ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 205 ได้รับพิษ

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 205 ได้รับพิษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เปาอีฝานพาคนทั้งหมดเข้ามาในห้องตัวเอง สั่งบ่าวรับใช้ไปนำกระดาษพู่กันมา วางไว้บนโต๊ะ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบพู่กันขึ้น ขบคิดเล็กน้อย แล้วจรดปลายพู่กันเขียนตัวยาออกมาอย่างว่องไว 

 

 

เปาอีฝานเห็นนางวางพู่กันลง ก็เข้าไปหยิบใบสั่งยา สั่งการบ่าวรับใช้ให้รีบไปจัดยา 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยับยั้งเขา หยิบใบสั่งยาในมือหันไปพูดกับเซี่ยเจียงเฟิงและจูหลาน “คุณชายเซี่ย คุณชายจู ใบสั่งยาของข้ามีตัวยาสองชนิดที่ค่อนข้างหายาก รบกวนทั้งสองท่านไปจัดมาด้วยตัวเองเถิด” 

 

 

ทั้งสองคนย่อมไม่ปฏิเสธ รับใบสั่งยามา 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับพวกเขาอีกครั้ง “หลังจากจัดยามาแล้ว ห้ามส่งผ่านมือผู้ใดเด็ดขาด พวกท่านจะต้องนำมาให้ข้าด้วยตัวเอง” 

 

 

ทั้งสองพยักหน้า รับปาก ถือใบสั่งยารีบเดินจากไป 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยกยิ้มหันไปพูดกับอันอี่หยวนอีกว่า “คุณชายอัน ใช้โอกาสยามว่างในตอนนี้ ท่านจงนำมันฝรั่งแผ่นหนึ่งพันห่อส่งไปยังร้านค้าของท่านพร้อมพี่ชายข้าเถอะ คนที่ข้าพามาจะได้พักบ้าง” 

 

 

อันอี่หยวนคิดว่าตัวเองนั่งอยู่ที่นี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ จึงพยักหน้ารับปาก จากไปพร้อมเมิ่งเสียน 

 

 

เปาอีฝานเห็นนางไล่คนออกไปจนหมด เกิดข้อกังขาในใจ กระทั่งคนทั้งหมดไปไกลแล้ว ถึงเอ่ยปากพูด “พูดมาเถอะ ท่านแม่ข้าป่วยเป็นอะไรกันแน่?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บคืนสีหน้า นั่งลงบนเก้าอี้ เอ่ยปากด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ฮูหยินเปามิได้เจ็บป่วย แต่ได้รับพิษ” 

 

 

เปาอีฝานถลึงตัวลุกขึ้น ถามอย่างตกใจสุดขีด “ท่านแม่ข้าได้รับพิษ?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “หากช้ากว่านี้อีกสองสามวัน คงหมดหนทางเยียวยาฮูหยินเปาแล้วจริงๆ” 

 

 

เปาอีฝานตะลึงงันอยู่ตรงนั้น ครู่หนึ่งถึงพูดขึ้น “ท่านแม่กินอยู่เหมือนกับพวกเรา สิ่งของเครื่องใช้ทั้งหมดก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง จะได้รับพิษได้อย่างไร?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “เรื่องนี้ข้าก็ไม่อาจรู้ได้แล้ว” 

 

 

“เช่นนั้นท่านแม่ข้าจะมีอันตรายถึงแก่ชีวิตหรือไม่ เจ้าพอจะถอนพิษได้หรือไม่?” เปาอีฝานร้อนรนถาม 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ “ย่อมต้องถอนได้ ทว่าด้วยสภาพร่างกายในตอนนี้ของฮูหยินเปา เกรงจะต้องทนทรมานไม่น้อย” 

 

 

เปาอีฝานกล่าวด้วยน้ำเสียงทวีความร้อนรน “ขอเพียงถอนพิษให้นางได้ ต้องทนทรมานมากเพียงใดก็ไม่เป็นไร รบกวนเจ้าแล้ว” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ด้วยความสัมพันธ์อันดีระหว่างเรา ท่านไม่จำเป็นต้องกล่าววาจาเกรงใจนี้ ข้าก็ต้องช่วยฮูหยินเปาถอนพิษอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ทว่า ท่านควรจะตรึกตรองดูหรือไม่ ใครกันที่บังอาจกล้าวางยาฮูหยินเปาของใต้เท้าเปา หากไม่หาตัวคนวางยา ต่อให้ครั้งนี้ข้าช่วยนางถอนพิษได้ เกรงว่าภายหน้าก็อาจจะถูกวางยาได้อีก ถึงตอนนั้นคงจะช่วยอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ” 

 

 

เปาอีฝานค่อยๆ ปรับเปลี่ยนความรู้สึก น้ำเสียงแฝงความฉุนเฉียว “สืบ ข้าย่อมต้องสืบ ต่อให้ต้องพลิกทั้งศาลาว่าการหา ข้าก็ต้องหาตัวคนวางยาออกมา แล้วแยกร่างมันเป็นหมื่นๆ ชิ้น” 

 

 

“จากที่ข้าจับชีพจรให้นางเมื่อครู่ ฮูหยินเปาได้รับพิษมาหนึ่งเดือนกว่าแล้ว อาการเริ่มแรกของพิษนี้มองผิวเผินจะเหมือนเป็นไข้ลม หมอทั่วไปจะดูไม่ออก ดังนั้นจึงแค่ออกยารักษาอาการไข้ลม บางทีคนวางยาอาจจะกลัวว่าพวกท่านจะดูออก จึงวางยาปริมาณน้อยมาก แต่ว่าน่าจะคอยให้ยานี้กับฮูหยินเปาทุกวัน ดังนั้นร่างกายของนางถึงแย่ลงเรื่อยๆ” 

 

 

เปาอีฝานนิ่งงงอีกครั้ง “ให้ยาทุกวัน?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ดูท่าแล้ว คนที่วางยาน่าจะมีสองแบบ” 

 

 

เปาอีฝานตกใจกับข่าวนี้จนไม่เหลือแรงกำลังขบคิดแล้ว ได้แต่ถามโพล่งออกไป “สองแบบไหน?” 

 

 

“แบบแรกคือคนวางยามีวรยุทธ์สูงส่ง ทุกวันจะเข้ามาวางยาในอาหารของฮูหยินเปาได้โดยไม่มีใครรู้ใครเห็น อีกแบบคนที่วางยาเป็นคนสนิทข้างกายฮูหยินเปาเอง” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด 

 

 

ฟังนางวิเคราะห์จบ เปาอีฝานตัดแบบแรกออกไปทันที “พวกเราพำนักอยู่ในศาลาว่าการ หากจะคิดเข้ามาวางยาโดยไม่มีใครรู้ใครเห็นทุกวัน ต่อให้มีวรยุทธ์ล้ำเลิศ ก็ไม่มีทางจะไม่ถูกคนจับได้ ขอเพียงเป็นคนที่มีสมองย่อมไม่มีทางเลือกวิธีนี้” 

 

 

“เช่นนั้นก็เป็นแบบที่สอง เป็นคนสนิทข้างกายฮูหยินเปาที่ลงมือวางยา” 

 

 

เปาอีฝานก็ส่ายหน้าปฏิเสธอีก “สาวรับใช้ข้างกายมารดาข้าล้วนอยู่รับใช้ปรนนิบัตินางมาหลายปีแล้ว ตอนซื้อตัวพวกนางมาข้าก็ได้ตรวจสอบถี่ถ้วน ล้วนเป็นหญิงสาวที่ครอบครัวแร้นแค้น ไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ ถึงต้องจำยอมขายพวกนางมา พวกนางไม่มีเหตุผลจะกระทำเช่นนี้ สำหรับบ่าวรับใช้ ยิ่งไม่มีทาง พวกเขาต่างก็ติดตามบิดาข้ามาหลายปีแล้ว” 

 

 

“มีคำกล่าวว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ ท่านตรวจสอบให้ดีอีกรอบเถอะ ต้องจับตัวคนวางยาออกมาให้ได้ ไม่เช่นนั้นปัญหาจะตามมาไม่จบสิ้น” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด 

 

 

เปาอีฝานขมวดคิ้วนิ่วหน้าครุ่นคิด เปล่งเสียงตะโกนออกไปด้านนอก “ออกไปดูด้านหน้า หากบิดาข้าไม่มีธุระใด บอกให้เขาเข้ามา บอกว่าข้ามีเรื่องสำคัญจะปรึกษา” 

 

 

“ทราบแล้วขอรับคุณชาย” นอกประตูมีคนขานรับ เสียงฝีเท้าเร่งเร้าจากไป 

 

 

เปาอีฝานขมวดคิ้วขบคิดเรื่องการวางยา เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งนิ่งเงียบอยู่อีกด้าน ไม่รบกวนเขา 

 

 

ไม่นานในลานเรือนก็มีเสียงฝีเท้าดังแว่วมา 

 

 

เสียงเปาชิงเหอดังลอยเข้ามา “ฝานเอ๋อร์ เจ้ารีบร้อนอยากพบพ่อด้วยเรื่องอันใด?” 

 

 

เปาอีฝานและเมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นยืน กำลังจะออกไปต้อนรับ เปาชิงเหอก็เปิดม่านเดินเข้ามา เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวก็อยู่ในห้องด้วย ชะงักงันเล็กน้อย จากนั้นยิ้มพูด “แม่นางเมิ่งก็มาแล้ว” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวทำความเคารพเปาชิงเหอ “คารวะท่านใต้เท้าเปา” 

 

 

เปาชิงเหอโน้มประคองเล็กน้อย “แม่นางเมิ่งไม่ใช่คนอื่นไกล ไม่จำเป็นต้องทำความคารวะเต็มขั้นเช่นนั้น” 

 

 

ทั้งสามคนนั่งลง 

 

 

เปาชิงเหอถามขึ้นอีกครั้ง “ฝานเอ๋อร์ เจ้ารีบร้อนให้คนเรียกพ่อมา หรือว่าเกิดเรื่องใหญ่อันใดขึ้น?” 

 

 

เปาอีฝานเอ่ยปากด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ท่านพ่อ เมื่อครู่แม่นางเมิ่งตรวจอาการให้ท่านแม่ ยืนยันว่าท่านแม่มิได้ป่วยเป็นไข้ลม แต่ถูกคนวางยา” 

 

 

เปาชิงเหอตกใจตัวโยน สีหน้าพลันซีดเผือก “เช่นนี้จะมีอันตรายถึงแก่ชีวิตแม่เจ้าหรือไม่?” 

 

 

“แม่นางเมิ่งบอกว่าตอนนี้ยังถอนพิษให้นางได้ ทว่าต้องทนทรมานบ้าง” 

 

 

เปาชิงเหอโล่งอก “ขอเพียงไม่ถึงแก่ชีวิต ทนทรมานบ้างก็ไม่เป็นไร” แล้วให้บันดาลโทสะ “ใครกันที่บังอาจเช่นนี้ ถึงกับกล้าวางยาแม่เจ้า” 

 

 

“แม่นางเมิ่งบอกว่าท่านแม่ได้รับพิษเรื้อรัง ได้รับพิษทีละน้อยทุกวัน ถึงทำให้ร่างกายนางอ่อนแรงดังเช่นตอนนี้ คาดว่าคนวางยาจะเป็นคนใกล้ชิด แต่เมื่อครู่ข้าคิดทบทวนถี่ถ้วนแล้ว ก็คิดไม่ตกว่าใครจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้” 

 

 

เปาอีฝานตอบกลับ 

 

 

ภริยาถูกคนวางยาต่อหน้าต่อตาตนเองทุกวัน เปาชิงเหอเดือดดาลอย่างไม่ต้องสงสัย พูดเกรี้ยวกราด “สืบ สืบเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าใคร ขอเพียงข้าสืบได้ จักบั่นคอไม่ต้องปราณี” พูดจบหันตะโกนออกไปด้านนอก “เด็กๆ” 

 

 

บ่าวรับใช้รับคำเข้ามา ถามอย่างอ่อนน้อม “นายท่าน มีสิ่งใดจะสั่งการ?” 

 

 

“ไป ตีกลองประชุมพล ให้เจ้าหน้าที่ทุกนายมารวมกันที่ศาลาว่าการ รอฟังคำสั่งจากข้า” 

 

 

บ่าวรับใช้รับคำแล้วออก 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่งเสียงยับยั้ง “ช้าก่อน!” 

 

 

บ่าวรับใช้หยุดชะงัก สองพ่อลูกเปาชิงเหอมองนางอย่างข้องใจ 

 

 

“ท่านใต้เท้าเปา” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “วันพรุ่งจะเป็นวันแต่งงานของคุณชายเปา ยังไม่พูดเรื่องข้าวของยังเตรียมการไม่เรียบร้อย การที่ท่านปลุกระดมพล ทำเอาทุกคนขวัญผวา ยิ่งไม่เป็นผลดีต่องานแต่งงานในวันพรุ่งนี้ของคุณชายเปา อีกทั้ง คนวางยาอยู่ในที่ลับ พวกเราอยู่ในที่แจ้ง ท่านดำเนินการเช่นนี้ เขาจะรู้ตัวได้ ไม่แน่ว่าเขาก็จะฉวยโอกาสนี้หลบหนีไป” 

 

 

เปาชิงเหอเองก็ตัดสินใจภายใต้ความฉุนเฉียว ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวเช่นนี้ สมองแจ่มแจ้งขึ้นกึ่งหนึ่ง โบกมือให้คนรับใช้ถอยออกไป ถามขึ้น “ดูมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม หรือว่าคิดแผนการอะไรได้แล้ว?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “หลังจากข้าตรวจพบว่าฮูหยินได้รับพิษ ก็คิดแผนการหนึ่งได้ ถึงได้แยกพวกคุณชายเซี่ยไป มิได้พูดต่อหน้าทุกคน เพราะกลัวเรื่องจะแพร่งพราย แหวกหญ้าให้งูตื่น ทำให้คนวางยาหนีรอดไปได้” 

 

 

หลังจากผ่านมาได้ระยะหนึ่ง เปาอีฝานกลับมาสงบนิ่งลง ได้ฟังก็พูดว่า “แม่นางเมิ่งมีแผนการที่ดีอันใด รีบพูดออกมาเถอะ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเอ่ยปาก “ใบสั่งยาที่ข้าเขียนนั้นหาใช่ยาถอนพิษ แต่เป็นยาฟื้นฟูสภาพจิตใจฮูหยินเปา อีกประเดี๋ยวหลังจากคุณชายเซี่ยและคุณชายจูจัดยากลับมา ท่านอย่ามอบให้คนอื่นไปทำ จงต้มยาด้วยตัวเอง ให้คนที่วางยาไม่อาจลงมือได้ หลังจากฮูหยินเปาดื่มยาแล้ว จะกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก คนที่วางยาเห็นเข้า จักต้องคิดหาวิธีวางยาอีกครั้ง ท่านลอบเตรียมการให้ดี ถึงตอนนั้นจะได้จับเขาได้อยู่หมัด” 

 

 

เปาชิงเหอกล่าวชื่นชม “แผนการนี้ของแม่นางช่างดียิ่งนัก ทั้งไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น ทั้งยังล่องูออกจากรูได้” 

 

 

เปาอีฝานก็พยักหน้าสนับสนุน ทว่ายังเคยเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “หากท่านแม่ไม่ได้รับการถอนพิษทันท่วงที ไม่รู้ว่าร่างกายจะทนไปได้ถึงพรุ่งนี้หรือไม่” 

 

 

“การจะถอนพิษในร่างฮูหยินเปาต้องใช้กำลังแรงกายไม่น้อย ข้าเตรียมการจะช่วยนางถอนพิษหลังพิธีแต่งงานของท่าน ในสองวันนี้ข้าจะใช้ยาควบคุมไว้ก่อน ท่านไม่ต้องเป็นกังวล ข้ารับประกันว่าวันพรุ่งนางจะยังประคองร่างได้ไหว” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด 

 

 

ได้ฟังวาจาของนาง สองพ่อลูกเปาชิงเหอก็ให้วางใจลงพร้อมกัน 

 

 

เปาชิงเหอลุกขึ้นยืน “ข้าจะไปเตรียมกับดักให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นภูตวัวหรือปีศาจงู[1]มาจากไหน คืนวันนี้ข้าจะต้องให้มันปรากฏร่างเดิม ข้าอยากเห็นนักว่า ใครที่มันชั่วช้าบังอาจกล้าคิดจะเอาชีวิตฮูหยินข้า” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวและเปาอีฝานก็ลุกขึ้นยืน ส่งเปาชิงเหอพ้นประตูออกไป 

 

 

เปาชิงเหอผลุนผลันจากไป 

 

 

เปาอีฝานกลับคืนสู่ท่วงท่าในยามปกติแล้ว กล่าวด้วยน้ำเสียงฉุนขาด “ไม่ว่าใคร หากค่ำคืนวันนี้ถูกข้าจับได้ ข้าจะให้มันผู้นั้นอยู่ก็เหมือนตาย ตายก็เหมือนอยู่” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดอะไร 

 

 

เซี่ยเจียงเฟิงและจูหลานจัดยากลับมาแล้ว พอเดินเข้าประตูมา จูหลานก็ส่งเสียงแปดหลอดพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “เจ้าพูดไม่ผิดเลย มีตัวยาสองชนิดที่หาได้ยากจริงๆ พวกเราวิ่งวุ่นหาหลายร้านถึงจะหาเจอ” พูดจบ วางห่อยาในมือลงบนโต๊ะเบื้องหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดห่อยาออก ตรวจสอบอย่างละเอียด จัดยามาตามที่ตนเองเขียนไปไม่ผิด พยักหน้าเล็กน้อย 

 

 

เปาอีฝานเดินเข้ามา หยิบห่อยาแล้วพูดว่า “พวกเจ้ารอสักครู่เถิด ข้าจะไปต้มยาให้ท่านแม่ด้วยตัวเอง” 

 

 

จูหลานรู้สึกประหลาดใจ ถามขึ้น “เรื่องเช่นนี้ให้สาวใช้ไปทำก็พอ เหตุใดเจ้าต้องไปต้มยาด้วยตัวเองด้วยเล่า?” 

 

 

ไม่รอให้เปาอีฝานตอบ เมิ่งเชี่ยนโยวยกยิ้มพูดก่อน “ปกติฮูหยินเปาดีต่อพวกท่านมาก บัดนี้นางล้มหมอนนอนเสื่อ พวกท่านสมควรจะแสดงน้ำใจ ไปช่วยคุณชายเปาต้มยาให้ฮูหยินเปาด้วยหรือไม่?” 

 

 

หากเป็นปกติทั่วไป จูหลานจะต้องคัดค้านเป็นคนแรก งานเช่นนี้ล้วนเป็นหน้าที่บ่าวหรือสาวใช้ ไฉนเลยต้องให้พวกเขาลงมือเอง ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนกัน เมื่อครู่พวกเขาเห็นร่างกายซูบผอมของฮูหยินเปากับตา เกิดความรู้สึกย่ำแย่หดหู่ บวกกับในอดีตฮูหยินเปาก็ดีต่อพวกเขามาก จึงเอ่ยปากทันควัน “ไม่มีปัญหา ก็แค่ต้มยาหนึ่งเทียบเท่านั้น ไม่นานพวกเราก็ทำเสร็จ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มถามเขา “เจ้าแน่ใจ” 

 

 

จูหลานตบหน้าอกรับประกัน “ข้าแน่ใจ” 

 

 

เซี่ยเจียงเฟิงยืนอีกด้านไม่ได้พูดอะไร 

 

 

ไม่ทันไรจูหลานก็ตบปากตัวเองดังฉาด อย่าว่าแต่ต้มยาเลย ชั่วเวลาหนึ่งก้านธูปทั้งสามคนแม้แต่ไฟยังจุดไม่ติด ทำเอาทั้งลานเรือนมีแต่ควันไฟ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่กลัวสำลัก นั่งอยู่อีกด้านหัวเราะมองพวกเขา 

 

 

สาวใช้และบ่าวรับใช้ที่เดินมาเดินไปต่างมองพวกเขาอย่างประหลาดใจ 

 

 

จูหลานม้วนพับชายเสื้อ ใช้มือดำปื้นเช็ดเหงื่อบนใบหน้า พูดออกท่าทางหากจุดไฟไม่ติดไม่เลิกราว่า “ข้าไม่เชื่อหรอก แม้แต่เตาไฟใหญ่บ้านแม่นางเมิ่งข้ายังจุดติดได้ แค่เตาเล็กกระจิดนี้ข้าจะจุดไม่ติดได้อย่างไร” 

 

 

เปาอีฝานและเซี่ยเจียงเฟิงก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน แสดงท่าทีท้อแท้จำยอม 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มมองพวกเขาอับอายขายหน้าไปพลาง ใช้หางตาพินิจมองสาวใช้และบ่าวไพร่ที่เดินไปเดินมาอย่างไม่ให้ผิดสังเกต ไม่นานนางก็พบว่า สาวรับใช้ข้างกายฮูหยินเปาที่เพิ่งพบหน้าเมื่อครู่คนนั้นเดินผ่านมาหลายครั้ง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหรี่หลุบนัยน์ตาลง 

 

 

ในที่สุดเตาไฟก็จุดติด จูหลานใช้ใบหน้ากระดำกระด่างพูดอย่างเห่อเหิมใจ “เป็นอย่างไร ข้ามิได้โอ้อวดใช่ไหม ข้าบอกแล้วว่าข้าจุดได้ก็ต้องจุดได้” 

 

 

เซี่ยเจียงเฟิงฝืนกลั้นหัวเราะ ชูนิ้วหัวแม่มือพูดชมเชยเขา “คุณชายจูเก่งกาจสามารถนัก ต่อไปงานจุดไฟนี้ขอมอบให้ท่านแต่เพียงผู้เดียว” 

 

 

จูหลานร้องตวาด “ไสหัวไป” 

 

 

 

 

 

[1] 牛鬼蛇神เป็นอุปมาแทนคนกเฬวราก ชั่วช้าสามานย์ 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด