ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 218-1 เป็นแม่สื่อ

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 218-1 เป็นแม่สื่อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉเดินกลับเข้ามา เห็นจางฟู่กุ้ยยืนอยู่หน้าประตู ทั้งสองกล่าวทักทายตามมารยาท “สวัสดีเถ้าแก่จาง”

 

 

จางฟู่กุ้ยหัวเราะเหอะๆ ตอบว่า “สวัสดีคุณชายน้อยทั้งสอง เฉิงเอ๋อร์กลับมาเอาแต่บ่นถึงคุณชายน้อยทั้งสอง วันนี้พวกเจ้าเข้ามาแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะดีใจเพียงใด”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนกล่าวอย่างสุภาพ “พวกเราก็คิดถึงคุณชายจางมาตลอด เพียงแต่การเรียนของพวกเราค่อนข้างยุ่ง ไม่อาจเข้ามาบ่อยครั้งได้”

 

 

จางฟู่กุ้ยยิ่งให้ดีใจ “เฉิงเอ๋อร์ก็ใกล้จะเลิกเรียนแล้ว ประเดี๋ยวพวกเจ้าตามข้าไปที่บ้าน พวกเจ้าสามคนจะได้พูดคุยกันอย่างเต็มอิ่ม”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉพยักหน้าอย่างมีสัมมาคารวะ

 

 

จางฟู่กุ้ยยกยิ้มพาทั้งสามคนมาห้องรับรองลูกค้าด้านหลังร้าน สั่งพนักงานให้ไปชงชาเข้ามา

 

 

พนักงานรับคำ ไม่นานก็ยกชาที่ชงเสร็จแล้วเข้ามา วางไว้ตรงหน้าพวกเขาคนละถ้วยแล้วถอยออกไป

 

 

จางฟู่กุ้ยยกถ้วยน้ำชาขึ้น แสดงท่าทีเชื้อเชิญกล่าวว่า “แม่นางเมิ่ง เมื่อครู่ข้าบกพร่องไป ข้าขอใช้น้ำชาถ้วยนี้ขอขมาเจ้าก่อน รอยามค่ำข้าจัดเลี้ยงต้อนรับพวกเจ้า จะขอขมาเจ้าอย่างเป็นทางการอีกครั้ง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยกถ้วยน้ำชาข้างมือขึ้น แย้มยิ้มพูดว่า “เถ้าแก่จางเกรงใจไปแล้ว ข้ามิอาจรับคำพูดนี้ พวกเราต่างมีผลกำไรร่วมกัน การค้าของท่านเจริญรุ่งเรือง ข้าดีใจยังไม่ทันเล่า จะคิดว่าท่านบกพร่องได้อย่างไร”

 

 

จางฟู่กุ้ยหัวเราะร่วน พูดด้วยใจจริง “ทุกครั้งที่ได้ฟังวาจาแม่นาง ก็ให้อิ่มเอมใจนัก เจ้าอายุเพียงเท่านี้กลับทำการค้าได้ใหญ่โตรุ่งเรือง สมควรแล้วจริงๆ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มสรวล จิบน้ำชาหนึ่งคำอย่างเอื่อยๆ

 

 

เมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉเดินเที่ยวเล่นพักใหญ่กระหายน้ำนานแล้ว ก็ยกถ้วยชาขึ้นดื่มบ้างหลายคำ

 

 

จางฟู่กุ้ยดื่มตามมารยาทหนึ่งคำ แล้วพูดว่า “พ่อค้าสองสามรายเมื่อครู่มาจากทางใต้ เป็นลูกค้าประจำของร้านค้า ครั้งก่อนตอนที่เข้ามาซื้อผ้า ข้าแนะนำกระเป๋านักเรียนแก่พวกเขา ให้พวกเขาลองนำกลับไปขายดู ในตอนนั้นคนเหล่านั้นยังลังเลใจ ข้าต้องให้การรับรองหากพวกเขาขายไม่ได้ ข้ายอมรับสินค้าคืน พวกเขาถึงจำยอมรับไปคนละยี่สิบใบ ไม่คิดว่าจะขายดิบขายดี ถึงได้เข้ามารับสินค้าอย่างอดใจรอไม่ไหวอีกครั้ง แต่เพราะไม่ได้ส่งข่าวมาก่อน กระเป๋านักเรียนในร้านข้ามีปริมาณไม่เพียงพอ ถึงให้คนรีบไปแจ้งข่าวแก่แม่นาง ให้แม่นางนำส่งมา อาจจะเร่งด่วนไปบ้าง ไม่ทำให้พวกเจ้าลำบากหรอกนะ?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ พูดว่า “กระเป๋านักเรียนในโรงงานพวกเรามีสินค้าคงคลังเตรียมไว้ตลอด หาได้ลำบากไม่”

 

 

“เช่นนั้นก็ดี ตอนที่ข้าฝากคนไปแจ้งข่าวยังนึกลังเลใจ ไม่รู้ว่าพวกเจ้าจะมีสินค้ามากเช่นนั้นหรือไม่ โชคดีที่พวกเจ้าส่งมาทันท่วงที ให้ข้าได้ส่งพวกเขากลับไปอย่างมีความสุข” จางฟู่กุ้ยพูดด้วยความซาบซึ้งใจ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกำลังจะเอ่ยปาก จางฟู่กุ้ยกลับพูดต่อ “เมื่อครู่เจ้าก็เห็นแล้ว พวกเขาซื้อกลับไปคราเดียวถึงพันกว่าใบ ส่วนของข้าก็เหลือไม่มากแล้ว ยังมีพ่อค้ารายอื่นที่ต้องการ หวังว่าหลังจากแม่นางกลับไปแล้ว จะให้คนนำส่งมาอีกเพิ่มอีกหลายร้อยใบ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบรับด้วยความยินดี “ไม่มีปัญหา พอข้ากลับไปแล้วจะให้คนนำส่งเข้ามาทันที”

 

 

ทั้งสองพูดคุยการค้าอย่างชื่นบานอีกครู่หนึ่ง ซุนเหลียงไฉที่หลังจากดื่มชาเสร็จก็นั่งเซ็งกะตายบนเก้าอี้ เมิ่งอี้เซวียนกลับตั้งอกตั้งใจฟังพวกเขาพูดคุยกัน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูท้องฟ้าด้านนอก แล้วพูดกับจางฟู่กุ้ยว่า “เถ้าแก่จาง นี่ก็เย็นมากแล้ว พวกเราต้องไปหาโรงเตี๊ยมสักแห่งพักก่อน ตกกลางคืนพวกเขาค่อยคุยกันใหม่”

 

 

จางฟู่กุ้ยพูดอย่างหน้าชื่นตาบาน “ไปโรงเตี๊ยมอะไรกัน ห้องหับในบ้านข้ากว้างขวาง หากแม่นางเมิ่งไม่รังเกียจ ก็ไปพักที่บ้านพวกเราเถิด เฉิงเอ๋อร์และคุณชายน้อยทั้งสองจะได้อยู่เล่นสนุกกันให้เต็มที่ เจ้าไม่รู้หรอกว่า หลังจากที่เฉิงเอ๋อร์กลับมาจากบ้านเจ้า ก็มีนิสัยร่าเริงเปิดเผยมากขึ้น ตอนนี้กล้าคุยกับคนแปลกหน้าบ้างแล้ว นี่เป็นความชอบของเจ้าและคุณชายน้อยทั้งสองโดยแท้ ฮูหยินของข้าเอาแต่พูดว่าจะต้องขอบใจพวกเจ้าต่อหน้าให้ได้ วันนี้เป็นโอกาสดี ไปบ้านข้าเถอะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรีบปฏิเสธ “พวกเราคนมาก จะกล้ารบกวนท่านได้อย่างไร”

 

 

จางฟู่กุ้ยโบกมือ “ไม่รบกวน ข้าอยากให้พวกเจ้าไปพักที่บ้านข้าอย่างที่สุด”

 

 

พูดจบ ไม่ยอมให้เมิ่งเชี่ยนโยวปฏิเสธ หันตะโกนไปด้านนอก “เด็กๆ”

 

 

พนักงานขานรับคำเข้ามา

 

 

จางฟู่กุ้ยสั่งการเขา “ไปเรียนฮูหยิน บอกว่าแม่นางเมิ่งและคุณชายน้อยทั้งสองมาถึงแล้ว ให้นางจัดเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย พวกเรากำลังจะกลับไป”

 

 

พนักงานรับคำ เร่งฝีเท้าจากไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวจึงไม่อาจปฏิเสธได้อีก ทำได้เพียงพูดว่า “ขอบคุณเถ้าแก่จาง”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉก็รีบขอบคุณตาม

 

 

จางฟู่กุ้ยลุกขึ้น เดินนำทุกคนออกไปจากร้าน สั่งการพนักงานบังคับรถม้าออกมา หันไปพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “บ้านข้าอยู่ห่างจากที่นี่ระยะหนึ่ง ข้าจะนำทาง พวกเจ้าตามหลังมาก็พอ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า พาเมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉขึ้นรถม้า

 

 

จางฟู่กุ้ยก็ขึ้นไปบนรถม้า สั่งพนักงานกลับบ้าน

 

 

พนักงานสะบัดบังเ**ยน บังคับรถม้าเยื้องย่างไปตามถนนช้าๆ เหวินเปียวและเหวินหู่บังคับรถม้าตามหลังไป

 

 

ฮูหยินจางได้ยินพนักงานมาแจ้งข่าว ด้านหนึ่งสั่งการสาวใช้เก็บกวาดห้องพักสองสามห้อง ด้านหนึ่งเข้าไปในห้องครัวด้วยตัวเอง สั่งการคนข้างในเตรียมสำรับอาหารชั้นเลิศ

 

 

คนในห้องครัวเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำอาหารค่ำไว้แล้ว ได้ยินคำสั่งของฮูหยินจาง ลงมือสาละวนในทันที

 

 

ฮูหยินจางเดินวนรอบห้องครัวหนึ่งรอบ เห็นว่ามีครบทั้งไก่เป็ดปลาหมูและผักสดนานาชนิด ก็วางใจลง แล้วพูดกับคนในห้องครัวว่า “คนที่มาวันนี้เป็นแขกสำคัญ หากพวกเจ้าทำให้นางพอใจได้ ข้าจะมีรางวัลให้ แต่หากทำให้นายท่านต้องขายหน้า จะถูกหักค่าแรงเดือนนี้ทั้งเดือน”

 

 

คนในห้องครัวได้ฟังดังนั้น ไม่กล้ารอช้า ต่างแสดงฝีมือของตัวเองออกมาเต็มที่

 

 

หลังจากสั่งการทุกอย่างแล้ว ฮูหยินจางก็ให้คนไปเรียกบุตรสาวและบุตรชายของตนเองเข้ามา เพื่อออกไปต้อนรับพวกเมิ่งเชี่ยนโยวที่หน้าประตูพร้อมกัน

 

 

จางเฉิงที่พอได้ยินว่าเมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉจะมา ก็ให้ดีใจออกนอกหน้า กระโดดเต้นแรงเต้นกาไม่หยุด

 

 

ฮูหยินจางมองบุตรชายที่กลายเป็นเด็กร่าเริงแจ่มใสอย่างปลาบปลื้มใจ คิดว่าโชคดีที่ได้เมิ่งเชี่ยนโยวชี้แนะ บุตรชายตนเองถึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนได้เช่นนี้ คืนนี้ตนเองจะต้องขอบคุณนางอย่างเต็มที่

 

 

รถม้าหยุดจอดที่หน้าประตูบ้าน จางฟู่กุ้ยและเมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้าไล่ตามกันมา

 

 

ฮูหยินจางรีบเข้าไปต้อนรับ พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างเป็นกันเอง “แม่นางเมิ่งมาแล้ว รีบเข้าไปในบ้านเถอะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวทั้งสามคนกล่าวทักทายอย่างมีมารยาท “ฮูหยินจาง”

 

 

ฮูหยินจางดึงมือนางมา พูดด้วยใบหน้าชื่นบาน “ข้าพูดกับนายท่านมาตลอด ให้เขาเชิญเจ้ามาสักครั้ง เขาบอกว่าเจ้างานยุ่ง ไม่มีเวลามา วันนี้อุตส่าห์ได้มาแล้ว จะต้องมานอนบ้านพวกเราหลายๆ วัน ให้ข้าได้ขอบใจเจ้าอย่างเต็มที่”

 

 

พูดจบหันไปเรียกบุตรสาวตนเอง “ลี่เอ๋อร์ นี่ก็คือแม่นางเมิ่งที่แม่และพ่อมักจะเอ่ยถึง เจ้ารีบเข้ามาทักทาย”

 

 

จางลี่ก็เป็นคนที่มีนิสัยร่าเริงเปิดเผย ได้ฟังวาจาของฮูหยินจาง เริ่มจากเดินมาตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวแล้วพูดอย่างยินดี “เจ้าก็คือเมิ่งเชี่ยนโยวหรือ บิดามารดาข้ามักจะเอ่ยถึงเจ้าอยู่เสมอ บอกว่าเจ้าอายุเพียงน้อยก็ทำการค้าประสบความสำเร็จ บอกว่าเมื่อข้าได้พบเจ้า จะต้องขอคำแนะนำให้มากๆ วันนี้พวกเรามีเรื่องให้คุยกันยาวแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวชอบในอัธยาศัยเปิดเผยตรงไปตรงมาของหญิงสาวทันที ยกยิ้มพูด “เถ้าแก่จางและฮูหยินจางกล่าวเกินไปแล้ว ข้าหาได้เก่งกาจอย่างที่พวกเขากล่าวไม่”

 

 

จางลี่มิได้รู้สึกแปลกหน้า เข้ามากอดแขนข้างหนึ่งของนางไว้ “เจ้าไม่ต้องถ่อมตนแล้ว บิดามารดาข้าน้อยนักที่จะชมเชยใคร ตอนนี้กลับเอาแต่พูดถึงเจ้าไม่ขาดปาก ให้เจ้าเป็นแบบอย่างของข้า เจ้าจักต้องมีสิ่งที่โดดเด่นเหนือผู้อื่น”

 

 

ฮูหยินจางเห็นบุตรสาวตนเองและเมิ่งเชี่ยนโยวสนิทสนมกันได้อย่างรวดเร็ว ก็ให้ดีใจยิ่งนัก

 

 

เมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉเพิ่งจะลงจากรถม้า จางเฉิงก็สะท้อนแววตาระยิบระยับ พอพวกเขากล่าวทักทายฮูหยินจางเสร็จ ก็เดินเข้าไปกระชากแขนพวกเขาคนละข้าง พูดด้วยอารามดีใจ “ไป ไปที่ห้องข้า ข้ามีของดีจะให้พวกเจ้าดู”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉมองมาที่เมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า

 

 

ทั้งสองเดินตามจางเฉิงเข้าไปอย่างเบิกบาน

 

 

สองแม่ลูกจางก็พาเมิ่งเชี่ยนโยวเข้าไปในบ้านอย่างมีมิตรไมตรี

 

 

จางฟู่กุ้ยกำชับคนงานให้พาเหวินเปียวและเหวินหู่นำรถม้าไปเก็บที่หลังเรือน จากนั้นตัวเองถึงเดินเข้าไปในบ้าน

 

 

สองแม่ลูกจางพาเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามาในห้องรับแขก ฮูหยินจางสั่งการสาวใช้ “รีบไปชงชาชั้นดีมาให้แขกสำคัญ”

 

 

สาวใช้ขานรับคำออกไปชงชาพลัน

 

 

จางฟู่กุ้ยเดินตามหลังเข้ามา นั่งบนเก้าอี้ผู้นำครอบครัว

 

 

จางลี่นั่งบนเก้าอี้ข้างๆ เมิ่งเชี่ยนโยว พูดด้วยใบหน้าเลื่อมใส “ดูแล้วเจ้ามีอายุน้อยกว่าข้าเสียอีก ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเจ้าเรียนรู้การทำการค้าได้อย่างไร”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มสรวลพูดว่า “ข้าทำการค้าเป็นที่ไหนกัน เพียงแค่อยู่ว่างๆ คิดทำของบางอย่างออกมา พอดีกับได้เจอลูกค้ารายใหญ่อย่างเถ้าแก่จาง ถึงมีวันนี้ได้อย่างสะดวกราบรื่น”

 

 

จางลี่โบกมือ “เจ้าไม่ต้องถ่อมตัวแล้ว หากไม่มีสมองที่แน่ชัดไม่มีทางทำการค้าได้ ดูอย่างข้าก็ได้ หลายปีก่อนท่านพ่อก็เริ่มสอนข้าทำการค้า ผ่านมาหลายปีแล้ว ข้าเพิ่งจะเรียนรู้ได้เพียงเล็กน้อย ทำให้จนถึงตอนนี้ท่านพ่อยังไม่กล้าให้ข้าไปเจรจาการค้า กลัวข้าจะเอาเงินของครอบครัวไปชดใช้เสียหมด”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขบขันในวาจาของนาง “แม่นางจางอุปนิสัยสดใสน่ารัก ไม่ชำนาญการค้า จะต้องมีพรสวรรค์ด้านอื่น”

 

 

จางลี่ตกใจถลึงตาโต ถามอย่างอิ่มเอมใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไร? ข้าสนใจใฝ่รู้เรื่องการกินมาตั้งแต่เด็ก ยามว่างข้ามักจะขบคิดวิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งอาหารเลิศรสหลากหลายแบบ”

 

 

ฮูหยินจางก็ยิ้มพูด “ลี่เอ๋อร์มีความสนใจเรื่องอาหารโดยแท้ หากไม่มีใครเรียกหานาง นางสามารถคลุกอยู่ในครัวได้ทั้งวัน ทว่าอาหารที่ทำออกมา ไม่อาจกล่าวชมได้ทั้งหมด บางครั้งทำออกมาได้หอมอร่อย บางครั้งสิ่งที่ทำออกมาพวกเราต่างไม่กล้าลิ้มลอง”

 

 

จางลี่เริ่มไม่พอใจ พูดกระเง้ากระงอด “ท่านแม่ ท่านเอาเรื่องข้ามาแฉต่อหน้าแขกได้อย่างไร”

 

 

ฮูหยินจางยิ้มพูด “แม่นางเมิ่งมิใช่คนนอก ไม่นำไปพูดให้คนอื่นขบขันหรอก เพื่อไม่ขัดจังหวะเจ้า ไม่เช่นนั้นก็พาแม่นางเมิ่งไปที่ห้องครัว”

 

 

สิ้นเสียงนาง จางลี่ก็สะท้อนแววตาวาววับ พูดอย่างกระดี๊กระด๊า “จริงด้วย ข้าได้พบแม่นางเมิ่งแล้วก็ให้พออกพอใจนัก ควรจะลงครัวด้วยตัวเองทำอาหารให้นางสองสามชนิด”

 

 

พูดจบ หันไปถามเมิ่งเชี่ยนโยว “เจ้าชอบกินอาหารอะไร ข้าจะไปทำให้เจ้า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ไม่รบกวนแม่นางจางแล้ว ข้ากินได้ทุกอย่าง”

 

 

จางลี่พูดตัดบท “ไป เจ้าเข้าครัวไปกับข้า เจ้าอยากกินอะไรข้าจะทำสิ่งนั้นให้”

 

 

เดิมทีฮูหยินจางเพียงจะพูดแหย่เย้า ไม่คิดว่าจางลี่จะคิดจริงจัง เห็นจางลี่ดึงดันจะลากเมิ่งเชี่ยนโยวเข้าครัวให้ได้ ก็เริ่มนึกเสียใจ รีบร้อนกล่าวขอขมาเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางเมิ่ง เจ้าอย่าได้เก็บไปใส่ใจ ลี่เอ๋อร์เพียงแค่ดีใจเกินไป ถึงกระทำการไม่สมควรออกไป”

 

 

จางฟู่กุ้ยเห็นบุตรสาวราวกับคนเสียสติ ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่เหมาะสม จึงเอ่ยปากเอ็ดจางลี่ “เหลวไหลใหญ่แล้ว มีที่ไหนให้แขกไปเข้าครัว หากเรื่องเล็ดลอดออกไป คนอื่นได้หัวเราะเยาะพวกเราไร้มารยาทรับรองแขก”

 

 

จางลี่แลบลิ้นคึกคะนอง กลับไปนั่งบนเก้าอี้

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแก้สถานการณ์ให้นาง “ความจริงข้าก็ชอบขบคิดเรื่องอาหารการกิน หากทั้งสองท่านไม่รังเกียจ ข้าพอจะลงครัวกับแม่นางจางลองทำออกมาได้”

 

 

ฮูหยินจางโบกมือพลัน “แม่นางเมิ่งพูดล้อเล่นแล้ว เจ้าเป็นแขก จะให้เจ้าลงครัวได้อย่างไร”

 

 

จางลี่ได้ฟังถามอย่างดีใจระคนประหลาดใจ “จริงหรือ เจ้าก็ทำอาหารเป็นหรือ?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “พอเป็นบ้าง แต่ไม่เชี่ยวชาญเท่าแม่นางจาง”

 

 

จางลี่ลุกขึ้น แล้วลากเมิ่งเชี่ยนโยวให้ลุกขึ้นตาม พูดอย่างยินดี “เช่นนั้นจะรออะไร พวกเรารีบไปที่ครัวเถอะ”

 

 

จางฟู่กุ้ยกำลังจะเอ็ดบุตรสาว จางลี่ไม่รอให้ใครได้ปริปากพูด ลากเมิ่งเชี่ยนโยวพ้นประตูออกไปแล้ว

 

 

ฮูหยินจางเองก็จนปัญญากับบุตรสาวที่พูดแล้วต้องได้ รีบลุกขึ้นเดินตามหลังไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด