ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 225-1 ฝูงชนต่อต้าน ญาติมิตรหลีกหนี (2)

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 225-1 ฝูงชนต่อต้าน ญาติมิตรหลีกหนี (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บุตรชายหลิวต้าเป่าเห็นอาการเข้าขั้นวิกลจริตของสะใภ้หลิวกุ้ย ตกใจคว้ามือหลิวต้าเป่าไว้แน่น ห่อหดตัวเข้าไปหลบหลังเขา

 

 

หลิวต้าเป่าเจ็บปวดใจยิ่ง ไม่แม้แต่จะสนใจมารดา หมุนตัวพาบุตรชายกลับเข้าไปในห้องตัวเอง

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยโมโหสุดขีด กรีดร้องพ่นเสียงระคายหูดั่งอีกา “หย่ากับนังตัวซวยนั่นเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนี้ไม่ต้องมานับว่าข้าเป็นแม่อีก”

 

 

บุตรชายหลิวต้าเป่ายิ่งให้กลัวตัวสั่น กำมือเขาแน่นกว่าเดิม

 

 

หลิวลี่ราวกับไม่ได้ยินเสียงโหวกเหวกภายในบ้าน ยังคงนอนบนเตียงอย่างเลื่อนลอย ไม่โมโหโกรธเกี้ยวใดๆ

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยร้องโวยวายเสร็จ เห็นสภาพของบุตรสาว กลับไปนั่งข้างเตียงอีกครั้ง ร่ำไห้โศกา “ลูกที่น่าสงสารของแม่ จะทำอย่างไรดี เรื่องการแต่งงานที่น่ายินดีของเจ้าหมดสิ้นแล้ว”

 

 

หลิวกุ้ยได้ยินคำพูดว่าหมดสิ้นแล้วของนาง ให้เกิดความชิงชัง พูดตวาดนาง “หุบปาก ไม่เห็นหรือว่าลี่เอ๋อร์สภาพจิตใจย่ำแย่ ให้นางสงบสติอารมณ์ก่อน”

 

 

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสะใภ้หลิวกุ้ยได้รับแรงกระตุ้นมากเกินไป หรือเพราะความหวังของตนเองไม่เหลือแล้ว ความคับแค้นใจไม่ได้ระบายออก พอได้ยินหลิวกุ้ยตวาดใส่ ไม่เพียงไม่หวาดกลัว กลับสติหลุดอีกครั้ง “ข้าจะพูดเช่นนี้จะทำไม เพราะเจ้าที่ไร้น้ำยา ถูกคนขี่คอถ่ายอุจจาระยังไม่รู้จักตอบโต้…”

 

 

“เพี๊ยะ!” ยังพูดไม่จบ ก็ถูกหลิวกุ้ยตวัดฝ่ามือเข้าให้อย่างจัง

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยถูกตบจนมึน กุมใบหน้ายืนตะลึงค้างอึดใจหนึ่งถึงได้สติกลับมา “ว๊าก” เปล่งเสียงร้องสองมือร่ายรำฟ้อนเล็บใส่หลิวกุ้ย “เจ้ากล้าตบข้า วันนี้ข้าขอสู้ตายกับเจ้า”

 

 

หลิวกุ้ยไม่ทันป้องกันตัว ถูกข่วนเข้าที่ใบหน้า รู้สึกเจ็บแสบร้อนที่ใบหน้าฉับพลัน เพลิงโทสะลุกพรึบ ตวัดฝ่ามือใหญ่ ตบเข้าใส่สะใภ้หลิวกุ้ยไม่ยั้ง

 

 

ทั้งสองตบตีกับอุตลุด

 

 

สาวใช้ที่ยืนอีกด้าน หันหน้ามองกัน ไม่รู้ว่าควรจะเข้าไปแยกพวกเขาออกหรือไม่

 

 

ในที่สุดหลิวลี่ก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง “พรึ่บ” ถลึงตัวลุกขึ้นนั่ง แผดเสียงร้องแหลม “หากพวกท่านยังไม่หยุด ข้าจะตายให้พวกท่านดูเดี๋ยวนี้”

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยได้ยินเสียงนางหยุดมือทันควัน หันกลับไปข้างเตียง พูดอย่างปลื้มปริ่ม “ลี่เอ๋อร์ ในที่สุดเจ้าก็เปิดปากพูดแล้ว”

 

 

หลิวลี่เห็นสภาพใบหน้าบวมครึ่งซีก ผมเผ้ายุ่งเหยิงของนาง ขมวดคิ้วเดียดฉันท์ ทิ้งตัวลงนอนโดยไม่ปริปากอีก

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยก็ไม่ว่าอะไร นั่งพูดพร่ำฟังไม่ได้ศัพท์ “ลี่เอ๋อร์เอ๊ย แม่จะบอกให้นะ เรื่องนี้จะให้จบเช่นนี้ไม่ได้ พอเจ้ากลับไป จะต้องบอกท่านน้าชายเจ้า ให้เขาส่งคนมาฆ่านังสารเลวเมิ่งเชี่ยนโยว”

 

 

หลิวลี่ถลึงตัวลุกพรวดอีกครั้ง “ท่านพูดง่ายดายนัก ข้ามีสภาพเช่นนี้จะกลับไปอย่างไร? หากให้ท่านน้าชายรู้ว่าข้าทำฟันหลุดหนึ่งซี่ การแต่งงานที่เมืองหลวงก็หมดหวังแล้ว พวกเขาจะต้องไล่ข้าออกไปขอทานข้างถนน”

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยตกใจตัวโยน “ลี่เอ๋อร์ เจ้าพูดเพ้อเจ้ออะไร ท่านน้าหญิงปฏิบัติต่อเจ้าเยี่ยงบุตรสาวในไส้ จะทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร”

 

 

หลิวลี่แค่นหัวเราะ พูดเยาะหยัน “ปฏิบัติต่อข้าเยี่ยงบุตรสาวในไส้? นั่นเพราะพวกเขาต้องการใช้ข้าเป็นบันไดสู่ขุนนางใหญ่ หากข้าไม่มีคุณค่าให้หลอกใช้ ท่านคิดว่าพวกเขาจะยังดีต่อข้าเช่นนี้หรือ?”

 

 

“จะเป็นไปได้อย่างไร นางเป็นน้าแท้ๆ ของเจ้านะ?” สะใภ้หลิวกุ้ยเร่งเร้าพูด

 

 

หลิวลี่หัวเราะเหยียดหยัน “น้าแท้ๆ น้องสาวท่านมีธาตุแท้อย่างไรท่านไม่รู้หรือ พวกเขาเสวยสุขบนลาภยศสรรเสริญมานานหลายปี เคยคิดถึงท่านสักนิดหรือไม่ หากไม่เพราะพวกเขาไม่มีบุตรสาว ประจบสอพลอพวกคนเบื้องบนไม่ได้ พวกเขายังจะจำได้หรือว่าข้าเป็นใคร พูดให้น่าฟัง พวกเขาเห็นแก่เครือญาติ ช่วยท่านมารับข้าไปเลี้ยงดู ช่วยหาคู่ครองที่ดีให้ข้า ความจริงข้าเป็นเพียงเครื่องมือให้พวกเขาปีนป่ายให้สูงขึ้นก็เท่านั้น”

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยไม่เชื่อ ส่ายหน้าคลุ้มคลั่ง “ไม่มีทางๆ ท่านน้าเจ้าไม่มีทางทำเช่นนั้น”

 

 

หลิวลี่เบ้ปากเอนตัวลงนอน

 

 

สาวใช้ข้างๆ ได้ฟังคำพูดของหลิวลี่ ตกใจจนไม่กล้าหายใจแรง ห่อหดร่างยืนนิ่ง

 

 

หลิวกุ้ยก็ไม่โมโหแล้ว กุมศีรษะย่อตัวนั่งยองด้วยความเสียใจ

 

 

ด้านนอกเกิดความวุ่นวายโกลาหล หลิวต้าเป่ากลับไม่ว่างแยแส ในตอนนี้กำลังซักถามภรรยาที่ร้องไห้ตาแดงก่ำว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

 

 

สะใภ้หลิวต้าเป่าไม่ได้ตอบ น้ำตาไหลอาบพร่างพรูไม่ขาดสาย

 

 

หลิวต้าเป่าร้อนใจถามบุตรชายตัวเอง

 

 

คนโตอายุได้ห้าขวบแล้ว พูดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ออกมาอย่างไม่ตกหล่น ทั้งบอกหลิวต้าเป่าว่า นี่ไม่ใช่ครั้งสองครั้งที่ท่านย่าร้องด่ามารดาตนเช่นนี้ ทุกครั้งนางจะร้องด่าเป็นนาน

 

 

หลิวต้าเป่าฟังแล้วปวดใจยิ่งนัก ตำหนิภรรยาเหตุใดถึงไม่บอกตนเอง

 

 

สะใภ้หลิวต้าเป่าสะอึกสะอื้นตอบกลับว่า “อย่างไรพวกเขาก็เป็นผู้ใหญ่ ปกติจะด่าว่าบ้างก็ไม่เป็นไร ข้ายังทนได้ แต่วันนี้พวกเขาทำเกินไปแล้ว ด่าว่าข้าสาดเสียเทเสียต่อหน้าคนมากมาย หากไม่เพราะเห็นแก่ที่ลูกทั้งสองยังเด็ก ข้าคงโหม่งศีรษะจบชีวิตไปแล้ว”

 

 

หลิวต้าเป่าตกใจตัวลอย รีบปลอบใจนาง “เจ้าวางใจ มีข้าอยู่ ต่อไปจะไม่ให้เจ้าต้องถูกรังแกอีก”

 

 

สะใภ้หลิวต้าเป่าสะอึกสะอื้นไม่หยุด “ท่านกลับบ้านเดือนละครั้ง จะปกป้องข้าได้อย่างไร กลับจะยิ่งทำให้ท่านแม่ขวางหูขวางตาข้า”

 

 

หลิวต้าเป่าจนใจ ทำได้เพียงปลอบประโลมเสียงแผ่ว

 

 

บุตรชายคนเล็กดึงแขนเขา พูดวิงวอน “ท่านพ่อ พวกเราไม่อยู่บ้านท่านย่าแล้วได้หรือไม่ ข้ากลัว”

 

 

สะใภ้หลิวต้าเป่าได้ยินคำพูดบุตรชายคนเล็ก ให้ขมขื่นทุกข์ตรม ฝืนทนต่อไปไม่ไหว ร่ำไห้น้ำตานองอีกครั้ง

 

 

กลับมาพูดถึงสะใภ้หลิวกุ้ยพอได้ยินคำกล่าวของหลิวลี่ คิดว่าเรื่องมงคลของบุตรสาวจะต้องจบสิ้นเพียงเท่านี้ เพลิงโทสะในใจก็พลุ่งพล่าน กำลังคิดจะหาที่ระบาย เสียงโหยไห้ของสะใภ้หลิวต้าเป่าก็ดังลอยเข้ามากระทบโสตประสาท มวลโทสะอัดแน่นเต็มอกหาที่ระบายออกได้พลัน นางถลึงตัวลุกขึ้น เดินไปหน้าประตูห้องหลิวต้าเป่าอย่างเกรี้ยวกราด ไม่แม้แต่จะเคาะบอก ผลักประตูเดินจังกาเข้าไป ทึ้งผมสะใภ้หลิวต้าเป่าตบเต็มแรงเข้าที่ใบหน้า “วันนี้ข้าจะตีเจ้าให้ตาย ดูว่านังตัวซวยอย่างเจ้ายังจะร้องไห้ได้อีกไหม?”

 

 

สะใภ้หลิวต้าเป่าเจ็บปวด ยื่นมือออกไปคิดจะยื้อผมตัวเองกลับ

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยยิ่งลงมือทวีความดุร้าย “ยังกล้าตอบโต้ข้า วันนี้หากไม่ตีเจ้าให้ตาย ข้าจะเปลี่ยนไปใช้แซ่เจ้า”

 

 

หลิวต้าเป่าตกใจตาค้างกับปฏิกิริยาฉับพลันของนาง หลังจากได้สติกลับมารีบเข้าไปคว้ามือสะใภ้หลิวกุ้ย “ท่านแม่ ปล่อยเดี๋ยวนี้”

 

 

เด็กน้อยสองคนตกใจร้องไห้จ้า

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยที่มีแต่ความเคียดแค้นสุ่มเต็มอก คิดแต่จะตีสะใภ้หลิวต้าเป่าให้ตาย ไฉนเลยจะยอมวางมือ กลับผลักหลิวต้าเป่าออกไปอีกด้าน “ไม่เกี่ยวกับเจ้า ไสหัวไป”

 

 

หลิวต้าเป่าถูกผลักโซซัดโซเซ จิตใจร้อนรน เข้าไปคว้าแขนสะใภ้หลิวกุ้ยอีกครั้ง “ท่านแม่ หากท่านไม่รามือ อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจท่านนะ”

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยหันควับถามกลับอย่างไม่เชื่อ “ต้าเป่า เมื่อครู่เจ้าพูดกับแม่ว่าอย่างไรนะ?”

 

 

หลิวต้าเป่าพูดซ้ำอย่างมีน้ำโห “ข้าบอกว่า หากท่านไม่ปล่อยมือ ข้าจะไม่เกรงใจท่านแล้ว”

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยมองหลิวต้าเป่าอย่างไม่เชื่อ ปล่อยมือที่คว้าสะใภ้หลิวต้าเป่าไว้

 

 

หลิวต้าเป่ารีบเข้าไปปกป้องภรรยาไว้ด้านหลัง เด็กน้อยสองคนก็หวาดผวาเข้าไปหลบด้านหลังเขา

 

 

บุตรชายที่ตัวเองลำบากเลี้ยงดู รักยิ่งกว่าไข่ในหินกลับคิดจะลงไม้ลงมือกับแม่เพื่อภรรยาตัวเอง สะใภ้หลิวกุ้ยปวดร้าวระทมใจ นั่งก้นจ้ำเบ้าไปกับพื้น ร้องไห้ฟูมฟาย “ชีวิตข้าช่างรัดทนนัก มีลูกอกตัญญู พอมีภรรยาก็ลืมแม่ ทั้งจะช่วยนังตัวซวยจัดการแม่ตัวเอง”

 

 

หลิวต้าเป่าไม่ตกหลุมพรางนี้ ไม่เพียงไม่เดินเข้าไปประคองนาง กลับแอ่นอกพูดข่มขู่นาง “หากท่านยังปฏิบัติต่อภรรยาข้าเช่นนี้อีก ข้าจะพาพวกเขาสามคนไปอยู่ในเมือง ไม่กลับมาที่นี่อีก”

 

 

“ไป ไสหัวไปให้หมด แน่จริงก็ไม่ต้องกลับมาอีกเลย” สะใภ้หลิวกุ้ยก็โมโหเลือดขึ้นหน้าแล้ว โพล่งปากร้องคำรามเหมือนคนเสียสติ

 

 

หลิวต้าเป่าก็อวดดีไม่ยอม “ดี ท่านเป็นคนพูดเองนะ ข้าจะพาพวกเขาไปเดี๋ยวนี้ ท่านอย่าได้เสียใจเล่า” พูดจบ หันไปพูดกับภรรยาตนเอง “เจ้าไปเก็บข้าวของ พวกเราจะไปกันเดี๋ยวนี้”

 

 

สะใภ้หลิวต้าเป่าลอบยินดี หยุดร่ำไห้ เดินไปข้างเตียง หยิบห่อผ้าหนังออกมา ลงมือเก็บเสื้อผ้าของตนเองและลูกๆ

 

 

“เจ้าจะไปก็ได้ แต่เอาเงินสองตำลึงที่น้องสาวเจ้าให้เมื่อเช้าคืนมาก่อน” สะใภ้หลิวกุ้ยร้องโวยวาย

 

 

สะใภ้หลิวต้าเป่าหยุดชะงัก หยิบเงินที่เด็กๆ วางไว้บนโต๊ะวางใส่มือหลิวต้าเป่า แล้วเก็บข้าวของต่อ

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยลุกขึ้นพรวด ยื่นมือออกไปหมายจะคว้าเงินมา หลิวต้าเป่ากลับชักมือกลับ “นี่เป็นเงินที่น้องสาวให้เด็กทั้งสองคน ท่านมีสิทธิ์อะไรมาเอาไป?”

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยจับมือเขาไว้ พยายามง้างมือเขาออก “ตอนนี้ลี่เอ๋อร์มีสภาพเช่นนี้แล้ว หากไม่ได้กลับไป ต้องเก็บเงินนี้ไว้ใช้สำรอง จะให้คนเนรคุณอย่างพวกเจ้าเปล่าๆ ได้อย่างไร?”

 

 

หลิวต้าเป่ากำเงินแน่นไม่ยอมปล่อย

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยง้างมือเขาไม่ออก บันดาลโทสะ กัดหมับลงไป

 

 

หลิวต้าเป่าเจ็บเปล่งเสียงร้องดัง “โอ๊ย” แล้วสะบัดแขนโดยอัตโนมัติ ไม่คิดว่าแรงสะบัดจะทำสะใภ้หลิวกุ้ยถอยหลังไปหลายก้าว “ปัง” ศีรษะชนเข้ากับขอบประตู

 

 

สะใภ้หลิวต้าเป่าตกใจมือสั่น หยุดเก็บเสื้อผ้า ใบหน้าหวาดผวามองแม่สามีที่ชนขอบประตูจนมึนงง

 

 

หลิวต้าเป่าไม่คิดว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ เข้าไปถามอย่างเป็นห่วง “ท่านแม่ ท่านไม่เป็นอะไรนะ?”

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยศีรษะกระแทกจนมึนตื้อ ครู่หนึ่งถึงค่อยคลายลง กุมศีรษะตัวเองแผดเสียงกรีดร้อง “ลี่เอ๋อร์เอ๊ย เจ้ารีบมาดู แม่จะถูกคนใจโหดอำมหิตนี้ฆ่าตายแล้ว”

 

 

หลิวลี่ที่นอนซังกะตายเหมือนซากศพอยู่บนเตียง ได้ยินเสียงร้องตะโกนของนาง พูดด้วยความรำคาญ “ตายเสียได้ก็ดี จะได้ไม่ต้องขายหน้าคนอื่นอีก”

 

 

ได้ยินคำพูดของหลิวลี่ สะใภ้หลิวกุ้ยมึนงงกว่าเดิม ไม่ร้องโวยวายแล้ว อ้าปากยืนตะลึงค้างราวกับรูปปั้นก็ไม่ปาน

 

 

สะใภ้หลิวต้าเป่าไม่กล้าเก็บของแล้ว แอบย่องเข้าไปหลบหลังหลิวต้าเป่า

 

 

เสียงชั่วร้ายของหลิวลี่ดังลอยแทรกประตูเข้ามาอีกครั้ง “หากไม่เพราะท่านพูดเพ้อเจ้อเหลวไหล ยุยงให้ข้าไปคิดบัญชีกับเมิ่งเชี่ยนโยว ฟันข้าจะกระแทกหลุดหรือ? ตอนนี้ดีแล้ว งานแต่งงานข้าไม่เหลือแล้ว ท่านดีใจแล้วสิ ข้าขอบอกท่าน พี่ใหญ่ฆ่าท่านดีก็ดี ท่านตายแล้ว พวกเราทั้งครอบครัวจะได้อยู่อย่างสงบสุขเสียที”

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยราวกับคนบ้าใบ้ ไม่ขยับเขยื้อน

 

 

หลิวกุ้ยยังคงกุมขมับนั่งยองไม่มีปฏิกิริยาใดๆ

 

 

อย่างไรก็เป็นมารดาที่ทะนุถนอมเลี้ยงดูตนเองมาจนเติบใหญ่ หลิวต้าเป่าเริ่มทนไม่ไหว คิดจะพูดปลอบใจ อ้าปากร้องตะโกน “ท่านแม่!”

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยถูกปลุกตื่นจากภวังค์ ร้องไห้โหออกมา “ชีวิตข้าช่างอาภัพนัก เลี้ยงคนเนรคุณอย่างพวกเจ้าสองคน…”

 

 

หลิวลี่ยิ่งให้งุ่นง่านใจ ออกคำสั่งสาวใช้ “พวกเจ้าลากตัวนางออกไป ยิ่งไกลยิ่งดี อย่าให้ข้าได้ยินเสียงนางอีก”

 

 

บรรดาสาวใช้หันหน้ามองกัน ไม่มีใครขยับ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด