ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 207 ปลิดชีวิตไม่ให้เหลือซาก

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 207 ปลิดชีวิตไม่ให้เหลือซาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แม้อันอี่หยวนจะประหลาดใจเหตุใดเมิ่งเชี่ยนโยวถึงสนใจโดยรอบศาลาว่าการเช่นนี้ ทว่าก็ยังพานางเดินดูโดยรอบแต่โดยดี

 

 

เดินวนดูหนึ่งรอบ เมิ่งเชี่ยนโยวเอ่ยปากพูดลอยๆ “ถนนเส้นนี้คึกคักยิ่งนัก แม้แต่คนที่มาตั้งแผงก็มากกว่าที่อื่น”

 

 

อันอี่หยวนตอบ “ปกติไม่มีคนมาตั้งแผงเยอะเช่นนี้หรอก คงเพราะได้ข่าวที่เปาอีฝานจะแต่งงานวันพรุ่ง คิดว่าคนมาก การค้าก็จะดีตาม จึงได้เข้ามากันเช่นนี้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า แสร้งแสดงท่าทีประหลาดใจเดินเที่ยวไปตามแผงลอยต่างๆ รู้สึกเกิดข้อกังขา ก็จะหยุดยืนแสร้งทำเป็นสนใจสิ่งของแผงลอยนั้น ด้านหนึ่งหยิบยกขึ้นมาดู ด้านหนึ่งก็มองประเมินเจ้าของแผงอย่างไม่ให้สังเกตเห็น

 

 

อันอี่หยวนนึกว่าการซื้อของเป็นนิสัยติดตัวมาของหญิงสาว จึงมิได้สงสัยอะไร เดินพานางดูไปคุยไปอย่างเบิกบาน

 

 

เดินมาได้สามเค่อ ถึงเดินทั่วครบทุกแผง ในใจของเมิ่งเชี่ยนโยวก็มีความคิดโดยประมาณไว้แล้ว

 

 

หลังจากดูสิ่งของบนแผงลอยสุดท้ายเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวก็กล่าวกับอันอี่หยวนอย่างรู้สึกผิด “ปกติจะหาดูของเหล่านี้ในชนบทไม่ได้เลย ข้าพลันดูอย่างสนใจใคร่รู้ไปทั่ว รบกวนคุณชายอันต้องมาเดินกับข้าเป็นเวลานานไปด้วยแล้ว”

 

 

“เจ้าพูดเช่นนี้แสดงว่าเห็นข้าเป็นคนนอก เราถือว่าเป็นสหายที่ดีต่อกัน เจ้าเข้ามาอำเภอ ข้าต้อนรับเจ้าอย่างเต็มที่ก็สมควรแล้ว หากไม่เพราะเปาอีฝานจะแต่งงาน เวลากระชับ ข้าจะพาเจ้าเข้าไปเดินรอบตัวอำเภอให้เต็มที่ทีเดียว” อันอี่หยวนพูด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแสดงท่าทีสนอกสนใจ วางท่าเยี่ยงสาวน้อยไร้เดียงสา “เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ เอาไว้คราวหน้าข้าเข้าอำเภอมาอีก ท่านจักต้องพาข้าเดินเที่ยวให้ทั่วทุกที่ทีเดียว”

 

 

อันอี่หยวนรับปากทันควัน “ไม่มีปัญหา ข้าเติบโตในอำเภอแต่เกิด รู้จักทุกซอกทุกมุมของเมืองนี้เป็นอย่างดี เจ้าอยากเดินดูสิ่งใด ขอเพียงเจ้าพูด ข้าจะพาไปได้อย่างแม่นยำ”

 

 

“ท่านพูดเช่นนี้ ทำให้ข้ายิ่งอยากเดินแล้ว ไปเถิด พวกเรากลับไป ข้าจะกลับไปปรึกษากับพี่ใหญ่ ดูว่าหลังจากเสร็จงานแต่งของเปาอีฝาน พวกเราจะอยู่ในอำเภออีกสักวันได้หรือไม่” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างตื่นเต้นดีใจ

 

 

ทั้งสองหันหลังกลับ เมิ่งเชี่ยนโยวฉวยโอกาสลอบมองเจ้าของแผงที่น่าสงสัยอีกรอบ

 

 

เพียงชั่วเวลาไม่กี่อึดใจ หน้าประตูใหญ่ศาลาว่าการก็ติดอักษรมงคลขนาดใหญ่ ประดับด้วยโคมไฟสีแดงตลอดแนว สิงโตหินหน้าประตูก็ถูกมัดด้วยผ้าแถบสีแดงสด ทุกที่เต็มไปบรรยากาศรื่นเริงมงคล แม้แต่คนที่เดินผ่านไปมายังถูกซึมซับไปด้วย หลังจากที่เดินผ่านใบหน้าจะเจือแววความยินดี

 

 

ทั้งสองเพิ่งจะเดินเข้ามาถึงเรือนด้านหลังศาลาว่าการ พวกเปาอีฝานก็ออกมาจากในห้องพอดี พอเห็นพวกเขา เปาอีฝานก็พูดด้วยน้ำเสียงเจือแววปิติปลาบปลื้ม “แม่นางเมิ่ง สาวใช้บอกว่าท่านแม่ตื่นแล้ว สีหน้าอาการดีขึ้นมาก พวกเรากำลังจะไปดู พวกเจ้าก็ไปด้วยกันเถอะ”

 

 

พูดจบ ไม่รอให้ทั้งสองคนตอบ ก้าวฉับๆ ออกไปที่เรือนด้านหลังพลัน

 

 

เซี่ยเจียงเฟิงและจูหลานเดินตามติดไป

 

 

อันอี่หยวนรีบเดินตามติด เมิ่งเชี่ยนโยวก็เร่งฝีเท้าเดินตามไป

 

 

ยังเดินไม่ถึงในห้อง เสียงตื้นตันยินดีของเปาอีฝานก็ดังลอยมา “ท่านแม่ สีหน้าท่านดีขึ้นมากแล้วจริงๆ”

 

 

คนทั้งหมดเดินเข้ามาในห้อง ถึงได้เห็นฮูหยินเปาลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงแล้ว ไม่มีอาการลมหายใจอ่อนระทวยเหมือนที่พบในตอนเช้า ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก

 

 

เห็นคนทั้งหมดเข้ามา ฮูหยินเปาไปกวักมือเรียกหาเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางเมิ่งรีบเข้ามา ข้าต้องขอบใจเจ้าโดยแท้ พอกินยาของเจ้าเข้าไป ข้าก็รู้สึกร่างกายมีเรี่ยวมีแรง กระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวาขึ้นมาก”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปเบื้องหน้านาง ฮูหยินเปาคว้ามือของนางมาอย่างซาบซึ้งใจ พร่ำกล่าวขอบคุณไม่หยุด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “เดิมฮูหยินก็มิได้ป่วยหนักอะไร เพียงแต่หมอพวกนั้นกลัวจะทำให้ท่านเสียสุขภาพ จึงจ่ายยาฤทธิ์อ่อน เห็นผลช้าให้ท่าน ไม่ช้าก็เร็วอย่างไรท่านก็ต้องหายดี”

 

 

ฮูหยินเปาตบมือนางอย่างอ่อนโยน “ร่างกายของข้าข้ารู้ดี เมื่อก่อนพอดื่มยาเสร็จ หลังจากสะลึมสะลือหลับไป ร่างกายกลับยิ่งเหนื่อยอ่อนไร้เรี่ยวแรง วันนี้ไม่เหมือนกัน พอข้าตื่นขึ้นมา รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเต็มที่ หากไม่เพราะสาวใช้ห้ามไว้ ข้าคงออกไปเดินในลานเรือนแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ “ฮูหยิน ข้าเข้าใจความรู้สึกของท่านดี ทว่าร่างกายท่านเพิ่งจะดีขึ้น ไม่ควรออกกำลังกายหักโหม หากท่านต้องการขยับเขยื้อนร่างกาย ก็ให้สาวใช้ประคองท่านเดินวนรอบห้องช้าๆ สักสองสามรอบ”

 

 

ฮูหยินเปารู้สึกเบาสบายตัว เหมือนร่างกายค่อยฟื้นตัวดีขึ้น ความกลัดกลุ้มในใจก็พลันมลายหายไป ในตอนนี้ถึงมีแก่ใจสนใจสิ่งอื่น ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวเอาแต่ขานเรียกนางว่าฮูหยิน จึงหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “เจ้าเป็นสหายสนิทของฝานเอ๋อร์ ไม่ต้องทำตัวเป็นคนนอกเรียกข้าว่าฮูหยินแล้ว จงทำเหมือนพวกเขา เรียกข้าว่าท่านป้าก็พอ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มหวานร้องเรียก “ท่านป้า”

 

 

ฮูหยินเปาขานรับอย่างมีความสุข “เจ้านี่นะข้ายิ่งเห็นก็ยิ่งชอบนัก ไม่รู้ว่าพ่อแม่เจ้าทำบุญด้วยสิ่งใด ถึงมีบุตรสาวที่น่ารักเช่นเจ้าได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ท่านป้า ภายหน้าถ้ามีโอกาส คำพูดนี้ท่านจักต้องพูดให้ท่านแม่ข้าได้ยิน วันๆ ท่านแม่เอาแต่พร่ำบ่นที่ข้าไม่มีความเป็นหญิง บอกว่าพอเห็นข้าก็ปวดหัวจี๊ด”

 

 

ฮูหยินเปาใช้ปิดปากหัวเราะเอิ๊กอ๊าก

 

 

เปาอีฝานและคนอื่นก็หัวเราะขบขันไปด้วย

 

 

“ท่านป้า ข้าจะจับชีพจรให้ท่านอีกครั้ง” หลังจากหัวเราะแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็วางมือฮูหยินเปานอนราบ วางนิ้วมือจับชีพจรให้นางแล้วพูดไปด้วย

 

 

ฮูหยินเปายิ้มให้นางที่จับชีพจรให้ตัวเอง

 

 

หลังจากจับชีพจรมือทั้งสองข้างแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวแสร้งพูดอย่างดีอกดีใจ “ดีขึ้นมากแล้ว กินยาอีกไม่กี่เทียบ ร่างกายของท่านก็จะฟื้นคืนหายดีดังเดิม”

 

 

ฮูหยินเปาเปล่งเสียงถามอย่างตื่นตะลึง “ที่เจ้าพูดเป็นความจริง?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับอย่างซุกซน “ท่านป้า ท่านเป็นฮูหยินนายอำเภอ หากข้าไม่พูดความจริง ท่านใต้เท้าได้ให้คนจับข้าไปโบยเสียเล่า”

 

 

คนทั้งหมดหัวเราะขบขันอีกครั้ง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวใช้หางตามองชิวผิง เห็นภายใต้เปลือกนอกที่ดูสงบนิ่งนั้นซ่อนแววหวาดผวาและเคืองขุ่นบางๆ เอาไว้

 

 

อย่างไรฮูหยินเปาก็ล้มป่วยมานาน แม้จะดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก ทว่าร่างกายก็ยังอ่อนแอ พูดคุยกับทุกคนได้ไม่เท่าไหร่ สีหน้าก็เริ่มเหนื่อยล้า

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างเป็นห่วง “ท่านป้า ตอนนี้ไม่ควรให้สุขภาพของท่านเหนื่อยล้าเกินไป ท่านรีบนอนพักผ่อนอีกหน่อยเถิด รอท่านหายดีแล้ว ข้าจะมาอยู่คุยด้วยอีก”

 

 

ฮูหยินเปาก็รู้สึกอ่อนเพลียแล้วจริงๆ จึงไม่บอกปฏิเสธ หลังจากเมิ่งเชี่ยนโยวช่วยประคองเอนตัวลงนอน ก็พูดว่า “พอฝานเอ๋อร์แต่งงานเสร็จแล้ว เจ้าอย่าเพิ่งกลับ จักต้องอยู่ต่ออีกสองวัน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้ารับประกัน “ได้ ข้าจะเชื่อฮูหยิน ข้ายังไม่กลับ จะอยู่ต่ออีกสองวัน”

 

 

ฮูหยินเปาตบหลังมือนาง พูดว่า เด็กดี แล้วทนความง่วงไม่ไหวหลับตาลง เข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

 

 

คนทั้งหมดเดินออกมาจากห้องอย่างแผ่วเบา เปาอีฝานสะกดกลั้นความยินดีไม่อยู่ หันไปพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างตื้นตันใจ “แม่นางเมิ่ง ขอบใจเจ้ามาก”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ท่านมิต้องเกรงใจเช่นนี้ เรื่องสำคัญในตอนนี้คือเตรียมงานของท่านให้เรียบร้อย”

 

 

เปาอีฝานเข้าใจความหมายแฝงของนาง พยักหน้าพลัน

 

 

พวกเปาอีฝานทั้งสามคนกลับไม่เข้าใจ กำลังงงงวยอยู่กับตัวเอง จูหลานก็อดไม่ได้ถามขึ้น “พรุ่งนี้เปาอีฝานก็จะเป็นเจ้าบ่าวแล้ว วันนี้ยังต้องเตรียมเรื่องอันใด?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกรอกตาขาวใส่เขา ตอบอย่างว่องไว “ย่อมต้องเตรียมเรื่องต้อนรับเจ้าสาวในวันพรุ่งนี้ เรื่องแค่นี้ก็ยังไม่รู้ ซื่อบื้อ”

 

 

จูหลานถูกรังเกียจรังงอนอีกครั้ง ยังคงได้แต่ลูบจมูกตัวเอง ไม่กล้าปริปาก

 

 

อันอี่หยวนออกเสียงช้าไปหนึ่งก้าว ไม่ถูกเอ็ดว่า เอาเปรียบคนอื่นได้ยังจะอวดฉลาด พูดอย่างฉวยโอกาส “แม่นางเมิ่งด่าได้ดี สมองหมูเช่นเขาสมควรต้องถูกด่าหลายๆ ครั้งถึงจะได้สติ”

 

 

จูหลานหวาดกลัวเมิ่งเชี่ยนโยว แต่ไม่กลัวอันอี่หยวน ไม่ทนอีกต่อไป เถียงกลับทันควัน “เจ้าว่าใครเป็นหมู เจ้านะสิสมองหมู”

 

 

อันอี่หยวนหัวเราะเขา “แม้แต่เรื่องที่เห็นได้อย่างชัดเจนนี้เจ้ายังไม่รู้ เจ้าไม่เป็นสมองหมูแล้วเป็นอะไร?”

 

 

จูหลานสะอึกกึก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ

 

 

คนทั้งหมดกลับเข้ามาในเรือนเปาอีฝาน จัดแจงธุระในวันพรุ่งนี้จนเรียบร้อย มองดูท้องฟ้าเย็นย่ำแล้ว ถึงแยกย้ายกันออกไป

 

 

พอคนทั้งหมดจากไป เมิ่งเชี่ยนโยวให้คนไปเรียกเมิ่งเสียน บอกเขาว่า “วันนี้ครอบครัวเปาอีฝานงานยุ่งมาก ฮูหยินเปาก็มาล้มป่วยอีก ไม่มีใครดูแลพวกท่านได้ ท่านพาเหวินเปียวและเหวินหู่ไปพักที่โรงเตี้ยมเถอะ คืนนี้ข้าจะไปนอนกับท่านพี่ซุน จึงไม่ไปด้วยแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดได้อย่างสมเหตุสมผล เมิ่งเสียนไม่ได้คิดอะไรมาก พยักหน้าเห็นพ้อง ร้องเรียกเหวินเปียวให้บังคับรถม้าไปโรงเตี้ยม

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่งพวกเมิ่งเสียนออกไปแล้ว ก็เดินมามองดูคนที่ตั้งแผงอยู่หน้าประตูศาลาว่าการอีกครู่หนึ่ง ถึงเดินกลับเข้าไปเรือนด้านหลังศาลาว่าการพร้อมเปาอีฝาน เมื่อนั่งในห้องดีแล้ว ก็สั่งบ่าวไพร่ในห้องให้ออกไป ใช้เสียงเบาพูดกับเปาอีฝาน “คุณชายเปา ข้าวางกับดักล่อเอาไว้แล้ว หากข้าเดาไม่ผิด คืนวันนี้คนวางยาพิษจะต้องลงมืออีกครั้ง ไม่ทราบว่าใต้เท้าเปาเตรียมพร้อมแล้วหรือไม่?”

 

 

เปาอีฝานพยักหน้า “เมื่อครู่ท่านพ่อให้คนมาส่งข่าวแก่ข้า บอกว่าทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ขอเพียงมีคนกล้าลงมือ พวกเราจะจับเขาได้ทันที”

 

 

“เช่นนั้นก็ดี หัวค่ำกว่านี้ท่านค่อยต้มยาให้ท่านป้ากินอีกครั้ง ข้าจะเพิ่มยากล่อมประสาทให้นางเล็กน้อย เลี่ยงไม่ให้นางต้องขวัญผวา อาการป่วยจะยิ่งกำเริบหนัก” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด

 

 

เปาอีฝานเห็นพ้อง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเขียนใบสั่งยา มอบให้เปาอีฝาน

 

 

เปาอีฝานสั่งคนรับใช้รีบไปจัดยามา

 

 

คนรับใช้คล่องแคล่วว่องไว อึดใจเดียวก็จัดยาเข้ามา หลังจากตรวจสอบแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็ยื่นให้เปาอีฝาน

 

 

เปาอีฝานรับมา นำมาวางรวมกับยาที่จัดมาเมื่อเช้า

 

 

เปาชิงเหอเลิกงานออกจากศาลาว่าการกลับมา เริ่มจากเข้าไปดูฮูหยินเปาในห้อง เห็นนางหลับพริ้ม สีหน้ามีเลือดฝาดอ่อนๆ ก็ให้ดีใจ ตรงเข้ามากล่าวขอบคุณเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยตัวเอง

 

 

ทั้งสามหารือเรื่องปฏิบัติการในคืนนี้

 

 

เปาชิงเหอกล่าวว่า “ข้าได้วางกับดักเอาไว้จนทั่วแล้ว หากคืนวันนี้ไม่ว่าใครก็ตามที่กล้าลงมือวางยาอีกครั้ง ข้าจักให้มันได้เผยตัวตนที่แท้จริงออกมา”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขบคิดเล็กน้อย ตัดสินใจบอกสิ่งที่ตนเองคาดเดาไว้ออกมา “หากข้าเดาไม่ผิด คนวางยาน่าจะเป็นชิวผิง”

 

 

เปาชิงเหอตะลึงงัน ถามขึ้น “เหตุใดแม่นางถึงกล่าวเช่นนี้ หรือแม่นางพบสิ่งใดเข้า?”

 

 

เปาอีฝานยิ่งมองนางอย่างไม่เชื่อ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ข้าพบบางสิ่งจริงๆ แต่ยังยืนยันไม่ได้ รอให้คืนนี้จับคนได้ก่อนค่อยพูดเถอะ ทว่าข้ายังมีเรื่องต้องเตือนพวกท่าน ไม่เพียงแต่ชิวผิง น่าจะยังมีคนอื่นที่ประสงค์ร้ายต่อพวกท่าน”

 

 

เปาชิงเหอกล่าว “แม่นางถึงกับกล่าวเช่นนี้ จักต้องพบอะไรบางอย่างแล้ว จงพูดออกมาเถิด พวกเราจะได้พร้อมรับมือได้ทันควัน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ปิดบัง บอกเรื่องที่ตัวเองเห็นความผิดปกติของคนที่มาตั้งแผงหน้าประตู

 

 

สองพ่อลูกเปาชิงเหอตกใจลุกขึ้นพรวดพร้อมกัน ถามขึ้น “ที่แม่นางพูดเป็นความจริง?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “คงเพราะพวกท่านมัวแต่เป็นห่วงอาการป่วยของท่านป้าเปา ไม่มีเวลาใส่ใจเรื่องอื่น จึงไม่สังเกตเห็นความผิดปกติเหล่านี้”

 

 

เปาชิงเหอบ่นพึมพำ “จักเป็นไปได้อย่างไร?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “นี่เป็นเพียงการคาดเดาของข้า อย่าเพิ่งนำมาใส่ใจเลย ขอเพียงคืนนี้จับตัวคนวางยาได้ เรื่องทั้งหมดก็จะกระจ่างเอง ถึงตอนนั้นค่อยยืนยันอีกครั้งก็ยังไม่สาย”

 

 

เปาชิงเหอโบกมือ “หากเป็นดั่งที่แม่นางพูดจริงๆ นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาทั่วไปแล้ว พวกเราจักต้องปรึกษากันให้ดีอีกครั้ง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ข้าเดาว่าท่านใต้เท้าเปาอาจจะไปล่วงเกินใครบางคนเข้า พวกเขาถึงฉวยโอกาสแก้แค้นในช่วงเวลาที่คุณชายเปาแต่งงาน”

 

 

เปาอีฝานปฏิเสธเสียงแข็ง “บิดาข้ารับราชการมาหลายปี มีแต่ความสุจริตเที่ยงธรรม ไม่กล้าพูดว่าสะสางคดีได้เหมาะสมทุกคดี ทว่าไม่มีทางตัดสินผิดใส่ความผู้อื่น ไม่ควรจะมีใครจะมาคิดแค้น”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวย้อนถาม “ก็แล้วอย่างไร สัมผัสข้าไม่เคยพลาด คนพวกนั้นตั้งเป้ามาที่พวกท่าน”

 

 

เปาชิงเหอและเปาอีฝานขมวดคิ้วยู่ย่นอย่างไม่เข้าใจ

 

 

ทั้งสองคิดถึงที่มาที่ไปไม่ออก เมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งไม่รู้เรื่องเลย

 

 

ภายในห้องพลันไร้เส้นเสียง

 

 

เปาชิงเหอสมแล้วที่เป็นข้าราชการยอดฝีมือ หลังจากตกตะลึงในช่วงแรก ตอนนี้สงบนิ่งลงแล้ว พูดว่า “ข้าเตรียมพร้อมแล้ว ไม่ว่าใคร กล้าเข้ามาก่อเรื่องในศาลาว่าการ ข้าจะปลิดชีวิตไม่ให้เหลือซาก”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด