ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 225-2 ฝูงชนต่อต้าน ญาติมิตรหลีกหนี (2)

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 225-2 ฝูงชนต่อต้าน ญาติมิตรหลีกหนี (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิวลี่ยิ่งเดือดดาล ทะลึ่งพรวดขึ้นมาจากเตียง ใบหน้าโกรธเกรี้ยวบิดเบี้ยวพูดว่า “ทำไม แม้แต่พวกเจ้าก็ไม่เชื่อฟังข้าแล้วเรอะ เชื่อไหมว่าข้าตีพวกเจ้าให้ตายตอนนี้ได้เลย?”

 

 

บรรดาสาวใช้ตกใจตัวสั่นระริก วิ่งออกไปพร้อมกัน ฉุดกระชากลากถูสะใภ้หลิวกุ้ยมายังลานบ้าน

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยไหนเลยจะเชื่อฟังแต่โดยดี ร้องไห้ฟูมฟายก่นด่า

 

 

เสียงเดือดดาลของหลิวลี่ดังลอยออกมา “พวกเจ้าไม่มีสมองหรือไร? อุดปากนางซะ”

 

 

สาวใช้คนหนึ่งหยิบผ้าเช็ดหน้าติดตัวของตัวเอง ยัดอุดปากสะใภ้หลิวกุ้ย สาวใช้อีกสองสามคนพยายามกดแขนที่ดิ้นรนขัดขืนไม่หยุดของนาง

 

 

ไม่มีเสียงร้องอาละวาดของสะใภ้หลิวกุ้ย ลานบ้านเงียบสงบไม่น้อย

 

 

หลิวต้าเป่าบอกให้ภรรยาเก็บของต่อ ตัวเองเดินมาเบื้องหน้าหลิวกุ้ย ถามเขา “ท่านพ่อ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”

 

 

หลิวกุ้ยลุกขึ้นยืน ถอนหายใจยาว เล่าเรื่องที่เดิมคิดจะไปคิดบัญชีกับเมิ่งเชี่ยนโยว ไม่คิดว่ากลับถูกตีจนฉี่ราดกลับมาอย่างไม่ตกหล่นสักคำ ทั้งพูดถึงความเป็นอยู่ตอนที่หลิวลี่ไปอยู่บ้านน้าสาวที่หัวเมือง

 

 

หลิวต้าเป่าได้ฟังกล่าวตำหนิ “ท่านพ่อ ข้าเคยบอกท่านแล้วไม่ใช่หรือ ไม่มีเรื่องอะไรอย่าไปหานาง หากนางร้ายขึ้นมา สามารถคิดวิธีเ**้ยมโหดนับพันมากลั่นแกล้งพวกเราได้ทั้งครอบครัว”

 

 

หลิวกุ้ยก็เสียใจไม่น้อย “พ่อได้ยินว่าน้องสาวเจ้าจะได้แต่งงานไปอยู่เมืองหลวง ดีใจจนขาดสติ นึกว่าจะฉวยโอกาสนี้ให้พวกเขาทั้งครอบครัวได้อดสู ระบายความแค้นในใจออกไป ไม่คิดว่าขโมยไก่ไม่ได้กลับต้องเสียข้าวสารอีกหนึ่งกำมือ ไม่เพียงบ่าวที่น้องสาวเจ้าพามาถูกตีอาการร่อแร่ แม้แต่น้องสาวเจ้าก็ถูกพวกเขาตีจนฟันหักหนึ่งซี่ ตอนนี้งานแต่งงานคงไม่เหลือแล้ว”

 

 

หลิวต้าเป่าขมวดคิ้วมุ่น “น้องสาวถูกตีจนฟันหัก เหตุใดข้าถึงไม่เห็น?”

 

 

“ตอนที่เจ้ามาถึง นางกำลังเสียใจ ไม่พูดไม่จา เจ้าจะเห็นได้อย่างไรว่านางฟันหายไปหนึ่งซี่” หลิวกุ้ยพูดอย่างเจ็บปวดและเสียใจ

 

 

“ข้าจะไปดูน้องสาว” หลิวต้าเป่าพูดจบเดินเข้าไปในบ้าน หลิวกุ้ยก็เดินตามเข้ามา

 

 

หลิวลี่ได้ยินเสียงพูดคุยของหลิวกุ้ย เห็นหลิวต้าเป่าเข้ามา ชำเลืองมองแวบหนึ่ง “ครานี้ท่านดีใจแล้วสิ? ในที่สุดก็ได้เห็นข้าต้องอับอาย”

 

 

ช่วงเวลานี้หลิวต้าเป่าโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก ยืนข้างเตียง พูดด้วยใจจริง “น้องสาว พวกเราเป็นพี่น้องคลานตามกันออกมา ข้าเป็นห่วงเจ้าเสียไม่ว่า จะขบขันเจ้าที่ต้องอับอายได้อย่างไร”

 

 

หลิวลี่แค่นเสียงหึ “เลิกเสแสร้งทำเป็นมีเมตตาได้แล้ว นึกว่าข้าไม่รู้หรือไรว่าท่านเป็นคนเยี่ยงไร ท่านเห็นสภาพน่าสังเวชของข้า มีแต่จะสะใจเสียไม่ว่า”

 

 

หลิวต้าเป่ายกมือขวาขึ้นฟ้าสาบาน “ข้าขอสาบานต่อฟ้า หากข้ามีความคิดจะเยาะหยันเจ้า ขอให้ฟ้าผ่า ไม่ได้ตายดี”

 

 

ชาวบ้านยังคงเชื่อคำสาบาน ได้ยินคำสาบานถึงแก่ชีวิตของหลิวต้าเป่า ปฏิกิริยาของหลิวลี่อ่อนลงหลายส่วน น้ำเสียงไม่ดุดันเหมือนเมื่อครู่แล้ว “พูดมา ท่านเข้ามาด้วยเรื่องอันใด? หากท่านต้องการเงิน ข้าจะไม่ให้ท่านแม้สักอีแปะเดียว”

 

 

หลิวต้าเป่าโบกมือ “ข้ามิได้มาเอาเงิน ข้าจะมาเสนอความคิดหนึ่งให้เจ้า ดูว่าพอจะช่วยเรื่องการแต่งงานของเจ้ากลับมาได้หรือไม่?”

 

 

“ไม่ต้องพยายามแล้ว ต่อให้ท่านมีความคิดเลิศเลอเพียงใด ก็ช่วยข้าไม่ได้ ครั้งนี้ข้าจบสิ้นแล้วจริงๆ” หลิวลี่พูดอย่างทุกข์ระทม

 

 

หลิวต้าเป่าส่ายหน้า “มันก็ไม่แน่ เจ้าฟังพี่ชายก่อน เจ้ากระแทกฟันซี่ไหนหัก?”

 

 

หลิวลี่ตวัดลิ้นในปากรอบหนึ่ง ตอบว่า “เหมือนว่าจะเป็นซี่ในด้านขวา”

 

 

หลิวต้าเป่าให้โล่งอก พูดอย่างยินดี “เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาแล้ว ข้าจะบอกวิธีหนึ่งให้เจ้า รับประกันว่างานแต่งงานเจ้าจะต้องราบรื่น”

 

 

หลิวลี่สะท้อนนัยน์ตามีความหวัง ลุกพรวดขึ้นนั่ง ถามอย่างไม่เชื่อ “ท่านมีวิธีจริงๆ?”

 

 

หลิวต้าเป่าพยักหน้าย่ามใจ

 

 

“มีวิธีอะไร?” หลิวลี่ถามอย่างอดใจรอไม่ไหว

 

 

หลิวกุ้ยมองเขาอย่างใจจดจ่อ

 

 

หลิวต้าเป่าไม่ได้ตอบทันที แต่หยิบกระจกบนโต๊ะ ยื่นให้หลิวลี่ “เจ้าลองพูดกับกระจกดู ดูว่ามองเห็นฟันที่หลุดไปซี่นั้นหรือไม่”

 

 

หลิวลี่ทำตามที่พูด

 

 

“เห็นหรือไม่?” หลิวต้าเป่าถาม

 

 

หลิวลี่พยักหน้า “หากตั้งใจดูก็พอจะมองเห็นบ้าง”

 

 

“เช่นนั้นเจ้าจงอ้าปากให้เล็กลง ดูว่ายังเห็นอีกหรือไม่?” หลิวต้าเป่าพูดอีกครั้ง

 

 

หลิวลี่ทำซ้ำอีกครั้ง พูดด้วยความปิติ “มองไม่เห็นแล้ว”

 

 

หลิวต้าเป่าพยักหน้า พูดอย่างย่ามใจ “ดังนั้นนับตั้งแต่วันนี้ไป เวลาจะพูด ให้เจ้าพยายามอ้าปากให้เล็กลง อย่าหัวเราะเสียงดัง ก็จะไม่มีใครเห็นฟันที่หลุดไปของเจ้า งานแต่งงานของเจ้าก็ไม่สูญสิ้นแล้ว”

 

 

หลิวลี่ลองทำกับกระจกอีกครั้ง พบว่าเป็นอย่างที่หลิวต้าเป่าพูดจริงๆ อ้าปากให้เล็กลง คนอื่นดูไม่ออกเลยว่าฟันหายไปหนึ่งซี่ ดีใจจนเกือบกระโดด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความยินดี “มองไม่เห็นแล้วจริงๆ”

 

 

หลิวกุ้ยก็ดีอกดีใจ “ขอบคุณฟ้าดิน ครานี้ถือว่าช่วยรักษาการแต่งงานลี่เอ๋อร์ได้แล้ว”

 

 

เรื่องร้ายกลายเป็นดี หลิวลี่ให้อารมณ์ดีขึ้นพลัน พูดน้ำเสียงฉอเลาะ “ท่านพ่อ ท่านจะขอบคุณฟ้าดินไปทำไม สมควรต้องขอบคุณพี่ใหญ่ หากไม่เพราะเขาคิดวิธีนี้ได้ ข้าคงจบเห่แล้วจริงๆ”

 

 

 หลิวต้าเป่าโบกมือ “พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน จะขอบคุณข้าไปไย? เจ้าสุขสบาย ภายหน้าพี่ใหญ่จะได้พึ่งพาบุญบารมีเจ้าไปด้วย”

 

 

“แน่นอนอยู่แล้ว ขอเพียงข้าได้แต่งกับขุนนางไปอยู่เมืองหลวง ข้าจะหางานดีๆ สักงานในเมืองหลวง ให้พี่ใหญ่ย้ายไปอยู่ที่นั่นทั้งครอบครัว” หลิวลี่ให้สัญญาอย่างหน้าชื่นตาบาน

 

 

ได้ยินเช่นนี้ หลิวต้าเป่าก็ให้ยินดี พูดว่า “เช่นนั้นข้าต้องขอบใจน้องสาวก่อนแล้ว”

 

 

คนทั้งหมดหัวเราะเฮฮา

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยที่ถูกสาวใช้สองสามคนจับกดมือ เอาผ้าอุดปาก ได้ยินเสียงหัวเราะภายในบ้าน โมโหพยายามสะบัดหลุดออกจากการเกาะกุมของเหล่าสาวใช้ วิ่งถลาเข้าไปในบ้าน สาวใช้ไหนเลยจะกล้าปล่อยมือ ยิ่งจับกุมนางแน่นขึ้น สะใภ้หลิวกุ้ยสะบัดไม่หลุด พ่นเสียงร้องอู้ๆ อี้ๆ หวังจะเรียกร้องความสนใจจากคนในบ้าน จนใจที่ถูกอุดปากไว้ เสียงเบาเกินไป คนในบ้านไม่มีใครได้ยิน

 

 

หลังการหัวเราะ หลิวต้าเป่ากำชับหลิวลี่อย่างจริงจัง “เรื่องที่เจ้ากระแทกจนฟันหลุด พอกลับไปแล้วทางที่ดีอย่าให้ท่านน้าชายและท่านน้าหญิงทราบ”

 

 

หลิวลี่ทำหน้าไม่เข้าใจ “เหตุใดถึงบอกพวกเขาไม่ได้เล่า?”

 

 

หลิวต้าเป่าอธิบาย “เมื่อครู่ท่านพ่อบอกข้าแล้ว ท่านน้าชายและท่านน้าหญิงจัดการแต่งงานให้เจ้าเพื่อประจบขุนนางใหญ่ ให้ได้งานที่ดียิ่งขึ้น หากเจ้าบอกพวกเขาตามความจริง ว่าเจ้าฟันกระแทกหักไปหนึ่งซี่ พวกเขาจะต้องคิดว่าเจ้ามีตำหนิ จะยังปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนเมื่อก่อนหรือ?”

 

 

หลิวลี่เริ่มเป็นกังวล “หากข้าไม่พูด พวกเขามารู้ที่หลังจะทำอย่างไร? พวกเขาจะต้องรู้ว่าข้าตั้งใจปิดบัง จะไล่ข้าออกจากบ้าน ไปเป็นขอทานข้างถนนหรือไม่?”

 

 

“ดังนั้น เรื่องนี้จะมีแต่ฟ้ารู้ ดินรู้ เจ้ารู้ ข้ารู้ ท่านพ่อท่านแม่รู้เท่านั้น จะให้คนอื่นนอกจากนี้รู้ไม่ได้เด็ดขาด เมื่อการแต่งงานของเจ้าถูกกำหนด ข้าวสารกลายเป็นข้าวสวย แม้ว่าพวกเขาจะรู้ก็สายไปแล้ว ไม่ทำอะไรเจ้าหรอก”

 

 

หลิวลี่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “เป็นเช่นนั้นจริงๆ หรือ? เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าทำเช่นนี้ หัวใจโหวงๆ อย่างไรพิกล”

 

 

หลิวต้าเป่าตบหน้าอก “ป๊าปๆ” รับประกัน “วางใจเถอะ เจ้าเชื่อพี่ไม่มีผิดพลาด หลายปีมานี้พี่ไม่ได้อยู่ในเมืองไปวันๆ ประสบการณ์เล็กน้อยพวกนี้ยังพอมีบ้าง”

 

 

หลิวลี่ตัดสินใจไม่ได้ หันไปถามหลิวกุ้ย “ท่านพ่อ ท่านคิดว่าความคิดนี้ของพี่ใหญ่เป็นอย่างไร?”

 

 

หลิวกุ้ยพยักหน้า “พ่อว่าวิธีนี้ของต้าเป่าใช้ได้ เจ้าลองดูเถิด ขอเพียงเจ้าระวังตัว อย่าให้ใครสังเกตเห็น การแต่งงานของเจ้าย่อมไม่มีปัญหา”

 

 

หลิวลี่อยู่ในบ้านถูกตามใจจนไร้สมอง หลังจากไปอยู่หัวเมืองก็ถูกเรียกว่าคุณหนูทั้งวันจนไม่รู้เหนือรู้ใต้ สมองกลวงโง่เขลา ตอนนี้ได้ยินบิดาและพี่ชายตนเองพูดเช่นนี้ ความกังวลใจหายไปสิ้น พยักหน้ายินดี “ได้ ข้าเชื่อพวกท่าน กลับไปจะไม่บอกพวกเขา”

 

 

“ไม่เพียงเท่านั้น เจ้ายังต้องกำชับบ่าวไพร่ของเจ้าให้ดี ห้ามให้พวกเขาพลั้งปากพูดออกมาเด็ดขาด” หลิวต้าเป่ากำชับอีกครั้ง

 

 

หลิวลี่พูดอย่างไม่แยแส “วางใจเถอะ หากให้ท่านน้าชายรู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ขึ้นกับข้า กลับไปพวกเขาจะต้องถูกตีตายทั้งเป็น ดังนั้นต่อให้มอบความกล้าเป็นร้อยให้พวกเขา พวกเขาก็ไม่กล้าพูดเรื่องนี้เด็ดขาด”

 

 

หลิวต้าเป่าพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี ขอเพียงเรื่องไม่รั่วไหล ผ่านไปอีกหนึ่งปี จนเจ้าเข้าสู่วัยปักปิ่น การแต่งงานก็จะถูกกำหนดขึ้น”

 

 

แก้ปัญหาให้หลิวลี่ได้แล้ว หลิวกุ้ยก็ให้โล่งอก กำลังจะพูดบางอย่าง สะใภ้หลิวต้าเป่าก็ถือห่อผ้า พาลูกน้อยเดินออกมา ยืนกล้าๆ กลัวๆ ข้างประตู

 

 

หลิวต้าเป่าเห็นสภาพหวาดกลัวของพวกเขา ให้ทอดถอนใจ หันไปพูดกับหลิวกุ้ย “ท่านพ่อ ไม่ใช่ข้าอกตัญญู จะย้ายไปอยู่ข้างนอกให้ได้ แต่เพราะท่านแม่ทำเกินกว่าเหตุไปจริงๆ ข้ากลัวหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เดือนหน้ากลับมาคงไม่ได้เห็นหน้าพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว”

 

 

ใบหน้าชราของหลิวกุ้ยแดงฝาด พูดว่า “เป็นความรับผิดชอบของพ่อเอง พ่อควบคุมแม่เจ้าไม่ได้ ทำให้พวกเขาต้องทนทุกข์ หากเจ้าต้องการไปจริงๆ ก็ไปเถอะ เมื่อจัดแจงที่อยู่ในเมืองได้เรียบร้อยแล้ว ก็ส่งข่าวบอกพ่อ ยามว่างพ่อจะเข้าไปหาพวกเจ้า”

 

 

หลิวต้าเป่าขอบตารื้น รับคำเสียงเครือ หันหลังเดินออกไป

 

 

หลิวลี่ลงจากเตียงอย่างกระฉับกระเฉง เดินตามหลังเขามายืนเบื้องหน้าสะใภ้หลิวต้าเป่า ดึงปิ่นทองคำด้ามหนึ่งบนศีรษะตัวเองออกมา คว้ามือนางแล้ววางไว้บนฝ่ามือ “พี่สะใภ้ ไม่ได้เจอกันนาน เมื่อครู่ฉุกละหุกลืมให้ของขวัญพบหน้าท่าน ปิ่นทองคำด้ามนี้เป็นเครื่องประดับที่ข้าชอบที่สุด ข้าให้ท่าน”

 

 

สะใภ้หลิวต้าเป่าเห็นท่าทีเปลี่ยนไปฉับพลันของนาง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหน ตกใจเป็นตายก็ไม่รับเครื่องประดับของนาง “ปิ่นทองคำสูงค่า ให้ข้าข้าก็ไม่กล้าใช้ เสียของโดยเปล่า เจ้าเอากลับคืนไปเถอะ”

 

 

หลิวลี่แย้มยิ้มพูด “พี่สะใภ้รังเกียจที่ข้าให้ของขวัญด้อยค่าไปใช่หรือไม่? ท่านก็ทราบดี ข้าเป็นเพียงกาฝาก ของล้ำค่ากว่านี้ข้าเอาออกมาไม่ได้”

 

 

สะใภ้หลิวต้าเป่ายิ่งให้ขนลุกชูชัน พูดอย่างไรก็ไม่ยอมรับไว้

 

 

ทั้งสองปฏิเสธกันไปมา หลิวต้าเป่าต้องพูดเกลี้ยกล่อม “เมื่อน้องสาวตั้งใจจะมอบให้เจ้า เจ้าก็รับไว้เถอะ แต่งงานมานานหลายปี ข้าไม่เคยซื้อเครื่องประดับมีราคาให้เจ้าสักชิ้น ทำเอาพี่สะใภ้ฝ่ายแม่เจ้ามักจะหัวเราะเยาะข้า ครานี้ดีแล้ว เจ้าจงประดับมันยามที่เรากลับไปบ้านแม่เจ้า พี่สะใภ้เจ้าจักต้องอิจฉาจนนอนไม่หลับไปสามวันสามคืน”

 

 

หลิวต้าเป่ากล่าวเช่นนี้แล้ว สะใภ้หลิวต้าเป่าจึงไม่ปฏิเสธอีก กำปิ่นทองคำไว้แน่น “ขอบใจน้องสาว”

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยมองเห็นทุกอย่างจากด้านนอก ตะเกียกตะกายขัดขืนรุนแรงขึ้น

 

 

หลิวลี่ถึงนึกขึ้นได้ว่า ตนเองสั่งสาวใช้ให้ลากมารดาออกไป รีบหันไปโบกมือให้สาวใช้ “ปล่อยตัวฮูหยินชราได้แล้ว”

 

 

สาวใช้รับคำ คลายมือพร้อมกัน

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยได้รับอิสระ ก็พุ่งทยานเข้าหาสะใภ้หลิวต้าเป่าราวกับหัวขบวนรถจักร

 

 

สะใภ้หลิวต้าเป่าเห็นท่าไม่ดี รีบดึงลูกน้อยเข้าไปหลบหลังหลิวต้าเป่า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด