ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 226-3 พบเงื่อนงำ

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 226-3 พบเงื่อนงำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากชะงักอึ้ง เหวินซื่อก็สาวเท้าลงบันไดมายืนตรงหน้านาง ค้อมตัวลง ให้นางได้เห็นใบหน้าตนเอง พูดว่า “ตอนนี้เจ้าจงตั้งใจดูหน้าข้าให้ดี รู้จักข้าหรือไม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพินิจมองใบหน้าเขาอย่างถี่ถ้วน พบว่าแม้จะมองระยะประชิดเช่นนี้รอยบากบนใบหน้าเขากลับไม่เหลือแล้ว ใบหน้านั้นกลับคืนสู่สภาพเดิมทุกประการ พลันคาดเดาจุดประสงค์เขาออก ไม่รอให้เขาเอ่ยปาก ก็สกัดขวางความคิดเขา “ข้าบอกเจ้าได้เลยว่า ข้าให้สูตรนี้กับเจ้าไม่ได้ หากวันใดข้าอับจนหนทาง ยังหวังจะขายสูตรยานี้แลกเงินเล่า”

 

 

เหวินซื่อยืดหลังตรง ร้องอุทาน “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะพูดอะไร”

 

 

“คุณชายใหญ่ ท่าทีละโมบของเจ้าเขียนไว้บนใบหน้าเจ้าหมดแล้ว ข้าอยากแสร้งทำเป็นไม่รู้คงยาก” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด

 

 

เหวินซื่อลูบคลำใบหน้า พูดอย่างกังขา “เด่นชัดเช่นนั้นเลยหรือ”

 

 

หมอชราควบคุมไม่อยู่ หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอีกครั้ง

 

 

เหวินซื่อถึงเข้าใจทั้งหมด พูดโวยวายเสียงดัง “นังตัวดี เจ้าหลอกข้าอีกแล้ว!”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็หัวร่องอหาย

 

 

เหวินซื่อไม่โกรธเคือง หลังจากทุกคนหัวเราะเสร็จ พูดด้วยใบหน้ากระหายอยาก “ครั้งนี้ข้าจะไม่เอาเปล่า เจ้าเสนอราคาเท่าใด ข้าจะให้เจ้าไม่ขาดสักอีแปะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ปัญหามิใช่ที่เงิน ที่นี่มีแต่คนเจ็บทั่วไปเข้ามา เจ้าได้สูตรยาไปก็เปล่าประโยชน์”

 

 

เหวินซื่อหันไปมองหมอชรา หมอชราเข้าใจทันที พูดว่า “แม่นางเมิ่ง พวกเราไปคุยชั้นบนเถอะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองพวกเขาสองคน เห็นพวกเขาทำท่ามีเรื่องดีรออยู่ พยักหน้าพูดว่า “พี่ใหญ่ พวกเราขึ้นไปนั่งสักครู่เถอะ”

 

 

เมิ่งเสียนพยักหน้า

 

 

เหวินซื่อหันหลังกลับขึ้นชั้นบน หมอชราผายมือให้ทั้งสองคนตามขึ้นไปอย่างสุภาพ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่เกรงใจ เดินตามหลังเหวินซื่อขึ้นไป เมิ่งเสียนตามหลังอีกที หมอชราตามขึ้นไปเป็นคนสุดท้าย สั่งกำชับพนักงาน “ไปชงชาชั้นดีมา”

 

 

พนักงานรับคำวิ่งไปชงชา

 

 

ทั้งสี่คนมาถึงชั้นบน ไม่รอให้เหวินซื่อเชิญนั่ง เมิ่งเชี่ยนโยวก็นั่งแหมะบนเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์ ทั้งร้องบอกเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ นั่งเถิด”

 

 

เมิ่งเสียนเห็นนางทำตัวตามสบายราวกับเป็นบ้านตัวเอง หันมองเหวินซื่ออย่างประดักประเดิด

 

 

เหวินซื่อคุ้นชินเสียแล้ว มิได้รู้สึกว่ามีสิ่งใดผิดปกติ เห็นเมิ่งเสียนมองมาที่ตัวเอง จึงเอ่ยปากพูดว่า “น้องเมิ่งเสียนก็นั่งเถอะ ไม่ต้องมีพิธีรีตอง ทำตัวตามสบายเหมือนเป็นบ้านตัวเอง”

 

 

เมิ่งเสียนกล่าวขอบคุณตามมารยาท นั่งบนเก้าอี้อย่างสุภาพ

 

 

หมอชรามายืนด้านข้างเหวินซื่อ

 

 

พนักงานยกน้ำชาขึ้นมา หลังจากรินใส่ถ้วยให้ทุกคนอย่างอ่อนน้อมเสร็จ ก็ถอยหลังลงไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยกถ้วยชาขึ้น เป่าเบาๆ แล้วจิบหนึ่งคำ ถึงพูดกับเหวินซื่อ “พูดมาเถอะ เจ้ามีเรื่องอันใด”

 

 

เหวินซื่อหันสบตาหมอชราแวบหนึ่ง ยกยิ้มพูดว่า “ข้าจะไม่ปิดบังเจ้า สูตรยากำจัดรอยแผลเป็นของเจ้าอาจจะไร้ประโยชน์ที่ตำบลชิงซี แต่ในเมืองหลวงจะมีประโยชน์มหาศาล”

 

 

“จะมีประโยชน์มหาศาลใด หรือว่าที่เมืองหลวงมีคนถูกกรีดใบหน้าทุกวัน” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม

 

 

เหวินซื่อสะอึกเล็กน้อย พูดอย่างไม่พอใจ “เจ้าจะไม่เอ่ยถึงเรื่องไม่ควรเอ่ยได้หรือไม่ ข้าเพียงพลาดพลั้งมีช่องโหว่ให้คนคิดร้ายได้ ข้าขอรับประกันกับเจ้า ภายหน้าจะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะเยาะหยันเขา “นั่นเรียกว่ามีช่องโหว่ให้คนคิดร้ายหรือ นั่นเรียกว่าตั้งใจยื่นมีดให้คนเข้ามาฆ่าตัวเองต่างหากเล่า โชคดีที่น้องชายของเจ้าขลาดเขลากว่าเจ้า ไม่เช่นนั้น เจ้ายังจะมานั่งอยู่เบื้องหน้าข้าเช่นนี้ได้หรือไม่ก็ยังไม่แน่เลย”

 

 

เหวินซื่อไม่โง่ เข้าใจนัยแฝงของนาง โมโหจนเสียงเปลี่ยน “เจ้าจะบอกว่าข้าโง่เขลาเรอะ พูดมาตามตรงก็ได้ ไยต้องอ้อมค้อมไปมา”

 

 

“เจ้ารู้ก็ดี” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดราบเรียบ

 

 

เหวินซื่อสะอึกค้างจนจุก นั่งโมโหฟึดฟัดบนเก้าอี้

 

 

แม้เมิ่งเสียนจะรู้สึกเสียมารยาท แต่เขาไม่รู้เรื่องที่พวกเขาพูดคุยกัน ไม่เหมาะจะพูดปราม ทำได้เพียงยกถ้วยชาขึ้นจิบหนึ่งคำ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างสบายอารมณ์

 

 

เหวินซื่อเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว ไม่ทันไรก็กลับคืนสภาพเดิม พูดว่า “ท่านพี่ฉู่ก็เคยบอกข้าเช่นนี้ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าต่างหวังดีกับข้า ข้ารับประกันกับเจ้า หากครั้งหน้าเขายังลงมือกับข้า ข้าจะไม่ใจอ่อนมีเมตตาอีก”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแค่นเสียงหึเบาๆ มิได้พูดอะไร

 

 

เหวินซื่อมองนางแวบหนึ่ง พูดเรื่องเมื่อครู่ต่อ “เจ้าก็รู้ เหล่าคุณหนูคุณนายในเมืองหลวง เลี่ยงไม่ได้ที่จะได้รับบาดเจ็บจากสิ่งนั้นสิ่งนี้ พวกนางกลัวจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้ มักจะเข้ามาถามร้านยาเต๋อเหรินหลายครั้ง ว่ามียากำจัดรอยแผลเป็นหรือไม่ บอกว่าขอเพียงกำจัดรอยแผลเป็นบนร่างตัวเองได้ ราคาเท่าใดก็ไม่เป็นปัญหา ทว่าหลายปีที่ผ่านมา หมอผลิตยาของร้านยาเต๋อเหรินก็ไม่มีใครคิดค้นออกมาได้ ในเมื่อเจ้ามีสูตรยานี้ ก็ขายให้ข้าเถอะ ข้ายังพูดเช่นเดิม ราคาเท่าใดก็ไม่ใช่ปัญหา”

 

 

“พูดเช่นนี้ หากมียานี้ ก็ทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำนะสิ” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม

 

 

เหวินซื่อพยักหน้า

 

 

“เช่นรอยแผลเป็นบนใบหน้าเจ้า หากรักษาให้เขาได้ พวกเจ้าจะได้เงินเท่าใด” เมิ่งเชี่ยนโยวถามอีก

 

 

เหวินซื่อก็ไม่ปิดบัง “ราคาที่แน่ชัดข้ายังไม่รู้ว่า ทว่าคำนวณจากราคาของพวกเรา น่าจะต้องมีหลายหมื่นตำลึง”

 

 

เมิ่งเสียนเกือบจะสำลักพ่นน้ำชาในปากออกมา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ตกใจถาม “หลายหมื่นตำลึง”

 

 

เหวินซื่อตอบ “ประมาณนั้น ทว่าไม่มีใครมีรอยแผลเป็นใหญ่เช่นนี้ง่ายๆ หรอก ส่วนใหญ่ก็เพียงแผลถลอกถูไถ หรือไม่ก็เป็นแผลเป็นจากการต้องโทษหนัก โดยทั่วไปไม่กี่พันตำลึงก็ได้แล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยววางถ้วยชาในมือลง ลูบคลำคางตัวเองครุ่นคิด พูดว่า “ข้าจะไม่ขายสูตรยาให้เจ้า…”

 

 

เหวินซื่อและหมอชราต่างผิดหวัง

 

 

“ทว่า” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อ “พวกเราร่วมมือกันได้”

 

 

เหวินซื่อได้ยินเริ่มมีความหวัง “ร่วมมืออย่างไร”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่โยกโย้อ้อมค้อม พูดไปตามตรง “ร้านยาเต๋อเหรินของพวกท่านออกยาสมุนไพร ข้าผลิตด้วยตัวเอง ยาที่ผลิตได้ให้พวกท่านเป็นผู้ขาย จะขายเท่าใดข้าไม่ก้าวก่าย ขอเพียงแบ่งกำไรให้ข้าร้อยละยี่สิบจากเงินที่ขายได้ทั้งหมดก็พอ”

 

 

ร้านยาเต๋อเหรินดำเนินกิจการมานาน ไม่เคยกระทำเรื่องเช่นนี้มาก่อน เหวินซื่อและหมอชราหันหน้ามองกัน พูดอย่างลำบากใจ “เกรงว่าจะไม่ได้ พวกเราไม่มีกฎระเบียบนี้”

 

 

“กฎระเบียบเป็นของตาย คนที่ดิ้นได้ ท่านพลิกแพลงหน่อยก็ได้แล้ว” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างไม่อินังขังขอบ

 

 

เหวินซื่อขบคิดครู่หนึ่ง พูดว่า “นี่เป็นเรื่องใหญ่ ข้าตัดสินใจไม่ได้ ข้าต้องเขียนจดหมายปรึกษาท่านปู่ หากเขาเห็นด้วย พวกเราจะร่วมมือกัน หากเขาไม่เห็นด้วย ข้าก็ไม่มีทางเลือก”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มร่าเสนอแผนให้เขา “เจ้าเขียนบอกเขาในจดหมายสิว่า หากเขาไม่เห็นด้วย ข้าจะไปร่วมมือกับคนอื่น ถึงตอนนั้นหากร้านยาอื่นทำกำไรร่ำรวย อยู่เหนือกว่าร้านยาเต๋อเหรินของพวกเจ้า เขาอย่าเสียใจก็แล้วกัน”

 

 

เหวินซื่อทั้งโมโหทั้งขบขัน หัวเราะว่านาง “เจ้าเด็กแสบนี่ ไม่รู้ว่าไปเอาแผนการร้ายๆ มาจากไหนนัก แม้แต่ท่านปู่ข้าเจ้าก็กล้าวางแผน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ยอมรับ “เจ้าใส่ร้ายข้าเกินไปแล้ว ข้าวางแผนเขาที่ไหนกัน ข้ากำลังช่วยพวกเราร่ำรวยต่างหากเล่า ต้องรู้ว่าข้าต้องการเพียงร้อยละยี่สิบเท่านั้น หากข้าจะวางแผนพวกเจ้า ข้าเอาห้าสิบห้าสิบไปแล้ว”

 

 

เหวินซื่อหัวเราะตอบ “ได้ๆๆ เจ้าช่วยพวกเราให้ร่ำรวย เช่นนั้นข้ายังต้องขอบคุณเจ้าด้วยหรือไม่”

 

 

“มิต้องหรอก เพียงแค่หากภายหน้าข้ามีเรื่องตกทุกข์ได้ยาก พวกเจ้าช่วยข้าสักแรงก็พอ” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างหยิ่งทะนง

 

 

คนทั้งหมดหัวเราะเบิกบาน

 

 

เดิมจะเข้ามาซื้อของ ไม่คิดว่าจะได้การค้าโดยบังเอิญ เมิ่งเชี่ยนโยวดีใจหน้าบาน แม้แต่ถ้วยชาในมือก็รู้สึกว่าอร่อยลิ้นกว่าแต่ก่อนมาก

 

 

เมิ่งเสียนยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตื่นเต้นดีใจจนถ้วยชาในมือสั่นไหว

 

 

แม้ปากเหวินซื่อพูดว่าจะเขียนจดหมายปรึกษาท่านปู่ก่อน ความเป็นจริงเขารู้แก่ใจดีว่าท่านปู่จะต้องเห็นด้วย จึงพูดอย่างอดใจรอไม่ไหว “ไม่เช่นนั้นเจ้าเขียนตัวยาที่เจ้าต้องการไว้ก่อน ให้พนักงานไปจัดเตรียม เจ้ากลับไปปรุงออกมาก่อนหนึ่งชุด พอจดหมายของท่านปู่มาถึงพวกเราจะได้ให้คนส่งยากลับไปพอดี”

 

 

“รีบร้อนเช่นนี้เลย หากท่านปู่เจ้าไม่เห็นด้วยจะทำอย่างไร” เมิ่งเชี่ยนโยวจงใจถามเขา

 

 

เหวินซื่อยิ้มพูด “หากท่านปู่ไม่เห็นด้วย ก็ถือว่าขาดทุนให้เด็กแสบอย่างเจ้า ยาสมุนไพรพวกนั้นถือว่าให้เจ้าก็แล้วกัน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวได้ฟังลุกขึ้น พูดเร็วรี่ “เจ้าเป็นคนพูดเองนะ ถึงตอนนั้นเจ้าอย่าได้กลับคำ”

 

 

เป็นครั้งแรกที่เหวินซื่อเห็นนางตาลุกวาวเป็นเงินเป็นทอง หลุดขำพูดว่า “เรื่องเล็กน้อยนี้ข้ายังพอตัดสินใจได้ ข้าพูดคำไหนคำนั้น”

 

 

“ได้ เจ้าให้คนหยิบกระดาษพู่กันมา ข้าจะเขียนให้เจ้านำไปให้พนักงานจัดเตรียม” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด

 

 

เหวินซื่อตะโกนเรียนพนักงาน ให้เขานำกระดาษพู่กันเข้ามาโดยไว

 

 

พนักงานขานรับคำ วิ่งเหยาะนำกระดาษและพู่กันเข้ามา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่เกรงใจ เขียนรายชื่อสมุนไพรเป็นพรวน แล้วมอบให้เหวินซื่อ “นี่เป็นยาทั่วไป เจ้าดูก่อนเถอะ”

 

 

เหวินซื่อรับกระดาษมา มองผ่านๆ หนึ่งรอบ ยิ้มพูดว่า “เจ้าเอาจำนวนมากเช่นนี้ ร้านยาเต๋อเหรินของข้าแทบจะกลวงโบ๋แล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเบ้ปาก “อย่ามาทำเป็นยากไร้หน่อยเลย เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือ เรือนด้านหลังของเจ้ามีโกดังสมุนไพรนับหลายโรง ของหยิบมือแค่นี้หาเทียบได้ไม่”

 

 

เหวินซื่อได้ฟังผวาตกใจถาม “เจ้ารู้ได้อย่างไร ข้าไม่เคยเปิดประตูโกดังต่อหน้าเจ้ามาก่อน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดโยกโย้ลำพองใจ “ไม่บอกหรอก”

 

 

อากัปกิริยานั้นทำคนทั้งห้องหัวเราะครื้นเครง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบพู่กันขึ้น เขียนรายชื่อสมุนไพรบนกระดาษอีกครั้ง มอบให้เหวินซื่อ “นี่เป็นตัวยาที่สำคัญที่สุด ค่อนข้างหายาก ยาที่ข้าปรุงให้เจ้าครั้งก่อน มีเพื่อนมอบให้ข้ามาพอดี ไม่รู้ว่าเจ้าจะหาได้หรือไม่”

 

 

เหวินซื่อรับมา มองดูแวบหนึ่ง ส่งให้หมอชรา “หาได้ยากจริงๆ แต่ร้านยาเต๋อเหรินของพวกเราเรื่องอื่นไม่รู้ แต่เรื่องสมุนไพรพวกเรามีครบถ้วนที่สุด ร้านยาเต๋อเหรินในเมืองหลวงมีจำนวนไม่น้อย รอข้าเขียนจดหมายถึงท่านปู่ จะบอกเขาลงไปด้วย หากเขาเห็นด้วย ให้เขาส่งยานี้มาจำนวนหนึ่ง”

 

 

“เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาแล้ว ยานี้ที่บ้านข้ายังพอมีเหลืออยู่ ข้ากลับไป จะปรุงออกมาให้นำไปทดลองใช้ที่เมืองหลวงก่อนชุดหนึ่ง เมื่อได้เห็นประสิทธิภาพ คนก็จะอยากซื้อหา” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดด้วยความยินดี

 

 

เหวินซื่อพยักหน้า

 

 

ปรึกษาหารือเสร็จ เหวินซื่อถามนางขึ้นอีก “เหตุใดวันนี้เจ้าถึงว่างมาร้านยาเต๋อเหรินได้ เข้าเมืองมาทำธุระหรือ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตบหน้าผากตัวเองหนึ่งที “ข้าดีใจจนเลอะเลือน เจ้าไม่ถามข้าคงลืมไปแล้ว ข้าจะมาถามว่า พวกท่านมีสารส้มหรือไม่”

 

 

“สารส้มมีอยู่ไม่น้อย ทว่าเจ้าจะเอาไปทำสิ่งใด” เหวินซื่อประหลาดใจถาม

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ “ข้าคิดจะทำอาหารชนิดหนึ่ง ไม่มีสารส้มไม่ได้ เมื่อพวกเจ้ามีไม่น้อย ก็ขายให้ข้าจำนวนหนึ่งเถอะ ข้าไม่ไปซื้อร้านยาอื่นแล้ว”

 

 

เหวินซื่อยิ่งให้ประหลาดใจ “ของกินอะไรต้องใช้สารส้ม ของที่ทำออกมาจะกินได้หรือ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถลึงตาใส่ “ย่อมต้องกินได้ ไม่เช่นนั้นข้าจะทำออกมาทำไม”

 

 

เหวินซื่อตกใจลุกลนพูด “ได้ๆๆ เจ้าต้องการเท่าใด ข้าจะให้คนไปเตรียมาให้”

 

 

“เอามาให้ข้าก่อนสิบจินเถอะ ข้าจะกลับไปลองทำดูก่อน หากว่าสำเร็จ เกรงว่าหนึ่งปีเจ้าต้องเตรียมให้ข้าหลายร้อยจิน”

 

 

เหวินซื่อสะดุ้งตกใจ “หนึ่งปีต้องการมากเพียงนั้น เจ้าจะทำสิ่งใดกันแน่”

 

 

“คำสองคำอธิบายได้ไม่ชัดเจน สรุปคือเป็นอาหารที่เลิศรสมากชนิดหนึ่ง รอให้ข้าทำสำเร็จก่อน ข้าจะเอามาให้เจ้าชิมเป็นคนแรก” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด

 

 

เหวินซื่อใคร่รู้ยิ่งนักว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะเอาสารส้มไปทำอาหารใดออกมากันแน่ ได้ฟังก็หยิบพวงกุญแจออกมาวางบนโต๊ะ “เหล่าอวี๋ ท่านจงเป็นคนไปเอาสารส้มสิบจินในโกดังมาให้พวกเขา”

 

 

หมอชราขานรับคำ หยิบกุญแจเดินลงไป ไม่นานก็กลับขึ้นมา หลังจากวางกุญแจคืนบนโต๊ะถึงพูดว่า “แม่นางเมิ่ง ข้าให้พนักงานนำสารส้มไปวางไว้บนรถม้าที่จะส่งสมุนไพรไปให้เจ้าแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณท่านหมอเจ้าคะ”

 

 

หมอชราโบกมือ “นี่เป็นหนึ่งในงานของข้า แม่นางเมิ่งเกรงใจแล้ว”

 

 

“ทั้งหมดราคาเท่าใด” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม

 

 

เหวินซื่อโบกมือ “ข้าบอกแล้ว ต่อไปสมุนไพรที่เจ้าเอาไปจากร้านยาเต๋อเหรินไม่ต้องจ่ายเงิน สารส้มข้ามีมากมาย เจ้าเอาไปใช้ตามใจเถิด”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวดึงดันไม่เห็นด้วย “คนละเรื่องกัน เดิมสมุนไพรมีไว้รักษาโรค ใช้ไม่กี่มากน้อย เจ้าไม่คิดเงินก็ช่าง แต่สารส้มไม่เหมือนกัน ข้านำมาทำของกินขาย แต่ละปีจะใช้ปริมาณไม่น้อย จะให้ข้าได้กำไรส่วนเจ้าขาดทุนได้อย่างไร”

 

 

เหวินซื่อยังคงปฏิเสธ หมอชราพูดเตือนสติ “นายท่าน แม่นางเมิ่งพูดมีเหตุผล พวกเราเก็บเงินนางเถิด” พูดจบหันไปขยิบตาให้เหวินซื่อ

 

 

แม้เหวินซื่อจะไม่เข้าใจ แต่ก็พยักหน้าตกลง “ก็ได้ ประเดี๋ยวให้เหล่าอวี๋คิดว่าเป็นเงินเท่าใด พวกเจ้าจ่ายตอนที่จะไปก็ได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้น “พวกเราจะลงไปตอนนี้ เมื่อซื้อสารส้มได้แล้ว ข้าจะกลับบ้านไปลองทำดู”

 

 

เมิ่งเสียนก็ลุกขึ้นตาม

 

 

เหวินซื่อมิได้ดึงรั้ง ลุกขึ้นลงไปชั้นล่างพร้อมพวกเขา

 

 

หมอชราเดินมาโต๊ะคิดเงิน หยิบลูกคิดมาดีดขึ้นลงคิดคำนวณเงิน แล้วยื่นลูกคิดให้เมิ่งเชี่ยนโยวดู “แม่นางเมิ่ง ทั้งหมดเป็นเงินเท่านี้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวล้วงเงินออกมาจ่าย หลังจากกล่าวลาทั้งสองคนก็กลับไปนั่งบนรถม้าพร้อมเมิ่งเสียน สั่งการเหวินเปียวให้บังคับรถม้ากลับบ้าน

 

 

เหวินเปียวบังคับรถม้ามุ่งหน้ากลับ รถม้าส่งยาของร้านยาเต๋อเหรินตามหลังไป

 

 

กระทั่งรถม้าทั้งสองคันไปไกลแล้ว เหวินซื่อถึงถามหมอชราอย่างกังขา “เหล่าอวี๋ เมื่อครู่ท่านขยิบตาให้ข้าหมายความว่าอย่างไร”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด