชีวิตอย่างสุขสบายนานเกินไปแล้ว ไร้การระแวดระวังโดยสิ้นเชิง กระทั่งเมิ่งอี้เซวียนเข้ามาตอนไหนก็ยังไม่รู้”

 

 

เมิ่งชื่อบอกว่าในช่วงเวลานี้ผู้หญิงจะเป็นไข้ไม่ได้เด็ดขาด ทั้งห้ามทำงานหนัก ให้เมิ่งเชี่ยนโยวนอนบนเตียงเตาสามวันถึงอนุญาตให้นางลงมาได้

 

 

สำหรับเมิ่งเชี่ยนโยวสามวันนี้ช่างยาวนานเหมือนสามปี หลังจากได้รับการอนุญาตจากเมิ่งชื่อ ก็รีบถลึงตัวลุกขึ้น กระโดดเหยงๆ ไปมา ยืดเหยียดร่างกายที่ใกล้จะขึ้นราของตัวเอง

 

 

เมิ่งชื่อเห็นท่าทีของนาง ยิ้มเอ็ด “เพราะแม่หวังดีกับเจ้าหรอก หากเจ้าไม่ระวังป่วยไข้ขึ้นมา จะส่งผลเสียต่อสุขภาพภายหน้าได้ แต่ดูเจ้าเถิด ทำเหมือนกับได้รับทุกข์เวทนาครั้งใหญ่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรีบเข้าไปคล้องแขนนาง พูดประจบเอาใจ “ข้าทราบว่าท่านแม่ดีกับข้าที่สุด ข้าเพียงแค่อยู่ว่างไม่ได้เท่านั้น”

 

 

เมิ่งชื่อจิ้มหน้าผากนางอย่างเอ็นดู “เจ้านี่นะ…”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแลบลิ้นซุกซน

 

 

เมิ่งชื่อหัวเราะร่วน

 

 

พอคิดว่าตัวเองไม่ได้ออกจากบ้านสามวัน ไม่รู้ว่าโรงงานมันฝรั่งแผ่นเป็นอย่างไรบ้าง เมิ่งเชี่ยนโยวร้องบอกเมิ่งชื่อ แล้วออกมาโรงงานมันฝรั่งแผ่น

 

 

อากาศร้อนแล้ว เหล่าหญิงสาวในโรงงานมันฝรั่งแผ่นต่างถูกอบจนเหงื่อซึมไปทั้งร่าง กลัวเม็ดเหงื่อจะไหลย้อยลงกระทะ ต้องคอยเช็ดเหงื่อไม่หยุด

 

 

สะใภ้เมิ่งต้าจินเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามา ร้องทักทายนาง “โยวเอ๋อร์ เจ้ามาแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า เห็นสภาพร้อนระอุของเหล่าหญิงสาว ขบคิดว่าควรหาคนมาเพิ่มหรือไม่ ให้พวกนางได้ผลัดเปลี่ยนกัน ต่อไปอากาศจะยิ่งร้อนกว่านี้ หากมีคนเป็นลมไปจะยุ่งยาก คิดถึงตรงนี้ หันไปถามสะใภ้เมิ่งต้าจิน “ท่านป้าใหญ่ ท่านลองไปดูว่าในหมู่บ้านยังมีคนที่ทำงานคล่องแคล่วอีกหรือไม่ เรารับคนเพิ่มอีกหน่อยเถอะ”

 

 

สะใภ้เมิ่งต้าจินเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก “อาสะใภ้สามเจ้ายังว่างอยู่ ให้นางมาช่วยเถอะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เห็นด้วย “อีกไม่กี่วันข้ายังมีงานอื่นให้อาสะใภ้สามช่วย ไม่ต้องให้นางเข้ามา”

 

 

สะใภ้เมิ่งต้าจินได้ยินว่านางเตรียมการไว้แล้ว พูดว่า “เอาไว้ช่วงค่ำหลังเลิกงานป้าจะไปหาคนมาให้เพิ่มก็แล้วกัน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาในห้องบรรจุมันฝรั่งแผ่น เปิดมันฝรั่งแผ่นห่อหนึ่งออกลิ้มรส พยักหน้าพอใจ มองดูมันฝรั่งแผ่นที่วางกองเต็มครึ่งห้องแล้ว ตัดสินใจรออีกสองวันให้ตัวเองหายดีก่อน ค่อยนำไปส่งให้อันอี่หยวนด้วยตัวเอง

 

 

เดินวนรอบโรงงานหนึ่งรอบ เห็นทุกคนทำงานได้เป็นระบบระเบียบดี กำชับทุกคนว่าหากร้อนจนทนไม่ไหว ก็ให้พักสักครู่ จากนั้นเมิ่งเชี่ยนโยวก็เดินกลับออกมา เพิ่งจะเดินมาถึงหน้าบ้าน ด้านหลังก็มีม้าเชือกหนึ่งวิ่งเข้ามา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดฝีเท้า หันกลับไปดู

 

 

อึดใจเดียวม้าก็วิ่งเข้ามาอยู่ในสายตา คนบนม้าเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวยืนอยู่หน้าประตู รีบกระตุกให้ม้าหยุด พลิกตัวลงจากหลังม้า เดินมาตรงหน้านาง พูดอย่างนอบน้อม “แม่นางเมิ่ง คุณชายของพวกเราให้นำจดหมายนี้มามอบให้ท่านขอรับ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้รับมา พิจารณาเขาอย่างละเอียด ไม่รู้จักว่าเป็นใคร ถามขึ้นอย่างกังขา “คุณชายของพวกเจ้าเป็นใคร?”

 

 

ผู้ที่มาตอบอย่างอ่อนน้อม “คุณชายของข้าก็คือเปาอีฝาน คุณชายเปาขอรับ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวร้อง “อ่อ” รับจดหมายมาเปิดดู ด้านในเป็นเทียบเชิญมงคลแผ่นหนึ่ง เมื่อเปิดเทียบเชิญออก กวาดตามองแล้วพูดด้วยความปิติ “คุณหนูซุนและเปาอีฝานจะแต่งงานกันแล้ว?”

 

 

ผู้ที่มาพยักหน้า “คุณชายกล่าวว่า อีกสามวันให้หลังแม่นางจะต้องเข้าไปร่วมอวยพร”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตื่นตกใจ มองดูวันเวลาอย่างละเอียด เป็นอีกสามวันให้หลังจริงๆ ถามผู้ที่มาอย่างตื่นตระหนก “รีบด่วนเช่นนี้เลยหรือ?”

 

 

ผู้ที่มาอธิบาย “ฤกษ์แต่งงานกำหนดไว้ตั้งแต่กลางเดือนก่อนแล้ว คุณชายของเรามัวแต่ตระเตรียมจัดงานแต่งงาน ดังนั้นเทียบเชิญทั้งหมดจึงเพิ่งจะได้แจกจ่ายวันนี้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงกังขา รู้สึกตะหงิดๆ ว่างานแต่งของเปาอีฝานปัจจุบันทันด่วนเกินไป ทว่าก็มิได้ถามมาก พูดกับคนที่มา “บอกคุณหนูซุนและคุณชายของเจ้าด้วยว่า ข้าจะเข้าไปล่วงหน้าหนึ่งวัน”

 

 

ผู้ที่มารับคำ “ข้ากลับไปแล้วจะนำความบอกแก่คุณชายของพวกเรา หากแม่นางไม่มีเรื่องอันใดแล้ว ข้าขอตัวลา”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า

 

 

ผู้ที่มาหันหัวม้า พลิกตัวขึ้นหลังม้า ห้อตะบึงจากไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูเทียบเชิญในมือ ไม่ได้กลับเข้าบ้าน เดินมายังโรงงานกระเป๋านักเรียน ชูเทียบเชิญในมือแล้วพูดกับเมิ่งชื่อ “ท่านแม่ คุณหนูซุนและคุณชายเปาจะแต่งงานกันในอีกสามวันให้หลัง”

 

 

เมิ่งชื่อได้ฟังก็พูดด้วยความยินดี “ดีเหลือเกิน พวกเราจะต้องเตรียมของขวัญอย่างพิถีพิถัน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ข้าเองก็คิดเช่นนี้ จึงเข้ามาปรึกษากับท่าน พวกเราควรเตรียมของขวัญเช่นไรถึงจะเหมาะสม”

 

 

เมิ่งชื่อได้ฟังก็ให้ลำบากใจ เวลาที่คนบ้านนอกแต่งงาน ครอบครัวที่ฐานะดีจะให้เงินอีแปะจำนวนหนึ่ง ครอบครัวที่ฐานะไม่ดีจะให้เป็นสิ่งของแสดงถึงน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ของตัวเอง มีเพียงคนสนิทถึงจะให้ผ้าหนึ่งพับ ตนเองไฉนเลยจะรู้ว่าควรเตรียมของขวัญอย่างไร

 

 

หลังจากที่ทะลุมิติเข้ามา เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เคยพบเจอเรื่องทำนองนี้ ยิ่งไม่มีความรู้เลย

 

 

สะใภ้ใหญ่โจวเห็นสองแม่ลูกไม่รู้จะตระเตรียมสิ่งของอย่างไร จึงหยั่งเชิงเอ่ยปากพูด “ตอนที่พวกเราอยู่เมืองหลวง หากเป็นแม่นางที่สนิทสนมกันแต่งงาน จะมอบเครื่องประดับมีราคาให้ หากพวกท่านไม่รู้จริงๆ ว่าควรเตรียมของขวัญเช่นไร ไม่เช่นนั้นก็ซื้อเครื่องประดับสักชิ้นให้นาง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถึงกระจ่างแจ้ง “จริงด้วย ความคิดนี้ดี ข้าจะเข้าไปในเมืองซื้อเครื่องประดับให้นางเดี๋ยวนี้” พูดจบหันหลังเดินออกไป ทว่าเดินได้ไม่กี่ก้าว ก็หันหลังกลับเดินมาข้างสะใภ้ใหญ่โจว พูดว่า “ท่านอาศัยในเมืองหลวงมานาน จะต้องรู้ว่าเครื่องประดับเช่นไรถึงจะดี เอาอย่างนี้เถอะ ท่านตามข้าเข้าไปในเมือง ไปช่วยข้าเลือกซื้อด้วยกัน”

 

 

สะใภ้ใหญ่โจวปฏิเสธตามความเคยชิน “แม้ข้าจะอาศัยอยู่ในเมืองหลวงมาหลายปี แต่ก็มิได้เจนจัดในเรื่องเครื่องประดับนัก เกรงจะทำให้เจ้าเสียเรื่องไปเปล่า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ไม่ว่าอย่างไร ท่านก็ดีกว่าคนบ้านนอกอย่างพวกเรา ข้าก็มิได้จะร้องขอให้ดีเลิศ ขอเพียงท่านเห็นว่าใช้ได้ก็เป็นพอ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดถึงขั้นนี้แล้ว สะใภ้ใหญ่โจวไม่อาจปฏิเสธได้อีก จึงตบปากรับคำ หันไปพูดกับสะใภ้โจวเล็ก “ตอนเจ้ากลับไปยามเที่ยงจงแจ้งแก่คนในครอบครัวด้วย บอกว่าข้าเข้าเมืองไปกับแม่นาง ให้พวกเขาไม่ต้องเป็นห่วง”

 

 

สะใภ้โจวเล็กพยักหน้า

 

 

สะใภ้ใหญ่โจวเดินตามเมิ่งเชี่ยนโยวออกมาจากโรงงานกระเป๋านักเรียน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวให้นางรอประเดี๋ยว เดินไปหาเหวินเปียวที่เรือนรอง สั่งเขาและเหวินหู่ให้บังคับรถม้าออกมา ตนเองจะเข้าไปในเมือง

 

 

เหวินเปียวและเหวินหู่รับคำ รีบเก็บกวาดรถม้าแล้วบังคับออกมาจอดรอหน้าประตูใหญ่

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้าไปหยิบเงินในบ้าน เห็นรถม้าออกมาก็เดินไปขึ้นรถม้าพร้อมสะใภ้ใหญ่โจว ทั้งกลัวสะใภ้ใหญ่โจวจะโคลงเคลง กำชับเหวินเปียวให้บังคับช้าลง

 

 

เหวินเปียวขานรับ ผ่อนความเร็วลง บังคับรถม้าอย่างมั่นคง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวและสะใภ้ใหญ่โจวพูดคุยสนทนา ฟังนางเล่าเรื่องในเมืองหลวง ไม่ทันไรก็มาถึงตัวเมืองอย่างไม่รู้ตัว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเลิกม่านรถออก บอกทางเหวินเปียวจนมาถึงหน้าร้านเครื่องประดับที่เคยมาซื้อช่วงก่อนปีใหม่

 

 

เหวินเปียวจอดรถม้าสนิท ทั้งสองคนลงจากรถม้า เดินเข้าไปในร้านเครื่องประดับ

 

 

พนักงานในร้านเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวก็จำได้ทันที รีบเข้ามาทักทายอย่างกระตือรือร้น “แม่นาง ท่านมาแล้ว ต้องการเครื่องประดับอย่างไรขอรับ?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวชี้สะใภ้ใหญ่โจว “วันนี้ฮูหยินท่านนี้ต้องการซื้อเครื่องประดับ ข้าเพียงแค่ตามนางมาด้วย”

 

 

พนักงานพินิจมองสะใภ้ใหญ่โจวเห็นนางแต่งตัวไม่ธรรมดา ดูสง่างามสูงศักดิ์ ท่าทียิ่งทวีความมีมิตรไมตรี “ฮูหยิน ท่านต้องการเครื่องประดับแบบใด ข้าจะช่วยแนะนำให้ท่านเอง”

 

 

สะใภ้ใหญ่โจววางตัวเหมือนตอนอยู่ในเมืองหลวง ไม่เอ่ยวาจา เริ่มจากมองดูเครื่องประดับในตู้แสดง แล้วถามพนักงาน “เครื่องประดับของพวกเจ้าล้วนอยู่ในนี้ทั้งหมดหรือ? ยังมีที่ดีกว่านี้หรือไม่?”

 

 

พนักงานลนลานรับคำ “มีๆๆ ไม่ทราบว่าฮูหยินต้องการแบบใด ข้าจะไปนำออกมาให้ท่านดู”

 

 

สะใภ้ใหญ่โจวนั่งบนเก้าอี้ที่เตรียมไว้ภายในร้าน มองพนักงานแวบหนึ่ง

 

 

พนักงานรายนั้นหุนหันหันไปบอกกับพนักงานอีกคน “เหวินจื่อ รีบไปชงน้ำชามาหนึ่งกา”

 

 

พนักงานที่ชื่อเหวินจื่อขานรับ วิ่งแนบออกไปหลังร้าน ไม่นานน้ำชาหนึ่งกาก็ถูกยกเข้ามา รินให้สะใภ้ใหญ่โจวและเมิ่งเชี่ยนโยวคนละถ้วย

 

 

สะใภ้ใหญ่โจวยกถ้วยชาขึ้น เป่าน้ำชาที่ร้อนกรุ่นอย่างไม่รีบไม่ร้อน หลังจากดื่มอย่างระวังหนึ่งคำ ถึงวางถ้วยชาลง หันไปพูดกับพนักงาน “นำเครื่องประดับชั้นดีของร้านนี้ออกมาทั้งหมด พวกเราจะเลือกสรรอย่างละเอียดถี่ถ้วน”

 

 

ได้ฟังเช่นนี้ พนักงานรู้ทันทีว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่ รีบกลับเข้าไปหลังโต๊ะคิดเงิน นำเครื่องประดับชั้นดีด้านล่างโต๊ะคิดเงินทั้งหมดออกมา วางไว้บนโต๊ะตรงหน้าคนทั้งสอง แล้วเปิดกล่องทีละใบออก พูดอย่างเอาอกเอาใจ “เครื่องประดับในร้านพวกเราอยู่ตรงนี้หมดแล้ว เชิญท่านดูก่อน มีที่ถูกใจหรือไม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นปฏิกิริยาที่ยิ่งอ่อนน้อมของพนักงาน แล้วมองดูการวางตัวอย่างไม่สะทกสะท้านของสะใภ้ใหญ่โจว อดยกนิ้วหัวแม่มือให้สะใภ้ใหญ่โจวไม่ได้

 

 

สะใภ้ใหญ่โจวเห็นท่าทีของนาง ก็ยิ้มขำ

 

 

สะใภ้ใหญ่โจวมองดูทีละชิ้น หยิบกำไลมังกรหงส์มหามงคลขึ้นมา ถามขึ้น “ชิ้นนี้ราคาเท่าใด?”

 

 

พนักงานตอบอย่างชื่นบาน “กำไลชิ้นนี้เป็นเครื่องประดับที่ดีที่สุดของร้านพวกเรา เพิ่งจะมาถึงเมื่อไม่กี่วันก่อน สองพันตำลึงขอรับ”

 

 

สะใภ้ใหญ่โจวมือสั่นเล็กน้อยอย่างไม่ทันสังเกตเห็น จากนั้นวางกำไลลงไปในกล่องอย่างไม่รีบไม่ร้อน พูดว่า “แพงเกินไป ให้หลงจู๊ของพวกเจ้าออกมาตกลงราคาหน่อยเถิด”

 

 

เครื่องประดับราคาสองพันตำลึงมีมูลค่าสูง จะต้องมีส่วนลดให้ลูกค่าเท่าใดนั้น พนักงานก็ตัดสินใจไม่ได้ ได้ยินสะใภ้ใหญ่โจวพูดเช่นนี้ จึงรีบพูดว่า “ฮูหยินรอสักครู่ ข้าจะไปเชิญหลงจู๊มาเดี๋ยวนี้” พูดจบ วิ่งแนบออกไปด้านหลัง

 

 

สะใภ้ใหญ่โจวแสร้งทำเป็นดื่มชา ใช้แววตามองถามเมิ่งเชี่ยนโยวว่าได้หรือไม่?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด